นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 2 ตอนที่ 126 ข่าวสาร ตอนที่ 1
หลังจากการเพาะ ‘เมล็ดพันธุ์’ เสร็จสิ้นริชาร์ดก็เดินกลับมาที่ฐานพร้อมกับโฟลว์แซนด์ ในเวลานี้เขาเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว และในหัวของเขาก็เริ่มจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องจัดการทันที สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรวบรวมข้อมูลของบารอนและทำการศึกษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่โดยรอบเพื่อเตรียมการตั้งรับอันตรายในทุกรูปแบบที่พวกเขาอาจต้องเผชิญ รวมไปถึงการเตรียมตัวในการดำรงชีวิตและเอาชีวิตรอดในเพลนใหม่นี้ด้วย หลังจากรวบรวมข้อมูลและสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคนแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องทำแต่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิ่งอื่นก็คือ การจัดตั้งกองทัพของเขาบนเพลนแห่งนี้
ในตอนนั้นเองทุกคนที่ทำสัญญากับริชาร์ดต่างก็รีบเร่งกลับมายังฐานอย่างรวดเร็วเพื่อดูให้แน่ใจว่าริชาร์ดยังคงปลอดภัยดี และในทันทีที่พวกเขากลับมาถึงริชาร์ดก็มอบหมายงานให้กับพวกเขาอีกครั้งโดยเขาสั่งให้โอล่าออกไปกับแกงดอร์และวอเตอร์ฟลาวเวอร์เพื่อสำรวจภูมิประเทศรอบ ๆ พื้นที่แห่งนี้ ในเวลานี้โอเกอร์ทั้งสองก็ตื่นขึ้นแล้วเช่นกันและพวกมันก็กำลังช่วยเหล่าไนท์เก็บกวาดและซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ตกอยู่ภายในสนามรบอย่างแข็งขัน
ตอนนี้ทีรามิสุได้โชว์ความสามารถของมันโดยการสร้างม้วนกระดาษคาถาแปลภาษาจำนวนมาก เพราะเวลานี้ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตของทุกคนภายในเพลนใหม่แห่งนี้คือการเอาชนะอุปสรรคทางด้านภาษาให้ได้
ส่วนในเรื่องความคืบหน้าในการสอบปากคำเหล่าเชลยของโอล่านั้นเป็นไปอย่างล่าช้า ข้อมูลที่พวกเขาได้มายังไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้นริชาร์ดจึงตัดสินใจที่จะทำมันด้วยตัวของเขาเอง โดยมีโฟลว์แซนด์คอยช่วยควบคุมสถานการณ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีที่ริชาร์ดโกรธจนคลุ้มคลั่งและไม่สามารถห้ามตัวเองได้จนพลั้งมือฆ่าเชลยเหล่านั้น
การสอบสวนก่อนหน้านี้โอล่าได้ข้อมูลบางอย่างมาบ้างแล้ว ทว่าด้วยนิสัยอ่อนโยนของเขาทำให้เขาเค้นเอาข้อมูลที่เป็นประเด็นสำคัญมาได้ช้ากว่าปกติ และสิ่งที่ได้รู้มาก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นประโยชน์เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนของทหารและไนท์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของบารอนหรือแม้แต่แผนการดั้งเดิมที่พวกเขาวางเอาไว้และข้อมูลอื่น ๆ ในเขตแดนของบารอน และเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ริชาร์ดเกิดอาการ ‘หมดความอดทน’ ขึ้นมาทันที
แต่ละชั่วโมงที่ผ่านพ้นไปบ่งบอกถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นทุกขณะ เป็นไปได้ว่าในตอนนี้กองกำลังของบารอนอาจจะใกล้มาถึงที่นี่แล้ว หรือไม่แน่ว่าในเวลานี้ทางวิหารอาจจะส่งกองทัพใหม่ออกเดินทางมาแล้วก็เป็นไปได้ ในระยะเวลาที่กระชั้นชิดและเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายแบบนี้พวกเขาจะมัวเสียเวลาไปกับการรีดเค้นข้อมูลจากเชลยไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ริชาร์ดยังคงมึน ๆ เล็กน้อยในขณะที่เขาเดินเข้ามาภายในห้องสอบสวนขนาดเล็กที่มีเครื่องมือพร้อม ก่อนหน้านี้เชลยทั้งสองต่างคิดว่าตัวเองจะสามารถทนกับบทลงโทษได้ ทว่าทันทีที่พวกเขามองเห็นริชาร์ดก้าวเท้าเข้ามาในห้อง บรรยากาศโดยรอบก็ดูจะเยือกเย็นลงไปอย่างฉับพลัน และแสงสว่างที่มีอยู่ก็ดูเหมือนจะมืดสลัวลงในชั่วพริบตา
เชลยทั้งคู่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้ว จากลักษณะของพวกเขานั้นบอกให้รู้ว่าพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่มีอายุราว ๆ 30 กว่า ๆ และเป็นวอริเออร์ระดับ 5 ที่เชี่ยวชาญทักษะที่หลากหลาย และดูเหมือนว่าร่างกายของพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย จากสายตาของคนทั้งคู่ที่จ้องมองมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแน่วแน่ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าคนเหล่านี้คือทหารกล้าที่เคยผ่านศึกสงครามในสนามรบมาแล้วอย่างโชกโชน
มองเพียงแวบเดียวริชาร์ดก็รู้ได้ในทันทีว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการเค้นเอาควาามจริงออกมาจากปากเชลยคู่นี้ เพราะพวกเขาทั้งคู่แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความอดทนสูงและไม่ยอมแพ้ต่อการถูกทรมาน อีกทั้งภายในตัวของพวกเขายังเต็มไปด้วย ‘ความศรัทธาที่เด็ดเดี่ยว’ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่คอยช่วยปกป้องจิตใจของพวกเขาจากความทรมานทุกรูปแบบที่พวกเขาต้องพบเจอได้
เชลยมองสำรวจริชาร์ดเช่นเดียวกับที่เขาทำ ริชาร์ดก้าวเดินช้า ๆ อยู่ในห้องนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่แขนของเขาแกว่งไปมาเล็กน้อย ถึงแม้นั่นจะเป็นการก้าวเดินที่ดูไร้จุดหมาย แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นคง ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าเชลยทั้งสองในเวลานี้ดูน่าหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูกซึ่งนั่นก็ทำให้สายตาเด็ดเดี่ยวหยิ่งทะนงของพวกเขาต้องเปลี่ยนไป และยิ่งเมื่อพวกเขามองเห็นโฟลว์แซนด์ที่เดินตามหลังริชาร์ดมาติดๆ ท่าทางท้าทายและไม่ยอมแพ้ของพวกเขาที่มีเมื่อครั้งที่เอลฟ์บาร์ดเป็นผู้สอบสวนก็เปลี่ยนไปในทันทีด้วยเช่นกัน
ริชาร์ดก้าวเท้าเข้ามาในห้องพร้อมอุปกรณ์ครบมือ เขาตรงเข้าไปตรวจสอบวอริเออร์ที่ได้รับบาดเจ็บในทันที การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีทักษะซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้รับการฝึกฝนมาจากนายามานับครั้งไม่ถ้วน ทุกอย่างเป็นไปอย่างแม่นยำโดยที่เขาไม่ต้องนึกหรือคำนวณไว้ล่วงหน้าซึ่งนี่ก็ถือเป็นหนึ่งในทักษะที่แท้จริงของโลกมืด
เขาไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ๆ เลยในขณะที่เขาก้าวเดินเข้ามาก่อนกวาดสายตาตรวจสอบดูรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ซึ่งนั่นสร้างความหวาดกลัวให้กับเชลยทั้งสองอย่างมาก
“นี่ นี่!” หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นทันทีหลังจากที่เห็นริชาร์ดใช้โซ่ล่ามเขาและลากขึ้นมาจากพื้น “เจ้า… เจ้าจะทำอะไรข้า ? ”
ริชาร์ดทำหูทวนลมราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงร้องของเขาก่อนที่จะดึงโซ่เพื่อขึงชายคนนั้นไว้เหนือพื้น แล้วเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ ที่แขวนอยู่ภายในห้องนั้น
“อ๊าก ! โอ๊ย ! ไอ้คนป่าเถื่อน ! เจ้าจะต้องถูกไฟเผาจนตาย !” เสียงครวญครางปนสาปแช่งของวอริเออร์ผู้เป็นเชลยดังลั่นห้องสอบสวน มันดังออกไปถึงด้านนอกจนแทบทุกคนที่อยู่ในฐานนั้นได้ยินกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดยังคงนิ่งเฉยกับภาพตรงหน้าและยังลงมือจัดการเชลยผู้นั้นต่อไปด้วยความนิ่งสงบ เครื่องมือที่เปื้อนเลือดของเขาถูกโยนทิ้งไปทีละชิ้นอย่างต่อเนื่อง โฟลว์แซนด์เริ่มร่ายคาถาเลสเซอร์ฮีล*ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เชลยตายไปก่อนจะเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ ภายในเวลาเพียง 5 นาที ริชาร์ดก็ใช้อาวุธที่อยู่ในมือของเขาจนหมด ในตอนนี้ทหารผู้นั้นได้สูญเสียพลังงานที่เขามีทั้งหมดไปแล้วทำให้เสียงด่าทอปนสาปแช่งของเขาเงียบลงไปเหลือเป็นเพียงเสียงร้องอยู่ในลำคอ
*เลสเซอร์ฮีล = คาถารักษาระดับต่ำ
“ต่อไป” นี่เป็นคำแรกที่ริชาร์ดพูดออกมาหลังจากที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องสอบสวนนี้
วอริเออร์คนแรกถูกปล่อยลงสู่พื้นขณะที่ร่างของคนที่สองถูกจับขึงแทนที่ “ไม่ ! อย่าแตะต้องตัวข้า บอกแล้ว ข้ายอมบอกหมดทุกอย่างที่เจ้าอยากฟังแล้ว… อ๊ากกกกกกกก !” วอริเออร์คนที่สองลนลานพูดขึ้นก่อนที่จะถูกทรมานในแบบเดียวกับเพื่อนของเขา ริชาร์ดไม่ได้สนใจฟังเสียงของชายคนนั้นแม้แต่น้อยและเขาก็เริ่มลงมือทำกับเช่นเดียวกันกับเชลยคนแรก
5 นาทีต่อมา ริชาร์ดก็ใช้เครื่องมือของเขาจนหมดไปอีกครั้ง และตอนนี้โฟลว์แซนด์ก็ต้องใช้พลังมากขึ้นในการร่ายคาถาเกรทเทอร์ฮีล**เพื่อประคับประคองชีวิตของเชลยผู้นั้นไม่ให้ตายจากการถูกทรมาน หลังจากริชาร์ดจัดการกับเชลยทั้งสองเสร็จ พวกเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อรอรับการฟื้นฟูบาดแผลที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังคงมีท่าทางเหมือนกับ 10 นาทีก่อนหน้านี้ทว่าความหยิ่งยโสที่เคยฉายชัดอยู่ในดวงตาของพวกเขานั้นจางหายไปจนหมดสิ้น
**เกรทเทอร์ฮีล = คาถารักษาระดับสูง
ริชาร์ดปาอุปกรณ์เปื้อนเลือดในมือของเขาลงไปในถังน้ำเย็นอย่างแรงก่อนเดินไปล้างมือทั้งสองข้างของเขา หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงตรงหน้าเชลยผู้เป็นวอริเออร์ทั้งสองก่อนจะพูดออกมา “เอาล่ะ มีอะไรจะพูดหรือไม่ ? พวกเจ้าก็รู้ดีว่าเคลริคของข้าเพิ่งจะใช้มานาของนางกับพวกเจ้าเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
เหล่าเชยต่างก็ร่างสั่นสะท้าน และ 1 นาทีต่อมาริชาร์ดก็ได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เขาต้องการทั้งหมด เขา ‘ถาม’ คำถามใหม่ที่มีใจความเดิมกับเชลยทั้งสองหลายครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริง ในระหว่างการสอบสวน เชลยทั้งคู่สลบไปสองสามครั้งแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการสอบสวนครั้งนี้เลยเพราะในทุกครั้งที่เชลยคนใดสลบไป เขาก็จะใช้น้ำเย็นสาดเข้าไปที่ตัวพวกเขาเพื่อเรียกสติในทันที
น้ำเย็นถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะความชุ่มชื้นที่ปะทะเข้ากับร่างกายถือเป็น ‘ยา’ ที่สร้างความสดชื่นได้ดีที่สุด และในทุก ๆ ครั้ง น้ำเย็นที่ถูกสาดลงมาจนเปียกโชกไปทั่วทั้งร่างกายก็ช่วยเรียกสติของเชลยให้กลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดริชาร์ดก็ค้นพบว่าเขาไม่สามารถเค้นข้อมูลหรือเบาะแสอะไรเพิ่มเติมจากเชลยทั้งสองคนได้อีกต่อไป และนั่นก็ทำให้ทั้งเขาและโฟลว์แซนด์ต้องหันมองกันอย่างเป็นกังวล จากเบาะแสที่ได้ยินทำให้เขาทั้งสองมั่นใจแล้วว่าในเวลานี้พวกเขาอยู่บนเพลนระดับกลางซึ่งมีกองกำลังทหารที่มีพลังอำนาจ พวกเขาอยู่ในดินแดนที่มีชื่อเรียกว่า ‘ไวท์ร็อคดัชชี่’ ซึ่งดินแดนแห่งนี้มีภูมิประเทศที่ซับซ้อน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยป่าไม้ ไกลออกไปจากบริเวณนี้สิบกว่ากิโลเมตรมีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน และแม่น้ำสายนี้เองที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แผ่นดินบริเวณหนึ่งที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านมีลักษณะเป็นโค้งน้ำซึ่งถูกใช้เป็นที่ตั้งปราสาทของบารอนผู้มีชื่อว่า ‘ฟอร์ซ่า’ ซึ่งปราสาทแห่งนั้นมีท่าเรือสำหรับขนส่งสินค้าอยู่ด้านข้างแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของบารอนผู้นั้น ส่วนโคโจคือ 1 ใน 5 ไนท์ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
เพลนแห่งนี้มีฝนตกชุกตลอดทั้งปีและมีดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงทำให้พวกเขาทำการเกษตรได้ผลดีเยี่ยมและมีอาหารอุดมสมบูรณ์เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงประชากรจำนวนมากของเพลนนี้ได้ บนเพลนนี้ยังมีประชากรมากกว่า 200,000 คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างออกไปจากจุดนี้ราว ๆ 100 ตารางกิโลเมตร รวมไปถึงพวกเขายังมีกองทัพทหารที่มีจำนวนมากกว่า 1,000 คนและสิบกว่าชีวิตในจำนวนนี้มีไนท์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีรวมอยู่ด้วย
ตามธรรมเนียมปฏิบัติของเพลนนี้นั้นอนุญาตให้สามัญชนเป็นไนท์ได้ด้วยการพิจารณาจากพื้นฐานของคุณสมบัติและ ‘อำนาจ’ ของพวกเขา ซึ่งนั่นเองที่ก่อให้เกิดชนชั้นศักดินาเล็ก ๆ ขึ้น และจะต้องมีระดับมากกว่า 10 จึงจะสามารถรับการปฏิบัติเช่นนี้ได้ จากข้อมูลที่ได้ทำให้ริชาร์ดรู้ว่าฟอร์ซ่าอยู่เพียงแค่ระดับ 8 มาตลอดช่วงเวลา 50 ปี แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยลดความกังวลของเขาลงแต่อย่างใด เพราะกองทัพขนาดใหญ่ของบารอนสามารถทำลายกองกำลังเล็ก ๆ ของเขาที่มีคนไม่ถึง 20 คนได้อย่างสบาย
ยิ่งไปกว่านั้นบารอนเป็นผู้ปกครองชั้นสูงของดินแดนขนาดใหญ่แห่งนี้ หากมีวิกฤติเกิดขึ้นเขายังสามารถระดมพลกองทหารผ่านศึก เหล่าทหารอาสา ทหารรับจ้าง และเยาวชนที่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นอาสาสมัครมาเข้ามารวมกลุ่มกับเขาได้ ซึ่งนั่นก็จะทำให้กองทัพของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า แต่แน่นอนว่าภายในกองทัพขนาดใหญ่นั้นจะมีคนจำนวนน้อยกว่า 200 คนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 5 ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่เหลือจะมีระดับที่ต่ำกว่านั้น
คอมเม้นต์