นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 2 ตอนที่ 120 เคราะห์ร้าย ตอนที่ 3

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 120 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ไนท์ทั้ง 4 ที่อยู่ตรงหน้าก่อนหน้านี้หายไปแล้วโดยไปรับมือกับวอริเออร์ของอีกฝ่ายที่รอดมาจากการจู่โจมของหมู่ป่าได้ ซึ่งทำให้ในเวลานี้มีเพียงโฟลว์แซนด์คนเดียวเท่านั้นที่ยังคอยสนับสนุนริชาร์ด

 

ยังไม่ทันที่ริชาร์ดจะได้เอ่ยปากขอบคุณสำหรับพรของโฟลว์แซนด์ วอริเออร์ 3 คนก็เข้ามาล้อมพวกเขาไว้ พวกเขารู้ดีว่าจะเป็นการที่ดีที่สุดหากเขาพุ่งเข้าหาเมจในแนวตรง แน่นอนว่าริชาร์ดไม่สามารถที่จะออกจากศัตรูที่รายล้อมจำนวนมากนี้ได้ ไนท์ของริชาร์ดเองก็ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนไม่พอที่จะสู้กับทหารของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป

 

ริชาร์ดพยายามรวบรวมมานาของเขา ทว่ามานากลับถูกผลาญไปอย่างรวดเร็วจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นทำให้เขามีพลังไม่เพียงพอแม้แต่จะปล่อยไฟร์บอลออกไป เหล่าวอริเออร์อยู่ใกล้กับเขามากเสียจนทำให้เขาเห็นเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ในดวงตาของพวกเขาอย่างชัดเจน

 

ในเวลานี้ใบหน้าของเขาเกิดเงาสีแดงขึ้นทันทีที่เขารู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตายสำหรับเขาแล้ว เส้นผมของเขาถูกพัดปลิวออกไปด้านหลังในขณะที่เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมทั้งเบี่ยงตัวไปด้านขวาของหนึ่งในวอริเออร์ที่รายล้อมเขาไว้

 

*ปัง* เสียงปะทะกันดังลั่นจนทำให้วอริเออร์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ริชาร์ดก้าวถอยหลังออกไปในทันทีก่อนที่จะมองเห็นเลือดสด ๆ พุ่งออกมาจนทั่วร่างกายของฝ่ายตรงข้าม ในตอนนี้เออรัพชั่นของเขาไม่ได้มีพลังน้อยไปกว่าวอริเออร์ระดับ 10 เลย เมื่อฝ่ายตรงข้ามที่มีระดับตั้งแต่ 5 ลงไปต้องมาเผชิญหน้ากับเออรัพชั่นของเขาจึงทำให้คนผู้นั้นเกิดอาการบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะเพียงครั้งเดียว

 

เขารีบใช้โอกาสนี้แย่งขวานของฝ่ายตรงข้ามมาไว้ในมือ ทันใดนั้นดวงจันทร์ลำดับที่ 2 จันทราสีเหลืองอำพันก็เปล่งประกายขึ้นเหนือศีรษะของเขาก่อนที่พลังแห่งดวงจันทร์จะไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาด้วยความเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ เขายกขวานขึ้นมาระดับอกและแกว่งมันไปรอบ ๆ ตัวจนกลายเป็นวงแหวนสีเหลืองที่หมุนอย่างรวดเร็วและกวาดวอริเออร์ที่อยู่รอบ ๆ จนกระจัดกระจายออกไปคนละทิศละทาง

 

นี่คือสกิลดาบลับแห่งซิลเวอร์มูน —— ริงออฟเดสทินี่

 

การรุกรานของศัตรูที่พุ่งตัวเข้ามาหาโฟลว์แซนด์ยังคงรวดเร็ว ทว่าทันทีที่ดาบพุ่งเข้าหานาง พวกเขาก็เซจนไม่สามารถยืนด้วยเท้าให้มั่นคงได้ วงแหวนแสงสีเหลืองอำพันมีพละกำลังมากพอที่จะทำให้แขนทั้งสองข้างของพวกเขาหลุดออกจากร่างกายจนเหลือทิ้งไว้เพียงบาดแผลลึกที่อยู่บนร่างกายของพวกเขาเท่านั้น

 

ด้วยความตกใจ วอริเออร์ทั้งสองจึงเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมาและรีบกดบาดแผลไว้ เลือดและชิ้นส่วนอวัยวะด้านในร่างกายกระเด็นออกมาจากร่างกายของพวกเขาอย่างรุนแรงจนไม่สามารถใช้มือข้างเดียวหยุดมันไว้ได้ ยิ่งพวกเขาพยายามดิ้นไปมามากเท่าใด เลือดในร่างกายของพวกเขาก็ยิ่งพุ่งออกมาราวกับน้ำพุมากเท่านั้น ความทรมานเกิดขึ้นอยู่เพียงครู่เดียวก่อนที่เสียงร้องอันโหยหวนจะเงียบหายไปพร้อมกับร่างที่ไร้วิญญาณ

 

จันทราสีเหลืองอำพันได้หายไปอย่างเงียบ ๆ แล้วและในเวลานี้ขวานในมือของริชาร์ดไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือเลือดของศัตรูปรากฏอยู่แม้แต่หยดเดียว เขาถืออาวุธไว้ข้างลำตัวขณะจ้องมองศัตรูที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเหล่าวอริเออร์ที่เหลืออยู่จะมีจำนวนมากกว่าฝ่ายของริชาร์ด ทว่าในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าก้าวเท้าออกมาอีก

 

ริชาร์ดมองไปที่ขวานในมือของเขาด้วยรอยยิ้มที่งดงามแต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมก่อนเอ่ยว่า “หึ ! ดูเหมือนขวานนี่มันจะคมไปหน่อย”

 

เพียงแค่คำพูดสั้น ๆ ประโยคเดียวก็ทำให้ศัตรูตรงหน้าต่างพากันหน้าถอดสีก่อนที่จะถอยหลังออกไปตามสัญชาตญาณ แม้แต่วอริเออร์ที่เคยผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังต้องหวาดกลัวกับความบ้าระห่ำของริชาร์ดที่ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขกับการได้เห็นความทุกข์ทรมานและเลือดจากฝ่ายตรงข้าม

 

เพียงครู่เดียวก็เกิดเสียงดังขึ้นในป่าด้านหลังของพวกเขา และจู่ ๆ ป่าก็ถูกปกคลุมด้วยควันและฝุ่นก่อนที่ต้นไม้จะพากันยุบตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้ความแปรปรวนที่เกิดขึ้นใหม่ภายในป่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกราวกับว่าจะมีสัตว์ร้ายขนาดมหึมาพุ่งตัวออกมาซึ่งดูเหมือนว่าจะรุนแรงกว่าการปรากฏตัวของหมูป่าก่อนหน้านี้เสียอีก

 

ทันใดนั้นร่างของอาเชอร์ 2 คนก็กระเด็นออกมาจากป่าแห่งนั้นก่อนที่จะกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง ร่างของพวกเขานอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้นด้วยลักษณะที่ผิดแปลกจากปกติ ภาพตรงหน้าทำให้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาออกมาจากป่าแห่งนั้นอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

 

ต้นไม้ที่ล้อมรอบพวกเขาทลายลงก่อนที่เสียงระเบิดจะดังสนั่นขึ้น ร่างของโอเกอร์ 2 ตนได้พุ่งตัวออกมาจากป่าก่อนที่จะเปล่งเสียงคำรามออกมา ในมือของพวกมันมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับฟาดหัวของศัตรูโดยที่ไม่คำนึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีความสามารถมากขนาดไหน การต่อสู้ของพวกมันได้สร้างความเสียหายให้กับต้นไม้ใหญ่เป็นจำนวนมากจนดูเหมือนเป็นการถอนรากถอนโคนของต้นไม้ไปด้วย ลูกธนูที่โจมตีพวกมันจากฝ่ายตรงข้ามไม่มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อยหรือเรียกได้ว่าไม่สามารถทำให้โอเกอร์มีบาดแผลที่สาหัสได้ด้วยซ้ำ เพราะในเวลานี้มีควันที่เกิดขึ้นมากมายทำให้เหล่าอาเชอร์ต่างมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้นครึ่งตัวของโอเกอร์ก็ถูกปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้และใบไม้จากต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังร่างกายให้กับพวกมันได้เป็นอย่างดี

 

โอเกอร์ทั้ง 2 ตนมีลูกธนูปักอยู่ตามลำตัว ทว่าด้วยผิวหนังที่มีความหนาโดยธรรมชาติจึงทำให้โอเกอร์มีเกราะชั้นดีในตัวของมันเอง และสำหรับพวกมันแล้ว ลูกธนูเป็นเพียงแค่ไม้จิ้มฟันเล็ก ๆ ที่นอกจากจะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ แก่พวกมันได้แล้วยังไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมันได้อีกด้วย

 

โอเกอร์ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างและพวกมันก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องของการร่วมมือกันของคนในกลุ่มเลย สิ่งเดียวที่พวกมันสนใจคือการพุ่งตัวเข้าชนกับกองทัพที่อยู่ตรงหน้าเพื่อส่งเหล่าวอริเออร์ให้กระเด็นออกไปด้วยคลื่นที่เกิดจากต้นไม้ในมือ หนึ่งในเหล่าไนท์ของอาเครอนเองก็ถูกแรงกระแทกจนกระเด็นลอยออกไปเช่นกัน ทีรามิสุที่เรียกตัวเองว่าเมจทว่าในเวลานี้มันกลับกวัดแกว่งท่อนไม้ในมือเช่นเดียวกับที่มีเดียมแรร์ทำ สภาพของมันในตอนนี้ไม่หลงเหลือเค้าโครงของเมจเลยแม้แต่น้อย

 

แกงดอร์พุ่งตัวใส่ศัตรูตรงหน้าพร้อมทั้งเปล่งเสียงคำรามออกมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลสดทว่าไม้ที่เต็มไปด้วยเลือดในมือของเขาเป็นข้อยืนยันให้ได้เห็นว่าศัตรูของเขาถูกโจมตีจนตายไปจำนวนไม่น้อย ในเวลานั้นวอเตอร์ฟลาวเวอร์ยืนอยู่ข้างหลังแกงดอร์พร้อมด้วยดาบอีเทอร์นอลเรสท์ที่อยู่ในมือของนาง นางก้าวเท้าเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเสียงเล็ดลอดออกมา ทว่าน่าแปลกที่บนดาบเล่มนั้นกลับไม่มีรอยเปื้อนของเลือดแม้แต่หยดเดียวทั้ง ๆ ที่นางเองก็สามารถกำจัดศัตรูได้ไม่น้อยไปกว่าแกงดอร์เลย

 

ในเวลานี้เมื่อมองไปรอบ ๆ จะพบว่าเหล่าวอริเออร์ที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ได้ถูกพวกเขาฆ่าทิ้งจนเหลือแต่คนที่บาดเจ็บสาหัสอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

 

ริชาร์ดดูเหมือนจะไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขายังคงยืนตัวตรงขณะกำขวานในมือแน่นทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงอยู่ โฟลว์แซนด์เดินเข้ามาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตบบ่าของเขาและกระซิบเบา ๆ ว่า “ผ่อนคลายลงเถอะ ที่นี่ไม่มีศัตรูหลงเหลือแล้ว !”

 

แต่ทันทีที่มือของโฟลว์แซนด์สัมผัสเข้าที่บ่าของเขานั้น เขาก็รู้สึกหมดแรงจนทำให้นางต้องรีบประคองตัวเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาล้มลงไป ทว่าดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะหนักเกินไปจนนางไม่สามารถประคองเขาไว้ได้ และทันทีที่นางกำลังจะล้มตัวลงพร้อม ๆ กับร่างของเขานั้น เงาแสงสีขาวก็พุ่งผ่านตัวนางเข้ามาก่อนที่จะปรากฏร่างของวอเตอร์ฟลาวเวอร์ที่เข้ามาอยู่ทางด้านขวาเพื่อช่วยโฟลว์แซนด์ประคองเขาไว้อีกแรงอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลานี้เขาสูญเสียมานาไปจำนวนมากแล้วเนื่องจากเขาใช้ทั้งอบิลิตี้เออรัพชั่นและสกิลดาบลับ และเขาเองก็หมดพลังไปตั้งแต่คำพูดสุดท้ายที่เขากล่าวกับศัตรูก่อนหน้านี้ ทว่าที่เขายังยืนอยู่ได้เป็นเพราะเขาอดทนและไม่ยอมแพ้เพื่อไม่ให้ศัตรูเห็นจุดอ่อนของเขา

 

โฟลว์แซนด์และวอเตอร์ฟลาวเวอร์ค่อย ๆ วางร่างของริชาร์ดลงกับพื้น หลังจากนั้นโฟลว์แซนด์ก็ยกมือของนางขึ้นและร่ายคาถาลงบนตัวของเขาในทันทีแต่เขากลับคว้าแขนของนางไว้เพื่อหยุดการร่ายคาถา หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความมึนงงเขาจึงกล่าวอธิบาย “มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่มาก สำหรับข้าเพียงแค่ได้พักก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว เจ้าอย่าเสียพลังของเจ้าเพราะข้าเลย ไปรักษาคนอื่นเถอะ”

 

โฟลว์แซนด์ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องหน้าริชาร์ดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไปหาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคนอื่น ๆ นางร่ายคาถาฮีล (รักษา) ให้กับทุกคนเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ภายใน 3 วัน ทันใดนั้นริชาร์ดที่พักอยู่บนแขนของวอเตอร์ฟลาวเวอร์ก็เกิดอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างฉับพลัน การเสียมานาในครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ สิ่งเดียวในตอนนี้ที่เขาสามารถทำได้คือการหลับตาลง ทว่าเขาเองก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรปล่อยให้ตัวเองหมดสติไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นมานาของเขาก็จะเสียหายมากขึ้น เขาเปล่งเสียงถามออกมาด้วยความยากลำบากว่า “ตอนนี้มีอะไรที่ทำให้ข้าไม่หมดสติบ้างไหม ?”

 

“แอลกอฮอล์ !” ทีรามิสุโพล่งขึ้นมา

 

“และข้าว่าต้องเป็นแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นมาก ๆ ด้วย” มีเดียมแรร์เสริมพร้อมขยิบตา

 

ทันใดนั้นโอเกอร์ทั้ง 2 ตนก็หันหน้าไปจ้องมองแกงดอร์ในทันที ดวงตาของทั้งสองกวาดมองไปทั่วก่อนที่จะก้มลงมองเข็มขัดผ้าของแกงดอร์ซึ่งมีขวดเงินเล็ก ๆ ซ่อนไว้ มันหยิบขวดนั้นออกมาส่งให้วอเตอร์ฟลาวเวอร์อย่างรวดเร็ว

 

ทันทีที่นางเปิดฝาออก พวกเขาก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงฉุนจมูก นางสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะแตะมันเข้ากับลิ้นตัวเองเพื่อทดสอบก่อนจะให้ริชาร์ดดื่มเข้าไป

 

ทันใดนั้นเอง แกงดอร์ก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธทันที “นี่เจ้า ! มันจะมากเกินไปแล้ว ! เครื่องดื่มนั่นข้าทำมันเพื่อตัวข้าเอง เจ้าคิดว่าข้าจะใส่ยาพิษให้กับตัวเองงั้นเรอะ !”

 

“เหอะ ใครจะไปรู้” วอเตอร์ฟลาวเวอร์ตอบกลับไปโดยจ้องมองแกงดอร์ด้วยสายตาเยือกเย็น

 

“วอเตอร์ฟลาวเวอร์ !” แกงดอร์คำรามชื่อของนางออกมาขณะกำไม้ในมือของเขาแน่น นางเองก็จ้องกลับไปที่หน้าของแกงดอร์ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยเช่นกัน มือขวาของนางยังคงวางอยู่บนดาบอีเทอร์นอลเรสท์ที่อยู่ข้างตัว และเมื่อแกงดอร์เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็ถอดสีทันที เขาจ้องมองไม้ในมือของตัวเองสลับกับดาบในมือของนาง ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจว่า “เฮ๊อะ ! เจ้าไม่กล้าใช้ดาบนั่นหรอก !”

 

คำพูดของแกงดอร์ทำให้วอเตอร์ฟลาวเวอร์จ้องมองหน้าคนงี่เง่าอย่างเขาด้วยสายตาที่เวทนามากยิ่งขึ้น

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด