นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 50 การปะทะของหญิงสาว
เม้าเทนซีไม่ได้ลืมเรื่อง ‘การเคลือบทอง’ อีกเป็นครั้งที่สอง นางพูดออกมาอย่างสบาย ๆ และไม่ลืมที่จะแสดงท่าทางเคารพต่อมาสเตอร์คนใหม่ของนางทว่านางกลับไม่ได้สังเกตเห็นถึงสีหน้าที่ดูไม่ค่อยพึงพอใจของเลเจนดารี่เมจเลยแม้แต่น้อย แน่ล่ะ ! หากว่านางสังเกตเห็นอะไรสักอย่าง นางก็คงจะไม่พูดต่อ
จู่ ๆ ชารอนก็หัวเราะออกมา นางกลอกตาไปมาขณะที่ความหม่นหมองในตาค่อย ๆ หายไป “เคลือบทองอย่างนั้นรึ? เพียงเพราะข้าเป็นเลเจนดารี่เมจเนี่ยนะ ?”
เม้าเทนซีพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ! หากนับรวมท่านแล้ว ข้าจะมีอาจารย์ที่เป็นเลเจนดารี่ 3 คน ซึ่งจะเพิ่มภูมิหลังที่ดีให้กับข้า”
ชารอนยิ้มออกมาอย่างสง่างามก่อนที่จะถามกลับ “แล้วอีกสองคนเป็นใครล่ะ ?”
“คนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสจากเผ่าของข้า และอีกคนเป็นซอร์ดเซนต์ของจักรวรรดิมิลเลนเนียล” เม้าเทนซีตอบอย่างเบิกบาน นางเอามือทัดผมไว้ที่หลังหูและเอียงใบหน้าจิ้มลิ้ม คงไม่มีใครคิดว่าเด็กผู้หญิงจากแคลนเดอร์จะเปล่งออร่าหญิงสาวออกมาได้ขนาดนี้
ชารอนหัวเราะ “เจ้าจะบอกว่าเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีเจลันแห่งจักรวรรดิมิลเลนเนียลงั้นหรือ ?”
“นางเป็นท่านย่าของข้าเอง”
รอยยิ้มของชารอนชะงักไปทันทีก่อนจะกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว สายตานางจ้องเขม็งไปที่แบล็คโกลด์ทว่าสิ่งที่แบล็คโกลด์แสดงออกตอบกลับมามีเพียงแววตาใสซื่อเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนคนใหม่นี้ถูกส่งให้ชารอนนานแล้ว แต่ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเลเจนดารี่เมจให้ความสนใจกับตัวเลขข้างในเท่านั้นและไม่ได้สนใจอย่างอื่น
ชารอนเหยียดมือเรียวยาวออกมาคว้าผลไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่ามือของนางไว้ก่อนจะสะบัดเปลือกออกอย่างง่ายดายเผยให้เห็นเนื้อไร้ตำหนิที่อยู่ด้านใน นางหยิบออกมากลีบหนึ่งและโยนเข้าปากไปก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าได้ยินมาว่าจักรวรรดิมิลเลนเนียลมีสายเลือดของเอลฟ์ระดับสูงอยู่ด้วย พวกเขามีลูกหลานแบบเจ้าได้ยังไง ? เจ้าเพิ่งมาจากทวีปแคลนเดอร์ได้ไม่นานมิใช่รึ !?… โอ้ จริงสิ เจ้าชายคนที่ 3 ในจักรวรรดิของเจ้า แม่ทัพคนที่เด็กที่สุดในบรรดาแม่ทัพใหญ่ทั้ง 4 คนที่ชื่อเกรย์ฮอว์ค เขาได้นำทัพทหาร 50,000 คนเดินทางไปยังแคลนเดอร์เมื่อหลายสิบปีก่อนใช่หรือไม่ ?”
“โอ้ ! ใช่ แต่ไม่นานหลังจากที่เขาเดินทางเข้าสู่แคลนเดอร์ เขานำกองทัพมาต่อสู้กับเหล่านักรบผู้กล้าหาญของเผ่าข้าที่เพลนอินทรีย์เหินฟ้า แต่ไม่นานนัก โทเทมิควอริเออร์ของแม่ข้าก็จัดการและจับตัวเขาไว้ได้ แต่ท่านเพียงอยากขู่ให้เขากลัว หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เลยปล่อยเขาไป แล้วเจ้าชายองค์นั้นน่ะ สุดท้ายก็กลายมาเป็นพ่อของข้า”
เสียงกรุบ ๆ ดังมาจากปากของชารอนขณะที่ฟันของนางเคี้ยวเมล็ดผลไม้ นางกลืนลงไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าผลไม้นั้นไม่มีเมล็ด บางครั้งเลเจนดารี่เมจก็มีแรงกัดเทียบเท่ากับมังกร
“นั่นหมายถึงแม่ของเจ้าก็เป็นเลเจนดารี่ด้วยเช่นกัน มีเลเจนดารี่ถึง 4 คนคอยหนุนหลังเจ้าอยู่ อืม… ไม่เลวเลยนี่”
เม้าเทนซีพยักหน้า “ใช่แล้ว และท่านก็จะเป็นคนที่ 5 ท่านผู้อาวุโสเคยบอกข้าว่าการมีภูมิหลังแบบนั้นจะทำให้ข้าเป็นคนน่าเกรงขามในเกือบทุกที่ของนัวแลนด์ และข้าแค่ต้องพูดถึงมันขึ้นมาเมื่อข้าเจอปัญหาเท่านั้นแหละ แล้วพวกศัตรูก็จะกลัวจนหัวหดจนยอมถอยไปเอง ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เลย”
ชารอนหัวเราะและพูดด้วยเสียงแปลก ๆ “หึ ! เข้าใจคิดนะ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนว่าเจ้ากำลังใช้เลเจนดารี่ 4 คนนั้นเพื่อทำให้ข้าเกรงกลัวล่ะ ? นั่นคือเหตุผลที่ในตอนนี้เจ้าดูเหมือนจะไม่เคารพข้างั้นรึ !? ถ้าอย่างนั้นมาดูกันซิว่าคนที่อยู่ข้างหลังเจ้าในตอนนี้น่ะ มีใครอยากจะสู้กับข้าบ้าง ?”
ว่าจบ ดวงตาของชารอนก็ปล่อยลำแสงพุ่งออกมา เส้นผมสีบลอนด์ชี้ขึ้นกลางอากาศ แสงที่ส่องออกมานั้นสว่างจ้าจนคนอื่นมองไม่เห็นใบหน้าของนาง ขณะนั้น เลเจนดารี่กำลังกวาดตามองใบหน้าของคนทั้ง 4 ที่อยู่ข้างหลังเม้าเทนซีอย่างละเอียด
ผู้คุ้มกันทั้งสองร้องโหยหวนขณะที่ถูกแรงกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลถึง 10 เมตร มันรุนแรงราวกับว่าถูกตีเข้าอย่างแรงด้วยค้อนที่มองไม่เห็น หลังจากถูกแรงปะทะ ทั้งสองก็กระแทกเข้ากับผนังอย่างจังก่อนไถลลงพื้น สตีลร็อคเองก็ถอยหลังไปหลายก้าวเช่นกัน เขาร้องตะโกนแต่ยังทรงตัวไว้ได้ก่อนจะเตรียมตัวโจมตีกลับและจ้องเขม็งไปที่ชารอนแม้ในตอนนี้จมูกของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดแล้วก็ตาม มีเพียงแค่ชายชราคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ได้ทว่าเส้นผมของเขาก็ปลิวไปข้างหลังราวกับถูกพัดไปโดยสายลมที่รุนแรงเช่นกัน เครื่องประดับที่เป็นกระดูกสองชิ้นซึ่งห้อยคอของเขาอยู่นั้น ในตอนนี้มันได้ระเบิดออกมาเสียงดังจนเกิดควันสีขาวจาง ๆ
รอยยิ้มที่สิ้นหวังฉายขึ้นบนใบหน้าของชายชราขณะที่เขาลืมตาทั้งสองขึ้น ริมฝีปากแห้งเหี่ยวนั้นดูเหมือนกับว่าเขากำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างทว่าการเคลื่อนไหวของเขานั้นยังเชื่องช้าเหมือนเคย นั่นต่างจากชารอนที่รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว นางได้พูดอะไรไปยาวเหยียดแล้วก่อนที่ชายชราจะทันได้พูดอะไรออกมา
“ฮ่า ! เปิดเผยตัวซักทีนะ ! ถึงแม้เราจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ออร่าอสูรโบราณนั่นหลอกข้าไม่ได้หรอก เจ้าปลุกข้าจากการนอนพักผ่อน ! ชาแมนอูราซัดซูใช่หรือไม่ ? เจ้ามาทำอะไรที่นี่ !? มาทำอะไรที่นี่แทนที่จะอยู่ในศาลเจ้าอาเชอร์สโนว์ ! ดูเหมือนว่าเจ้าอยากมีเรื่องกับข้า !” ชารอนหันไปโบกมืออย่างรุนแรงให้เหล่าแกรนด์เมจและเอ่ยว่า “ออกไป ! แขกที่รักของข้าจะได้ไม่ต้องบอกว่าข้าชนะเพราะมีจำนวนคนมากกว่า นี่ ชายแก่ เจ้าอยู่ในระดับเลเจนดารี่มากว่า 50 ปีแล้ว ถ้าเจ้าแพ้ก็อย่าหาว่าข้าเอาเปรียบล่ะ อ้อ แล้วก็เจ้าตัวใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นน่ะ มาสู้ด้วยได้นะ ! ส่วนสองคนที่ไร้ประโยชน์นั้นข้าคิดว่าคงยืนไม่ได้ไปอีกสักพัก”
แกรนด์เมจต่างมองหน้ากันไปมาแต่ก็ยังไม่มีใครขยับตัว ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมชารอนเรียกประชุมด่วนทุกครั้งที่มีแขกมาพบ นั่นก็เพื่อโอ้อวดความแข็งแกร่งของนาง และจะได้มั่นใจในจำนวนคนหากต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่ในครั้งนี้เลเจนดารี่เมจมั่นใจในคู่ต่อสู้มาก นางเพียงต้องการให้เหล่าแกรนด์เมจมาเป็นผู้ชมเท่านั้น
ในที่สุดชารอนก็ยืนขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายนี้และบีบมือทั้งสองเข้าด้วยกัน ประกายความตื่นเต้นฉายชัดในแววตา “มันก็นานมาแล้วที่ข้าได้มีการต่อสู้ที่ดี ได้ยินมาว่าบาร์บาเรียนชอบต่อสู้มากกว่าเจรจา และวันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นก็ให้มันจบไปเร็ว ๆ เถอะ หากพวกเจ้าไม่โจมตีซะตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะทำเอง !”
อูราซัดซูใช้ไม้เท้าตีไปที่พื้นเพื่อหยุดยั้งสตีลร็อคผู้ซึ่งเตรียมพร้อมจะต่อสู้ เขาส่ายหน้าและเอ่ยออกมา “ท่านชารอน เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อปกป้องหญิงสาวคนนี้ อีกทั้งก็เพื่อแสดงถึงความจริงใจของพวกเรา ถ้าจุดมุ่งหมายคือการตามหาเลเจนดารี่เมจคนไหนก็ได้ให้มาเป็นอาจารย์ของเม้าเทนซี พวกเราคงจะไม่ยอมเสียเงินมากขนาดนี้”
ท่าทางของชารอนผ่อนคลายลงเล็กน้อย ชาแมนคนนี้พูดถูก หากผู้หญิงคนนี้ต้องการแค่สถานะ เงินจำนวน 2,000,000 เหรียญนี้ก็สามารถทำให้นางได้เลเจนดารี่เมจคนใดก็ได้ที่ต้องการ ไม่ใช่เมจทุกคนที่จะสะสมความร่ำรวยได้เหมือนนาง
ชาแมนมองเห็นแววตาที่ลังเลของชารอนจึงคว้าโอกาสนั้นไว้อย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่เลเจนดารี่ทุกคนที่จะมีคุณสมบัติในการสอนท่านเม้าเทนซีได้ แท้จริงแล้วรายชื่อที่มีนั้นสั้นนิดเดียว”
“โอ๊ะ ? มีกี่ชื่อล่ะ ?” เขาล่อลวงนางได้สำเร็จ
“2 ชื่อ” จำนวนนั้นทำให้ชารอนประหลาดใจขึ้นมา ทว่านางก็แสดงอาการปลื้มใจอย่างเห็นได้ชัด อีกชื่อน่าจะเป็นซอร์ดเซนต์แห่งจักรวรรดิมิลเลนเนียลแน่ ๆ และนั่นก็เป็นคนที่เทียบเท่ากับนางได้อย่างแท้จริง
นี่หมายความว่าศาลเจ้าอาเชอร์สโนว์และจักรพรรดินีเจลันมองข้ามเลเจนดารี่เมจคนอื่นทั้งหมดในทวีป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาจมีเหตุผลอื่นอยู่เบื้องหลังการเลือกทำแบบนี้ด้วย ทว่าในตอนนี้ชารอนไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
“เอาล่ะ เอาล่ะ ชายแก่ แม้ว่าเจ้าจะรบกวนการนอนของข้า แต่เจ้าก็มีรสนิยมที่ดีและยังได้รับพรจากอสูรเทพเจ้า ไม่เลวเลย ! ค่าใช้จ่ายนั่นแสดงถึงความจริงใจได้มากพอแล้ว งั้นก็เอาล่ะ เม้าเทนซี ทำไมชื่อของเจ้าถึงได้แปลกเช่นนี้ล่ะ ? มันฟังดูไม่เหมือนชื่อของชาวแคลนเดอร์” ชารอนเริ่มสงบลงและสายตาที่นางมองไปยังเม้าเทนซีก็อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะคำพูดของชายชรา แต่เป็นเพราะราคาต่างหาก เงินจำนวนมหาศาลนั้นมากพอที่จะทำให้เลเจนดารี่เมจอ่อนลงได้
และเพราะการที่ชารอนอารมณ์ไม่ดีก่อนหน้านี้นั้นเป็นผลมาจากการที่นางเพิ่งตื่นนอน ทว่าตอนนี้พวกเขาได้เผชิญหน้าอยู่กับชารอนผู้มีสติที่แท้จริงแล้ว
คำตอบของเม้าเทนซีในครั้งนี้ต่างจากคำตอบที่นางเคยให้ไว้กับริชาร์ด “เหล่าท่านผู้อาวุโสบอกว่าความสูงของภูเขาและความลึกของทะเลนั้นเทียบได้กับความร่ำรวยของข้า”
ชารอนปิดปากและหัวเราะอย่างสุขุม “ความร่ำรวยที่สามารถพรรณนาได้จากภูเขาและทะเล เจ้ากำลังบอกข้าว่าเจ้าร่ำรวยกว่าข้าอย่างนั้นรึ ?”
นี่เป็นเรื่องตลกที่ไม่ตลกเลย เหล่าแกรนด์เมจทำได้แค่ฝืนหัวเราะออกมาเพื่อสนับสนุนมาสเตอร์ของพวกเขาเท่านั้น ในตอนนี้มีเพียงคนแคระเกรย์คนเดียวเท่านั้นที่มีสีหน้าบูดเบี้ยวซึ่งดูสับสนระหว่างหัวเราะและร้องไห้
เม้าเทนซีพยักหน้าและตอบอย่างตรงไปตรงมาตามแบบของนาง “ข้าเป็นนักเรียนของท่านที่จ่ายเงินเรียนเอง ซึ่งการที่จะเป็นนักเรียนของท่านที่จ่ายเงินเรียนเองได้นั้น จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อนักเรียนมีเงินมากกว่าเท่านั้น เงิน 10,000,000 เหรียญน่ะ มันก็แค่น้อยนิด ! ท่านไม่ต้องคิดจริงจังไปหรอก และแน่นอน ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมในทวีปนัวแลนด์การเคลือบทองถึงเป็นที่นิยมกว่าการชุบด้วยเหล็กหยกเวทมนตร์”
รอยยิ้มของชารอนชะงักไป นางเลิกคิ้วและถามซ้ำด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน “เจ้าบอกว่าเจ้าร่ำรวยกว่าข้าอย่างนั้นรึ ?”
“แน่นอน !” เม้าเทนซีพยักหน้าอย่างเกรี้ยวกราด
คอมเม้นต์