นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 73 มรดกของซิลเวอร์มูน ตอนที่ 1
“เฮ้ ! เจ้าคิดอะไรอยู่รึเปล่า ?” เสียงของกาตอนดังขึ้นทำให้ริชาร์ดที่กำลังอยู่ในภวังค์ความคิดถึงกับสะดุ้ง เขาตั้งสติทันทีและส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ “ไม่มีอะไร”
กาตอนไม่ได้ถามอะไรต่อและเดินไปอีกสองสามก้าวก่อนจะนั่งลงบนป้ายจารึกหลุมศพป้ายหนึ่ง การกระทำของเขาดูเหมือนไม่ให้ความเคารพกับบรรพบุรุษของเขาเลย ซึ่งนั่นทำให้ริชาร์ดรู้สึกประหลาดใจ
จากสิ่งที่เขาเรียนรู้มาคือขุนนางของนัวแลนด์นั้นเคารพนับถือบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง หลายตระกูลส่งต่อเวทมนตร์ลับ ๆ ให้กันรุ่นสู่รุ่นเพื่อรักษาส่วนของจิตวิญญาณของบรรพบุรุษไว้ โดยใช้ความรู้ที่สืบทอดมาเพื่อปลดปล่อยสกิลลับที่ทรงพลัง นอกเหนือจากเทพเจ้าต่าง ๆ และวิหารแห่งมังกรนิรันดรแล้ว การบูชาบรรพบุรุษก็เป็นส่วนสำคัญของความเชื่อของคนในทวีป แต่ในความเป็นจริงแล้วชาวบาร์บาเรียนของแคลนเดอร์รวมถึงชนเผ่าทางทะเลต่างให้ความสำคัญกับบรรพบุรุษมากกว่าพวกเทพเจ้า นั่นเป็นเพราะเหล่าบรรพบุรุษเป็นจุดมุ่งหมายหลักที่พวกเขาศรัทธา
“เจ้าคิดว่ามันเหลือเชื่ออย่างนั้นหรือ ?” กาตอนยิ้มและมองริชาร์ด
นอกเหนือจากความรู้สึกที่เหมือนโดนทิ่มแทงหัวใจอยู่ตลอดเวลา ริชาร์ดยอมรับเลยว่าการกระทำของกาตอนนั้นไปในทางเดียวกับความคิดของเขา และรอยยิ้มของกาตอนก็เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น
“พวกเราอาเครอนสนใจแต่ภาคปฏิบัติเท่านั้น หากว่าต้องการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ เราก็จะปลุกพลังในสายเลือดและแพร่พันธุ์ลูกหลานด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ มันมีประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งอื่นใดและมันก็เป็นความเคารพแบบที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณของพวกเรา ! เอาล่ะ เด็กน้อย มาดูกันซิว่าหลายปีมานี้เจ้าได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง ส่วนเรื่องเวทมนตร์และรูนก็ลืมไปได้เลยเพราะข้าไม่รู้เรื่องพวกนั้น ดูจากร่างกายและฝีเท้าของเจ้าแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้เรียนรู้เทคนิคบางอย่างมา ไหนลองแสดงให้ข้าดูหน่อยซิ !”
กาตอนกอดอกและนั่งลงโดยไม่มีแบบแผน สายตาของเขาเริ่มกวาดไปทั่วร่างกายของริชาร์ด ทุก ๆ ครั้งที่เขามองมา ริชาร์ดจะรู้สึกราวกับชายคนนั้นกำลังมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
ริชาร์ดสงบสติอารมณ์และหยิบกริชสีดำทื่อ ๆ ออกมาก่อนจะเริ่มแสดงเทคนิคการต่อสู้ของโลกมืดที่เขาได้เรียนรู้มาจากนายาให้กาตอนดู คำสาปของใบมีดแห่งความพิบัตินั้นเป็นอบิลิตี้ทางสายเลือด เขาจึงไม่สามารถเรียนรู้มาได้ และต่อให้เขาเรียนรู้ได้ เขาก็จะยังคงเป็นรูนมาสเตอร์และเมจอยู่ดี นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งรบกวนใจพวกนั้นและใส่มันเข้าไปในตารางเวลาประจำวันของเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถทำด้านไหนได้ดีเลย
เทคนิคเหล่านี้ไม่ซับซ้อนนัก ความยากลำบากก็คือความแม่นยำในการลงมือสังหาร เมื่อใบมีดแห่งความพิบัติจู่โจมเป้าหมาย ความสามารถในการใช้มีดที่นายามีนั้นโดดเด่นนัก เขาสามารถใช้มีดตัดเส้นผม 1 เส้นออกเป็น 3 ส่วนได้ พละกำลังของร่างกายจึงถือเป็นข้อจำกัดของนายา ทว่าเขาก็ใช้แค่ความสามารถล้วน ๆ เพื่อกระโดดข้ามระดับในการต่อสู้ก่อนที่จะหายตัวไปจากหมู่อาชญากร นายาผู้ที่อยู่ในระดับ 16 มักจะพึ่งคำสาปและเทคนิคการต่อสู้ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อที่จะสังหารแม้กระทั่งเหล่าเซนต์ระดับสูง !
วิสัยทัศน์ที่เป็นตัวเลขของริชาร์ดทำให้เขาขยายขีดจำกัดเป็นตรรกะได้ เขาทำได้แม้กระทั่งระบุการเปลี่ยนตำแหน่งคมมีดของเขาในระยะมิลลิเมตร — หากเขาสูงขึ้น 5 มิลลิเมตร หรือต่ำลง 2 มิลลิเมตร เขาก็จะสามารถปรับปรุงการโจมตีครั้งต่อไปเพื่อแก้ไขความแตกต่างนั้นได้ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ไฟเตอร์ (นักสู้) ตัวเขาจึงมีข้อกำจัดในการควบคุมร่างกายทั้งหมดของตนเอง ทว่าถึงอย่างไรเขาก็สามารถเลือกเครื่องมือและสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างรูนได้ รวมถึงสามารถควบคุมพรีซิชั่นของเขาให้ความคลาดเคลื่อนอยู่ภายใต้ 2 ใน 10 ส่วนของมิลลิเมตรได้ด้วย — 1 ใน 10 ส่วนนั้นคือขีดจำกัดของรูนมาสเตอร์ และการปรับปรุงเพิ่มเติมใด ๆ จะต้องมาจากความเข้าใจในเวทมนตร์และการเลือกใช้วัตถุดิบ แต่ในการต่อสู้นั้นมันจะดีกว่าหากเขาสามารถดัดแปลงให้เป็น 1 มิลลิเมตร และเมื่อเขาใช้เออรัพชั่นด้วยมันก็จะทำให้ความแม่นยำของเขาลดลง เขาใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 นาทีในการแสดงเทคนิคการต่อสู้ชุดนี้ ในความเป็นจริงแล้ว เทคนิคการต่อสู้ทั้งชุดนี้ถูกสร้างขึ้นจากการนำท่าทางการเคลื่อนไหวที่แยกกันมารวมเข้าด้วยกัน ซึ่งบางท่านั้นอาจดูแปลกพิกล ตัวอย่างเช่นการเคลื่อนไหวที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้มันเพื่อช่วยชีวิตของตัวเองไว้นั่นก็คือ — ท่าจิ้งจกคลาน เทคนิคการต่อสู้ชุดนี้ถูกแสดงขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบจนแม้กระทั่งใบมีดแห่งความพิบัติยังต้องประทับใจหากเขาได้เห็นมัน แต่ก็น่าแปลกที่ริชาร์ดสามารถแสดงออกมาได้อย่างสุดความสามารถโดยอัตโนมัติก็ตอนที่กาตอนอยู่ด้วย
ริชาร์ดไม่ใช่วอริเออร์ ถึงแม้การใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาจะทำให้เขามีพื้นฐานที่ดีแต่เขาก็ยอมเสียสละความแข็งแกร่งบางอย่างไปเพื่อที่จะได้เป็นเมจ และถึงแม้เขาจะได้รับการดูแลอย่างดีจากชารอน แต่เขาก็ไม่ได้มีองค์ประกอบของการเป็นวอริเออร์ที่มีพรสรรค์อีกต่อไป ดังนั้น การเคลื่อนไหวที่เน้นความแม่นยำดูเหมือนจะเหมาะกับตัวเขามากกว่า
กาตอนไม่ได้มีท่าทียินดีหรือชื่นชมใด ๆ เมื่อได้เห็นเทคนิคเหล่านั้น ทว่าเขากลับส่ายหน้าและพูดขึ้น “เฮ้ ! เอาเศษเหล็กในมือเจ้ามาให้ข้าดูซิ !”
ริชาร์ดส่งกริชในมือให้กับกาตอนโดยดี กริชเล่มนี้ทำมาจากเหล็กกล้าบริสุทธิ์ มันมีน้ำหนักมากกว่าเหล็กทั่วไปถึง 6 เท่าและลงอาคมด้วยออปสคูริตีั (ความมืดมัว) และชาร์ปเพน (ความคม) ออปสคูริตีันั้นทำให้กริชเล่มนี้มีสีดำทึบจนแทบไม่สามารถสะท้อนแสงได้ มันจึงใช้ซ่อนไว้ในที่มืดมิดได้ดี ส่วนชาร์ปเพนนั้นทำให้มันมีประสิทธิภาพมากกว่ากริชเหล็กกล้าทั่วไปถึง 20% หากกริชเล่มนี้อยู่ในมือของแอสซาซินที่เหมาะสม มันจะเป็นอาวุธสังหารที่ยอดเยี่ยมได้เลย
คุณภาพทั้งหมดของมันทำให้มันมีราคาแพงมากอย่างไม่ต้องสงสัย มันสามารถมีมูลค่าได้มากกว่า 8,000 เหรียญอย่างง่ายดาย แน่นอนว่านี่เทียบกับอะไรในดีพบลูไม่ได้เลยแต่มันเป็นกริชที่นายามอบให้เป็นของขวัญจากของสะสมที่เขามี เพียงแค่นี้ก็เน้นย้ำถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างชนชั้นสูงปกติและคนที่เป็นเลเจนดารี่ได้แล้ว
กาตอนพ่นลมหายใจทางจมูกเสียงดังก่อนกระแทกกริชเล่มนั้นให้เป็นเหมือนลูกบอลและโยนเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟ “นั่นมันอาวุธของพวกตุ๊ดชัด ๆ ! เจ้าเป็นลูกชายของข้า และเป็นลูกชายของเอเลน่า ! เจ้าเป็นถึงรูนมาสเตอร์และเมจที่จะก้าวหน้าไปเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่หนูตัวเล็ก ๆ ที่คอยแอบอยู่ตามโลกของพวกนักเลง ! แน่นอนว่าเจ้าอาจจะเป็นเลเจนดารี่ได้โดยการฟันแทงผู้คน แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะเป็น ! เจ้าไม่มีคุณสมบัตินั้นเลยสักนิด ! โชคดีที่คนที่สอนเทคนิคพวกนี้ให้กับเจ้าเขาสอนมาแค่พื้นฐานเท่านั้น มันแทบจะเรียกว่าเทคนิคการต่อสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และมันจะไม่กระทบถึงอนาคตของเจ้าด้วย ถ้าไม่งั้นล่ะก็ ข้าคงจะต้องเดินทางไปถึงดีพบลูแล้วสับมันเป็นชิ้น ๆ !”
ริชาร์ดไม่ใช่เด็กอายุ 15 ปีทั่วไป สติปัญญาของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วง 5 ปีของการทดสอบที่เข้มข้น เขามาถึงจุดที่สามารถซึมซับความรู้ได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า ดังนั้นความสามารถในการทำความเข้าใจโลกรอบ ๆ ตัวของเขาจึงเทียบได้กับคนวัย 30 ปี และความรู้ของเขานั้นก็เทียบเท่ากับคนที่อายุ 32 หรือ 33 ปีด้วย
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดที่รุนแรงของกาตอนมากนักเพราะเขาตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่คิดว่าท่านจะต้องเดินทางไปถึงดีพบลูเพียงเพื่อจัดการกับอาจารย์คนนี้ของข้า ส่วนมอร์เดร็ดก็ลืมไปได้เลย แค่คนใดคนหนึ่งใน 4 คนที่เราเห็นก่อนหน้านี้ก็เพียงพอแล้ว ทำไมท่านถึงจะต้องเดินทางไปด้วยตัวเองล่ะ ? ท่านกังวลเรื่องมาสเตอร์อย่างนั้นหรือ ?”
“ทำไมข้าจะต้องกังวลใจเรื่องนางด้วย ? ตลกสิ้นดี !” กาตอนยืดตัวขึ้นจากแผ่นจารึกหลุมฝังศพและทำท่าทีโมโหทว่าใบหน้าซีดเผือด นี่เป็นการควบคุมตัวเองได้น้อยที่สุดของกาตอนที่ริชาร์ดเคยเห็นมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักได้เช่นกัน เขารีบหัวเราะออกมาอย่างฝืน ๆ และนั่งลงบนแผ่นจารึกช้า ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กว่าที่เขาจะเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง พฤติกรรมแปลก ๆ ที่ดูไม่เอาจริงเอาจังของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมดูมีเกียรติเข้ามาแทนที่แล้วจนทำให้เขาดูเหมือนแบบอย่างของขุนนางชั้นสูง อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดสัมผัสได้ว่าท่าทางที่กาตอนแสดงออกมาในตอนนี้ก็เพื่อปกปิดความกระอักกระอ่วนใจเท่านั้น
“หึ ชารอนคนนั้นน่ะ ทำไมข้าจะต้องกลัวนางด้วย ? แต่ว่าถ้าให้พูดตามตรง แม้ว่าพ่อของเจ้าจะเรียกได้ว่ามีฝีมือดี แต่เอาเข้าจริง ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะมังกรดำ 3–5 ตัวได้ด้วยตัวคนเดียว อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะงั้นการที่ข้าจะลุยเดี่ยวไปต่อสู้กับผู้หญิงที่หมกมุ่นแต่เรื่องเงินคนนั้นมันย่อมไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่หากว่าข้าไปดีพบลูเพื่อสังหารคนตัวเล็ก ๆ สักคน นางคงไม่ถึงขั้นตอบโต้หรือฆ่าข้าหรอก และยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ข้าไม่สามารถทำอันตรายนางอย่างรุนแรงได้” เสียงของกาตอนนั้นเคร่งขรึมทว่าท่าทางที่สง่าผ่าเผยกลับแสดงออกมาไม่ถึงครึ่งของตอนแรก
คอมเม้นต์