นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 26 ศิลปะการสังหาร
“อะไรนะ?!” เกรทเมจรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่ได้ฟังคำขอของเด็กชายผู้อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังกระโดดออกนอกหน้าต่างลงไปในอ่าวโฟลด้วยร่างกายเปลือยเปล่า มาเอสโตรนึกไม่ถึงว่าริชาร์ดจะถามเขาแบบนั้น ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะนิ่งเงียบกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่เขาก็ยังคงเป็นเด็กชายวัย 12 ปีคนหนึ่งที่ขยันหมั่นเพียรและมีความทะเยอทะยานไม่ต่างจากเด็กทั่วไป แต่ตอนนี้เขากำลังต้องการจะฆ่าใครบางคน?! เรื่องนี้ก่อให้เกิดความหวาดกลัวเล็กๆขึ้นมาในใจของมาเอสโตรแล้ว
ขณะเดียวกันนั้นภาพผลงานศิลปะทุกชิ้นที่ริชาร์ดเคยวาดไว้ก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของมาเอสโตร ความแข็งแกร่งที่ไม่มีจุดสิ้นสุดถูกซ่อนไว้ภายใต้ลายเส้นที่หนักแน่นในผลงานเหล่านั้น ผู้เป็นเกรทเมจตระหนักขึ้นได้ในตอนนั้นเองว่าเขาผิดเองที่ปฏิบัติต่อริชาร์ดเหมือนกับเด็กชายธรรมดาทั่วไป
ลูกหลานขุนนางที่มีอายุ 12 ปี บางคนโตเต็มที่แล้ว ในขณะที่อายุ 15 ปีคือมาตรฐานแห่งความเป็นผู้ใหญ่ของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นอสูรบางเผ่าพันธุ์ถือว่าเด็กอายุ 6-7 ปีนั้นโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้ดังนี้มาเอสโตรก็ลุกขึ้นยืน เขาจ้องมองริชาร์ดตรงๆและพูดด้วยลักษณะท่าทางที่จริงจังอย่างถึงที่สุด “ข้ารู้จักคนบางคนที่เจ้าน่าจะอยากพบ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการฆ่าอย่างแท้จริง แต่เจ้าต้องบอกข้ามาก่อนว่าทำไมเจ้าถึงอยากเรียนรู้ ‘วิธีการสังหาร’ ”
“รูนมาสเตอร์เป็นผู้นำทัพในสงคราม” ริชาร์ดตอบ “การเรียนรู้วิธีการสังหารเท่านั้นที่จะทำให้ข้าสร้างรูนไนท์ที่โดดเด่นขึ้นมาได้”
คำตอบของริชาร์ดไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจในคำถามของมาเอสโตรมากนัก เขาสูดหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายครั้งอย่างครุ่นคิด ในที่สุดเขาก็สามารถกดความรู้สึกของตนเองไว้และเอ่ยปากออกมาอย่างช้าๆ “นั่นเป็นเหตุผลที่ดี ถึงมันจะฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ไม่เป็นไร เหตุผลทุกอย่างมันก็ที่ดีพอตราบที่มันยังคงเป็นเหตุผลอยู่ คนที่ข้าพูดถึงเขาชื่อว่านายา เมื่อหลายปีก่อนเกือบทุกคนเรียกเขาว่า ‘ใบมีดแห่งความพิบัติ’ เจ้าน่าจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่เจ้าต้องการจากคนๆนี้”
ริชาร์ดพยักหน้าพร้อมทั้งโค้งคำนับอย่างสุภาพให้กับเกรทเมจก่อนที่จะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งกับเขา ในตอนแรกมาเอสโตรคิดว่ามันคือแผ่นแบบฝึกหัดที่เขาสั่งให้นักเรียนทำ แต่แท้จริงแล้วมันคือตั๋วแลกเงินที่ลงลายมือชื่อโดยริชาร์ด ในตั๋วแลกเงิน นั้นแสดงรายการบทเรียนจำนวนมากมายที่ระบุว่าเกรทเมจได้สอนให้กับเขา บทเรียนบางบทนั้นไม่มีอยู่จริงด้วยซ้ำ แต่ด้วยกระดาษแผ่นนี้ เขาสามารถนำไปแลกเป็นเหรียญทองนับหมื่นเหรียญจากดีพบลูได้เลยทีเดียว ซึ่งนั่นเป็นจำนวนที่เขาไม่สามารถทำเพิกเฉยได้
เห็นได้ชัดว่าริชาร์ดเป็นเด็กฉลาดเพราะวิธีการให้ค่าตอบแทนในแบบที่เขาใช้นี้มีความปลอดภัยสูงมาก เขาเลือกที่จะจ่ายค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่วให้มาเอสโตรในลักษณะการเรียนแบบตัวต่อตัว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นักเรียนหลายๆคนมักจะทำ พวกเขายินดีจ่ายเพื่อตัวของพวกเขาเอง แน่นอนว่าดีพบลูจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้กับริชาร์ดอีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าหากพวกเขาไม่พบว่ามีอันตรายใดๆต่อความมั่นคงทางการเงินของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่มีการดำเนินการใดๆต่อไปหลังการตรวจสอบ
การได้เห็นตั๋วแลกเงินฉบับนี้ทำให้จิตรกรผู้ยอดเยี่ยมเกิดความสับสน ‘หรือนี่จะเป็นการติดสินบน?’
“ริชาร์ด!” เกรทเมจเรียกเด็กชายที่กำลังจะเดินออกไป มือข้างหนึ่งขยุ้มผมยุ่งๆของตัวเองพร้อมถาม “ทำไมเจ้าถึงเลือกขอความช่วยเหลือจากข้า?”
“เพราะข้าคิดว่านี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด”
“แล้วถ้าข้าไม่ยอมช่วยเจ้าล่ะ? เจ้าจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร?”
“แบล็คโกลด์”
เกรทเมจเข้าใจในทันที ในสายตาของริชาร์ดแล้ว คนที่ทำงานในด้านศิลปะโดยมีเหรียญทองเป็นแรงจูงใจในชีวิตแบบนั้นมักจะไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ริชาร์ดเลือกมาที่นี่ อย่างไรก็ตาม มาเอสโตรยังมีบางสิ่งที่เขาอยากรู้ “แล้วถ้าหากวิธีนี้มันไม่ได้ผล เจ้าจะไปหาใคร?”
“เหล่าแกรนด์เมจที่อยากจะสอนนักเรียน!” ริชาร์ดตอบกลับในทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด
……
กลางดึกคืนนั้น ริชาร์ดออกจากหอคอยหลักของดีพบลู และมุ่งหน้าไปยังอาคารหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนของดีพบลู
มีเมจมากมายอาศัยอยู่ในหอคอยหลัก และพวกเขาแต่ละคน จะต้องมีคนคอยดูแลรับใช้อีกอย่างน้อย 20-30 คน แต่กลุ่มเมจเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยและการอยู่อาศัยของพวกเขาและเหล่าคนรับใช้ก็ยึดครองพื้นที่มากมายของหอคอยหลัก เป็นผลให้เมจที่เหลืออีกเป็นจำนวนมากต้องออกไปอาศัยอยู่บริเวณรอบนอก และอีกเหตุผลที่สำคัญก็คือค่าใช้จ่ายในการพักอาศัยในหอคอยหลักไม่ใช่สิ่งที่เมจต่ำกว่าระดับ 10 จะสามารถจ่ายได้ แม้แต่ห้องเล็กๆที่มีแค่เตียงก็ยังเป็นไปไม่ได้
……
พื้นที่ของดีพบลูถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ โดยใช้ระยะทางจากหอคอยหลักเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง พื้นที่วงแหวนที่อยู่ใกล้กับหอคอยหลักมากที่สุดจะมีเมจอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด และโดยส่วนใหญ่เป็นเมจที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 10 เมจเหล่านั้นไม่สามารถอาศัยอยู่ภายในหอคอยหลักได้ จึงเลือกตั้งรกรากอยู่พื้นที่รอบนอกแม้จะค่อนข้างยากลำบากก็ตาม
ภายใต้เสื้อคลุมสีเข้มที่คลุมตัวเขาอยู่ ริชาร์ดเดินทางลัดเลาะไปเรื่อยๆผ่านย่านที่เป็นชุมชนต่างๆจำนวนมากเพื่อจะไปให้ถึงพื้นที่รอบนอก ซึ่งเส้นทางนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่จับจ้องเขาอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นสายตาจากเมจระดับ 8 ผู้หยิ่งยโส และสายตาจากคนอื่นๆที่ล้วนแต่มีจุดประสงค์บางอย่างแฝงอยู่ที่แตกต่างกันไป
คนส่วนใหญ่ต่างก็อยากรู้อยากเห็น นักพเนจรที่สัญจรไปตามเมืองต่างๆต่างก็รู้จักกันหรืออย่างน้อยก็เคยเจอหน้ากันมาก่อนแล้วทั้งนั้น ดังนั้นคนแปลกหน้าจึงเป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก และเครื่องหมายของเมจระดับ 3 ที่อยู่บนเสื้อคลุมของริชาร์ดก็ช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆไปได้เยอะทีเดียว
สุดทางของถนนสายแคบๆที่มืดมิดและไร้ซึ่งผู้คน มีโรงแรมขนาดเล็กที่มีสภาพทรุดโทรมตั้งอยู่ รอยแตกขนาดใหญ่บนป้ายไม้ทำให้ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นภาพวาดของผู้หญิงเปลือยกายครึ่งตัว ประตูทางเข้าโรงแรมเปิดแง้มอยู่เผยให้เห็นเพียงแสงไฟสลัวและความเงียบสงัดภายในโรงแรม สิ่งเดียวที่เล็ดรอดออกมาภายนอกได้นั่นคือกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์
ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ความหนาวเย็นแผ่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกแห่ง ดีพบลูมีเวทมนตร์ที่ทำให้พื้นที่ภายในนั้นยังคงความอบอุ่นไว้ได้ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเช่าอาศัยนั้นแพงลิบลิ่ว แต่บริเวณตรอกซอยรอบนอกหอคอยหลักนั้นกลับหนาวเย็นมาก ด้วยโรงแรมขนาดเล็กเท่านี้ถึงแม้จะมีเวทมนตร์ทำความอบอุ่นก็คงจะทำให้อุ่นขึ้นกว่าภายนอกได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น กำไรของเดือนทั้งเดือนก็คงจะยังไม่สามารถทำให้โรงแรมนี้คงความอบอุ่นไว้ได้แม้แต่วันเดียว
ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยก็ถือว่ามากมายแล้วในความรู้สึกของริชาร์ด คนทั่วไปส่วนมากมักไม่เห็นถึงความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิ -30 และ -50 องศาเซลเซียสมากนัก ในสภาวะที่สภาพอากาศย่ำแย่ขนาดนี้และความที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โรงแรมนี้จึงมีแขกเพียงน้อยนิด
ริชาร์ดผลักประตูโรงแรมให้เปิดออกและเดินเข้าไปด้านใน โรงแรมนี้มีขนาดเล็กมาก ในส่วนหน้าถูกจัดไว้ให้เป็นร้านอาหารของโรงแรมมีโต๊ะเพียงแค่สามตัวเท่านั้น ตั้งอยู่ใกล้กับบาร์เครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์เป็นผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วๆไป ผมหงอกครึ่งหนึ่งบนหัวบ่งบอกถึงอายุของเขา
ชายฉกรรจ์ร่างสูง 2 คนใส่ชุดเก่าๆขาดรุ่งริ่งนั่งเอนหลังพิงผนังอย่างสบายอารมณ์ พลางจิบเหล้าในมือไปทีละนิด พวกเขาจับจองพื้นที่โต๊ะที่อยู่หัวมุม กลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ฉุนอย่างรุนแรงบ่งบอกว่ามันเป็นของราคาถูก เคียงคู่กับเนื้ออะไรสักอย่างตากแห้งที่ดูแล้วเหมือนไม่มีน้ำอยู่ในเนื้อนั้นเลยวางอยู่ในจานเล็กๆ เพียงแค่เห็นหน้าตาของมันก็สามารถทำให้หมดความอยากอาหารไปได้แล้ว แต่ชายสองคนนี้กลับหยิบชื้นเนื้อขึ้นมาทีละชิ้นๆอย่างเบามือแล้วส่งเข้าปาก พวกเขาค่อยๆเคี้ยวและพยายามที่จะลิ้มรสของมันด้วยความชื่นชม ก่อนที่จะยกแอลกอฮอล์กลิ่นฉุนแก้วใหญ่ขึ้นมาดื่มอีกหลายอึก แม้มันจะเป็นเพียงเนื้อจานเล็กๆ แต่ดูแล้วจนจบคืนนี้พวกเขาก็คงจะไม่สามารถกินจนหมดจานได้
ริชาร์ดมองไปรอบๆ เขาเข้าใจในทันทีถึงสถานการณ์ของที่นี่ บาร์เทนเดอร์วัยกลางคนเหลือบมองมายังริชาร์ด มือของเขากำลังทำความสะอาดแก้วใบหนึ่งอย่างบรรจงในขณะที่เขาพูดขึ้น “พ่อหนุ่มน้อย แม่ของเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเจ้าสามารถดื่มเหล้าได้เมื่อถึงอายุถึงเกณฑ์เท่านั้น? แต่แน่ล่ะ ถ้าเจ้ามีเงิน ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะรินให้เจ้าสักแก้วสองแก้ว”
ริชาร์ดยกฮู้ดขึ้นพร้อมกับพูดตอบ “ข้าไม่ได้มาดื่ม ข้ากำลังตามหาใครบางคน”
“ใครกันล่ะ?” บาร์เทนเดอร์แสดงออกถึงความสนอกสนใจ
“ใบมีดแห่งความพิบัติ” ทันทีที่ชื่อเรียกนั้นออกจากปากริชาร์ด เขาก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ตัวเขาแข็งค้างไปหมด แม้แต่จะขยับนิ้วมือยังไม่สามารถทำได้ ทุกส่วนของร่างกายยกเว้นส่วนหัวไม่เชื่อฟังเขาอีกต่อไป อากาศเย็นที่จู่โจมเขาอยู่เจาะทะลุผิวหนังอย่างรุนแรงจนทำให้เขารู้สึกราวกับถูกเข็มแหลมนับล้านเล่มทิ่มแทงทุกส่วนของร่างกาย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ริชาร์ดได้รับรู้ถึง ‘จิตสังหาร’
ในตอนนี้ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง ชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะที่หัวมุมหยุดการเคลื่อนไหว คนหนึ่งค้างอยู่ในท่าที่กำลังเทเหล้าลงคอ ในขณะที่อีกคนยังวุ่นวายอยู่กับการกินเนื้อที่บางราวกับมันโปร่งแสง
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่ได้ดูเหมือนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เหมือนที่ริชาร์ดเป็น ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะหยุดชะงัก แต่สายตากลับจ้องมองมาที่เด็กชายผู้มาใหม่ ท่าทางของพวกเขาไม่ได้สื่อความหมายใดๆเลย
บาร์เทนเดอร์วัยกลางคนหยุดทำความสะอาดแก้วใบนั้นแล้วมองไปยังเปลวไฟของเทียนไขบนผนัง เขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะดึงตัวเองกลับมาจากภวังค์และหันไปเผชิญหน้าริชาร์ด “นั่นเป็นชื่อที่ข้าไม่ได้ใช้มานานแล้ว เรียกข้าว่านายาเถอะ ใครก็ตามที่รู้จักข้าในนาม ‘ใบมีดแห่งความพิบัติ’ ต่างก็เป็นเพื่อนของข้า แต่ข้าอยากรู้นักว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าต้องการอะไรจากข้า?”
“ข้าอยากเรียนรู้วิธีการสังหาร” ริชาร์ดพูดอย่างตรงประเด็นเช่นเคย
“ทำไมเจ้าถึงอยากรู้?”
“เพราะข้าน่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมันในเร็ววัน”
นายาพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่ออีก ก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนา “ที่นี่คือดีพบลู และถึงแม้จะเป็นเขตรอบนอก…”
“ข้าเตรียมค่าธรรมเนียมมาแล้ว” ริชาร์ดพูดต่อโดยไม่รอให้นายาพูดจบ
มุมปากของนายายกขึ้น เขาเผยรอยยิ้มออกมาในขณะเดียวกันนั้นความรู้สึกเย็นยะเยือกของจิตสังหารก็ได้หายไปแล้ว “บทเรียนของข้าราคาแพง ข้าต้องการอย่างน้อยห้าร้อยเหรียญทองในทุกๆวัน”
ริชาร์ดเอากระเป๋าเงินเวทมนตร์ใบหรูที่ตัดเย็บอย่างประณีตออกมาเปิดและเทเหรียญทองจำนวนหนึ่งลงบนบาร์เครื่องดื่ม กองเหรียญทองระยิบระยับอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ “ข้าเตรียมมาหนึ่งหมื่นเหรียญ ฉะนั้นสอนข้าทุกอย่างเท่าที่เจ้าทำได้เถอะ”
นายามองกองเหรียญทองตรงหน้าเขาอย่างเฉยเมยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “เด็กวัยกำลังโตที่มีเงินมากขนาดนี้ไม่กลัวว่าข้าจะจัดการกับเจ้าหรือไง ที่ได้เห็นเจ้าเข้ามาในรังของนักฆ่าแบบนี้? ข้าเดาว่าเจ้าคนที่ชอบวาดรูปสาวๆนั่นเป็นคนแนะนำเจ้ามาล่ะสิ แต่เจ้านั่นน่ะอ่อนแอและก็ไว้ใจไม่ได้หรอก ไหนเจ้าลองบอกเหตุผลดีๆที่ข้าจะไม่ลงมือฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้ ออกมาทีสิ”
“เพราะเหรียญทองที่ข้าเอามาน่ะ เป็นค่าตอบแทนสำหรับวันนี้วันเดียว”
นายายิ้มกว้างขึ้น “ฉลาด! แต่หาเหตุผลอื่นมาเถอะ ถึงแม้บางทีข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเงินแต่มันก็ไม่ใช่เสมอไป และเพื่อความปลอดภัยจงอย่าคิดว่าข้าต้องการเพียงแค่เงินเท่านี้”
ริชาร์ดลังเลไปสักครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าชื่อริชาร์ด.. ริชาร์ด อาเครอน ข้าเป็นนักเรียนของท่านชารอน และเป็นบุตรชายของกาตอน อาเครอน”
รอยยิ้มบนใบหน้าของนายาชะงักลงไปทันที เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกระแอมออกมา ก่อนจะตะโกนใส่ชายสองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ “เฮ้! พวกเจ้าว่ายังไง?”
ชายคนที่นั่งทางซ้ายวางแว่นตาของเขาลง “สองคนนั้นน่ะเป็นพวกบ้า หากเจ้าทำอะไรเด็กคนนี้ กาตอนจะไปลากคอเจ้าออกมาจากนรกเชียวล่ะถ้าต้องทำน่ะนะ ส่วนชารอนก็จะทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจไปตลอดสำหรับการใช้ชีวิตในอีกเป็นพันๆปีข้างหน้าของเจ้า”
ชายที่นั่งทางขวาวางเนื้อในมือเขาลงบนจานก่อนจะมองมาที่ริชาร์ดพร้อมพูดขึ้นมาว่า “เจ้าไม่คิดว่าเด็กคนนี้น่าสนใจเหรอ? การสอนวิชาให้กับเด็กตัวเท่านี้จะต้องประสบผลสำเร็จได้กำไรมากแน่ๆ! ถ้าเจ้าคิดว่ามีรายได้มากเกินไปแล้วล่ะก็ ก็ส่งเขามาให้ข้า ยังไงซะมันนานกว่า 10 ปีแล้วที่เจ้าเป็นใบมีดแห่งความพิบัติ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเจ้ายังสามารถขยับใบมีดได้เร็วมากพอจริงหรือไม่ อีกอย่างตอนนี้ข้าก็กำลังร้อนเงิน”
“ฝันไปเถอะ หนวดแดง!” นายาตะโกนพร้อมทั้งรวบเงินบนเคาน์เตอร์เก็บใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วราวกับว่าหากเขาช้าเพียงนิดเดียว พวกมันจะหายไปตลอดกาล สายตาที่เขาใช้จ้องมองริชาร์ดอยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “สิ่งที่ข้าจะสอนเจ้านั้นไม่ใช่แค่วิธีการสังหารใครสักคนเท่านั้น มันคือวิธีการทำลายชีวิตของคน ไปเริ่มกันได้เลย”
……
เป็นเวลาเช้าตรู่ ในตอนที่ริชาร์ดเดินทางกลับสู่ที่พักของเขา เขาเหลือบเห็นตุ๊กตาหุ่นเหล็กที่เต็มไปด้วยรอยร้าวในระหว่างทางเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ส่วนศีรษะของตุ๊กตาไร้ซึ่งความเสียหายใดๆนั้นเด่นสะดุดตา เขาหยุดเดินและจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและพึมพำกับตัวเอง “ข้าคงไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
ริชาร์ดสัมผัสหุ่นตัวนั้นอย่างแผ่วเบา มือซ้ายของเขาแทบไม่สามารถมองเห็นได้ในขณะที่สัมผัสที่คอของหุ่นก่อนที่เขาจะเดินต่อไปยังห้องนอนของตัวเอง
— เสียงกระทบของโลหะดังขึ้น หัวของหุ่นตัวนั้นหลุดออกจากตัวอย่างเงียบๆและตกลงบนพื้น กลิ้งไถลไปไกล รอยตัดที่คอของหุ่นนั้นเรียบเหมือนกระจกราวกับว่ามันโดนตัดด้วยใบมีดที่คมกริบ! —
คอมเม้นต์