นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 2 ตอนที่ 146 ดักซุ่ม
เล่ม 2 ตอนที่ 146 ดักซุ่ม
การต่อสู้ภายในคฤหาสน์สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและการต่อสู้บริเวณรอบนอกก็ใกล้จะสิ้นสุดแล้วเช่นกัน ผู้หญิงและเด็กถูกต้อนไปยังโถงด้านข้างขณะที่เหล่าทหารที่ยอมจํานน ถูกจับขังไว้ตามห้องต่างๆถ้าหากมีใครสักคนพยายามทําเรื่องโง่เขลาในตอนนี้ คนผู้นั้นก็จะได้ประจักษ์กับความจริงที่ว่า เมื่ออยู่ในห้องปิดตายไม่มีอะไรที่เปลวไฟจะจัดการไม่ได้
ช่วงเวลานี้เองที่ริชาร์ดตัดสินใจก้าวเข้าไปภายในคฤหาสน์ การต่อสู้ระยะประชิดนั้นอันตรายมากเกินไปสําหรับเมจอย่างเขา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในระดับปัจจุบันของเขา ทันทีที่เข้ามาในตัวคฤหาสน์เขาก็รีบเค้นสมองเรียกใช้อบิลิตี้เพื่อติดตามค้นหา แร็พเตอร์ทั้ง 3 ตัวและทําการตรวจสอบว่าพวกมันยังมีพลังเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด ซึ่งเขาก็พบว่าทั้ง 3 ตัวยังคงแข็งแรงดีและมีพลังงานเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง ดังนั้นแม้ว่าพวกมันจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้างแต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังคงเป็นที่น่าพอใจ เขาสั่งให้พวกมันค้นหาทหารที่ซ่อนตัวอยู่และพาตัวคนของเขาออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย มีคําพูดเปรียบเปรยว่า “อสูรที่ตายยังสามารถตามหามาทดแทนได้ แต่สําหรับ“ไนท์ของเขา” นั้น คําพูดนี้ไม่สามารถใช้ได้อย่างแน่นอน
ในห้องโถงด้านข้างมีผู้หญิงที่ถูกต้อนมารวมกันไม่ต่ํากว่า 7 คน และเด็กอีก 7-8 คน ทุกคนต่างนั่งคู่ตัวกอดเข่าและเกาะอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ลักษณะท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลายคนในนั้นสะดุ้งตกใจเมื่อศัตรูปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน แต่พวกเขาทุกคนก็ทําได้แค่มองดูผู้มาเยือนเหล่านั้นด้วยแววตาที่ดูสิ้นหวังและยอมจํานน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งที่ตามติดมากับเหล่าทหารทําให้หญิงสาวสองสามคนหน้ามืดวิงเวียนจนแทบหมดสติไป แต่พวกนางก็พยายามฝืนทนไว้
ริชาร์ดเริ่มเดินสํารวจโดยเดินวนไปมารอบๆ บริเวณที่กลุ่มเชลย ผู้หญิงและเด็กรวมตัวกันอยู่ โดยพยายามเดินให้อยู่ในรัศมีที่พวกนางจะมองเห็นตัวเขาได้ พร้อมทั้งสังเกตและจดจําปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละคนไปด้วย และไม่นานนักเขาก็พูดขึ้น “หากมีใครที่อยู่ที่นี่สามารถชี้ตัวภรรยาหรือลูกของโคโจได้ ก็จะได้รับการปล่อยตัวทันที”
ในตอนแรกหญิงสาวเหล่านั้นยังคงนั่งนิ่งเงียบทว่าออร่าอันชั่วร้ายในแววตาของวายร้ายเหล่านี้และหยดเลือดสดใหม่ที่ยังคงไหลจากอาวุธของพวกเขาเป็นเครื่องย้ําเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากพวกนางไม่ได้ออกไปจากสถานที่สุดอันตรายนี้
ทันใดนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนที่น่ากลัวก็ดังก้องไปทั่วทั้งอาคาร ซึ่งสร้างความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจของผู้คนที่อยู่ที่นี่ หญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายชาวไร่คนหนึ่งกระโดดลุกขึ้นยืนทันทีและชี้ไปยังหญิงผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนั้นแล้วตะโกนขึ้น “นั่น ! หญิงคนนั้น ! นางเป็นภรรยาของโคโจ”
“คนชั้นต่ํา ! เจ้าจะถูกโบยจนตาย !” หญิงผู้ถูกชี้ตัวกรีดร้องเสียงแหลม น้ําเสียงสั่นเครือของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และโกรธแค้น
เมื่อมีคนเริ่มพูดขึ้น หญิงสาวที่เหลือก็รีบพูดตามจนในที่สุดพวกนางก็เริ่มแย่งกันพูด ความกลัวเพียงอย่างเดียวของพวกนางในตอนนี้ก็คือ กลัวว่าคนอื่น ๆ จะชิงเอ่ยชื่อ “ผู้เป็นที่ต้องการตัว” ออกมาก่อนพวกนาง “นั่น ! เด็กคนนั้นคือลูกชายของ โคโจ! ส่วนยัยแม่มดนั่นคือนางบําเรอของเขา !”
สมาชิกในครอบครัวของโคโจทุกคนถูกชี้ตัวจนครบในชั่วพริบตา เขามีภรรยา 1 คน นางบําเรอ 2 คน และลูกชายกับลูกสาวอย่างละคน ริชาร์ดโบกมือให้กับเหล่าหญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายชาวไร่ “ดีมาก พวกเจ้าออกไปได้”
หญิงสาวเหล่านั้นเดินตัวสั่นเทาไปที่ประตูอย่างช้า ๆ ทว่า เมื่อพวกนางเห็นว่าไม่มีใครแสดงท่าที่ใส่ใจพวกนางมากนัก ทั้งหมดจึงรีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมทั้งกรีดร้องเสียงดังไปด้วย
“โอล่า พาคนไปกับเจ้า 2 คน แล้วพาสุภาพสตรีที่น่าเคารพเหล่านี้ไปเดินเล่น” ริชาร์ดบอกบาร์ดหนุ่มแล้วหันไปพูดกับภรรยาและนางบําเรอของโคโจ “ช่วยพาเขาไปหาของสะสมของไนท์ผู้นั้นด้วยนะ คุณผู้หญิง!”
“ความปรารถนาของท่านคือคําบัญชาของข้า มาสเตอร์!” โอล่า ตอบริชาร์ดอย่างสุภาพ ภูมิหลังที่โชกโชนของเขาเต็มไปด้วยความมั่งคั่งและกว้างขวางซึ่งช่วยทําให้เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้และรู้ดีที่สุดว่าควรจะทําอย่างไร ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการ “ยึด” ของสะสมของโคโจ
“เจ้ามีเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น !” ริชาร์ดเตือนเอลฟ์หนุ่มที่กําลังแสดงอาการลิงโลดออกมาทางสายตา
“ย่อมได้ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจําเป็นต้องใช้วิธีการที่ไร้คุณธรรมสักหน่อย” โอล่าตอบ
“นั่นก็แล้วแต่เจ้า !” ริชาร์ดโบกมือเป็นสัญญาณบอกให้เขาไปได้ และโอล่าก็พาไนท์ 2 คนไปกับเขา เขาดึงตัวภรรยาและนางบําเรอของโคโจขึ้นมาจากตําแหน่งที่พวกนางนั่งอยู่และพาเดินขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์
และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ โอล่าสามารถกวาดสมบัติของโคโจได้ภายใน 10 นาทีตามคําสั่งที่เขาได้รับ สิ่งที่ได้มามีทั้งทองคํา อัญมณี และโลหะล้ําค่าโดยทุกๆอย่างมีมูลค่ารวมกว่า 5,000 เหรียญทอง ซึ่งจํานวนสิ่งของทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม โอล่ายังสามารถยึดเอาสมบัติล้ําค่าที่ริชาร์ดคาดไม่ถึงมาได้อีกชิ้นหนึ่ง มันคือกล่องหรูหราที่บรรจุคริสตัสมานาขนาดเท่ากับนิ้วมือจํานวน 3 ก้อน เมื่อพิจารณาดูแล้วริชาร์ดพบว่าคริสตัลเหล่านั้นมีประโยชน์มากจริงๆมันสามารถนํามาใช้สร้างอุปกรณ์ลงอาคมหรือสร้างโพชั่นได้ และยิ่งไปกว่านั้น คริสตัลมานายังสามารถใช้เป็นพลังในการสร้างวงเวทย์ได้อีกด้วย
คริสตัลเหล่านี้มีหน้าตาและมีโครงสร้างภายในเหมือนครัสตัลที่ริชาร์ดคุ้นเคย นั่นแสดงให้เห็นว่ามานาทํางานในลักษณะเดียวกันกับที่นัวแลนด์ ซึ่งนั่นก็เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าที่นี่มีแหล่งแร่และเรื่องนี้ ก็นับเป็นข่าวดีสําหรับเมจอย่างเขา
เขารู้สึกได้ว่าสีหน้าท่าทางการแสดงออกของหญิงสาว 3 คนของโคโจนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางบําเรอที่สวยที่สุดของโคโจ เห็นได้ชัดว่าโอล่าหว่านเสน่ห์ใส่พวกนางและผลลัพธ์ที่ได้ก็เรียกได้ว่าดีเกินคาด !
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นริชาร์ดก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายังคงเฝ้าสังเกตเวลาและมอบหมายภารกิจต่อไปให้เหล่าผู้ใต้บัญชาการ เขายัดเชลยผู้หญิงและเด็กเข้าไปในรถม้า 2 คันและสั่งให้คนพาพวกเขากลับไปที่ฐาน ในเวลาเดียวกันผู้แปรพักต์ 5 คนก็นําทางกลุ่มคนและทหารที่ยอมจํานนจํานวน 20 คนไปซุ่มโจมตีกองกําลังเสริมที่จะมาจากค่ายฝึกฝน
ริชาร์ดมองไปยังหอสังเกตการณ์ของคฤหาสน์ก่อนออกเดินทาง และให้สัญญาณสั่งให้จุดไฟ! กลุ่มควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อคฤหาสน์ใหญ่โตทั้งหลังกลายเป็นคบไฟขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากระยะไกลกว่า 10 กิโลเมตร กลุ่มควันเหล่านี้จะเป็นสัญญาณที่บอกว่าผู้บุกรุกได้ถอยทัพกลับไปแล้ว ซึ่งเป็นการทําให้กําลังเสริมจากโจเว่นหรือที่อื่นๆสับสน
ผู้แปรพักต์ปักหลักซุ่มโจมตีอยู่ตรงพื้นที่บริเวณหนึ่งที่อยู่ระหว่างเส้นทางจากค่ายฝึกฝนมายังคฤหาสน์ พวกเขาเตรียมความพร้อมและวางแผนการอย่างรัดกุมและในตอนนี้พวกเขาก็ประสบความสําเร็จแล้วโดยการจับทหารม้ามากกว่า 10 คนและทหารราบอีก 20 คนจากค่ายฝึกฝนได้
ตอนนี้กลุ่มทหารต่อสู้ภายใต้คําสั่งของริชาร์ดประกอบไปด้วยทหารที่ยอมจํานนกลุ่มใหม่ที่ติดอาวุธครบมือ โอเกอร์ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังพร้อมด้วยไนท์ ส่วนแร็พเตอร์ทั้ง 3 ตัวให้คอยซุ่มอยู่ไม่ไกล เพื่อเตรียมพร้อมโจมตีศัตรูจากทางด้านหลัง
กําลังเสริมเหล่านี้ไม่มีในท์ที่ทรงพลังเหมือนกองทัพที่มีโคโจเป็น ผู้นําทัพในตอนแรก อีกทั้งพวกกองกําลังเสริมนี้ก็ถูกจู่โจมอย่างฉับพลันด้วยจึงพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย พวกนี้พ่ายแพ้ โดยที่ริชาร์ดยังไม่ได้ใช้เวทมนตร์เลยด้วยซ้ํา! กองกําลังของเขา กวาดล้างพื้นที่ได้อย่างสบายๆ ก่อนเคลื่อนพลไปยังจุดซุ่มโจมตีจุดถัดไป และในครั้งนี้เป้าหมายเป็นกลุ่มผู้คุ้มกันของเมืองโจเว่น
การซุ่มโจมตีครั้งนี้ยากกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย นอกเหนือจากผู้คุ้มกันแล้วยังมีนักเดินทางอีกมากกว่า 10 คนด้วย เมจชราระดับ 5 ได้แสดงพลังของเขาโดยการยิงไฟร์บอลใส่กองกําลังของริชาร์ด อย่างไรก็ตามนั้นทําให้เขากลายเป็นเป้าหมายในการสังหารไปในทันที และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จบชีวิตลงด้วยลูกธนูของโอล่าที่ถูกยิงออกมาแทงทะลุอกของเขา
ในท้ายที่สุด กองกําลังของริชาร์ดก็สูญเสียทหารแปรพักต์ไปแค่ 2 คนเท่านั้นและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 คนในขณะที่ฝ่ายศัตรูถูกทําลายไปจนหมด ซึ่งความเสียหายของกองกําลังทั้งหมดนั้น เป็นผลมาจากการร่ายคาถาของเมจชรา อย่างไรก็ตาม ด้วยเวทมนตร์สําหรับการรักษาของโฟลว์แซนด์ทําให้ผู้ที่บาดเจ็บต้องการเวลาพักผ่อนเพียงแค่ 10 วันเท่านั้นแล้วพวกเขาก็จะสามารถเข้าสู่สนามรบได้อีกครั้ง ส่วนผลดีอีกอย่างหนึ่งที่ได้มาคือด้วย ความจริงที่ว่า “พวกเขาได้รับการรักษาแล้ว” ช่วยเพิ่มขวัญกําลังใจให้กับเหล่านั้นทหารที่ยอมจํานนได้เป็นอย่างดี
ด้วยการโจมตี 1 ครั้งและการซุ่มโจมตีอีก 2 ครั้งได้ทําลายล้างพลังอํานาจที่เหลือทั้งหมดของโคโจได้อย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ในคืนนี้ คืนที่ดินแดนของเขาเป็นเสมือนหญิงสาวที่ถูกฉีกทิ้งเสื้อผ้าและกําลังจะถูกข่มขืน รวมถึงเมืองของเขาที่ถูกปล้นสะดมเอาตามอําเภอใจ
นอกเหนือจากสมบัติแล้ว ริชาร์ดก็ได้ทหารใหม่เพิ่มมาอีกกว่า 30 คน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดมาพร้อมกับชุดเกราะจากค่ายฝึกฝน นอกจากนี้เขายังได้มาศึกมาอีกกว่า 20 ตัวด้วย ซึ่งนั่นทําให้เขาสามารถสร้างกองทหารม้าของเขาเองขึ้นมาได้
พวกเขาเคลื่อนพลไปยังโจเว่นในตอนรุ่งสางโดยที่โอเกอร์ทั้งสอง และแร็พเตอร์ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเมืองแตกตื่น หากได้เห็นรูปลักษณ์ของพวกมัน
“ศัตรูโจมตี !”
“ท่านลอร์ด มันเป็นปีศาจมาจากเพลนอื่น !”
“เร็วเข้า !ไปตามคนมาช่วย !”
ท่ามกลางเสียงร้องอึกทึกครึกโครมมากมาย เสียงของความวุ่นวาย และเสียงตะโกนเดือนนั้น มีเสียงร้องไห้คร่ําครวญของโศกนาฏกรรมดังแทรกขึ้นเป็นระยะๆกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ ส่วนต่างๆ และผู้คุ้มกันคนใดที่กล้าพุ่งเข้าหากองกําลังของริชาร์ดจะถูกคมดาบฟันจนตายภายในไม่กี่วินาที เหล่าไนท์ของเขาเป็นทหารที่เฉลียวฉลาดรอบรู้ มีความสามารถ ช่างสังเกต และระมัดระวังศัตรูได้อย่างเก่งกาจ อีกทั้งยังสามารถต่อสู้ได้ดีทั้งบนหลังม้าและบนพื้นดิน
ในที่สุด นอกเหนือจากคนโง่เขลาไม่กี่คนแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าหาญพอจะออกมาท้าทายความตายอีก อาคารบ้านเรือนทุกหลังปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา ผู้คนทั้งหมดต่างซ่อนตัวอยู่หลังบานประตูโดยยังคอยเงี่ยหูฟังขณะพ่นลมหายใจที่แผ่วเบา พวกเขาหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจเสียงดัง
ริชาร์ดเคลื่อนตัวไปกับม้าศึกของเขาโดยค่อยๆเดินขึ้นไปยังลานกว้างที่ว่างเปล่าบริเวณใจกลางเมือง จุดนี้เป็นศูนย์กลางของเมืองเล็กๆเมืองนี้ ในระหว่างนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง “นายกเทศมนตรีของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ?”
เสียงของริชาร์ดไม่ได้ดังเท่าไหร่นักทว่าด้วยความเงียบกริบในวินาทีนั้นทําให้คําพูดของเขาก้องกระจายออกไปในระยะไกล และหลังจากนั้นเพียงชั่วครู่เดียวประตูหน้าของอาคาร 2 ชั้นหลังหนึ่งก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นนายกเทศมนตรีผู้มีอํานาจสูงสุดในเมืองก้าวออกมาจากด้านใน เขายืนประจัญหน้ากับริชาร์ดที่อยู่บนหลังม้าและรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วเอ่ยถามขึ้น “ท่านลอร์ด”ข้าคือนายกเทศมนตรีของโจเว่น ข้าขอถาม… สิ่งใดนำพาท่านมาที่นี่และสิ่งที่ท่านต้องการคืออะไร ? ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนองความต้องการของท่าน แต่ข้ามีคําขอเล็กๆ เพียงข้อเดียวเท่านั้น ได้โปรดหยุดการสังหารหมู่ด้วยเถอะ !”
*ลอร์ด” = เป็นคําเรียกเพื่อให้เกียรติคล้าย ๆ กับคําว่า “ใต้เท้า”
ชาวเมืองต่างก็พูดพึมพําตามเสียงของนายกเทศมนตรี พวกเขารวมตัวกันในลานกว้างที่ว่างเปล่าแห่งนั้น ซากศพบางส่วนยังคงเกลื่อนอยู่บนพื้นและเลือดก็แทบจะยังไม่จับตัวกันเป็นก้อน ในตอนนี้พวกมันกําลังส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วด้วยการพัดพาของสายลมในยามเช้า
ริชาร์ดมองดูฝูงชนที่รวมตัวกันก่อนประกาศเสียงดัง “ไม่ต้องมาพูดหรือร้องขออะไรให้เยิ่นเย้อ จงจําไว้ว่าใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนของข้าจะถูกสังหารทันที ข้าจะไม่เจรจาอะไรทั้งนั้น”
คอมเม้นต์