ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 28 : ไม่ควรผ่าตัด!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ตอนที่ 28 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 28 : ไม่ควรผ่าตัด!

หลี่ตันในฐานะพยาบาล เมื่อเห็นผู้ป่วยถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน จึงรีบวิ่งตามไปทันที!

ซูอาน.. ฉันคงไปกินข้าวกับคุณไม่ได้แล้วล่ะ!” หลี่ตันหันไปบอกซูอานด้วยแววตาขอโทษขอโพย

ซูอานส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ข้ารอได้!” จากนั้นเขาก็ได้เดินตามหลี่ตันไปยังห้องฉุกเฉินด้วย

เวลานี้หน้าห้องฉุกเฉินมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอยู่เต็มไปหมด ทุกคนต่างก็ดูตื่นเต้นและวุ่นวายกันอย่างมาก!

ฮั๋วเว่ยเฟิงยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับร้องตะโกนออกไป “ใครที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด!”

เสียงที่ทรงพลังอำนาจของฮั๋วเว่ยเฟิงดังขึ้น เขาเองก็เคยเป็นทหารในกองทัพมาก่อน..

หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของฮั๋วเว่ยเฟิง ผู้คนที่พากันวิ่งตามเข้ามามุงดู ต่างก็พากันตกใจและแยกย้ายกันไป ไม่มีผู้ใดกล้าวิ่งตามเข้าไปอีกเลย

ทั้งพยาบาล แพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต่างก็พากันเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อจัดเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน!

หลี่ตันวิ่งเข้าไปถามหมอที่อยู่ตรงนั้นทันที “คุณหมอคะ มีอะไรให้ฉันช่วยมั๊ยคะ?”

คุณหมอนี่อู่หันตอบกลับไปทั้งที่ยังก้มหน้า “ที่นี่เป็นห้องผ่าตัด คุณไปห้องปลอดเชื้อเปลี่ยนชุดสำหรับเข้าห้องผ่าตัดให้พร้อม!”

ได้ค่ะคุณหมอ!”

หลี่ตันตื่นเต้นดีใจอย่างมากที่หมออนุญาต แต่เมื่อคุณหมอนี่อู่เงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเป็นหลี่ตัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

นี่คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงยังไม่กลับไปประจำที่ห้องดับจิตอีก?”

คือฉันเห็นเป็นเคสฉุกเฉิน.. เกรงว่าจะมีพยาบาลไม่พอ จึงอาสามาช่วยค่ะ!”

ไม่ต้อง.. ที่นี่ไม่ต้องการคุณ!”

ท่าทีของคุณหมอนี่อู่เปลี่ยนไปทันที เวลานี้ไม่มีใครในโรงพยาบาลอยากจะยุ่งกับหลี่ตัน เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาตามมา

สีหน้าของหลี่ตันเปลี่ยนเป็นผิดหวังขึ้นมาทันที ดวงตาของเธอแดงก่ำคล้ายอยากจะร้องไห้!

ซูอานเดินเข้าไปหาหลี่ตันพร้อมกับยกมือขึ้นตบบ่าเป็นการปลอบใจ “ไม่เป็นไร.. ทุกอย่างจะดีขึ้นในไม่ช้า!”

หลี่ตันเพียงแค่พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป..

และในระหว่างนั้นเอง เสียงรองเท้าหนังดังกระทบกับพื้นก็ดังขึ้นมาจากทางบันได เกายั่วเต๋อกำลังวิ่งตรงมาที่ห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว และเวลานี้เหงื่อของเขาก็ไหลออกมาเต็มหน้าผาก

ความจริงแล้วเกายั่วเต๋อยังคงขุ่นเคืองใจเกี่ยวกับเรื่องของซูอานอยู่ และกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานครุ่นคิดหาว่าจะจัดการกับซูอานอย่างไรดี?

แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าพยาบาลที่แจ้งเรื่องคนไข้ฉุกเฉินเข้ามา ทำให้เขาหงุดหงิดจนตะโกนดุหัวหน้าพยาบาลเสียงดัง

โรงพยาบาลมีคนไข้ฉุกเฉินถูกส่งเข้ามาวันละไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย หากเขาต้องเป็นคนไปรักษาด้วยตัวเองทุกราย ก็คงจะหมดแรงจนไม่ต้องทำอย่างอื่นเป็นแน่!

แต่หัวหน้าพยาบาลก็ยังคงไม่หยุดรายงาน และรีบบอกกับเขาว่าคนไข้ฉุกเฉินรายนี้ก็คือฮั๋วว่านว่าน!

เมื่อเกายั่วเต๋อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนไปทันที และรีบวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว!

เมื่อเกายั่วเต๋อเห็นฮั๋วเว่ยเฟิง จึงรีบตรงเข้าไปทักทาย และถามขึ้นด้วยท่าทีตื่นเต้นหวาดกลัว “สวัสดีครับคุณฮั๋ว มาด้วยตัวเองเลยเหรอครับ?”

เกิดเรื่องกับลูกสาวของผมแบบนี้ ผมก็ต้องมาด้วยตัวเองสิหรือคุณคิดว่าไม่สมควร?” ฮั๋วเว่ยเฟิงถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก

เกายั่วเต๋อรีบพยักหน้าตอบกลับไปทันที “สมควรครับ ผมจะรีบลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง!”

ฮั๋วเว่ยเฟิงมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังพูดของเกายั่วเต๋อ เพราะเขาเป็นทั้งหมอและประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้ การที่เขาลงมือผ่าตัดด้วยตัวเองเช่นนี้ทำให้ฮั๋วเว่ยเฟิงรู้สึกพอใจมาก

แต่ซูอานที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นั้นกลับจ้องมองด้วยแววตาเหยียดหยัน..

เมื่อเกายั่วเต๋อเห็นเข้า ก็ถึงกับโกรธมาก ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจอย่างที่สุด แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะต่อล้อเถียงกับซูอาน เพราะเขาต้องรีบเข้าห้องผ่าตัดทันที!

แต่ในระหว่างนั้นซูอานก็หันไปพูดกับฮั๋วเว่ยเฟิงว่า “นางไม่ควรได้รับการผ่าตัด!”

เสียงพูดของซูอานนั้นไม่ได้เบาเลย และเขาก็จงใจที่จะพูดเสียงดังเอง ผู้คนที่อยู่ตามทางเดิน และบริเวณใกล้เคียงต่างก็พากันหันมองไปทางต้นเสียง

เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่กล้าเสียมารยาท และพูดจาเช่นนี้กับฮั๋วเว่ยเฟิง ทุกคนจึงได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างรนหาที่แท้ๆ

แต่ยังไม่ทันที่ฮั๋วเว่ยเฟิงจะทันได้โต้ตอบ เกายั่วเต๋อที่จ้องมองซูอานอยู่ก็ได้ร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห

นี่เจ้าหนูพูดจาหาเรื่องแบบนี้อยากตายมากหรือยังไง?”

ซูอานไม่ใส่ใจกับคำพูดของเกายั่วเต๋อแม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ดวงตาของฮั๋วเว่ยเฟิง!

เมื่อครู่แกก็โยนเงินใส่หน้าฉัน ตอนนี้ก็มาป่วนการทำงานของฉัน สงสัยแกคงเบื่อชีวิตมากแล้วสินะ?”

เจ้าหนู.. แกรู้มั๊ยว่าคนที่กำลังนอนรอฉันอยู่บนเตียงผ่าตัดเป็นใครเธอคือคุณหนูว่านว่าน ต่อให้แกมีสิบชีวิตก็ยังไม่พอที่จะแลกกับชีวิตของเธอชีวิตเดียว!”

เกายั่วเต๋อระเบิดอารมณ์และคำพูดใส่ซูอานไม่ยั้ง..

เวลานี้สีหน้าของฮั๋วเว่ยเฟิงเคร่งเครียด และไม่สนใจคำเตือนของซูอานเลยแม้แต่น้อย!

ซูอานกล่าวเตือนด้วยความสงสาร แต่ฮั๋วเว่ยเฟิงกลับมองว่าซูอานกำลังหาเรื่อง และต้องการท้าทายเขา!

พ่อหนุ่ม.. จะพูดจะจาอะไรก็ควรดูสถานการณ์บ้างนะอย่าปล่อยให้คำพูดหลุดออกจากปากโดยไม่ผ่านสมองกลั่นกรอง..”

ฮั๋วเว่ยเฟิงตอบกลับซูอานอย่างคนที่มีการศึกษา และสามารถยับยั้งชั่งใจตนเองได้ หากเป็นเหตุการณ์ปกติทั่วไป ฮั๋วเว่ยเฟิงจะเป็นคนที่พูดน้อยมาก เขามักจะใช้หัวสมองมากกว่าปาก!

อีกทั้งฮั๋วเว่ยเฟิงยังเห็นว่าท่าทีของซูอานเมื่อครู่นั้น ไม่เพียงไม่หวาดกลัวเขา แต่คำพูดของซูอานยังเป็นไปในทางโน้มน้าวแนะนำ มากกว่าจะต้องการหาเรื่องขัดขวาง

แต่ถึงกระนั้นก็ยากที่เขาจะสามารถเชื่อคำแนะนำของซูอานได้ เวลานี้ลูกสาวของเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตราย หากไม่ทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน จะปล่อยให้นอนรอความตายอย่างนั้นหรือ?

ฉันจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง!”

ฮั๋วเว่ยเฟิงบอกกับซูอานด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด พร้อมกับจ้องมองซูอานด้วยแววตาที่มีอำนาจ

แต่ซูอานกลับไม่รู้สึกกดดันหรือว่าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ใส่ใจกับคำขู่ของฮั๋วเว่ยเฟิง และสีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ทำให้ฮั๋วเว่ยเฟิงนึกประหลาดใจกับท่าทีของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่น้อย..

ในขณะนั้นเอง เกายั่วเต๋อจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “แกเป็นหมอหรือยังไง ถึงจะได้รู้อาการของคุณหนูว่านว่านดีกว่าฉัน เธอได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการผ่าตัดทันที ก็อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสียงกำหมัดแน่นจนนิ้วลั่นก็ได้ดังขึ้นมาจากร่างของฮั๋วเว่ยเฟิง และนั่นเป็นอาการที่บ่งบอกว่าเขากำลังโกรธอย่างที่สุดแล้ว!

ในขณะนั้น นางพยาบาลก็ได้วิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน และรายงานเกายั่วเต๋อว่า “ท่านประธานคะ ตอนนี้อาการของฮั๋วว่านว่านแย่มาก กราฟการเต้นของหัวใจบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในขั้นวิกฤต!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เกายั่วเต๋อจึงได้ยกมือขึ้นชี้หน้าซูอานพร้อมกับตะโกนใส่หน้า “แกรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”

และในเวลานั้นเอง ฮั๋วเว่ยเฟิงก็เดินเข้าไปยืนข้างซูอานพร้อมกับสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน “ถ้าแกยังกล้าทำใหเ้สียเวลาอีกเพียงแค่ครึ่งนาที แกตาย!”

คำประกาศครั้งนี้ของฮั๋วเว่ยเฟิงทั้งหนักแน่นดุดันราวกับคำสาปแช่ง คนอื่นๆในบริเวณนั้นได้ยินยังถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น!

หลี่ตันที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างซูอานรีบลากเขาออกมาให้พ้นทาง พร้อมกับส่ายหน้าไปมาไม่ให้เขาพูดอะไรอีก..

ซูอานกลับยักไหล่อย่างไม่แยแสพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ช่างเถิดหากเขาไม่เชื่อคำพูดของข้า คงจะต้องเสียใจเป็นแน่!”

ซูอานขยับถอยหนีหลีกทางให้กับเกายั่วเต๋อทันที..

เกายั่วเต๋อรีบตรงเข้าไปยังห้องผ่าตัดทันที ทั้งพยาบาลและแพทย์อีกหลายคนต่างก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกัน แล้วสัญญาณไฟสีแดงหน้าห้องผ่าตัดก็สว่างขึ้น

ฮั๋วเว่ยเฟิงยังคงจ้องหน้าซูอานด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งสองข้างของเขา!

หากเธอยังพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะให้บอดี้การ์ดสั่งสอนเธอ!”

เหล่าบอดี้การ์ดของฮั๋วเว่ยเฟิงต่างก็จ้องมองซูอานด้วยสีหน้าบึ้งตึงและเหยียดหยัน บ่งบอกว่าพวกเขาเห็นซูอานเป็นเพียงแค่ลูกไก่ตัวเล็กๆเท่านั้น

ซูอานจึงได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก แต่ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวต่อคำข่มขู่ แต่เขาคิดว่าคนเหล่านี้ไม่ควรค่าได้รับความสงสารเมตตาจากเขา เขาเมตตาคนผิด และโลกทุกวันนี้ก็ทำความดีได้ยากเหลือเกิน!

ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันดีกว่า ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้ว!” ซูอานหันไปบอกหลี่ตัน

แต่ฮั๋วเว่ยเฟิงกลับห้ามไว้ “เธอจะยังไปไหนไม่ได้จนกว่าลูกสาวของฉันจะออกมาจากห้องผ่าตัด!”

สีหน้าของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าฮั๋วเว่ยเฟิงจะกล้าข่มขู่ตนเองถึงเพียงนี้

เจ้าแน่ใจในคำพูดแล้วใช่หรือไม่?” ซูอานหันไปพูดกับฮั๋วเว่ยเฟิงด้วยสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปมาก

คนอย่างฮั๋วเว่ยเฟิงไตร่ตรองก่อนพูดเสมอ!”

ฮั๋วเว่ยเฟิงไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด ผู้คนในเจียงโจวหลายล้านคนล้วนแล้วแต่เคารพนับถือเขาทั้งสิ้น ไม่มีใครในเจียงโจวที่่อยากจะมีปัญหากับเขา

แล้วถ้าข้าจะไปให้ได้ล่ะ!”

พวกเราก็จับแกมัดไว้ และรอจนกว่าคุณหนูจะออกมาน่ะสิ!”

จากนั้นกลุ่มบอดี้การ์ดก็พุ่งเข้าใส่ซูอานหวังจับตัวเขาไว้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นชายร่างกำยำและเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังช้ากว่าซูอาน เพราะเพียงแค่สองสามนาที ซูอานก็สามารถหนีรอดจากการจับกุมของเหล่าบอดี้การ์ดทั้งหมดได้ ในเวลาเดียวกันก็จับบอดี้การ์ดทุ่มลงพื้นได้ด้วยเช่นกัน

ซูอานไม่ได้ลงมือรุนแรงมากนัก ไม่เช่นนั้นบอดี้การ์ดทั้งหมดนี้ก็คงจะไม่เพียงแค่ล้มลงไปกองกับพื้น แต่คงต้องเข้าแอดมิดในโรงพยาบาลนานครึ่งปีเป็นอย่างน้อย

เมื่อเห็นเหล่าบอดี้การ์ดของตนเองลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นพร้อมกับร้องโอดครวญเช่นนั้น และไม่สามารถจับซูอานมัดไว้ได้ ฮั๋วเว่ยเฟิงก็ยิ่งโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

ซูอาน.. คุณรู้มั๊ยว่ากำลังมีปัญหากับใครอยู่?”

ใครก็ช่างเถิด.. ข้าไม่สนใจ!”

จากนั้นซูอานก็เดินนำหลี่ตันไปที่ลิฟท์ทันที..

ซูอาน.. นั่นน่ะฮั๋วเว่ยเฟิงเชียวนะ!”

หลี่ตันร้องบอกซูอานทันทีที่เข้าไปในลิฟท์ นี่ไม่ใช่โจวเทียนห่าว หากเทียบโจวเทียนห่าวกับฮั๋วเว่ยเฟิง ก็คงไม่ต่างจากมดกับช้าง!

สำหรับข้า.. ทุกคนล้วนเหมือนกันหมด!” ซูอานตอบกลับเสียงเบา และเขาก็ไม่ได้พูดโกหก

เอาล่ะ.. ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า อย่าได้กังวลใจไปเลย!”

ซูอานเดินนำหลี่ตันไปยังภัตตาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลด้วยท่าทีไม่เดือดร้อน ราวกับว่าตนเองสามารถรับมือได้กับทุกเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

…..

ระหว่างที่ฮั๋วเว่ยเฟิงกำลังโมโหซูอานอยู่นั้น ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกมา เกายั่วเต๋อวิ่งหน้าตาตื่นออกมาบอกกับฮั๋วเว่ยเฟิงว่า

คุณฮั๋วครับ.. คุณหนูว่านว่านยังเลือดไหลไม่หยุดเลย!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด