นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 109 ค่ายแห่งความตาย ตอนที่ 1

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 109 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

คนอื่น ๆ ที่เหลือของทีมยังคงอยู่ในหมู่บ้านไจแอนท์วูดโดยอยู่ที่โรงแรมเล็ก ๆ แห่งเดียวของหมู่บ้าน ในขณะที่ดราก้อนเมจลีน่า หัวหน้าหมู่บ้าน และริชาร์ดมุ่งหน้าไปยังค่ายแห่งความตาย

ค่ายแห่งความตายของตระกูลอาเครอนตั้งอยู่ในป่าลึกซึ่งมีจุดรวมตัวทั้งหมด 7 จุด ตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านมากที่สุดนั้นอยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 100 กิโลเมตรโดยไม่มีถนนให้เดินทาง แม้ว่าจะมีหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้นำทาง แต่ทั้ง 3 คนก็ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงกว่าจะเดินทางถึงค่าย

 

กลุ่มที่ถูกฝึกฝนอยู่ที่นี่คือวอริเออร์และคลาสอื่น ๆ ที่ใช้ความแข็งแกร่งทางด้านกายภาพเป็นหลัก ริชาร์ดเดินทางผ่านรั้วที่ไม่เป็นระเบียบเข้าไปในค่าย ในนั้นเขามองเห็นกระท่อมทรุดโทรมหลายหลังที่ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อได้ว่านี่คือค่ายฝึกฝนความตายที่มีชื่อเสียงของตระกูลอาเครอน เขาเพิ่งมั่นใจว่ามาถูกที่ก็เมื่อชิลเลอร์ซึ่งเป็นครูฝึกอยู่ที่นี่มายืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

ชิลเลอร์เป็นคนที่มีรูปร่างทั่วไป เขามีผมสั้นที่ดูยุ่งเหยิงเหมือนกับหญ้า ไม่มีเกราะเวทมนตร์และมีเพียงแค่ดาบแขวนอยู่ที่เอวเท่านั้น ปลอกดาบของเขาดูเรียบง่ายและสกปรกทว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่สะอาดสะอ้าน และนอกนั้นก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเขาเลย

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ริชาร์ดรู้สึกเหมือนถูกเข็มแทงขณะที่เขามองไปที่ชายคนนั้นซึ่งยืนอยู่ข้างหน้า แม้กระทั่งการเหล่ตามองเพียงเล็กน้อย ดวงตาของเขาก็ระคายเคืองอย่างรวดเร็วจนเกือบน้ำตาไหล ซึ่งในขณะที่น้ำตากำลังจะไหลนั้น เวทมนตร์ที่อ่อนโยนก็ได้โอบรอบทั้งร่างกายของเขาและบรรเทาความรู้สึกที่เหมือนโดนเข็มทิ่มแทงนั้นลง

 

ลีน่าพูดกับชิลเลอร์ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิลเลอร์ เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรของเจ้า ? เบื่อการจะมีชีวิตอยู่แล้วรึ ?”

 

ชิลเลอร์ยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะที่ท่าทางของเขาผ่อนคลายลง เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่อยากจะเห็นว่าเห็นนายน้อยที่กำลังจะมาเอาตัวนักรบที่ดีที่สุดของข้าไปนั้นเป็นยังไง มาสเตอร์ริชาร์ดมีรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน”

 

ลีน่าพ่นลมหายใจทางจมูกอย่างเย็นชาสองสามครั้ง “แล้วความแข็งแกร่งของนายน้อยเกี่ยวอะไรกับเจ้า ? เจ้าคิดว่าค่ายแห่งความตายนี่เป็นของเจ้าอย่างนั้นรึ ? เจ้าเป็นแค่ผู้ดูแลจัดการที่นี่เท่านั้น หรือเจ้าอยู่ที่นี่มานานเกินไปจนสมองเน่าเปื่อยไปแล้ว ?” คำตำหนิของนางนั้นรุนแรงและตรงไปตรงมาอย่างไม่ไว้หน้าชายคนนี้เลย

 

ออร่าสีดำกระจายวนอยู่รอบใบหน้าของชิลเลอร์ แม้ว่าเขาจะยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ แต่มันก็ดูเหมือนเป็นเพียงความสงบก่อนที่จะเกิดพายุเท่านั้น “แน่ล่ะ นี่คือดินแดนของเอิร์ลโกลิอัท แต่ลีน่า ! ข้าไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”

 

บรรยากาศในตอนนี้คุกรุ่นอย่างรุนแรง ริชาร์ดมองดูทั้งสองคนทะเลาะกันด้วยสีหน้านิ่งเฉยทว่าแสงที่แทบไม่สามารถตรวจจับได้เกือบจะเริ่มส่องประกายภายใต้เสื้อคลุมของเขา เขาได้เตรียมคำสาปไว้แล้วแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีประโยชน์มากเพียงใดในการต่อสู้ระหว่างสองคนนี้

 

จู่ ๆ ลีน่าก็หัวเราะออกมาอย่างดัดจริต “ตัวข้าเป็นแค่เมจ ข้าจะไปเทียบชั้นกับชาโดว์การ์ดอย่างเจ้าได้ยังไงกัน ? หรือว่าข้าควรจะสลับตัวกับคนอื่นดีล่ะ ? เจ้าต้องการคนไหน ? อย่างเจ้าคงจะไม่กล้าสู้กับเดวิลคิง (ราชาปีศาจ) มอร์เดร็ดแน่นอน แล้วถ้าเป็นไบแฟงหรืออซิริสล่ะ ? หรือว่าจะเป็นคู่หูเคย์เลนและเคย์ดี ? หรือบางทีเจ้าอาจจะอยากให้พวกเราทั้งหมดมาหาเจ้าพร้อม ๆ กัน…”

 

ชิลเลอร์พ่นลมหายใจก่อนที่สีหน้าของเขาจะยิ่งมืดมัวลงไปอีก เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรเพิ่มแต่ก็ตัดสินใจเก็บไว้ในที่สุด อัศวินทั้ง 13 คนของกาตอนอาจไม่ใช่คนที่แข่งแกร่งมากที่สุดในด้านของการสู้ตัวต่อตัว แต่พวกเขาจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ถ้าวัดกันเพียงในด้านการสู้ตัวต่อตัวนั้น อัศวินของกาตอนมากกว่าครึ่งคงสู้ชิลเลอร์ไม่ได้ แต่หากว่าเกิดการร่วมมือกัน 2 คนในพวกเขาขึ้นมา พวกเขาก็สามารถเอาชนะชิลเลอร์ได้อย่างง่ายดาย และความหยิ่งยโสของลีน่ายังหมายถึงอีกเรื่องหนึ่งด้วยนั่นก็คือหลายคนใน 13 คนเป็นแม่ทัพที่สามารถนำกองทัพได้และสถานะของพวกเขาแตกต่างจากชิลเลอร์โดยสิ้นเชิง นางไม่จำเป็นต้องสู้กับชาโดว์การ์ดตัวต่อตัวเพื่อให้รู้ว่าใครเก่งกาจกว่ากัน

 

ลีน่าถอนท่าทางเย่อหยิ่งของนางทั้งหมดโดยทันทีและพูดอย่างเคร่งขรึม “ชิลเลอร์ ข้าจะบอกอะไรเจ้าอย่างหนึ่งเพราะเห็นแก่เอิร์ลโกลิอัท ข้าขออย่างจริงใจให้เจ้าหยุดกลอุบายทุกอย่างซะ อาเครอนทุกคนนอกเหนือจากมาร์ควิสเซารอนได้เห็นพ้องกันเรื่องนายน้อยริชาร์ดแล้ว หากเจ้าทำให้แผนการของเขาล่าช้าล่ะก็ เอิร์ลโกลิอัทน่าจะเป็นคนแรกที่มาจัดการกับเจ้าด้วยตัวเขาเอง”

 

แววตาของชิลเชอร์ส่องแสงวาบขณะที่เขามองลีน่าอย่างจริงจัง ดราก้อนเมจนั้นสงบนิ่งและใจเย็น ทว่าเขากลับมองเขาลึกเข้าไปในดวงตา ในที่สุดเขาก็หันกลับมามองริชาร์ดก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “เอาล่ะ มาสเตอร์ริชาร์ด ได้โปรดตามข้ามา ข้าหวังว่าท่านจะเจอตัวเลือกที่เหมาะสม”

 

“ข้าจะพาท่านไปชมค่ายเล็ก ๆ ของเราก่อน เพื่อที่ท่านจะได้เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่นักรบผู้กล้าหาญอาศัยอยู่ได้ดียิ่งขึ้น”

 

ริชาร์ดเดินเข้าไปในกระท่อมที่ใหญ่ที่สุดตามการนำทาง

ของชิลเลอร์ เขาทำหน้าเหยเกทันทีเมื่อได้กลิ่นอันแหลมคมที่ทำร้ายการสูดดมของเขา กระท่อมนี้มีขนาดใหญ่ แต่เมื่อคน 30 คนอัดกันเข้าไปในนั้นก็ทำให้มีพื้นที่ว่างเหลือน้อยเสียเหลือเกิน ในห้องไม่มีเตียงนอน มีเพียงฟูกนอนวางอยู่บนพื้นกระจายกันออกไปโดยเว้นที่ว่างให้คนหนึ่งคนสามารถเดินผ่านตรงกลางได้พอดี คนรูปร่างเหี้ยมโหดตัวใหญ่หลายคนเปลือยเปล่าอยู่บนพื้นอย่างไม่เป็นระเบียบ พวกเขาไม่สามารถปกปิดออร่าอันป่าเถื่อนและดุร้ายได้

 

ภายในกระท่อมไม้มีชายที่ดูดุร้ายป่าเถื่อนหลายคนกำลังขืนใจหญิงสาวอยู่ ซึ่งหญิงสาวคนนั้นมีกล้ามเนื้อเหมือนกับพวกเขาและดูเหมือนจะเป็นสมาชิกอยู่ในค่ายนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่แข็งแรงพอที่จะหลีกเลี่ยงการตกเป็นของเล่นของคนป่าเถื่อนเหล่านั้นได้อยู่ดี หญิงสาวอีกคนกำลังต่อสู้กับชายร่างใหญ่ในพื้นที่คับแคบ และผลของการพ่ายแพ้นั้นก็เป็นสิ่งที่ชัดเจน

 

เมื่อเห็นริชาร์ดและโดยเฉพาะอย่างยิ่งลีน่าที่มีเสน่ห์ยั่วยวนเดินเข้าไป พวกคนป่าเถื่อนที่นอนอยู่บนพื้นก็ยืนขึ้นทันที ดวงตาของพวกเขาจ้องมองลีน่าด้วยแววตาเร่าร้อน

 

ทว่าลีน่าไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองอะไรแต่กลับส่งจูบให้พวกเขาแทน นี่เป็นเหมือนการราดน้ำมันลงในกองไฟ หลังการกระทำนั้นของนาง หลายคนก็ระเบิดเสียงโห่ร้องขึ้นและมากกว่าครึ่งของคนเหล่านั้นได้ลุกยืนขึ้นมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแววตาพวกเขาจะลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแต่ทุกคนยังคงยืนนิ่งอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เพราะไม่ว่าอย่างไรการที่ทั้งสองมาที่นี่นั้นถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

 

นอกจากนี้ท่าทางของพวกเขาทั้งหมดก็เคร่งขรึมขึ้นเมื่อเห็นว่าชิลเลอร์ก็เดินเข้ามาด้วย นั่นทำให้กลุ่มที่มีจิตสังหารบางกลุ่มเริ่มล่าถอยออกไป

 

ริชาร์ดยืนนิ่งเงียบอยู่ที่ประตูและกวาดสายตามองไปในห้อง ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว” พูดจบเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปโดยไม่รอคำตอบจากลีน่าหรือชิลเลอร์เลย

 

หลังออกมาจากกระท่อม ริชาร์ดเดินไปตรงกลางของค่ายและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนโดยไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องดูอีกต่อไป เหล่าคนป่าเถื่อนในกระท่อมนั้นล้วนเป็นเพียงแค่วอริเออร์ระดับ 7–8 ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากความเถื่อนแล้ว พวกเขายังไม่ได้มีความสามารถพิเศษใด ๆ เลย เพียงแค่จะพาพวกเขาไปอีกเพลนด้วยก็เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรแล้ว ดังนั้นเรื่องการใช้สัญญาเชื่อมวิญญาณกับพวกเขาก็ลืมไปได้เลย

ริชาร์ดเงยขึ้น เขามองเห็นดวงจันทร์ดวงที่ 5 ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นดวงจันทร์ดวงหนึ่ง… ดวงจันทร์ที่มีสีม่วงซึ่งเป็นตัวแทนความโกรธที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งอลูเซีย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด