บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 196 แพ้ทาง
บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 196 แพ้ทาง
“เจ้านั่นมัน ตูซือ ไม่ใช่หรือ” เหล่าคนดูต่างมองลงมาที่ลานประลองอย่างสนอกสนใจ เพราะคู่ประลองที่ถูกส่งลงมานั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว
“บ้าเอ้ย เป็นนี่มันกะจะฆ่ากันชัดๆ” เหล่าคนที่ยืนอยู่ในลานประลองร่วมกับไป๋จูเหวินพูดพลางถอยออกห่างจากเขตลานประลอง แต่เพราะที่นี่ถูกสร้างเอาไว้เป็นลานประลองทั้งหมด ไม่มีการตกเวทีทําให้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไม่อาจถอยห่างไปได้
“จะบ้าหรือยังไง อยู่ไปก็ตายพอดี” ชายคนหนึ่งพูดพลางกระโดดขึ้นไปบนชั้น 2 บ่อน
ผลัก! ร่างของชายที่กระโดดลงไปโดนผลักตกลงมาบนพื้นด้วยเหล่าองครักษ์ของขุนนางด้านบน พวกมันต่างเต็มไปด้วยคนระดับเทียนเซียนเต็มไปหมด เรียกได้ว่าไม่มีทางหนีเลย
“พวกแกนี่มันซวยจริงๆ”ตูซือว่าพลางยิ้มกว้าง มันไม่เหมือนทาสอีกฝั่งเพราะมันเป็นผู้ลงประลองด้วยตนเองเพื่อหาความสนุกเท่านั้น
“เริ่มการประลองได้”อยู่ๆเสียงของเจ้าของบ่อนก็ดังขึ้นเหนือหัวของไป๋จูเหวิน ทําให้ตูซือยิ้มกว้างวิ่งพรวดเข้ามาหาพวกคู่ต่อสู้ทันที
“อากกก”เสียงร้องระงมดังขึ้นมาทันทีที่การประลองเริ่มดูเหมือนตูซือจะเป็นพวกใช้วิธีการต่อสู้ที่เน้นความเร็วเป็นหลัก พริบตาเดียวมันก็โจมตีใส่ทุกคนที่ยืนอยู่ในลานประลองจนตายค่าที่ยกเว้นเพียงไป๋จูเหวินคนเดียวเท่านั้น
“เก่งนี่ที่หลบได้”ตูซือว่าพลางสะบัดเลือดออกจากมีดของมัน
“จะหลบได้สักกี่น้ำกัน” ตูซือว่าพลางพุ่งพรวดเข้าไปหาไป๋จูเหวิน มีดในมือของมันแยกตัวออกราวกับมีมีดนับสิบเล่มโจมตีใส่ไป๋จูเหวินพร้อมกัน แต่เพียงเปลี่ยนดวงตาของตนเป็นสีแดงไป๋จูเหวินก็สามารถหลบการโจมตีของตูซือได้ไม่ยาก
นี่นะเหรอคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 เทียบกับผานสิงที่มันเคยต่อสู้แล้ว ตูซือออกจะธรรมดาไปเสียหน่อย
เปรี้ยง! มีดของตูซือกระแทกเข้ากับฝ่ามือของไป๋จูเหวิน แม้จะสมเป็นแรงของผู้ฝึกฝนวิญญาณระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ดี แต่ก็ไม่ดุดันเหมือนที่มันโดนผานสิงโจมตีเสียจนไม่เป็นกระบวน หากเป็นกําลังระดับนี้ละก็มันสามารถต่นได้ไม่ยากนัก
ฟุบ! ร่างของตูซือหายวับไปอยู่ด้านหลังของไป๋จูเหวินเพื่อโจมตีจากด้านหลัง แต่เพราะไป๋จูเหวินสามารถมองได้รอบด้านมันเลยแทบไม่มีผลอะไรเลย แถมความเร็วของมมันยังน้อยกว่าอู๋หมิงเสียอีก
ตูม! ฝ่ามือเพลิงพิโรธถูกซัดออกไปใส่ร่างของตูซืออย่างจัง โชคดีที่มันเอามีดขึ้นมารับเอาไว้ได้ทัน แต่ด้วยแรงกระแทกมหาศาลทําให้มันต้องชะงักไปด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรกัน”ตูซือเบิกตากว้างด้วยความงุนงง พลังระดับนี้มาจากผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับชำระเส้นเอ็นเนี่ยนะ
“หรือว่าเจ้าเป็นผู้ใช้วิชาลอบสังหาร”ตูซือเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าที่ความรู้มันมี ในกลุ่มผู้ลอบสังหารมีวิชาลบล้างพลังของตนเองไม่ให้คู่ต่อสู้ทราบระดับพลังที่แท้จริงของตนเองได้ ยิ่งฝึกพลังที่ออกมาก็ยิ่งน้อยกล่าวกันว่าบางคนสามารถทําตนเองให้เหมือนคนธรรมดาได้เลย
เปรี้ยง! ฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินตรงเข้าเล่นงานตูซือโดยไม่ตอบคําถามของมันแม้แต่คําเดียว
“บ้าอะไรวะ”ตูซือคํารามพลางดันฝ่ามือของไป๋จูเหวินกลับไป เพราะมันเป็นพวกเน้นความเร็วทําให้กําลังของมันอ่อนกว่าคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ปกติ แถมไป๋จูเหวินยังเอาพลังของมันไปเทียบกับผานสิงที่เอาชนะได้แม้แต่คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 3 อีกต่างหาก
“หนอย” ตูซือกัดฟันแน่นพลางนําระเบิดพิษออกมาจากมิติของตนเอง
ตูม ระเบิดพิษทํางานทันทีที่ตูซือปามันลงพื้นที่ให้รอบๆปรากฏควันสีม่วงเต็มไปหมด
ผลัก! ร่างของตูซือลอยหรืออกมาจากควันสีม่วงอย่างแรง แถมกระแทกเข้ากับกําแพงด้านหลังอีกต่างหาก
“ทําไม พิษนั่นเป็นพิษของอสูรแมงมุมระดับเทียนเซียนเชียวนะ”ตูซือถามด้วยสีหน้าตกใจเมื่อเห็นไป๋จูเหวินเดินออกมาจากควันพิษด้วยท่าที่นิ่งเฉย
“แก” ตูซือกําด้ามมีดแน่น ก่อนจะเร่งพลังเซียนออกมาอย่างรุนแรง พริบตาเดียวร่างของตูซือก็พุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินจนแทบประชิดตัว ก่อนที่ร่างของมันจะแบ่งออกเป็น 3 ร่างเข้าโจมตีไป๋จูเหวินพร้อมกัน
เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆ แต่แทนที่จะเป็นฝ่ายไป๋จูเหวินที่โดนโจมตีกลับกลายเป็นฝ่ายตูซือเองที่โดนโจมตีใส่หลายครั้งจนร่างปลอมแตกสลายหายไปในพริบตาเดียว
“อัก”ตูซือกระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวด แม้ฝ่ามือประกายอัสนีจะไม่แรงเท่าฝ่ามือเพลิงพิโรธ แต่เมื่อครู่มันพุ่งใช้พลังทั้งหมดเพื่อเพิ่มความเร็วของตนเองทําให้พลังคุ้มกันตัวอ่อนลงมาก ทําให้มันได้รับบาดเจ็บหนักกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
ตูม! ไป๋จูเหวินเห็นพลังคุ้มกันของอีกฝ่ายยังไม่ฟื้นดีเลยใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธโจมตีไปที่ท้องของมันเต็มแรงส่งผลให้ร่างของตูซือกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกําแพงจนเกิดรอยแตกอีกรอย
ตุบปร่างของตูซือล้มลงนอนกับพื้นแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สลบไป จะเรียกว่าสมแล้วที่อยู่ระดับเทียนเซียนดีหรือไม่
“ฆ่ามัน” เหล่าคนรอบข้างต่างส่งเสียงออกมาทันทีเมื่อเห็นไป๋จูเหวินสามารถเอาชนะตูซือได้อย่างง่ายดาย
“ฆ่ามันเลยเจ้าหนู” ขุนนางหลายๆคนที่แทงข้างพลังต่ำกว่าต่างยืนกันสุดตัวด้วยท่าทีดีใจเพราะรางวัลในคราวนี้มากถึง 10 เท่าตัวนั่นเอง
เปรี้ยง! ไป๋จูเหวินไม่ได้ลงมือฆ่าอย่างที่คนรอบๆบอก เพราะแต่เดิมการประลองก็ไม่จําเป็นต้องจบที่การฆ่าอยู่แล้ว ไป๋จูเหวินเพียงใช้ฝ่ามืออัสนีคู่ดับฟ้าโจมตีเข้าใส่สมองของตูซือเพื่อให้มันหมดสติเท่านั้น
“บ้าเอ้ย” ทันทีที่ตูซือสลบลงองค์ชายชูเจินก็ทุบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโห เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมากจนมันเองยังไม่อยากจะเชื่อ ทั้งๆที่มันเปลี่ยนคนประลองเพื่อจะชนะอย่างแน่นอนแล้วแท้ๆ แต่เจ้าหนุ่มที่มันจับมากลับเอาชนะได้เสียอย่างนั้น
“ฆ่ามัน” องค์ชายสั่งพลางมองไปที่องครักษณ์ของมัน
“แต่ว่าองค์ชาย พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับการพนันไม่ใช่หรือขอรับ” องครักษณ์คนหนึ่งถามด้วยสีหน้าตกใจ
“ไม่เกี่ยวกับการพนันแล้ว แต่เจ้านั่นมันทําข้าเสียเงิน ฆ่ามันซะ” องค์ชายชูเจินว่าพลางบอกให้เหล่าองครักษณ์ลงไปจัดการไป๋จูเหวินซะ
เปรี้ยง! การโจมตีขององครักษณ์ขององค์ชายชูเจินถูกหยุดเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว ทําให้องค์ชายงุนงงอย่างมากเมื่อเห็นคนจํานวนหนึ่งลงมาปกป้องไป๋จูเหวินเอาไว้ ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือองครักษณ์ของอาณาจักรอู๋นั่นเอง
“ใจเย็นก่อนองค์ชาย” อู๋หมิงว่าพลางเดินลงมาที่ลานประลอง
“องค์ชายอู๋หมิง…” ชูเจินกัดฟันแน่นพลางนั่งลงช้าๆ ตอนนี้มันไม่มีเงิน 100,000 ล้านเหรียญทองไปจ่ายธุ์หมิงแน่นอนอย่างน้อยมันก็ต้องหาเวลาหลายปีในการเก็บเงินจํานวนนี้มาคืน
“องค์ชายชูเจิน ข้ามีข้อเสนอมาให้ท่าน”อู๋หมิงว่าพลางบอกให้คนของตนลดอาวุธลง
“ข้อเสนออะไรกัน” ชูเจินถามพลางบอกให้คนของตนกลับมาก่อน
“ข้าขอเปลี่ยนรางวัลเดิมพันได้หรือไม่”อูหมิงว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน
“เปลี่ยน? ท่านจะเปลี่ยนเป็นอะไรกัน” องค์ชายชูเจินถามด้วยท่าที่สนใจ เพราะหากมันต้องการสิ่งขององค์ชายชูเจินก็ไม่จําเป็นต้องไปหาสมบัติในท้องพระคลังมาขายเป็นเงินอีกที
“ข้าขอแลกรางวัลของข้ากับอิสระของสหายของข้า” หมิงตอบโดยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย สําหรับมันแล้วเงินแสนล้านหรือล้านๆก็คงแลกตัวไป๋จูเหวินไม่ได้
“คะ แค่นั้นเองงั้นหรือ” องค์ชายชูเจินถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้องแล้ว ข้าต้องการแค่นั้น” อู๋หมิงตอบเสียงเรียบ เพราะแต่เดิมมันคิดจะใช้เรื่องของซูหลานต่อรองกับองชายชูเฟิงเพื่อให้ชูเฟิงกดดันชูเจินอีกที แต่หากใช้เงินจํานวนนี้ต่อรองได้ก็ไม่จําเป็นต้องใช้อํานาจให้บาดหมางใจกันเปล่าๆ
“ดะ ได้”องค์ชายชูเจินตอบพลางถอนหายใจออกมา เมื่อครู่มันก็จะฆ่าไป๋จูเหวินอยู่แล้ว มันไม่มีความรู้สึกเสียดายแต่อย่างไร
“เท่านี้เจ้าก็ติดข้า 100,000 ล้านเหรียญทองแล้วนะ” อู๋หมิงว่าพลางหันมามองไป๋จูเหวิน เมื่อครู่ตอนที่คนขององค์ชายชูเจินโจมตีเข้ามาอสูรูปักเป้าก็ลงมาเตรียมป้องกันเอาไว้แล้วทําให้ตอนนี้ข้างๆไป๋จูเหวินจึงปรากฏลูกโป่งใบหนึ่งลอยอยู่ข้างๆ
“เอาไว้ข้าจะคืนให้ก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา มันยังมีเกล็ดทองคําอยู่ในมิติอีกจํานวนมาก เพราะมังกรทองหวงหลงเก็บเกล็ดทองเอาไว้กองเท่าภูเขาเลยทีเดียว เรียกได้ว่าจํานวน 4,000 ล้านก่อนหน้านี้ที่ไป๋จูเหวินมอบให้ไปแทบไม่ได้เศษเสี้ยวของภูเขาที่ว่าเลย
คอมเม้นต์