นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 30.1 นุ่มนวลและดีเยี่ยม [1]
วันคืนหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เวลานี้รอยแตกขนาดยักษ์เริ่มก่อตัวขึ้นบนแผ่นน้ำแข็งทางตอนเหนือของอ่าวโฟลแล้ว มันเป็นสัญญาณของการเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นฤดูแห่งการผสมพันธุ์ของเหล่าสัตว์วิเศษมากมายตั้งแต่หนูที่อยู่บนพื้นดินไปจนถึงมังกรที่อยู่บนท้องฟ้า
ในเวลานี้คนรอบข้างของชารอนต่างรู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวนาง อารมณ์ของเลเจนดารี่เมจแปรปรวนไปอย่างแปลกประหลาด บัดนี้นางเป็นเหมือนกับเด็กสาววัยรุ่นที่มีหัวใจของกระต่ายอยู่ภายใน การติดต่องานระหว่างแกรนด์เมจและชารอนในช่วงนี้จึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้กระทบกับอารมณ์และความรู้สึกอันแสนอ่อนไหวของนางนั้น แม้แต่เฟย์เองก็ยังต้องรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม มีบางคนแอบคาดเดาว่าอาการของชารอนมีสาเหตุมาจากสิ่งรบกวนที่ว่าด้วยเรื่องของ ‘ความรัก’ และแกรนด์เมจผู้ที่มีประสบการณ์อย่างช่ำชองก็รู้ดีว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ ‘อันตราย’ ในช่วงฤดูผสมพันธุ์
ดวงอาทิตย์ยามบ่ายส่องสว่างสดใส เลเจนดารี่เมจผู้งดงามใช้เวลาที่แสนสบายนี้เอนกายพักผ่อนบนเก้าอี้เอน ดูเหมือนว่าในเวลานี้นางมีเรื่องบางอย่างที่ต้องขบคิดจนลืมหยิบผลไม้สุดโปรดที่อยู่ข้างกายเข้าปากไปชั่วขณะ นางแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยชุดผ้าไหมสีงาช้างที่กลมกลืนไปกับสีผิว และด้วยเนื้อผ้าที่บางเบาแนบเนื้อนั้นก็ทำให้ชุดนี้ดูราวกับเป็นผิวนวล ๆ ของนางจริงๆ
เท้าเล็กเปลือยเปล่าทั้งคู่ถูกวางพาดอยู่บนพนักวางแขนของเก้าอี้อีกตัวหนึ่งอย่างผ่อนคลาย ผิวเนียนบอบบางของนางเผยความผุดผ่องกระจ่างใสคล้ายไข่มุกภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น เท้าคู่งามที่ถูกพาดวางไว้นั้นสูงโดดเด่น รวมถึงผิวผ่องของขาเรียว ๆ ที่โผล่พ้นร่มผ้า ทำให้คนที่เห็นภาพนั้นต้องอดจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในเรียวขางามคู่นี้ไม่ได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีคนโง่เขลาคนใดที่จะกล้าเอื้อมขึ้นไปอยู่เคียงข้างเลเจนดารี่เมจผู้นี้ พวกเขาต่างเลือกที่จะไม่สนใจกับความโดดเด่นและงดงามของชารอนเพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าความปรารถนาในสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง
ผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในดีพบลูต่างก็ติดตามชารอนเพื่อการต่อสู้จากเพลนหนึ่งสู่อีกเพลนหนึ่ง ในขณะที่บางคนมีส่วนร่วมในการสร้างดีพบลูด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรับรู้ถึงความน่ากลัวของนางเป็นอย่างดี ในสายตาของพวกเขา หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อ่อนโยนจนใครก็สามารถเข้ามาแทะโลมนางได้ ชารอนเป็นเหมือนมังกรผงาดที่มีมนตร์ขลังที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง ใครก็ตามที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือนั้นอาจถูกทำให้หายไปพร้อมกับพายุโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย
อย่างไรก็ตาม เหล่าเมจยังคงเข้ามาพบชารอนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อรายงานสิ่งต่าง ๆ เหมือนกับทุกครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้นางเกียจคร้านเกินกว่าที่จะใส่ใจสิ่งเหล่านั้น นางจึงทำเพียงหลับตาลงด้วยความเบื่อหน่าย
และเมื่อทาสคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมแจ้งให้นางทราบว่ามีเกรทมาสเตอร์ผู้สอนวิชาศิลปะต้องการจะเข้าพบ ดวงตาของนางก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าทาสของนางยังอยู่ในท่าโค้งตัวและมีท่าทางทำอะไรไม่ถูก รวมถึงได้แต่ลอบมองนางด้วยแววตากระอักกระอ่วนและลำบากใจ ชารอนจึงพยักหน้าตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นานนักมาเอสโตรก็เดินเข้ามาในห้องอย่างเกรงกลัวพร้อมด้วยผลงานศิลปะที่กอดเอาไว้แน่น
สำหรับมาเอสโตรนั้น เขาไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเพราะเขาไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าพบกับผู้สูงส่งในเวลาเช่นนี้ได้ เมื่อเขามองเห็นเท้าเปลือยเปล่าที่ดูงามสง่าของชารอนซึ่งในเวลานี้โดดเด่นอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมัน และทันใดนั้นเอง ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นก็มองเห็นว่าชารอนเริ่มขยับคอของนาง สายตานับสิบภายในห้องนั้นส่งสัญญาณบอกมาเอสโตรให้ระมัดระวังพฤติกรรมของเขาทันที เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ได้มาเอสโตรก็เกิดอาการประหม่าจนเหงื่อซึมชุ่มไปทั่วทั้งร่างกายอย่างหาสาเหตุไม่ได้ โชคดีที่ชารอนยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเพราะนางกำลังคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่จึงทำให้นางไม่ทันได้สังเกตเห็นพฤติกรรมไร้มารยาทและปฏิกิริยาทางกายภาพที่น่าละอายของจิตรกรผู้นี้
มาเอสโตรขยับเข้าไปใกล้ชารอนมากขึ้นก่อนค้อมตัวก้มศีรษะลง เขาไม่กล้าใช้สายตาของเขาจับจ้องร่างกายของนางอีกเป็นครั้งที่สองจึงเริ่มเปิดผลงานที่กอดแน่นอยู่ตรงหน้าอกของเขาออกให้นางดูพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและแสดงความเคารพ “ท่านชารอน สตีเว่นนักเรียนของท่านได้วาดภาพเหมือนมาให้กับท่าน ผลงานชิ้นนี้มีคุณค่าทางศิลปะอย่างมาก มันคือเหตุผลที่ข้าอาจหาญรบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน ข้าปรารถนาจะมอบมันให้ท่านได้เชยชม”
ในที่สุดชารอนก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ท่าทางของนางดูราวกับแมวที่กำลังนอนอาบแดด นางลุกขึ้นบิดตัวก่อนจะปรับสายตามองไปยังภาพเหมือนนั้น เลเจนดารี่เมจมีนักเรียนจำนวนมากมายและนางก็เคยได้รับมอบของขวัญแปลก ๆ แบบนี้มาก่อน ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สตีเว่นกลับเป็นคนแรกที่ส่งภาพเหมือนให้กับนาง
ผลงานชิ้นนี้เป็นภาพเหมือนครึ่งตัวของนางเอง พื้นหลังของมันเป็นฉากของอ่าวโฟลในช่วงฤดูร้อน บริเวณเชิงเขาของเทือกเขาเอฟเวอร์วินเทอร์ถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวขจี และบนยอดเขาก็ถูกปกคุลมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ภูเขาเอฟเวอร์วินเทอร์ในภาพนี้ดูเหมือนกับนมเป็บเปอร์มินต์ที่เป็นของหวานขึ้นชื่อของนัวแลนด์
ผืนน้ำที่เวิ้งว้างของทะเลดูเงียบสงบและลึกล้ำในขณะที่ท้องฟ้าดูละมุนตาจากสีฟ้าหลากหลายเฉดที่ถูกแต่งเติมไปทั่วทั้งท้องฟ้า ส่วนภาพเหมือนของเลเจนดารี่เมจถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่งตรงกลางภาพ ในภาพนั้นนางสวมเสื้อคลุมสีฟ้าตัวโปรดและกำลังเอนตัวพิงกำแพงขณะเหม่อมองทิวทัศน์ที่กว้างไกล
— นี่เป็นผลงานชิ้นเอก ! —
ภาพวาดของชารอนที่สตีเว่นวาดขึ้นมานี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ มันไม่มีส่วนใดที่ขาดหายไปเลยราวกับว่าถูกวาดโดยศาสตราจารย์ที่ช่ำชองในงานด้านนี้โดยเฉพาะ องค์ประกอบหลักของภาพวาดคือเลเจนดารี่เมจ ส่วนลายเส้นและการลงสีก็ช่วยเสริมความงดงามของนางได้อย่างเด่นชัด ภาพวาดนี้ขับเน้นให้เห็นว่านางเป็นจุดศูนย์กลางของศักดิ์ศรีที่เลอค่าและความงดงามที่สูงส่ง
ภาพวาดครึ่งตัวนี้เป็นภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามในแบบดั้งเดิม ซึ่งทำให้นางดูเป็นหญิงสาวอารมณ์ดีที่สง่างาม
พื้นหลังของภาพวาดถูกแต่งแต้มด้วยสีฟ้า เขียว และขาว สีเหล่านี้ช่วยขับความสดใส อ่อนหวาน และอ่อนโยน ออกมาได้เด่นชัด ส่วนภาพทิวทัศน์พื้นหลังก็ถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่พอดี ไม่บดบังจุดศูนย์กลางของภาพ และถ้าหากไม่ใช่เพราะเสื้อคลุมสีฟ้าที่ชารอนกำลังสวมใส่ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นได้ว่าหญิงสาวในภาพวาดผู้นี้เป็นถึงเลเจนดารี่เมจ
ภาพวาดครึ่งตัวภาพนี้นับว่าเป็นผลงานที่ชาญฉลาดดีทีเดียว มันช่วยเปิดเผยความคิดของสตีเว่นอย่างครบถ้วนแต่ก็ยังมีความคลุมเครือบางอย่างที่ซ่อนอยู่อย่างแนบเนียนและลงตัว
อย่างไรก็ตาม สายตาของชารอนสะดุดมองภาพวาดในมือของมาเอสโตรเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นั้นได้ เขาเคยเดินทางไปยังจักรวรรดิอื่น ๆ มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งก็รวมไปถึงการเข้าพบกับเหล่าขุนนางมากมาย อีกทั้งเขายังเคยเป็นเสือผู้หญิงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยวัยละอ่อนไปจนถึงสาวใหญ่วัยดึกเขาจึงล้วนแล้วแต่คุ้นเคย ดังนั้นเขาก็เลยเข้าใจความหมายที่สื่อออกมาทางสายตาของชารอนได้เป็นอย่างดี
ในความเป็นจริงแล้ว ช่วงไม่กี่ปีมานี้มีแต่ผู้คนที่จดจำชารอนในภาพลักษณ์ของเลเจนดารี่เมจ พวกเขาต่างนึกถึงพลังเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง ความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มของมังกรได้ ทว่านั่นมันทำให้ทุกคนต่างพากันลืมไปว่านางก็เป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง แม้ว่าการเป็นเลเจนดารี่จะมีช่วงอายุที่ยาวนาน และสภาวะอารมณ์ของเหล่าผู้ที่เป็นเลเจนดารี่ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ถึงอย่างนั้นอายุไขของพวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ต้องมีบางช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง และในหลายครั้งที่ความรู้สึกต่าง ๆ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งในเรื่องนี้นั้นเหล่าเอลฟ์ระดับสูงในทวีปนัวแลนด์ล้วนเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง
ชารอนเข้าสู่การเป็นเลเจนดารี่มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้วทว่านางยังคงมีอารมณ์เสมือนว่านางอายุเพียง 18–20 ปีเท่านั้น มันค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะกล่าวออกมาให้ใครได้รู้ แต่จากสายตาของนางทำให้มาเอสโตรตระหนักได้เลยว่านางเองก็ใฝ่ฝันอยากจะมีความรักเช่นเดียวกับหญิงสาวคนอื่น ๆ และแน่นอนว่าภาพวาดชิ้นนี้กำลังส่งผลต่อจิตใจของนางอยู่ไม่น้อย
ในอดีตมาเอสโตรเคยตกหลุมรักในความงดงามของชารอนจนทำให้เขายินยอมที่จะละทิ้งโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันเพื่อตั้งรกรากอาศัยอยู่ภายในดีพบลู อย่างไรก็ตาม การชื่นชมเพียงข้างเดียวของเขาก็เกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรความรักก็ต้องการพื้นฐานมาจากความรู้สึกที่ลึกซึ้งและแท้จริง และในวันที่เขาเริ่มรับเงินจากชารอนเพื่อการดำรงชีวิต ความคาดหวังอันเพ้อฝันของเขาก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้รู้สึกอิจฉากับความเพ้อฝันของสตีเว่น สิ่งที่เขาเห็นจากความพยายามของสตีเว่นนี้มันเพียงแค่เรียกความทรงจำครั้งก่อนที่เขาเคยมีให้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้งก็เท่านั้น และเมื่อเขาไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ ความโศกเศร้าเรื่องตัวเลขของอายุก็เกิดขึ้น หากเป็นเมื่อ 10 ปีก่อนเขาคงไม่คิดที่จะช่วยสตีเว่นเช่นนี้ แม้ว่าสตีเว่นจะยื่นเงินมหาศาลให้กับเขาก็ตาม
ทันใดนั้น ดวงตาของชารอนเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง แววตาของนางเต็มไปด้วยประกายคมชัดซึ่งทำให้มาเอสโตรถึงกับสะดุ้งตกใจจนต้องก้มศีรษะลงมองพื้นอีกครั้ง
เลเจนดารี่เมจมองภาพเหมือนครึ่งตัวที่สตีเว่นวาดด้วยแววตาแพรวพราวพร้อมแย้มรอยยิ้มที่เบิกบาน “ภาพวาดนี้ไม่เลวเลยนะ ข้าสวยมากเลยเจ้าว่าไหม ?”
“แน่นอน!ในบรรดาเลเจนดารี่หญิงสาวทั้งหมด ท่านงดงามที่สุดแล้ว !” มาเอสโตรรีบพูดออกมา ก่อนที่แกรนด์เมจคนอื่น ๆ จะเอ่ยปากชม
ชารอนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาคนแคระเกรย์ “แบล็คโกลด์ !เจ้าหนูสตีเว่นทำออกมาได้ไม่เลวเลยว่าไหม ? ข้าว่าเพิ่มความสุขของข้าให้กับเขาสักหน่อยดีกว่า ให้เขาสัก…”
และก่อนที่จะชารอนจะพูดออกมามากกว่านี้ นางก็สังเกตเห็นมาเอสโตรที่ยังคงยืนตะลึงอยู่ที่เดิม นางจึงบอกกับเขาว่า “ข้าว่าเจ้าควรจะออกไปได้แล้ว!”
คอมเม้นต์