นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 95 เครื่องสังเวยที่เหนือความคาดหมาย ตอนที่ 1

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 95 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

อ่าวโฟลเปล่งประกายสวยงามในช่วงฤดูร้อน เหล่าแกรนด์เมจในดีพบลูเข้ามาพบปะกันตามปกติในห้องประชุมของชารอนเพื่อถกเถียงกันถึงเรื่องการดำเนินงานในเดือนต่อไปของดีพบลู จากหน้าต่างของห้องประชุมแห่งนี้ เมื่อมองออกไปด้านนอกก็จะมองเห็นอ่าวโฟลที่สวยงามได้อย่างถนัดตา

ทุกคนในห้องดูผ่อนคลายอย่างมากซึ่งแบล็คโกลด์เองก็เช่นกัน แม้ว่าตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้พวกเขาจะยังไม่ได้รับรายได้เพิ่มเติมที่ได้มาจากรูนของริชาร์ดและความสุขของชารอนก็ลดลง แต่สำหรับสภาวะทางการเงินในตอนนี้แบล็คโกลด์กลับค่อนข้างสบายใจและชื่นชอบที่เป็นเช่นนี้เพราะมันมีความมั่นคงและคาดเดาได้ง่ายมากกว่าช่วงที่ริชาร์ดยังอยู่ในดีพบลูซะอีก

 

ในการถกเถียงและปรึกษาหารือในครั้งนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้ข้อสรุป เหล่าเมจต่างเตรียมความพร้อมสำหรับเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่จะถึงนี้กันเป็นอย่างดี หลังสิ้นสุดการพูดคุยเรื่องเคร่งเครียด ทุกคนต่างก็พากันมานั่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระระหว่างที่ยังเหลือเวลาว่างอยู่อย่างผ่อนคลาย ในการประชุมที่ไม่มีชารอนเข้าร่วมนั้นดูเหมือนว่าแม้นางจะไม่อยู่ก็ยังสามารถประชุมกันได้อย่างราบรื่น เหล่าแกรนด์เมจต่างพากันรับผิดชอบงานของตนเองอย่างขะมักเขม้นเพราะในช่วงเวลานี้พวกเขาไม่สามารถระบุที่อยู่ของเลเจนดารี่เมจได้เลยว่านางอยู่ที่ไหน หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเม้าเทนซีแล้ว ชารอนเองก็ออกเดินทางไปยังเพลนไร้ขอบเขตเพื่อหาเงินเพิ่มตลอดทั้งเดือน ในขณะเดียวกันหากนับจากช่วงเวลาที่นางออกเดินทางไปก็นับว่าเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ผลกระทบนั้นยังไม่หายไป

 

และในตอนนี้ก็เกือบจะ 3 เดือนแล้วที่เหล่าแกรนด์เมจไม่ได้พบกับชารอน พวกเขาเองก็ไม่มีใครรู้เช่นกันว่านางจะใช้เวลานานแค่ไหนในการออกสำรวจเพลนต่าง ๆ ก่อนที่จะนางจะเดินทางกลับมา

 

ในอดีตชารอนมักจะกลับดีพบลูด้วยท่าทางที่มีความสุขมากกว่าอารมณ์ที่โศกเศร้าเสมอ ทว่าในช่วงที่ผ่านมาเหล่าแกรนด์เมจต่างรับรู้ได้ถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของนางว่าผลกำไรนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะออร่าการกดดันเหล่ามังกรที่อยู่ภายในร่างกายของนางมีมาก ทำให้มังกรสามารถรับรู้การมาของนางได้ทันทีที่เข้าใกล้พวกมันในระยะ 100 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การครอบครองมังกรของนางน้อยลงกว่าเมื่อก่อน และยิ่งเป็นมังกรที่มีการเจริญเติบโตเต็มวัยแล้ว มันจะรีบเก็บสมบัติของมันก่อนที่จะหนีไปทันทีซึ่งนั่นทำให้ชารอนไม่ได้รับของมีค่าที่มังกรเหล่านั้นทิ้งไว้แม้แต่ชิ้นเดียว

 

ขณะที่เหล่าแกรนด์เมจกำลังเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนยามบ่ายอยู่นั้น แสงแห่งเวทมนตร์ก็สาดเข้ามาภายในฮอลล์อย่างรวดเร็วพร้อมกับความวุ่นวายที่พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว พายุลูกเล็กระเบิดขึ้นในห้องประชุมราวกับกำลังถูกบุกรุก เหล่าแกรนด์เมจเริ่มใช้มานาของตัวเองมาสร้างพลังเวทมนตร์เพื่อต้านทานไว้ทว่าพลังของพวกเขากลับไม่สามารถใช้ได้ผลในครั้งนี้ พายุที่เข้ามาสู่ห้องแห่งนี้ทำให้ทุกคนในห้องกระจัดกระจายออกไปกันคนละทิศละทางอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

เหล่าเมจต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาใช้เวทมนตร์ของตนเองเพื่อควบคุมสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถ ทว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามต่อต้านมากเท่าไหร่ ออร่าที่สาดเข้ามาข้างในอย่างบ้าคลั่งก็ยังมีพลังที่แข็งแกร่งมากเสียจนทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย

 

แรงกดดันที่มาจากความแข็งแกร่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่านี่คือร่างของมนุษย์ที่มีพลังมังกรแฝงอยู่ในร่างกายซึ่งสามารถกดดันพวกเขาด้วยพายุธาตุที่เกิดขึ้นนี้ได้ นี่เป็นความแข็งแกร่งที่แม้แต่เลเจนดารี่เมจชารอนเองก็น่าจะยังไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ !

 

ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในภาวะตกตะลึงอยู่นั้น ประตูมิติก็เปิดออกเผยให้เห็นเรียวขาที่ขาวผุดผ่องโผล่ออกมาท่ามกลางแสงเวทมนตร์ ทว่าทันใดนั้นเรียวขาคู่นั้นก็กลับไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกดึงด้วยมือที่มองไม่เห็น

 

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน มีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้นระหว่างพลังออร่าที่น่ากลัวกับเรียวขาขาว ๆ ข้างนั้น ซึ่งจากภาพตรงหน้าเริ่มทำให้เหล่าแกรนด์เมจพอจะเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้างแล้ว ประตูมิติปิดลงอย่างรวดเร็วทว่าทันทีที่มันดูเหมือนว่าจะหายไป มันก็กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะพ่นแสงสีแดงราวกับน้ำพุออกมา

 

*ฟุ่บบบบ !* ร่างที่คล้ายกับเลเจนดารี่เมจชารอนหลุดออกมาจากประตูมิติอีกครั้งก่อนที่นางจะหันหลังกลับไปและปล่อยลำแสงไปที่ประตูอย่างจัง

 

ประตูมิติเกิดประกายขึ้นอย่างรุนแรงก่อนที่พื้นรอบ ๆ จะเกิดการบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ทว่ามันไม่ได้หดตัวลงอย่างที่นางคิดไว้ แต่มันกลับเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นจนเกือบจะเท่าขนาดของฮอลล์ภายในนี้อยู่แล้ว

 

ลำแสงเวทมนตร์ของชารอนที่แผ่ออกไปก่อนหน้านี้จางลงจนแทบมองไม่เห็น และคลื่นบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยลมร้อนที่มีฤทธิ์กัดกร่อนก็ปกคลุมไปทั่วจนทำให้ทุกคนในนี้รับรู้ได้ ขณะนั้นเอง หัวของเดม่อนขนาดมหึมาได้โผล่ออกมาจากประตู เขาที่แหลมคมของมันถูเข้ากับขอบประตูราวกับว่านี่ไม่ใช่ประตูมิติที่สร้างขึ้นจากเวทมนตร์แต่เป็นประตูแข็ง ๆ เขาที่เสียดสีเข้ากับประตูมิตินั้นทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมาในเวลาเดียวกับที่เสียงโลหะกระแทกกันดังลั่นไปทั่วห้อง สิ่งที่โดดเด่นบนหัวของมันคือปากที่ใหญ่โตและฟันแหลมคมที่ดูดุร้าย และแน่นอนว่าขนาดปากของมันก็ใหญ่เพียงพอที่จะสามารถกลืนเหล่าแกรนด์เมจเข้าไปทั้งหมดในเวลาเดียวกันได้เลย ภายในปากของมันมีลิ้นจำนวนมากที่พันกันเป็นเกลียวราวกับงูที่เลื้อยไปมา ในเวลานี้ลิ้นของมันยื่นออกมาจากปากซึ่งมีความยาวกว่า 10 เมตร ก่อนที่จะเลียเข้าที่นิ้วมือของชารอน !

 

ออร่าที่ไร้ขอบเขตและลึกล้ำที่ออกมาจากเดม่อนตัวนี้เกินกว่าความรู้ของเหล่าแกรนด์เมจอย่างมาก เมื่อครึ่งหน้าของปีศาจออกมาจากประตูมิติ แรงกดดันอันมหาศาลก็ทำให้เหล่าแกรนด์เมจต่างเป็นอัมพาตกันอยู่ตรงพื้นและไม่สามารถขยับไปไหนได้ พลังมานาอันน้อยนิดของพวกเขาที่มารวมกันนั้นดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ไปในทันที และในตอนนี้ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นในห้องก็ค่อย ๆ จางหายไปแล้ว ทว่าส่วนที่ขดเป็นวงอยู่ตรงด้านหน้าของเลเจนดารี่เมจยังคงอยู่

 

เดม่อนพยายามอย่างมากเพื่อออกมาจากประตูมิติให้ได้ แต่เพราะพลังของเลเจนดารี่เมจยังควบคุมอยู่จึงทำให้มันไม่สามารถออกมาได้ ทันใดนั้น ประตูมิติก็ค่อย ๆ หดลงเรื่อย ๆ และทันทีที่มันรู้ตัวว่าความพยายามของมันกำลังจะล้มเหลว สายตาของมันก็เต็มไปด้วยความโกรธ ปากใหญ่ของมันเปิดกว้างออกก่อนเปล่งเสียงคำรามออกมา “ชารอน! อย่าให้ข้าเจอเจ้าในอบิสอีก !”

 

เลเจนดารี่เมจพึมพำพร้อมกับชูนิ้วกลางของนางส่งไปยังปีศาจตัวนั้นและพูดขึ้นว่า “กลัวตายล่ะ ข้าได้ยินเจ้าพูดแบบนี้มา 2 ครั้งแล้ว !”

 

แรงดึงจากอีกฝั่งหนึ่งของประตูมิติเกิดขึ้นอีกครั้ง มันเป็นสัญญาณบอกว่าช่องมิติระหว่างเพลนได้ถึงเวลาที่จำกัดแล้ว ร่างของเดม่อนที่แข็งแกร่งตัวนั้นถูกดึงกลับไปยังอบิสทันทีก่อนที่ประตูมิติจะค่อย ๆ ปิดลงอย่างสมบูรณ์ ทว่าถึงแม้เดม่อนจะหายไปแล้วแต่ออร่าแห่งเพลิงที่ร้อนระอุยังคงฟุ้งอยู่กลางอากาศจนสร้างความขนลุกให้กับทุกคนในห้องนี้

 

เหล่าแกรนด์เมจที่กำลังตกตะลึงกับแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากเดม่อนตัวนั้นยังคงแข็งทื่อกันอยู่ พวกเขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะสามารถเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง ในช่วงเวลานี้สิ่งเดียวที่ยังคงติดอยู่ภายในสมองของพวกเขาคือ ภาพที่ชารอนยกนิ้วกลางให้กับเดม่อนตัวนั้น 

 

เหล่าแกรนด์เมจพากันลุกขึ้นมาจากพื้นหลังจากที่ตั้งสติได้ พวกเขาหันไปมองเลเจนดารี่เมจก่อนที่จะพบว่าเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว นางเองก็ไม่ได้มีสภาพที่แตกต่างจากพวกเขาเท่าไหร่นัก

 

ผมยาวสลวยของนางในบางส่วนถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม ในขณะเดียวกันเสื้อคลุมสีฟ้าที่เคยสวยงามสะดุดตาของนางก็ถูกทำลายไปทั่วทุกส่วน กระโปรงของนางฉีกขาดจนเกือบจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วและมันก็เผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่องของนางได้อย่างชัดเจน ผิวพรรณที่ผุดผ่องก่อนหน้านี้ก็ถูกไฟแผดเผาจนเห็นบาดแผลอยู่ทั่ว จากภาพตรงหน้าแม้แต่เหล่าแกรนด์เมจที่เคยติดตามนางออกไปยังเพลนอื่น ๆ เพื่อต่อสู้ก็ยังไม่เคยต้องเจอกับชารอนในสภาพแย่ขนาดนี้มาก่อน มันทำให้พวกเขาพอจะเดาถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ที่นางเพิ่งจะเผชิญแล้วว่ารุนแรงเพียงใด

 

แกรนด์เมจ 2 คนที่เข้ามาอยู่ภายในดีพบลูเป็นเวลากว่า 60 ปีเคยเห็นนางกลับมาในสภาพที่ยับเยินเช่นนี้เพียงแค่ช่วงขยายตัวช่วงที่ 3 ของดีพบลูเท่านั้น ในเวลานั้นพวกเขาเป็นเพียงเมจระดับ 13 และชารอนเองก็อยู่ในระดับ 16 เท่านั้น ในความทรงจำของพวกเขา พวกเขาจำได้เป็นอย่างดีว่าสงครามที่เกิดขึ้นมันเต็มไปด้วยควันที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งอากาศจนมองอะไรแทบไม่เห็น เหล่าคนแคระ ออร์ค แวร์บีสต์ และดราโกเนี่ยนต่างพากันจับมือเป็นพันธมิตรกันและโจมตีดีพบลูอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาให้พวกเขาได้หยุดพัก ทว่าชารอนเองก็สามารถที่จะป้องกันการรุกรานจากพวกนั้นได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

แม้ว่าในการต่อสู้ครั้งนั้นเหล่าคนแคระเกรย์จะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ ทว่าสำหรับพันธมิตรของพวกเขาอย่างออร์คนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นชาแมนและเมจ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขามีความรู้ในการใช้เวทมนตร์การต่อสู้เป็นอย่างดี ขณะที่ดราโกเนี่ยนนั้นมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่นักแต่พวกเขาถนัดในเรื่องของการต่อสู้และคาถาที่ทรงพลัง ในเวลานั้นชารอนต้องพบเจอกับศัตรูมากมายนับไม่ถ้วนที่มาจากภูเขาเอฟเวอร์วินเทอร์ที่กว้างใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน แต่นางก็ไม่เคยละทิ้งความสวยและสง่างามของนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงดวงตาของนางเองก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสดใสโดยไร้ซึ่งความกังวลให้คนอื่น ๆ ได้เห็น

 

ในช่วงที่ชารอนเป็นเมจระดับ 16 นั้น นางมักจะฆ่าเหล่าแกรนด์เมจของดราโกเนี่ยนอยู่บ่อยครั้ง  และในตอนนั้นแกรนด์เมจทั้ง 2 คนก็ได้ติดตามนางไปด้วยในทุกที่และได้ไล่ตามดราโกเนี่ยนคนหนึ่งไปไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรเพื่อตามล่าเอาศีรษะของเขากลับมา ในเวลานั้นพวกเขาได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับการสู้รบนับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งยังได้ล่วงรู้ความลับแห่งเวทมนตร์ที่คนอื่น ๆ ไม่สามารถรับรู้ได้อีกด้วย หลังจากที่ชารอนกลายเป็นแกรนด์เมจเต็มตัวแล้ว พวกเขาก็ไม่ค่อยได้เห็นการต่อสู้ที่ยากลำบากของนางอีกเลยจนกระทั่งนางได้กลายเป็นเลเจนดารี่เมจ ดีพบลูจึงกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับหลายเชื้อชาติที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีป

การได้เคยเป็นสักขีพยานในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของนางมาก่อนแต่ตอนนี้กลับต้องมาเห็นภาพหายากซึ่งเป็นสภาพที่แย่ของนางย่อมสร้างความตกตะลึงให้กับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง !

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด