นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 37.3 เลือดและความบริสุทธิ์ [3]

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 37.3 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ริชาร์ดสังเกตเห็นอะไรหลายอย่างได้ในตอนนี้   สีหน้าของเอรินนั้นราวกับว่านางอยากจะกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขาตั้งแต่วินาทีที่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ทว่านางก็กดเก็บความรู้สึกนั้นไว้และดึงตัวเขาเข้าไปด้านในแทน  นางมองสำรวจรอบบริเวณอย่างรวดเร็วก่อนปิดประตูเสียงดังปังและล็อกไว้อย่างแน่นหนา หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงขณะที่มองหน้าเขา ความเขินอายที่แล่นไปทั่วร่างกายจนทำให้ใบหน้านวลเริ่มมีสีแดงระเรื่อนั้นบ่งชี้ความรู้สึกของนางในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน

เมื่อเห็นท่าทางของนางที่เป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงมองสำรวจไปรอบห้องของนาง ห้องนี้เป็นห้องชุดที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ทุกส่วนของห้องถูกจัดสรรเพื่อประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ โดยภายในห้องประกอบไปด้วยห้อง 2 ห้องและห้องน้ำขนาดเล็ก 1 ห้องที่มีขนาดเล็กมากเสียจนน่าเวทนา ทั้งห้องนั้นมีเพียงแค่ส่วนห้องนอนเท่านั้นที่มีหน้าต่างเปิดออกไปสู่บริเวณลานหน้าบ้าน ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นส่วนของห้องโถงซึ่งมีผนังทึบหมดทั้ง 4 ด้าน

 

ห้องนอนนั้นมีขนาดเล็ก และข้าวของในห้องก็มีเพียงเตียงนอนกับตู้เก็บของไม่ใหญ่นักตู้หนึ่งที่ภายในเต็มไปด้วยกลิ่นของเทียนและน้ำหอมประจำตัวของหญิงสาว  ห้องน้ำนั้นแคบซะจนไม่น่าเชื่อว่าคนหนึ่งคนจะสามารถเข้าไปอาบน้ำได้ ขณะที่ห้องโถงก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนมากนัก ทว่าถึงอย่างไร สิ่งของหลายอย่างที่ถูกจัดวางไว้ในส่วนของห้องโถงนั้นมีความเป็นระบบระเบียบ เรียกได้ว่าพื้นที่ในส่วนนี้ถูกจัดสรรได้อย่างชาญฉลาดจึงทำให้ห้องขนาดเล็กไม่ดูคับแคบมากนัก

 

ขณะที่เขากำลังสำรวจไปรอบ ๆ นั้น เอรินก็เพิ่งสังเกตว่ามือของนางเหนียวผิดปกติ จึงยกขึ้นส่องกับแสงเทียนเพื่อมองให้ชัดขึ้น  นางพบว่าฝ่ามือของตนเองเต็มไปด้วยเลือด และในตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากง่ามนิ้วมือของริชาร์ด !

 

เอรินนึกขึ้นได้ว่านางได้จับมือริชาร์ดตอนที่ดึงเขาเข้ามาในห้องจึงร้องขึ้นเสียงดังลั่น

 

“ริชาร์ด ! เจ้าบาดเจ็บ !”

 

ริชาร์ดโบกมือไปมาก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “แค่แผลเล็ก ๆ ไม่มีอะไรมากหรอก” นั่นคือสิ่งที่เขารู้สึกจริง ๆ โดยเฉพาะหลังจากการได้เห็นและรับรู้กระบวนการทั้งหมดที่นายาใช้จัดการกับบลัดแพร์รอท

 

อย่างไรก็ตาม เอรินเห็นแผลบนมือเขาอย่างชัดเจน ฝ่ามือของริชาร์ดเกิดแผลถลอกจากพื้นผิวขรุขระของแท่งเหล็กที่เขาใช้ต่อสู้ และด้วยพละกำลังจากแรงกดที่เขาเพิ่มลงไปในตอนนั้นจึงทำให้แผลบนมือนั้นดูลึกและเปิดกว้างจนน่ากลัว ผิวหนังนั้นถูกฉีกเปิดออกดูราวกับว่ามือของเขากำลังแยกเป็นส่วน ๆ !

 

เมื่อเอรินเห็นเช่นนั้นก็ร้องออกมาเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เจ้าบาดเจ็บได้ยังไง ? ก็พวกเขาบอกว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า…”

 

เอรินเอามือปิดปากตัวเองทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมาขณะที่ใบหน้าที่เริ่มซีดเซียว  ทว่าริชาร์ดเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความประหลาดใจแสดงออกมาให้เห็น มีเพียงสายตาทิ่มแทงของเขาเท่านั้นที่กำลังมองจ้องใบหน้าของนางเพื่อสังเกตท่าทีซึ่งแววตานั้นเยือกเย็นและห่างเหิน และท้ายที่สุดเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง “ตกลงเจ้ามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยจริง ๆ สินะ บอกข้ามา มันเป็นใคร ?”

 

ยิ่งริชาร์ดนิ่งมากเท่าไหร่ เอรินก็รู้สึกเย็นยะเยือกมากขึ้นเท่านั้น นางกระชับปกคอเสื้อและหลุบตามองต่ำ ก่อนพูดขึ้นเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน “มินนี่… นางตามหาข้าและบอกให้ข้าล่อลวงเจ้ามาที่นี่ นางมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุยกับเจ้า ข้า… ข้าปฏิเสธนางไม่ได้ ข้าจึง… ข้าจึงต้องตอบตกลง”

 

“แต่นางรับปากข้าว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า ! นางยังบอกอีกว่าเจ้าเป็นนักเรียนคนโปรดของท่านชารอน แล้วนางจะกล้าทำร้ายเจ้าได้ยังไงกัน !?” เสียงของเอรินดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อย ๆ  ราวกับว่านางกำลังโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อแบบนั้น

 

ตรงกันข้าม ริชาร์ดยังคงสงบนิ่งและเอ่ยถาม “มินนี่งั้นรึ ? นางให้เจ้าเท่าไหร่ล่ะ แล้วทำไมเจ้าถึงปฏิเสธนางไม่ได้ ?”

 

เอรินใช้เวลาพักหนึ่งในการทำให้ตัวเองสงบลงก่อนจะหัวเราะอย่างขมขื่น “ทั้งหมด 500 เหรียญ และนางตกลงว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พ่อข้าอีก”

 

“ 500 เหรียญ ? ข้ามีค่าเพียงแค่นั้นเองรึ ? แต่เอาเถอะ เมื่อมีเรื่องของพ่อเจ้ามาเกี่ยวด้วย นั่นก็นับว่าเป็นเหตุผลที่เพียงพอ” ริชาร์ดพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นเช่นกัน เขายิ้มเยาะเย้ยตนเองขณะที่มองหน้าเอริน ไม่นานนักรอยยิ้มนั้นก็หายไปก่อนที่เขาจะถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้ายอมขายครั้งแรกของตัวเองด้วยสินะ ใช่ไหมล่ะ ? ไหนบอกข้าหน่อยสิว่าเจ้าได้เงินเท่าไหร่ ?”

 

เอรินหน้าซีดตัวสั่นขึ้นมาทันทีและก้มหน้าต่ำลงอีก นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบเสียงแผ่วเบา “2,000 เหรียญ”

 

“นั่นแค่ค่ามานาโพชั่น 4 ขวด !” ริชาร์ดเปรียบเทียบอย่างโหดร้ายก่อนถามต่อ “ใครล่ะ ? ทำไมเจ้าจึงยอมรับเงินจากเขา ไม่ใช่ข้า ?”

 

นี่เป็นคำถามเดิมที่เขาเคยถามมาแล้ว ทว่าครั้งนี้เอรินเลือกที่จะไม่บ่ายเบี่ยงอีก นางไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว “สตีเว่น นักเรียนอีกคนของท่านชารอน  ตอนนั้นข้ากำลังต้องการเงินและเขาก็เข้ามาพอดี ข้า… ข้าเป็นแค่คนธรรมดาที่อาศัยอยู่ที่ชายแดน และจับพลัดจับผลูได้รู้จักกับคนชั้นสูง ด้วยพลังอำนาจและฐานะของเขาแล้ว ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้”

 

“สตีเว่น…” ริชาร์ดคิดไตร่ตรองชื่อนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของปริศนาปรากฏขึ้นมาแล้ว และมันกำลังเผยให้เห็นรูปแบบของแผนการในเรื่องนี้อย่างชัดเจน  ทว่าเขากลับแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าความรุนแรงที่พล่านอยู่ในเลือดของเขานั้นก็ได้เริ่มถูกกระตุ้นขึ้นด้วยเช่นกัน

 

“ตอนนี้ตัวเจ้าราคาเท่าไหร่ ?” คำพูดและน้ำเสียงของเขทำให้นางสั่นสะท้านอย่างไม่ตั้งใจ นางตอบคำถามนั้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา “นอกจากสตีเว่น ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว บางครั้งเขาก็ตามหาตัวข้า และให้เงิน 200 หรือ 300 เหรียญต่อครั้ง บางครั้งที่ข้า… ที่ข้าจำเป็นต้องใช้เงิน ข้าก็จะตามหาเขาเช่นกัน…”

 

“ตอนนี้ตัวเจ้าราคาเท่าไหร่ !?” ริชาร์ดถามย้ำอีกครั้งขณที่โทสะเริ่มครอบงำ

 

 

และในที่สุดเอรินก็ตอบเขา “ข้าเป็นหนี้เจ้า 1,600 เหรียญ ถ้า… ถ้าหากว่าเป็นเจ้า… ครั้งละ 100 เหรียญ”

 

ริชาร์ดเอื้อมมือไปช้า ๆ และคว้าปกเสื้อด้านหน้าของเสื้อผ้านางมากำแน่น  แนวโน้มความรุนแรงที่เผาผลาญอยู่ในจิตใจเขาเริ่มอันตรายขึ้นจนยากที่จะกดข่มเอาไว้ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกโหยหาอยากเห็นเลือดขึ้นมา  สิ่งที่เอรินพยายามหลีกเลี่ยงนั้นได้ฉายขึ้นซ้ำ ๆ วนเวียนอยู่ในหัวของเขา

 

“เจ้าทรยศข้าเพียงเพราะเงินแค่ 500 เหรียญจนทำให้ข้าเกือบตายอย่างนั้นเหรอ !?” ริชาร์ดตะโกนออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาฉีกชุดนอนของเอรินออกก่อนลากตัวหญิงสาวเข้าไปในห้องนอน จากนั้นเขาก็โยนร่างบางลงบนเตียงและขึ้นทาบทับร่างนั้นทันที !

 

เสียงหอบหายใจแห้ง ๆ และเสียงร้องครางจากการกระทำอันป่าเถื่อนดังไปทั่วทุกมุมของห้อง เอรินเป็นเหมือนเรือลำเล็กที่กำลังถูกพัดพาโดยพายุที่ซัดกระหน่ำ ร่างกายของนางโก่งโค้งขึ้นและร่วงลงซ้ำ ๆ อย่างต้านทานไม่ได้ มือเรียวบางทั้งสองจับหลังของริชาร์ดไว้แน่น และเมื่อเริ่มจะทนไม่ไหวนางก็จิกเล็บลงไป ซึ่งทิ้งรอยแผลเล็ก ๆ นับสิบรอยที่มีเลือดซึมไว้บนแผ่นหลังกว้าง  ความปวดแสบทำให้ริชาร์ดร้องออกมาและนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ! ต่อจากนั้นเสียงร้องของเอรินก็ดังมากขึ้นเช่นกัน

 

พายุยังคงซัดต่อไปอีกครู่หนึ่งก่อนที่ร่างไร้เรี่ยวแรงของทั้งสองจะแยกออกจากกัน  ด้วยขนาดของเตียงที่เล็กมากทำให้ทั้งสองต้องนอนซบกันใกล้ ๆ และมองเพดานสีเทาไปด้วยกัน  ไม่มีใครรู้ว่าในตอนนั้นใครเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน แต่สิ่งที่ชัดเจนในความทรงจำของริชาร์ดคือหญิงสาวได้เล่าเรื่องราวของตนเองออกมาในขณะที่เขาฟังอย่างเงียบ ๆ

 

เรื่องราวของนางนั้นเป็นเช่นเดียวกับตัวเอกในบทละครน้ำเน่าหลาย ๆ เรื่อง เอรินมาจากครอบครัวขุนนางเล็ก ๆ พ่อของนางเป็นไนท์ของตระกูล มีที่ดินผืนเล็ก ๆ รวมแล้ว 2 หมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนของจักรวรรดิเซเคร็ดทรี ติดกับพื้นที่ของมารควิสไนออล และไม่ไกลจากที่ดินของดยุกโซแลม  และเนื่องจากพ่อของนางเคยเป็นผู้รับใช้มารควิสไนออลมาก่อน นางจึงไม่สามารถปฏิเสธคำขอหรือคำสั่งจากมินนี่และสตีเว่นได้

 

พ่อของเอรินหลงใหลในศิลปะและการเข้าสังคมกับชนชั้นสูง สิ่งเดียวที่เขาไม่ถนัดเลยนั่นก็คือการจัดการดูแลที่ดินของตนเอง เขาสร้างหนี้สินโดยไม่พยายามหารายได้เลยจนในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป หนี้สินที่เขามีก็พอกพูนขึ้นอย่างน่าตกใจจนเขาไม่สามารถใช้คืนได้หมด  เอรินถูกส่งตัวไปเรียนเวทมนตร์ที่ดีพบลูตอนอายุ 10 ปี และนางก็มีไหวพริบดีในสาขาวิชาที่เล่าเรียน อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ที่ดินผืนเล็ก ๆ ที่พ่อของนางมีนั้นเทียบอะไรไม่ได้กับดีพบลูเลย ไม่นานนักเอรินก็ใช้เงินที่เก็บสะสมไว้ไปจนหมด และเงินสนับสนุนที่ถูกส่งมาจากครอบครัวของนางก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ นางจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อจะได้เรียนต่อและเอาตัวรอดในดีพบลู แต่เมื่อไม่มีเงิน ทุกอย่างก็พัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้าลงกว่าเดิมจนแทบหยุดชะงัก

 

อดีตไนท์ไม่มีเงินที่จะส่งเสียเมจฝึกหัดในสถานที่อย่างดีพบลูได้ และเขาก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะฟูมฟักหรือสร้างเกรทเมจด้วย ทว่าสิ่งที่เขาปรารถนานั่นคือการมีชื่ออยู่ในดีพบลูเพื่อที่เอรินจะได้ถูกขายได้ราคาดี  ในระบบขุนนางนั้น นั่นจะหมายความว่าเอรินสามารถแต่งงานกับไวเคานต์ได้ หรือเป็นภรรยาน้อยของเอิร์ลหรือมาควิสที่มีอำนาจสักคน  ในทางตรงกันข้าม หากนางไม่ได้อยู่ในดีพบลู เอรินจะเป็นได้แค่ภรรยาของบารอน และก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะสามารถเรียกสินสอดทองหมั้นได้หรือไม่

 

เพราะเหตุนั้น เอรินจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินและสามารถอาศัยอยู่ในดีพบลูได้ต่อไป  หากนางกลับไปที่บ้าน นางจะต้องตกเป็นเครื่องมือต่อรองในการแต่งงานทางการเมือง และในอีกแง่หนึ่ง เหตุผลที่พ่อของนางจะไม่บังคับให้นางกลับบ้านนั้นก็คือหนี้ก้อนโตที่เพิ่มขึ้นถึงขั้นวิกฤตของเขา ที่ดินของเขาอาจจะถูกยึดไปได้ทุกเวลา  ส่วนเหตุผลเดียวที่เจ้าหนี้ยังไม่ส่งเรื่องถึงศาลและสั่งให้เขาเป็นบุคคลล้มละลายนั้นเป็นเพราะความที่นางเป็น ‘ว่าที่เมจ’ ที่กำลังศึกษาอยู่ในดีพบลู พวกเขาไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับคนที่อาจเป็นถึงเกรทเมจในอนาคตเพียงเพราะต้องการเก็บหนี้คืน ดังนั้นตราบใดที่เอรินยังอยู่ในดีพบลู พวกเขาก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก

 

แต่ในทางตรงข้ามนั้น ถ้าหากว่านางยินยอมกลับบ้านไป ปัญหาเรื่องหนี้สินก็ยังคงสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย เพราะในตอนนี้มีไวเคานต์พ่อหม้ายแก่ ๆ ที่มีทรัพย์สินมหาศาลคนหนึ่งยินดีที่จะรับผิดชอบหนี้ก้อนใหญ่ของพ่อนาง หากว่านางตกลงแต่งงานกับเขา

 

มินนี่สืบประวัติของเอรินมาอย่างดีและรู้สถานการณ์ของพ่อของเอรินทุกอย่าง  หากเอรินไม่ยอมร่วมมือด้วย มินนี่จะใช้อำนาจที่ครอบครัวของนางมียึดที่ดินผืนนั้นไป  อดีตไนท์หมดหาทางที่จะใช้หนี้ก้อนนั้นมานานแล้ว ด้วยรายรับที่เขามีรวมถึงดอกเบี้ยทั้งหมด เขาแทบไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีหน้ามีตาได้อีกด้วยซ้ำ  การสูญเสียที่ดินจะทำให้เขาสูญเสียชื่อเสียงของการเป็นขุนนางชั้นสูง และตัวเขาก็จะมีสถานะที่ตกต่ำลง ซึ่งนั่นรวมถึงเอรินที่อยู่ในดีพบลูด้วย

 

มินนี่ทำแม้กระทั่งบอกเป็นนัย ๆ ว่าต้องการติดต่อกับริชาร์ด โดยแสร้งให้ดูเหมือนเป็นเรื่องระหว่างชายหญิง  และนางยังให้สัญญากับเอรินอีกด้วยว่าจะไม่ทำร้ายริชาร์ด และที่มากไปกว่านั้นคือ เอรินเชื่อว่าเป็นไปไม้ได้ที่ชารอนจะปล่อยให้ริชาร์ดถูกทำร้าย

 

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงปฏิเสธนางไม่ได้” ในขณะที่พูดประโยคนี้ หญิงสาวก็ยื่นมือไปประคองมือของริชาร์ดขึ้นมา แล้วลูบไล้แผลบนมือเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยถาม “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับเจ้าใช่ไหม ? แล้วแผลพวกนี้ร้ายแรงหรือเปล่า?”

 

“ไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างถูกจัดการแล้ว” เขาตอบกลับไปด้วยเสียงสบาย ๆ

 

เขาไม่ได้บอกว่า ‘จัดการแล้ว’ นั้นหมายถึงอะไร และเขาเองก็ไม่อยากอธิบายสิ่งเหล่านั้นให้นางฟังด้วย  สำหรับเอรินแล้ว ไนออลและโซแลมเป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ 2 ลูกที่ขวางทางของนางอยู่ ความพ่ายแพ้จากการต่อสู้ของมาร์ควิสไนออลนั้นยังเป็นข่าวที่รู้กันเฉพาะในกลุ่มขุนนางชั้นสูง และคงอีกนานกว่าข่าวนี้จะรู้ถึงหูของนาง

 

ไม่ว่าอย่างไร ถึงแม้จะมีเหตุผลจำเป็นหลายอย่าง  แต่สิ่งที่เอรินทำคือการทรยศเขาเพื่อเงินเพียง 500 เหรียญเท่านั้น  เมื่อนึกย้อนไป มันช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดี แต่นั่นเป็นเพราะนางไม่รู้พื้นเพของริชาร์ดหรือความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชารอนเลย  อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ได้มีข้อมูลมากนักเมื่อต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง ดังนั้นในหลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ สถานการณ์ ความโง่เขลาหรือชาญฉลาดก็ล้วนอาศัยโชคชะตาเป็นตัวกำหนดทั้งสิ้น เขาก็เลยไม่อยากโทษนางมากนัก

 

การที่เอรินยอมสูญเสียความบริสุทธิ์และยังติดต่อกับสตีเว่นนั้น เหตุผลผิวเผินก็คือหนี้ที่นางไม่สามารถใช้คืนได้  แต่เขาคิดว่าสาเหตุที่แท้จริงของหนี้ตั้งแต่แรกนั้นก็คือนางและครอบครัวไม่สามารถที่จะแบกรับภาระของการใช้ชีวิตอยู่ในดีพบลูได้

 

“ทำไมเจ้าไม่กลับไปล่ะ ? เจ้าจะได้กลับไปมีชีวิตอย่างชนชั้นสูงที่แท้จริงของตัวเอง และไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้” ริชาร์ดเอ่ยถาม

 

“ไม่ ! ข้าจะไม่กลับไป ! ที่นั่นเป็นแค่พื้นที่เล็ก ๆ ตรงแถบชานเมือง เจ้านึกไม่ถึงหรอกว่ามันไร้ชีวิตชีวาและน่าเบื่อมากแค่ไหน  ต่อให้ข้าตกลงแต่งงานกับไวเคานต์ นั่นก็เป็นแค่การย้ายจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ไปยังหมู่บ้านที่ใหญ่กว่านิดเดียวก็เท่านั้น ! ทุก ๆ วันข้าก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทที่มืดมิดหรือไม่ก็คฤหาสน์ในเมือง เจรจากับพวกชาวนา ทาส และคนรับใช้  และในทุกปีเว้นปี ข้าก็จะต้องมีลูกและตามหาขุนนางในเขตพื้นที่ใกล้เคียงนั้นเพื่อมาเป็นคนรักของข้า ซึ่งมันจะกลายเป็นชีวิตทั้งชีวิตของข้า ! และชั่วชีวิตนี้ข้าจะมีโอกาสได้เจอกับเอิร์ลสักคนได้ก็เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ! แต่ที่ดีพบลูทุกอย่างแตกต่างออกไป ทุกตารางนิ้วของที่นี่เต็มไปด้วยความฝัน  และข้าได้พบปะกับคนที่มีฐานะดีในทวีปนี้ตลอดเวลา นี่คือสถานที่ที่จะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของข้าได้ !”

 

เสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอารมณ์และความจริงจัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ริชาร์ดนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน

 

“การได้อยู่ในดีพบลูมันสำคัญขนาดนั้นเลยรึ ?”

 

“สำคัญมากสิ !”

 

เกือบ 3 ปีของการใช้ชีวิตอยู่ในดีพบลู เขาได้พบเห็นผู้คนมากมายที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะได้อาศัยอยู่ในดีพบลูต่อไป  พวกเขายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะยังอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลย เขาไม่มีทั้งอคติหรือความเห็นใจใด ๆ ให้กับคนเหล่านั้น  แต่มาวันนี้เมื่อได้รับรู้ว่าสิ่งเดียวกันนั้นเกิดขึ้นกับเอริน เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ

 

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด