นครแห่งบาป City of Sin – เล่มที่ 2 ตอนที่ 150

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 150 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“พวกผู้บุกรุกทุกคนเป็นปีศาจร้าย ! แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นก็จะต้องถูกจัดการเหมือนกับว่าพวกเขาเป็น ทุกคนที่ร่วมมือกับพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นพันธมิตรของพวกเขานั้นก็คือถูกจับมัดไว้ที่เสาของวิหารและเผาทั้งเป็น! เจ้า… เจ้าทําแบบนั้นได้ยังไง ?” โคแคทโกรธมาก เขาพูดเสียงต่ำ ๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนบังเอิญได้ยิน

 

มาร์วินกําลังนั่งอย่างสบาย ๆ บนโซฟาตรงข้ามกับเขาและจิบชาดํากลิ่นหอมอบอวล เขารอให้ความโกรธของโคแคทลดลงก่อนพูดขึ้น “ท่านพ่อ ข้าไม่มีทางเลือก ไม่ว่ายังไงตอนนี้ข้าก็ทํางานกับ “ปีศาจ” พวกนี้แล้ว ท่านลองมาดูนี่ !”

 

เขายื่นมือออกมาขณะพูดและเปลวไฟสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา เปลวไฟนั้นมีดราวกับเลือดที่มีอายุหลายร้อยปี ซึ่งแม้เปลวไฟนี้จะอยู่ได้ไม่นานทว่ามันใช้มานามากพอที่จะทําให้มาร์วินซีดเซียวลงจนเขาต้องอ้าปากเพื่อสูดรับอากาศ

 

โคแคทรู้สึกตกใจมาก เขาหายใจเข้าอย่างรุนแรงก่อนอุทานออกมาเสียงดัง “เปลวไฟแห่งความมืด ! เจ้ากลายเป็นพรีสต์เสื่อมเสียไปแล้วหรือนี่ ?”

 

“อันตัวข้าเพิ่งจะอยู่แค่ระดับ 6 ข้าจึงไม่เรียกตนเองว่าเป็นพรีสต์ได้เต็มตัวนัก ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเคลริคเสื่อมเสียเท่านั้น” มาร์วินตอบพ่อของเขาอย่างใจเย็น

 

“แล้วใครคือเทพองค์ใหม่ที่เจ้าเริ่มบูชา ?” โคแคทถามขณะจ้องบุตรของเขาอย่างไม่วางตา

 

“มังกรนิรันดร” มาร์วินตอบก่อนที่จะกล่าวเสริม “ซึ่งไม่ใช่เทพเจ้าจากเพลนของเรา”

 

สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกฉายขึ้นบนใบหน้าของโคแคทขณะที่เขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะพูดขึ้นได้อีกครั้ง “มังกรนิรันดรที่ว่านี้ต้องทรงพลังมากแน่ ๆ ถ้าสามารถส่งพลังงานข้ามมาที่เพลนนี้ได้”

 

มาร์วินรินชาเพิ่มอีกถ้วย “ท่านพ่อที่รักของข้า ข้ามั่นใจว่าท่านเข้าใจแล้วว่าข้ามีข้อผูกมัดกับ “ปีศาจ” ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปและไม่สามารถแยกตัวเองออกจากพวกเขาได้ สําหรับท่าน หากเรื่องที่ว่าท่านเป็นพ่อของเคลริคเสื่อมเสียถูกค้นพบขึ้นมาล่ะก็ ท่านจะต้องถูกเผาไปด้วยเช่นกัน แทนที่จะโกรธ มันไม่ดีกว่าหรือหากท่านจะคิดหาวิธีที่จะช่วยพาข้าให้หลุดพ้นออกไปจากเรื่องนี้ ?

 

เห็นได้ชัดว่าพวกผู้บุกรุกนี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่พรีสต์ได้คาดไว้ แม้ว่าพวกเขาจะยังเด็กซึ่งมีอายุอย่างมากก็ 20 ปีเท่านั้น แต่พวกเขาก็มีพลังที่น่าประหลาดใจ ท่านลองคิด ๆ ดูผู้บุกรุกระดับ 10 จํานวนหนึ่งที่ไม่ได้มีความพร้อมมากนักแต่กลับสามารถทําลายล้างกองทัพที่นําทัพโดยเซอร์เมนต้าและเซอร์ฮิวเบิร์ตได้ ! นั่นคือไนท์ที่มียศของบารอนถึง 2 คนเชียวนะ !”

 

เซอร์โคแคทส่งเสียงพึมพําและไม่ได้พูดอะไรต่อมาร์วินเป็นลูกชายของเขาดังนั้นเขาคงจะไม่โกหก ผู้บุกรุกเหล่านี้มีสถานะสูงในเพลนของตนเองอย่างเห็นได้ชัดและน่าจะมีพลังอันยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่

 

โคแคทเดินวนไปมาในห้องโถงพลางคิดอย่างไม่หยุดหย่อน ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป “ดยุกไดร์วูล์ฟอาจจะช่วยเจ้าแก้ปัญหาได้ ตระกูลของเขาบูชาบรรพบุรุษของตนเองและขัดแย้งกับเทพแห่งความกล้าหาญ ข้าจะเขียนจดหมายแนะนําเพื่อให้เจ้านําไปให้กับบารอนฟอนเทนซึ่งเป็นน้องชายของดยุก แล้วเขาจะเป็นคนแนะนําเจ้าให้รู้จักกับดยุกเอง”

 

“แต่…” เขาหยุดพูดและมองมาร์วินอย่างเป็นกังวล “ดยุกไดร์วูล์ฟมีชื่อเสียงในเรื่องการปกครองแบบเผด็จการในแบบของเขาเอง เจ้าจะต้องระวังตัวให้ดีเมื่อต้องรับมือ หากเขาอารมณ์ไม่ดี เขาอาจจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ ได้ ! อีกอย่างนี่คือแผนที่ปราสาทของบารอนฟอร์ซ่าที่เจ้าต้องการ ข้าช่วยเจ้าได้แค่นี้ เมื่อเจ้าออกไป จงระวังตัวเองเป็นพิเศษด้วย อย่าให้ใครจําเจ้าได้”

 

มาร์วินรับจดหมายแนะนําจากพ่อของเขาและเก็บม้วนกระดาษซึ่งเป็นแผนที่ไว้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็โค้งคํานับ “ท่านพ่อ ข้ามีนิมิตหมายว่าท่านจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของท่านในวันนี้”

 

โคแคททําได้เพียงพ่นลมหายใจอย่างไร้คําพูด ระดับ 6 ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรมากนักเมื่อเทียบกับอายุของลูกชายของเขา การพยากรณ์และการทํานายล่วงหน้าเป็นศิลปะที่สามารถทําได้โดยพรีสต์ตั้งแต่ระดับ 12 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งพรีสต์ประเภทนั้นยังจะต้องได้รับความดีความชอบอย่างมากจากเทพของพวกเขาด้วยเพื่อที่จะได้ร่ายคาถาเหล่านั้นได้ ดังนั้นโคแคทจึงรู้ดีว่าคําพูดเรื่องนิมิตหมายพวกนี้เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น

 

ในเวลาเดียวกัน แจกันที่มีมูลค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดของโคแคทก็กระแทกเข้ากับผนังในห้องหนังสือของบารอนฟอร์ซ่า มันหล่นลงบนพื้นและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าบารอนผู้นี้กําลังไม่สบอารมณ์อย่างมาก แม้หลังจากทําลายแจกันแล้วเขาก็ยังทุบโต๊ะของเขาไม่หยุดหย่อนจนเขาหายใจอย่างรวดเร็วและเหนื่อยหอบ

 

หัวหน้าพ่อบ้านของเขาซ่อนตัวอยู่ตรงมุมตลอดเวลาที่บารอนเกิดความฉุนเฉียวครั้งนี้ “ท่านลอร์ด” ในที่สุดเขาก็พูดออกมาเมื่อความโกรธของฟอร์ซ่าเบาบางลง “พรีสต์เอสเซียนรอพบท่านอยู่ เขารอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว”

 

ฟอร์ซ่าทําเสียงอึดฮัดและพยายามจัดแจงทรงผมที่ไม่เรียบร้อยของเขาขณะเดินตามหัวหน้าพ่อบ้านไปยังห้องโถง เอสเซียนเป็นพรีสต์ระดับ 12 และเป็นคนที่ประสานงานจนทําให้อาณาเขตของเขาขึ้นไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่อิทธิพลทางโลกของเขาก็ไม่ได้ต่างกับฟอร์ซ่าเท่าไหร่นัก และด้วยเพราะกองทัพของบารอนได้เผชิญกับความเสียหายอย่างหนักก่อนหน้านี้จึงทําให้กําลังความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของทหารชั้นดีลดลงมากกว่าครึ่ง นี่ทําให้กองกําลังของพรีสต์ที่เป็นพาลาดินประมาณ 30 คนกลายเป็นกองกําลังที่น่าเกรงขามภายในภูมิภาคไปแทนแล้ว

 

บารอนฟอร์ซ่ามีรูปร่างบางจนน่าตกใจและผมของเขาก็มีสีขาวโพลน การใช้เวลาจนถึงดึกดื่นหลายวันทําให้เขามีผิวซีดจางและมีถุงใต้ตาลึก เมื่อเข้าไปในบริเวณห้องโถง บารอนเห็นเอสเซียนกําลังชื่นชมภาพเขียนสีน้ำมันของเขา เขาจึงเริ่มพูดกับชายคนนั้น “พรีสต์เอสเซียน หากเจ้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องผู้บุกรุก ข้าเกรงว่าคงไม่มีอะไรเหลือให้คุยกันอีก”

 

เอสเซียนยิ้มออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเย็นชาของบารอน “ท่านลอร์ด แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องนั้น ท่านก็รู้ว่าคําทํานาย –”

 

“ไม่ต้องมาพูดกับข้าเรื่องคําทํานาย !” ฟอร์ซ่าขึ้นเสียง “มีแค่เจ้าที่รู้ว่ามันบอกว่าอะไร ! หากพวกผู้บุกรุกอ่อนแอ และไม่ได้วิเศษวิโสอย่างที่เจ้าว่ารวมถึงมีน้อยกว่า 20 คนจริง ๆ แล้วไนท์ 3 คนกับกองทหารชั้นดีหลายร้อยคนที่ข้าส่งไปจะพ่ายแพ้ให้แก่พวกนั้นได้ยังไงกัน ?”

 

เอสเซียนสะดุ้งก่อนตอบ “คําทํานายของข้าไม่เคยผิดพลาด นั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถโกหกได้ในฐานะพรีสต์ที่รับใช้เทพแห่งความกล้าหาญ มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทําให้ผลของการต่อสู้กลายเป็นแบบนี้ ข้าขอพูดตามตรงเลยก็แล้วแล้วกัน ท่านลอร์ด ท่านควรฝึกฝนทหารของท่านให้ดีกว่านี้”

 

ฟอร์ซ่าทําเสียงฮึดฮัดและแสดงท่าทางไม่พอใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เอสเซียนวิจารณ์ว่าเขาเป็นผู้นําที่ไร้อํานาจ ทว่าเมื่อเขาได้เห็นรายงานการต่อสู้นั้นเขาก็สามารถสรุปได้ในแบบเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วเพราะไนท์ที่เหลืออีก 2 คนของเขาต่างก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการทหาร พวกเขาได้รับตําแหน่งก็เพราะความสัมพันธ์ทางสังคมและสายเลือด ดังนั้นการส่งพวกเขาออกไปต่อสู้คงจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก

 

“ท่านลอร์ด ข้าเห็นว่าในตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก ข้อเสนอที่ต่ำต้อยของข้าคือให้ท่านขอความช่วยเหลือจากเอิรล์เจย์ลีออนในทันที หากท่านส่งผู้ส่งสารออกไปตอนนี้ เขาน่าจะไปถึงปราสาทของเอิร์ลได้ภายใน 3 วัน ซึ่งนั่นจะทําให้เรายังคงสามารถจับพวกผู้บุกรุกได้ แม้ว่าท่านอาจต้องสูญเสียเงินและชื่อเสียงไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่โจเว่นขึ้นอีกครั้ง”

 

ฟอร์ซ่าตอบอย่างเยือกเย็น “แล้วยังไง ! แม้ว่าเอิร์ลจะยอมทําตามคําขอของข้า แต่กองทหารของเขาจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 10 วันเพื่อเดินทางมาให้ถึงที่นี่ แล้ววิหารจะทํายังไงจนกว่าจะถึงตอนนั้น ?”

 

“นั่นย่อมไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะข้าได้ส่งผู้ส่งสารออกไปขอความช่วยเหลือจากวิหารที่ใหญ่กว่านี้ในดัชชี่แล้ว”

 

คําตอบของเอสเซียนทําให้ฟอร์ซ่าอึ้งไปครู่หนึ่ง การหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีอํานาจสูงกว่าหมายความว่าเอสเซียนยอมรับว่าเขาไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคของเขาได้ด้วยตัวเอง นี่เป็นการทําให้การเลื่อนขั้นหรือการได้รับความเมตตาจากเทพของเขายากขึ้นไปอีก

 

ขณะที่เขารู้สึกว่าการตัดสินใจของเอสเซียนนั้นค่อนข้างแปลกเพราะมันจะทําให้ตัวของเขาเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ทว่ามันกลับทําให้ฟอร์ซ่ารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเรียกให้ผู้ดูแลส่วนตัวของเขาให้เข้ามาเขียนจดหมาย ณ ที่ตรงนั้นและสั่งให้ส่งจดหมายฉบับนี้ให้ถึงมือของเอิร์ลภายใน 3 วัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด