บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 127 ชำระแค้น
ตอนที่ 127
ชำระแค้น
ตึง…! ในช่วงสายวันหนึ่งของเมืองผาหยก อยู่ๆที่ประตูของสำนักเขี้ยวมังกรก็ปรากฏร่างกายสูงใหญ่ในชุดสีดำของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมท่าทีดุดันแจริงจัง
“จะ เจ้าสำนัก”เหล่าผู้พบเห็นใบหน้าของชายหนุ่มต่างพากันแสดงสีหน้าตกใจเพราะเหล่าคนในสำนักเขี้ยวมังกรต่างจดจำใบหน้าของศิษย์ทรยศผู้นี้ได้เป็นอย่างดี แม้ยามนี้พวกมันจะไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณของหยงเวยได้แล้ว แต่พวกมันยังจำท่าทีดุร้ายของหยงเวยในคืนที่สังหารอาจารย์จิ้งจอกได้ดี
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ผู้ที่ออกมารวดเร็วที่สุดคืออาจารย์กบ สหายเก่าของอาจารย์จิ้งจอกผู้ถูกหยงเวยสังหารไปนั่นเอง
“อาจารย์กบ ไม่ได้กันเสียนาน”หยงเวยว่าพลางประสานมือของตนเองด้วยท่าทีอ่อนน้อมอย่างประหลาด ปกติแล้วหยงเวยมักเกลียดชังอสูร ไม่มีท่าทีเคารพต่อเหล่าอาจารย์อสูรในสำนักเขี้ยวมังกรเลยแม้แต่น้อย
“หยงเวย…เจ้ามาที่นี่ต้องการอะไร”ไม่นานเจ้าสำนักก็ออกมาหลังจากมีคนเข้าไปแจ้งว่าหยงเวยบุกเข้ามาในสำนัก ตัวมันได้ทราบจากอาวุโสเทียนหมิงแล้วว่าหยงเวยถูกพลังมารเข้าครอบงำ หากปล่อยมันเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะทำให้หยงเวยกลายเป็นมารไปเลยก็ได้ ยามนี้เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรจึงไม่อาจเชื่อใจหยงเวยได้
“ท่านเจ้าสำนัก ข้ามาที่นี่เพื่อจะจัดการเรื่องราวที่ค้างคาอยู่”หยงเวยว่าพลางเดินเข้าไปหาอาจารย์กบโดยไร้ท่าทีหวาดกลัว หลังจากฝึกควบคุมมารแล้ว หยงเวยสามารถใช้พลังมารได้อย่างอิสระมากขึ้น ทำให้การฝึกฝนง่ายดายและรวดเร็วขึ้นมาก หากเทียบกับเหล่าผู้ฝึกฝนวิญญาณละก็ มันก็อยู่ระดับเหรินเซียนซึ่งเป็นระดับต่อจากก่อกำเนิดพลังเซียนเข้าไปแล้ว ยามนี้ในเหล่าคนรุ่นใหม่นับว่าตัวมันมีพลังฝีมือก้าวหน้าที่สุด
ตุบ…หยงเวยคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าอาจารย์กบที่มันเคยรังเกียจ ยามนี้ความเข้าใจเรื่องอสูรของมันคลี่คลายลงแล้ว ทำให้ตัวมันไม่ได้คิดรังเกียจอสูรอีกต่อไปแล้ว แถมด้วยการควบคุมพลังมารทำให้ใจของมันไม่ได้โดนมารชักจูงอีกต่อไป และเมื่อไม่ได้ถูกมารชักจูงแล้วตัวมันก็สำนักเสียใจกับสิ่งที่มันทำลงไปกับอาจารย์จิ้งจอกอย่างจับใจ มันมาในวันนี้เพื่อกราบขอขมากับสิ่ที่มันทำลงไป
“ข้าทราบดีว่าข้าไม่อาจกลับไปแก้ไขเรื่องผิดพลาดได้ แต่ข้าก็อยากจะมาเพื่อขอขมาพวกท่าน”หยงเวยว่าพลางก้มหัวลงคุกเข่ากับพื้น หากเป็นมันเมื่อสมัยก่อนไม่มีทางทำเช่นนี้อย่างแน่นอน มันเป็นพวกยอมหักแต่ไม่ยอมงอ เรื่องมาขอขมาเพราะความผิดพลาดของตนนั้นแทบไม่มีในสมอง
ผลัก! แทบไม่ต้องสงสัย อาจารย์กบยกขาเตะใส่ร่างของหยงเวยในทันที ความผิดของมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะมันถึงกับฆ่าสหายของมันตายไปตนหนึ่งเลยทีเดียว
“ข้าไม่รับ และข้าจะฆ่าเจ้าด้วย”อาจารย์กบว่าพลางรวมพลังอสูรไว้ที่ฝ่ามือ เพราะหยงเวยคุกเข่าอยู่อาจารย์กบเลยฟาดฝ่ามือลงมาที่ลังศีรษะของหยงเวยอย่างรุนแรงหมายจะสังหารให้ตายในฝ่ามือเดียว
ตูม! เสียงฝ่ามือของอาจารย์กบราวกับฟาดลงบนหินอย่างไรอย่างนั้น ด้วยร่างกายของหยงเวยในยามนี้อสุรระดับทองแทบไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยต่อให้มันยืนอยู่นิ่งๆก็ตาม
“หนอย”อาจารย์กบกัดฟันพลางหันไปมองเหล่าลูกศิษย์ที่อยู่รอบๆ ก่อนที่มันจะเดินไปนำดาบของศิษย์คนหนึ่งออกมาแล้วฟาดลงใส่ร่างของหยงเวยอย่างรุนแรง
เคร๊ง! ดาบโลหะหักเป็นเสี่ยงๆในพริบตาก่อนจะปรากฏรอยสีเขียวตรงบริเวณที่อาจารย์กบฟันลงไป ด้วยวิชาที่สลักอยู่บนดาบ ทำให้หยงเวยบรรลุวิชามารร่างมารมรกตไปแล้ว ยามนี้แม้ไม่ทำอะไรร่างของมันก็ราวกับมีเกราะคุ้มกายตลอดเวลา แม้จะมีคนพยายามฆ่ามันยามหลับหากไม่มีกำลังพอก็ไม่อาจทำอะไรมันได้
“อาจารย์กบ ใจเย็นก่อน”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางเดินเข้ามาห้ามอาจารย์กบเอาไว้ ยามนี้พลังของหยงเวยน่าตระหนกอย่างมาก เกรงว่าแม้แต่เจ้าสำนักก้ไม่ใช่คู่มือของมัน
“ยามนี้เจ้าถูกพลังมารครอบงำอยู่หรือไม่”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรถาม หากมารเป็นอย่างที่อาวุโวเทียนหมิงเล่าเอาไว้จริง ไม่มีทางที่หยงเวยจะมานั่งคุกเข่าตรงหน้าอาจารย์กบเป็นแน่ ทำให้เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรติดใจอยู่หลายส่วน
“ข้ากลับไปที่บ้านเกิดของข้าจนได้พบกับอสูรตนหนึ่งขอรับ”หยงเวยพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“อสูรตนนั้นทราบวิธีควบคุมพลังมารในร่างของข้า มันเลยสอนให้ข้าสามารถควบรคุมมารในจิตจใจได้”ฟยงเวยพูดออกไปจากใจจริงไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ต่อให้บอกเรื่องนี้กับเด็ก 3 ขวบก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ฟังได้ยากเพราะลำพังอสูรจะรู้วิธีควบคุมพลังมารนั้นก็เชื่อยากพอแล้ว
เพียงแต่…หยงเวยที่โกรธแค้นอสูรขนาดนั้นมีท่าทีสงบได้ถึงเพียงนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรรู้สึกเชื่อขึ้นมา มันจึงลองปรึกษาอาจารย์กบดู
“จะให้ข้ายอมยกโทษให้มันงั้นเหรอ”อาจารย์กบว่าพลางแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา
“ตอนนั้นหยงเวยทำไปเพราะถูกพลังมารเข้าครอบงำ ท่านอย่าได้ถือสามันเลย”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางมองอยงเวยที่คุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยท่าทีเวทนา
“เช่นนั้นก็ฆ่ามันซะ เพื่อกำจัดมารให้พ้นจากโลกนี้”อาจารย์กบยังมีท่าทีไม่ยอม
“ขออภัยที่ข้าไม่สามารถมอบชีวิตให้ท่านได้ แต่หากข้าสามารถทำอะไรให้ท่านคลายความโกรธที่มีต่อข้าละก็”หยงเวยว่าพลางเงยหน้าขึ้นช้าๆ ยามนี้ไม่มีใครต่อกรหยงเวยได้เลย นอกเสียจากจะมียอดฝีมือผ่านทางมาเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ยามนี้ไม่มีแขกที่ว่าเลย
“ดี งั้นเจ้าตัดแขนของเจ้ามาข้างหนึ่ง ข้าจะยกโทษให้”อาจารย์กบว่าพลางขมวดคิ้วแน่น
“ขอรับ”หยงเวยจอบเสียงเบาครู่เดียวมันก็เรียกดาบมรกตออกมาในมือด้านซ้ายทำเอาเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรมีท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก
“นี่คือหลักฐานที่ข้าจะสดงให้ท่านเห็นว่าข้านั้นสำนึกผิดจากใจจริง”หยงเวยว่าพลางยื่นแขนขวาออกไปทางอาจารย์กบ ความจริงแล้วระดับพลังของหยงเวยยามนี้สามารถทำตัวไม่สนใจคนของสำนักเขี้ยวมังกรก็ย่อมได้ เพราะพวกมันไม่สามารถทำอะไรหยงเวยได้อีกแล้ว แต่การมาในครั้งนี้หยงเวยเพียงต้องการขจัดความรู้สึกผิดในใจเท่านั้น
ฉับ! แม้จะมีร่างมารมรกต แต่ด้วยความคมของดาบมรกตและกำลังของหยงเวย แขนของมันก็โดนตัดออกอย่างง่ายดายราวตัดหยวกกล้วย เพียงแต่เลือดที่แขนของมันไม่ได้ไหลออกมา ทันทีที่ตัดบริเวณปากแผลก็กลับกลายเป็นสีเขียวมรกตในทันที เช่นเดียวกับแขนที่ตัดออกไป บริเวณปากแผลนั้นกลายเป็นมรกตไปหมดแล้ว
“เจ้า…”อาจารย์กบว่าพลางมองแขนที่มันตัดออกมา แต่มันพลั้งปากไปแล้วว่าหากมันตัดแขนมาให้จะไม่ถือโทษโกรธหยงเวยเรื่องของอาจารย์จิ้งจอกอีก
“จะไปไหนก็ไป อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”อาจารย์กบว่าพลางชี้นิ้วไล่หยงเวยออกไป ทำให้หยงเวยยกมือซ้ายที่เหลืออยู่ทำท่าคารวะด้วยมือเดียวก่อนจะหันหลังเดินออกจากสำนักไป
.
.
ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำแห่งหนึ่งภายใต้เขตนครร้อยแปดอสูร ร่างของเหม่ยหลินกำลังแช่อยู่ภายในแอ่งน้ำที่อยู่ภายในถ้ำสำหรับฝึกฝนวิชาของบิดานาง ตั้งแต่หนีออกจากเมืองในวันนั้นนางก็โดนกักตัวอยู่ในถ้ำฝึกฝนมาหลายต่อหลายเดือน ทำเอาใจนางนั้นอยู่ไม่สุขเลยทีเดียว นางทั้งกังวลเรื่องมารดาของนาง เรื่องบิดาของนาง แม้แต่เรื่องของไป๋จูเหวินเอง บิดาของนางส่งไป๋จูเหวินไปสำรวจเขตอสูร แม้มันจะคุ้นเคยกับอสูรดีแต่การถูกส่งไปยังเขตอสูรที่ไม่รู้จักก็เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมาก หากจะพูดกันตามตรงละก็เรื่องของไป๋จูเหวินเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้นางฝึกฝนได้ล่าช้ากว่าที่คิดเลยก็ว่าได้ ทำให้ยามนี้นางยังอยู่เพียงระดับชำระวิญญาณซึ่งห่างจากระดับก่อกำเนิดพลังเซียนอยู่อีกก้าวหนึ่งเท่านั้น
คลืนนน…ขณะกำลังเหม่อลอยภายในถ้ำ อยู่ๆเสียงประตูถ้ำที่ทำจากกลกไกพิเศษก็ดังขึ้น ปกติแล้วพี่จูเชวี่ยจะนำเสบียงมาให้นางทุกๆ 15 วัน เพราะคนที่รู้ตำแหน่งของถ้ำฝึกฝนมีเพียงเหล่าอาวุโสขึ้นไปเท่านั้น
“พี่จูเชวี่ย ทำไมคราวนี้ท่านมาเร็วนักล่ะ”เหม่ยหลินถามพลางขึ้นมาจากน้ำอย่างช้าๆ เรือนร่างของนางภายในชุดสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำนั้นหากบุรุษได้มาเห็นคงพากันหลอมละลายเป็นแน่
“…..”เพียงแต่ชายหนุ่มที่เข้ามาเห็นกลับไม่มีท่าทีเช่นชายหนุ่มทั่วไปเสียนี่ ทันทีที่ไป๋จูเหวินเข้ามาเห็นสภาพของเหม่ยหลินในยามนี้มันก็เบือนสายตาหนีไปอีกทาง พลางยกมือมาปิดดวงตาของมันเอาไว้ แต่น่าเสียดายด้วยความสามารถของดวงตามันไม่ว่ามันจะปิดหรือหันหน้าไปทางไหนก็ยังมองเห็นรอบกายอย่างแจ่มชัดอยู่ดี
“…….”เหม่ยหลินที่เห็นไป๋จูเหวินอยู่ตรงหน้านิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว นางใช้มือของนางเลื่อนมาสัมผัสแก้มของไป๋จูเหวินช้าๆ พลางมองใบหน้ามันด้วยท่าทีกังวล
“เจ้ายังมีชีวิตอยู่”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมา เพราะนางเอาแต่กังวลว่าไป๋จูเหวินจะรอดชีวิตจากคำสั่ง บิดาของนางหรือไม่ พริบตาหนึ่งนางเผลอคิดไปว่าอาจจะเป็นวิญญาณของไป๋จูเหวินมาลานางด้วยซ้ำเพราะไป๋จูเหวินไม่น่าจะรู้ตำแหน่งของถ้ำฝึกฝนวิชาแห่งนี้ได้
“จริงสิ เจ้ามาที่นี้ได้ยังไงกัน”เหม่ยหลินถามพลางเอียงคอสงสัย แม้แต่อาวุโสยังไม่สามารถเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่หรืออย่างไร
“เรื่องนั้นท่านหัวหน้าเป็นคนบอกให้ข้ามารับเจ้าเอง”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ หลังจากกลับมาจากงานชุมนุม หวงหลงก็มีท่าทีเปลี่ยนไปมากจากแต่ก่อนที่เหมือนจะฆ่าไป๋จูเหวินให้ตาย แต่บัดนี้มันกลับให้ไป๋จูเหวินเข้ามาพักในวังมังกรแถมยังให้มันรับงานกับหวงหลงโดยตรงอีกต่างหาก ทำเอาเหล่าอาวุโสคนอื่นๆต่างพากันแต่งสีใส่เรื่องราวกันเป็นการใหญ่
“ท่านพ่อนะเหรอ”เหม่ยหลินเองยังมีท่าทีไม่เชื่อ เพราะล่าสุดที่นางอยู่ข้างนอกบิดาของนางแทบจะฆ่าไป๋จูเหวินจนนางต้องออกตัวยอมเข้าถ้ำฝึกฝนเพื่อให้บิดาไว้ชีวิตมัน แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นบิดานางถึงให้มันมายังถ้ำแห่งนี้ได้
“ท่านหัวหน้าให้ข้ามารับเจ้าออกจากการเก็บตัวฝึกฝนวิชา”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ
“ถึงเวลาแล้วงั้นเหรอ”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมา แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ในยามฝึกฝนเหม่ยหลินก็ตั้งใจไม่น้อยถึงขนาดเวลาไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
“จริงสิ ท่านหัวหน้าบอกว่าจะให้เจ้าไปหาแม่ของเจ้าได้”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปรอบๆ มันรีบคว้าเอาผ้าผืนหนึ่งมาถือในมือพลางมองไปทางเหม่ยหลินที่น่าจะยังไม่รู้ตัว
“จริงเหรอ ข้านึกว่าท่านพ่อจะไม่ยอมให้ข้าไปหาท่านแม่แล้วเสียอีก”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มกว้าง ทั้งๆที่บิดาของนางสัญญาไว้แล้วว่าจะให้มาพบท่านแม่ได้ แต่พอกลับมาก็โดนขังตัวเอาไว้ในถ้ำ นึกว่าท่านจะลืมไปแล้วเสียอีก
“เจ้ารีบเช็ดตัวให้แห้งแล้วตามข้าออกมาก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยื่นผ้าที่มันคว้ามาได้ให้เหม่ยหลิน แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหนเหม่ยหลินกลับมองลงมาที่เสื้อผ้าของตัวเอง ท่าทางนางจะรู้ตัวแล้วกระมัง
“……”
“……” ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างทั้งสอง ต่างคนต่างหันหลังให้กันช้าๆ คนหนึ่งเดินออกจากถ้ำไปอีกคนรีบใช้พลังวิญญาณทำให้เสื้อผ้าของตนแห้งในทันที จนกระทั้งเหม่ยหลินเก็บของออกมาจากถ้ำ ทั้งสองคนก็เพียงมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปยังวังมังกรของหวงหลงโดยไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว
คอมเม้นต์