นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 37.2 เลือดและความบริสุทธิ์ [2]

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 37.2 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หยดน้ำตาที่ร่วงลงมาอย่างควบคุมไม่ได้นั้นทำให้ดวงตาของริชาร์ดพร่ามัวไปหมด วินาทีนั้นเขารู้สึกราวกับเห็นใบหน้าพ่อของเขาฉายชัดขึ้นมา ใบหน้าที่หยิ่งยโสและเผด็จการ และแววตาที่นิ่งสงบจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องสั่นสะท้านได้เมื่อมองสบตาคู่นั้น

— พ่อ – เมื่อพิจารณาคำ ๆ นี้ ริชาร์ดก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างไม่อบอุ่นและเป็นมิตรกับเขาเอาเสียเลย  เขารู้สึกได้เพียงความเกลียดชังที่เพิ่มมากขึ้น และความกดดันจนแทบหายใจไม่ออก เขาไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าความแข็งแกร่งที่พ่อเขาส่งต่อมาในสายเลือดนั้นมีมากขนาดไหน  ทุกครั้งที่เขานึกถึงชายคนนั้น เขามองเห็นแต่ความลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ถ้าเป็นกาตอนที่อยู่ตรงนี้ เขาจะรู้สึกว่ามันยากเย็นขนาดนี้ไหมนะ ?

 

ริชาร์ดต่อสู้กับความคิดเหล่านั้นจนในที่สุดก็สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้ หลังจากปาดคราบน้ำตาที่บดบังดวงตาจนพร่ามัวนั้นออกเขาก็เปิดดวงตาให้กว้างขึ้นเพื่อดูว่านายากำลังทำอะไร พร้อมกันนั้นเขาก็สลัดความคิดทุกอย่างในหัวทิ้งไปเพื่อให้ได้ยินสิ่งที่นายากำลังพูดได้ชัดเจนขึ้น ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าจนแทบทรงตัวไม่อยู่ และเกือบจะร่วงลงไปกองกับพื้นก็หลายครั้ง เขาจึงคว้าจับห่วงเหล็กที่ติดอยู่กับผนัง รวมทั้งยึดถังไม้ใบใหญ่นั้นไว้เพื่อให้ตนเองยังยืนอยู่ได้ต่อไป

 

ดวงตาที่พร่ามัวทำให้เขามองเห็นนายาที่กำลังพูดไปเรื่อย ๆ ราวกับชายแก่ขี้บ่นได้เพียงแค่ราง ๆ มือทั้งสองของนายาค้นไปทั่วร่างของบลัดแพร์รอทอย่างระมัดระวังโดยไม่ยอมให้พลาดแม้สักจุดเดียว ทุกที่ที่มือของเขาจับไปนั้นก็จะลงเอยด้วยเลือดจำนวนมากที่สาดกระเด็นออกมา  ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ริชาร์ดยากจะหลีกเลี่ยงได้ด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด  แม้ว่าเด็กชายจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่นายากำลังทำมากนัก แต่ด้วยอบิลิตี้ที่เขามี ทั้งพรีซิชั่นและทรูธทำให้เขาได้เห็นถึงความจริงอันเยือกเย็นและน่าสะพรึงกลัว

 

ทันใดนั้นความเจ็บปวดสายหนึ่งก็จี๊ดขึ้นมาในกระเพาะอาหารของเขาอย่างรุนแรงจนเขาแทบหมดสติไป และนั่นทำให้เขาคิดได้ว่าตนเองยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง แต่คราบเลือดที่สาดกระเด็นอยู่ทั่วร่าง ทำให้เขาไม่รู้สึกถึงเรื่องนั้นเลย  ภายในห้องครัวในตอนนี้คละคลุ้งไปด้วยคาวกลิ่นเลือดสดใหม่ ซึ่งกลบกลิ่นเลือดเก่า ๆ ตลอดหลายปีไปได้อย่างสิ้นเชิง

 

ไม่มีเสียงใด ๆ ดังเพิ่มขึ้นในห้องนี้ บลัดแพร์รอทไม่ได้ส่งเสียงอะไรอีกเลยหลังจากเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดครั้งนั้น  นอกเหนือจากเสียงอาเจียนของเขาที่ดังขึ้นเป็นพัก ๆ แล้วก็มีเพียงแต่เสียงขยับนิ้วมือขณะที่นายากำลังทำงาน รวมไปถึงเสียงพู่กันที่ดูเหมือนทำจากขนนกยูงบนภูเขาสูงกำลังเขียนตวัดไปมาอยู่บนแผ่นหนัง

 

นายาเร่งการเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นและสร้างท่าทางนับร้อยในเวลาเพียงน้อยนิดด้วยสองมือของเขา  ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งกลับดูชัดเจน ดอกกุหลาบสีเลือดที่สวยงามลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และลอยมาหยุดอยู่ตรงกับตำแหน่งสายตาของริชาร์ดพอดิบพอดี มันคือดอกกุหลาบที่งดงามอย่างแท้จริง ! และเมื่อมันเบ่งบานอยู่บนร่างของบลัดแพร์รอทก็ดูคล้ายกับว่ากลีบดอกไม้เล็ก ๆ เหล่านั้นกำลังสั่นไหว !  ริชาร์ดจ้องมองกุหลาบดอกนั้นอย่างละสายตาไม่ได้ และเมื่อภาพของดอกกุหลาบนั้นจางลง สิ่งที่เขาเห็นก็คือนายากำลังยื่นสิ่งของบางอย่างที่มีลักษณะบางเบาให้กับเขา แวบแรกที่ได้เห็นนั้นเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นคืออะไรเขาจึงต้องขยับเข้าไปใกล้เพื่อมองให้ชัดขึ้น และจังหวะนั้นเองถังไม้ก็พลิกคว่ำลงก่อนที่สิ่งสกปรกทุกอย่างในนั้นจะหกเลอะไปทั่วร่างกายของเขา

 

ลวดลายของเวทมนตร์ที่เปื้อนคราบเลือดนั้นคุ้นตาเขาเป็นอย่างยิ่ง ลวดลายที่เขาสามารถวาดขึ้นได้แม้ในขณะหลับตา มันคือ  [รูนอจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน]

 

…..

 

ริชาร์ดไม่รู้เลยว่าจะทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เลอะไปด้วยคราบสกปรกนี้ หรือแม้กระทั่งจะออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ได้ได้อย่างไร  แม้ร่างกายของเขาจะสงบลงแล้ว แต่ภาพของรูนยังคงติดอยู่ในดวงตาของเขารวมไปถึงอาวุธหน้าตาแปลก ๆ ทุกรูปแบบ ภาพเรือนร่างเย้ายวนและใบหน้างดงามของบลัดแพร์รอทหายไปจากความทรงจำของเขาแล้วอย่างสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตอยู่ของนางที่ยังคงติดอยู่ในห้วงคำนึงของเขาก็คือเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดนั่น   นายาไม่สามารถล้วงข้อมูลอะไรจากบลัดแพร์รอทได้เลย อาจเพราะนางยืนกรานอย่างถึงที่สุด หรือบางที… อาจเป็นเพราะ นายาไม่ได้ให้โอกาสนางได้เอ่ยปากเลยก็เป็นได้ 

 

ทางเดินในตรอกที่ทั้งมืดและคับแคบทอดยาวอยู่ข้างหน้าริชาร์ด ลึกเข้าไปตามทางนั้นมีเพียงความมืดมิดที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด  แสงสลัว ๆ จากตะเกียงที่แขวนอยู่รายทางไม่สามารถช่วยให้รอบบริเวณสว่างขึ้นมาได้เลย ตะเกียงทุกดวงให้แสงเป็นวงแคบ ๆ เท่านั้น และไม่มีตะเกียงดวงใดที่ให้แสงสว่างได้เทียบเท่ากับตะเกียงที่ใช้ในหอคอยหลักเลยสักดวง  ยิ่งก้าวเดินไปข้างหน้า เงาของเขาก็ยิ่งทอดยาวมากขึ้น

 

เขารู้สึกถึงความเหน็บหนาวที่ทวีคูณขึ้น ความเหนื่อยล้าและความหิวโหยที่มี รวมถึงการที่เขาอาเจียนเอาทุกอย่างในกระเพาะออกมาหลายต่อหลายครั้งทำให้ลำคอของเขาร้อนราวกับโดนไฟเผา และมันก็ทำให้ร่างกายเขาแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง  ก่อนหน้านี้อาการอ่อนล้าทางร่างกายไม่ชัดเจนนักแต่นั่นคงเป็นเพราะความตึงเครียดภายในใจช่วยบดบังอาการทางร่างกายเอาไว้ ทว่าในเมื่อตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายความรู้สึกที่ตึงเครียดในใจลงไป อาการทางร่างกายทุกอย่างก็เลยเริ่มแสดงออกมาอย่างชัดเจน  เขารู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถก้าวเท้าต่อไปได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว และบัดนี้เขาก็พาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง บานประตูที่เขาเพิ่งพยายามจดจำมันเมื่อไม่นานมานี้ — นี่คือที่อยู่ของเอริน —

 

เขาไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมถึงย้อนกลับมาที่นี่  ทว่าหลังจากจ้องมองประตูบานนี้สักพัก บางอย่างก็เริ่มกระจ่างชัดขึ้นมาในความคิดเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ดูจะเชื่อมโยงกันราวกับแขนงของสายฟ้า เขาเริ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างอย่างชัดเจนขึ้นแล้ว ความจริงทุกอย่างหมุนวนอยู่ในความคิดเขา มุมหนึ่งในหัวของเขาบอกว่าบางทีมันอาจเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็รู้ดีที่สุดว่ามันคือเรื่องจริง ความบังเอิญมากขนาดนี้นั้นยากมากที่จะเกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริงได้ ทั้งหมดนี้มันเป็นกับดัก ! บลัดแพร์รอทและนักฆ่าเหล่านั้นกำลังรอเขาอยู่บนเส้นทางที่เขาจะต้องผ่านไป และเอรินเป็นเหยื่อล่อให้เขามาติดกับ 

 

*ปัง ! ปัง ! ปัง !* เขาเคาะประตูอย่างแรง

 

หน้าต่างห้องข้าง ๆ เปิดออกในทันทีก่อนจะมีศีรษะอ้วน ๆ โผล่ออกมาจากด้านใน คนผู้นั้นยื่นหน้าออกมาโดยไม่ลืมตา เขาดูเกรี้ยวกราด ปากบ่นพึมพำอะไรบางอย่างที่ริชาร์ดได้ยินไม่ชัดนัก  เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นกำลังหงุดหงิดที่ถูกรบกวนเวลาพักผ่อน แต่แล้วเมื่อเขาสังเกตเห็นการแต่งกายของริชาร์ดก็ทำให้เขารีบมุดหัวกลับเข้าไปด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนยื่นหน้าออกมามากกว่า 100 เท่า หน้าต่างถูกปิดลงทันทีโดยไม่มีเสียงใด ๆ อีก  เทคนิควิธีแบบนี้นับว่ามีความน่าทึ่งในแบบของมัน

 

ด้วยเครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บอย่างซับซ้อน อีกทั้งรูปแบบรวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของมันที่มากเกินจำเป็นซึ่งปรากฏให้เห็นได้ชัดโดยไม่จำเป็นต้องถอดผ้าคลุมชั้นนอกออกเลยนั้น แม้จะไร้การตกแต่งใด ๆ ก็สามารถบ่งบอกสถานะของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน มีเพียงคนจากหอคอยหลักของดีพบลูเท่านั้นที่จะแต่งกายแบบนี้ได้ ซึ่งนั่นก็หมายถึงคนที่มีความสามารถ มีสายเลือดสูงส่ง หรือมีพื้นเพจากตระกูลขุนนางเท่านั้น และบางทีอาจจะรวมถึงบางคนที่โชคร้ายด้วย และนั่นเองที่ทำให้ผู้คนในพื้นที่นี้ไม่กล้ามีเรื่องกับริชาร์ด ในทางกลับกัน วงเวทย์ที่แท้จริงเป็นสิ่งที่ปกป้องเขาจากคมดาบของนักฆ่าคนแรกก่อนหน้านี้

 

*ปัง !* ริชาร์ดเคาะประตูอีกครั้งโดยในครั้งนี้เขาออกแรงมากขึ้น และถึงแม้ว่าเสียงเคาะประตูนั้นจะดังมากกว่าเดิมแต่ก็ไม่มีใครกล้าเปิดหน้าต่างออกมาอีก  ไม่นานนักช่องเล็ก ๆ สำหรับสอดจดหมายบนบานประตูก็ถูกเปิดออกและเผยให้เห็นเสี้ยวหนึ่งบนใบหน้าของเอริน นางอุทานเบา ๆ อย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นริชาร์ดก่อนจะรีบเปิดประตู

 

หลังประตูบานนั้น เขาเห็นเอรินที่กำลังจับไม้คทาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างในท่าทางระวังภัย  และเมื่อเขาสำรวจคทาในมือของนางก็พบว่ามันไม่ใช่คทาที่ทรงประสิทธิภาพมากนัก แต่ก็นับได้ว่ามีมาตรฐานเพราะมันประกอบขึ้นจากวัสดุพื้นฐานที่ครบถ้วนของอาวุธชนิดนี้ตามที่ผู้คนต้องการ ถึงแม้อัญมณีที่ฝังอยู่นั้นจะสามารถเก็บคาถาระดับ 1 ได้มากที่สุดเพียงแค่ 2 คาถา แต่มันก็สามารถร่ายคาถาออกไปได้ในทันที อีกทั้งคาถาระดับ 1 ที่ทรงพลังจำนวน 2 คาถานั้นก็นับว่าไม่ใช่สิ่งที่เล็กน้อยเลยในพื้นที่เขตชายแดนนี้  ทว่าถึงแม้ตัวของเอรินนั้นจะอยู่ในระดับ 3 แต่การร่ายคาถาระดับ 2 ก็ยังคงเป็นที่เรื่องยากสำหรับนาง และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะร่ายคาถาระดับ 1 ออกมาได้แบบไร้เวลา ซึ่งก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าในการต่อสู้ในสถานการณ์จริงนั้น คู่ต่อสู้จะสามารถทำให้นางล้มไปกองกับพื้นได้ก่อนที่นางจะร่ายคาถาได้สำเร็จเสียอีก

 

พลังของเมจระดับต่ำนั้นไม่มีประโยชน์เลยในการต่อสู้ตัวต่อตัว  มีเพียงอาศัยการใช้ไม้คทา แหวนเวทมนตร์ หรือตำราเท่านั้นที่จะช่วยให้สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ขึ้นมาได้บ้าง

 

เมื่อเห็นเอรินยึดด้ามคทาไว้แน่นมากขนาดนั้น เขาก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง เขาเข้าใจในตอนนั้นเองว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่ผ่านมาของเอรินเป็นอย่างไร  มีเพียงการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่อันตรายอยู่รอบตัวเท่านั้นที่จะหล่อหลอมให้นางมีสัญชาตญาณการระวังภัยและป้องกันตัวมากขนาดนี้ คทานี้อ่อนแอมากก็จริง แต่คทาที่แย่ที่สุดก็ยังมีมูลค่ามากถึง 500 เหรียญเป็นอย่างต่ำ  หรือถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ดีพบลู แต่สำหรับคนที่มีหนี้กว่า 1,600 เหรียญและไม่มีหนที่ทางจะใช้คืนได้เลยอย่างเอริน มูลค่าของคทานี้ก็นับว่าเป็นราคาที่สูงลิบลิ่ว อย่างไรก็ตาม นางกลับเลือกที่จะแบกรับภาระหนี้จำนวนนั้นไว้เพื่อแลกกับการครอบครองคทานี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เอรินไม่หลงเหลือความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตเลยหากไม่มีคทานี้ในครอบครอง 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด