ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 40 : คุณเป็นใคร?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ตอนที่ 40 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 40 : คุณเป็นใคร?

ต่อหน้าซูอานเช่นนี้ มีผู้ถือหุ้นคนใดบ้างที่ยังกล้าไม่เซ็นต์สัญญาตรงหน้า สภาพลูกน้องของเว่ยฉีหยวนก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว และในที่นี้ไม่มีใครอยากถูกซูอานฆ่าตาย!

สายตาของซูอานนั้น ทั้งเย็นชาและเลือดเย็น บ่งบอกว่าสามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา!

และเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ พวกเขาจำต้องทำตามที่ซูอานต้องการเท่านั้น เวลานี้ทุกคนต่างก็เซ็นต์สัญญาด้วยมือที่สั่นเทิ้ม และแทบไม่สามารถเขียนชื่อของตัวเองลงไปได้

หลังจากที่กรรมการทุกคนเซ็นต์สัญญากันครบแล้ว เจียงเจิ้งไล๋ก็เดินเก็บสัญญาไปทีละคน และนำไปมอบให้กับซูอาน ซูอานรับมาแล้วส่งต่อให้ฉีเสี่ยวจือทันทีโดยไม่แม้แต่จะปรายตามอง

สัญญาถูกต้องเรียบร้องดีหรือไม่?” ซูอานเอ่ยถามออกไปเพราะเขาไม่มีความรู้ในเรื่องสัญญาอะไรเหล่านี้

ถูกต้องเรียบร้อยดี และมีผลตามกฏหมายทันที!”

เมื่อได้ยินคำยืนยันจากฉีเสี่ยวจือ กรรมการทั้งหมดในห้องต่างก็ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเมื่อเริ่มคิดถึงสิ่งที่พวกตนทำลงไป

หลังจากที่ได้หุ้นทั้งหมดกลับคืนมาแล้ว ฉีเสี่ยวจือก็หมดกังวล ยิ่งไปกว่านั้น.. เธอสามารถฟ้องร้องกรรมการทั้งหมดในห้องนี้ได้ ด้วยข้อหาร่วมมือกับบริษัทอื่นฉ้อโกงยู๋ไห่กรุ๊ป และสามารถเอาคนพวกนี้เข้าคุกเข้าตะรางได้

หลังจากนำหุ้นทั้งหมดกลับคืนให้ฉีเสี่ยวจือได้แล้ว ซูอานก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เขาหันไปมองเย่ฉีหยวนพร้อมกับยิ้มเย็น ก่อนจะถามออกไปว่า

เจ้าชื่ออะไร?”

เว่ยฉีหยวนฝืนยิ้มให้กับซูอาน เขาไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ หรือความโกรธออกมาทางสีหน้า และรีบตอบกลับไปทันที

ฉันชื่อ.. เว่ยฉีหยวน!”

คุณชายเว่ย.. เจ้าเองก็ต้องเซ็นต์สัญญาด้วยเช่นกัน!”

สัญญาอะไรกัน?”

เว่ยฉีหยวนร้องตะโกนถามออกมาด้วยความตกใจ ในใจก็ได้แต่แอบคิดว่าตนเองต้องเซ็นต์สัญญาที่ไม่เป็นธรรมเหมือนกับผู้ถือหุ้นพวกนี้ด้วยอย่างนั้นหรือในเมื่อตัวเขาเองยังไม่มีหุ้นของยู๋ไห่กรุ๊ปอยู่ในมือแม้แต่หุ้นเดียว ทำให้เขารู้สึกงุนงงสัยยิ่งนัก

ซูอานตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “สัญญาที่ระบุว่า.. จากนี้ไปเว่ยฉีกรุ๊ปจะไม่กระทำการใดๆที่เข้าข่ายการซื้อกิจการของยู๋ไห่กรุ๊ปอีก และจะมอบเงินลงทุนจำนวนหนึ่งร้อยล้านหยวนให้กับยู๋ไห่กรุ๊ปโดยไม่มีการเรียกคืนในวันหลัง!”

ในฐานะจักรพรรดิแห่งเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ซูอานคิดว่าเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านหยวนนี้ ยังนับว่าเป็นการลงโทษเจ้าลูกเต่าขี้ขลาดตัวนี้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่สีหน้าของเว่ยฉีหยวนถึงกับเปลี่ยนไปทันที เพราะไม่เพียงเขาจะฮุบกิจการของยู๋ไห่กรุ๊ปไม่สำเร็จ แต่กลับต้องมาเสียเงินอีกหนึ่งร้อยล้านหยวนฟรีๆด้วยหรือนี่?

แม้ในใจของเว่ยฉีหยวนจะต่อต้าน และไม่ต้องการเซ็นต์สัญญาบ้าบอนี้ แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดุดันราวเพชรฆาตของซูอาน เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้าน เพราะรู้ดีว่าซูอานสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ลังเล

ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับเช่นนี้ เว่ยฉีหยวนทำได้เพียงแค่พยักหน้าด้วยสีหน้าขมขื่นอย่างมาก

แน่นอนว่า ถึงแม้เบื้องหน้าของเว่ยฉีหยวนจะแสดงออกว่ายินยอม แต่ภายในใจของเขานั้นกำลังโกรธแค้นอย่างที่สุด เขาได้แต่เก็บงำความอัปยศครั้งนี้ไว้ในใจ และรอที่จะเอาคืนซูอานกลับเป็นสองเท่าในวันหลัง

แม้วันนี้หมัดของซูอานจะหนัก แต่พ่อของเขาย่อมมีวิธีนับร้อยที่จะจัดการกับซูอานได้อย่างสาสม ขอเพียงแค่ในวันนี้เขาเอาตัวรอดกลับไปให้ได้อย่างปลอดภัยก่อนก็พอ!

เจ้าไปนำสัญญามา..”

ครับๆ”

แม้เจียงเจิ้งไล๋จะยังอยู่ในอาการตกใจ แต่ก็รีบเดินไปหยิบสัญญาฉบับนั้นมาให้ซูอานทันที และเมื่อรับมาแล้ว ซูอานก็จับโยนไปไว้ตรงหน้าของเว่ยฉีหยวน จากนั้นจึงโยนปากกาและแป้นหมึกตามไปให้พร้อมกับสั่งว่า

รีบเซ็นต์ อย่าให้ข้าต้องเสียเวลามาก!”

เว่ยฉีหยวนพยักหน้า แล้วรีบเซ็นต์และประทับรอยนิ้วมือลงในสัญญาฉบับนั้นทันที เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองซูอานด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ถูกต้องแล้วใช่มั๊ย?”

เจ้าต้องถามประธานยู๋ไห่กรุ๊ป ข้าเป็นเพียงแค่ตัวแทนเท่านั้น!”

สีหน้าของฉีเสี่ยวจือเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเห็นด้วยที่ซูอานเรียกหุ้นจากกรรมการทั้งหมดคืนด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรมเช่นนั้น แต่การที่จะให้เว่ยฉีกรุ๊ปนำเงินมาลงทุนในยู๋ไห่กรุ๊ปโดยไม่ได้ผลประโยชน์กลับไปแม้แต่หยวนเดียวนั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!

ฉีเสี่ยวจือจึงไม่สนใจที่จะตรวจสัญญาฉบับนั้น เพราะเธอรู้ดีว่าการบีบให้เว่ยพังเฉิงทำเช่นนั้น ย่อมหมายถึงการทำให้ตนเอง และครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต!

ฉีเสี่ยวจือพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร..

ซูอานเห็นเช่นนั้นจึงหันไปบอกกับเว่ยฉีหยวนว่า “เจ้าคลานออกไปได้แล้ว!”

เมื่อได้ยินว่าซูอานปล่อยให้ตนออกไปได้แล้ว เขาก็รีบเดินนำลูกน้องทั้งเก้าคนออกไปทันที แต่เมื่อเว่ยฉีหยวนทำท่าจะเดินออกไปนั้น เสียงพูดของซูอานก็ดังขึ้น

ข้าสั่งให้เจ้าคลานออกไป!”

เว่ยฉีหยวนหันไปจ้องมองซูอานด้วยความโมโห สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเคียดแค้นอย่างมาก แต่ซูอานกลับไม่ใส่ใจ เขาจ้องใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเว่ยฉีหยวนพร้อมกับพูดขึ้นว่า

หากเจ้าไม่คลานออกไป ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

เว่ยฉีหยวนได้ยินซูอานพูดเช่นนั้น จึงได้แต่ข่มความอับอายและย่อตัวลง แล้วค่อยๆคลานออกจากห้องประชุมไป

เมื่อเห็นเว่ยฉีหยวนกับลูกน้องคลานออกไปกันหมดแล้ว ซูอานจึงหันไปถามกรรมการทั้งหมดที่ยังนั่งอยู่ในห้องประชุม

พวกเจ้าทั้งหมดยังจะนั่งอยู่ทำไมกันจะรอให้ถึงอาหารมื้อเที่ยงงั้นรึ?”

ทั้งหมดได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าตาดุดันซูอาน แล้วค่อยๆคลานออกไปเช่นเดียวกับเว่ยฉีหยวนและลูกน้อง!

หลังจากที่ทุกคนคลานออกไปจากห้องประชุมกันหมดแล้ว เจียงเจิ้งไล๋ที่ยังคงมีสีหน้าตื่นเต้น ก็ได้แต่พูดชื่นชมซูอานไม่หยุดปาก

พ่อหนุ่ม.. เธอเก่งมากจริงๆ!”

เจียงเจิ้งไล๋พูดชมซูอานจากใจจริง พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้กับเขา แต่ซูอานกลับไม่ใส่ใจนัก เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาเท่านั้น

แต่เลขาสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเจียงเจิ้งไล๋กลับยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด แม้ปัญหาในวันนี้จะจบลงแล้ว และผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ แต่เธอกลับคิดว่าเรื่องราวมันจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น จึงได้แต่พึมพำออกมา

มันจะจบง่ายๆแบบนี้จริงเหรอคะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณชายเว่ยจะไม่กลับมาหาเรื่องอีก?”

ใบหน้าของฉีเสี่ยวจือเคร่งขรึมและไม่มีรอยยิ้มให้เห็น เพราะเธอเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ต่อให้เว่ยฉีหยวนจะไม่กลับมาสร้างปัญหาให้กับยู๋ไห่กรุ๊ปอีก แต่เว่ยพังเฉิงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปเฉยๆแน่!

เจียงเจิ้งไล๋พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เว่ยพังเฉิงไม่มีทางยอมนิ่งเฉยแน่ โดยเฉพาะเรื่องเงินหนึ่งร้อยล้านในสัญญา!”

เงินตั้งหนึ่งร้อยล้าน เว่ยพังเฉิงไม่ทางยินยอมแน่!” ฉีเสี่ยวจือเห็นด้วยเพราะเธอรู้จักคนอย่างเว่ยพังเฉิงดี

หากพวกมันกล้าทำเช่นนั้น ข้าจะไปจัดการกับพวกมันเอง” ซูอานเอ่ยขึ้นทันที

เว่ยพังเฉิงไม่ใช่คนที่ใครจะจัดการได้ง่ายๆอย่างที่คิด” ฉีเสี่ยวจือขมวดคิ้วอย่างกังวลใจ

แต่ในสายตาของข้า คนเหล่านี้ไม่ต่างจากมดปลวก!” ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้ซึ่งความกังวลใจใดๆทั้งสิ้น

แต่ฉีเสี่ยวจือกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอรู้จักเว่ยพังเฉิงดี และต่อให้ซูอานแข็งแกร่ง แต่เธอก็ไม่รู้จักฐานะที่แท้จริงของซูอาน อีกทั้งตัวเธอเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นเดียวซูอานด้วย

ฉีเสี่ยวจือส่ายหน้า และคร้านที่จะอธิบายให้กับซูอานฟัง และไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาฟังเช่นไร..

เวลานี้ฉีเสี่ยวจือมีอาการดีขึ้นมากแล้ว และสถานการณ์วุ่นวายก็คลี่คลายลงมาก เธอจึงจ้องมองซูอานอย่างพินิจพิจารณา แต่แล้วก็เกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมา อารมณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นห่างเหิน ความเคอะเขิน และความโกรธที่ซูอานถือวิสาสะสัมผัสร่างกายของเธอเมื่อครู่

สีหน้าของฉีเสี่ยวจือเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาในขณะที่ถามซูอานไปว่า “คุณเป็นใคร?”

ความจริงแล้วฉีเสี่ยวจือไม่รู้จักซูอานและไม่เคยพบเจอเขามาก่อนด้วยซ้ำไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับเด็กหนุ่มผู้นี้!

ฉีเสี่ยวจือยังมีคำถามมากมายอยู่ในหัว และไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มาช่วยเธอด้วยเหตุผลใด?

ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก “เจียงเหวินเหวินขอให้ข้ามาช่วย!”

เหวินเหวินงั้นเหรอ?”

เจี้ยงเจิ้งไล๋ร้องอุทานออกมาด้วยสีหน้าที่ตกใจ

ซูอานไม่ต้องการอธิบายอะไรมากไปกว่านั้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของเขาแล้ว เขาก็รีบกลับออกไปทันที!

…..

หลังจากนั้น เจียงเหวินเหวินก็เป็นผู้เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับฉีเสี่ยวจือและพ่อของเขาฟัง ทำให้ทั้งคู่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด และรู้สึกติดหนี้บุญคุณซูอานอย่างมาก

แต่ซูอานกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาไม่คิดที่จะติดต่อฉีเสี่ยวจือหรือคนอื่นๆอีก และนี่เป็นเพียงการช่วยเหลือเล็กๆน้อยเท่านั้น

….

ทางด้านเว่ยฉีหยวนที่คลานออกไปจากห้องประชุมได้แล้วนั้น ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้น

ฉันต้องเอาคืนมันให้สาสมแน่!”

ผู้คนที่เห็นเว่ยฉีหยวนร้องตะโกนออกมาราวกับคนบ้าเช่นนั้น ต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนเสียสติ

หลังจากนั้นจึงรีบขึ้นรถขับออกไปจากบริษัทยู๋ไห่กรุ๊ปทันที!

….

บริษัทเว่ยฉีกรุ๊ปตั้งอยู่ทางด้านใต้ของเจียงโจว ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และมีกลุ่มบริษัทมากมายที่ตั้งอยู่บนเขตอุตสาหกรรมแห่งนี้

บริษัทเว่ยฉีกรุ๊ปตั้งอยู่ในอาคารสิบสองชั้นที่สร้างไว้อย่างหรูหรา และจัดเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเขตอุตสาหกรรมแห่งนี้..

บริษัทเว่ยฉีกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มักมีรายการทีวีช่องต่างๆมาถ่ายทำไปออกรายการ และเป็นบริษัทที่นักการเมืองมักแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียน นับว่าเป็นบริษัทที่มีหน้ามีตาของเขตอุตสาหกรรมเจียงโจวด้านใต้นี้!

และภายในอาคารสิบกว่าชั้นนี้ ห้องที่หรูหรา และสะดวกสบายที่สุดก็เห็นจะเป็นห้องของท่านประธานบริษัทนั่นเอง

เวลานี้เว่ยพังเฉิงนั่งอยู่ภายในห้องทำงาน และปกติเขาก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมาย เพราะมีลูกน้องคอยจัดการดูแลให้แทบทั้งหมด เขาเพียงแค่คอยสั่งการ และคอยดูภาพรวมทั้งหมดเท่านั้น!

เว่ยพังเฉิงมีผู้ช่วยอยู่มากกว่าสิบคน และมาจากแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส สเปน และอีกหลายประเทศ และเวลานี้เขาก็กำลังพูดคุยอยู่กับผู้ช่วยของเขาอยู่ในห้อง

แต่ในระหว่างนั้นใครบางคนก็มาเคาะประตูห้องทำงานของเขา เว่ยพังเฉิงจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

อย่าเพิ่งเข้ามารบกวนฉันตอนนี้!”

แต่คนที่มาเคาะนั้นก็หาใช่ใครอื่น แต่เป็นเว่ยฉีหยวนนั่นเอง เขาร้องตะโกนบอกไปว่า “พ่อครับ ผมเอง.. ฉีหยวน!”

เว่ยพังหยวนได้ยินเช่นนั้นถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบเดินไปเปิดประตูให้ลูกชายพร้อมกับถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

มีเรื่องอะไรฉันให้แกไปจัดการเรื่องซื้อยู๋ไห่กรุ๊ปไม่ใช่รึ?” เว่ยพังเฉิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

พ่อครับ.. ผมถูกคนรังแก!” เว่ยฉีหยวนทำน้ำเสียงน่าสงสาร

ใครจะกล้าข่มเหงแกได้ ในเมื่อแกพาลูกน้องไปด้วยตั้งมากมาย!” เว่ยพังเฉิงถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

มันเป็นใครก็ไม่รู้?”

เว่ยพังเฉิงถึงกับหน้าเครียดขึ้นมาทันที เขาจ้องหน้าเว่ยฉีหยวนพร้อมกับสั่งว่า “เข้าไปคุยในห้อง!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด