นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 17 การท้าดวล
อีกสิ่งหนึ่งที่ริชาร์ดประสบความสำเร็จในเวลานี้ก็คือการปรับแต่งการใช้คาถาไฟร์บอลให้ดีขึ้น ซึ่งเขาจะลดเวลาในการร่ายคาถาลงครึ่งวินาทีและนี่เป็นขั้นตอนแรกในการร่ายไร้เวลาซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด กระบวนการนี้ยังเป็นการช่วยเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของเวทมนตร์และที่สำคัญไปกว่านั้นเขาไม่ได้ใช้วิธีการเดียวกันกับการร่ายคาถาอย่างรวดเร็วแบบมาตรฐานทั่วไป หากเขายังคงปรับแต่งมันไปเรื่อยๆจนคาถาพัฒนาไปถึงขีดสุด ในอนาคตเขาก็จะสามารถร่ายไฟร์บอลที่ยอดเยี่ยมออกมาได้แบบไร้เวลาซึ่งนั่นเป็นเครื่องหมายของเมจที่ทรงพลัง
ริชาร์ดจัดแจงเครื่องแต่งกายของเขาหน้ากระจกอย่างประณีต เป็นที่รู้กันดีว่าคนที่มีสายเลือดของพวกเอลฟ์มักให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาของพวกเขาเป็นพิเศษ และวันนี้เขาได้เตรียมบางอย่างที่พิเศษเอาไว้ด้วย เขาสั่งช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์เพื่อที่จะโปรยกลีบดอกไม้จากระเบียงด้านนอกของดีพบลู ว่ากันว่าจุดสูงสุดของดีพบลูอยู่ใกล้กับกระแสลมเทรดวิล ในทางทฤษฎี ลมเทรดวิลจะกระจายดอกไม้สดเหล่านี้ออกไปได้หลายร้อยกิโลเมตรหากเขาโยนมันจากที่สูง และถ้าเขาโชคดี….แม่ของเขาก็จะสามารถมองเห็นมันได้จากบนสวรรค์
ริชาร์ดเดินออกมาจากที่พักของเขาเหมือนกับทุกวัน แต่สิ่งที่แปลกไปจากทุกวันคือวันนี้เขาเดินออกมาพร้อมกับช่อดอกไม้ ริชาร์ดมุ่งหน้าไปยังจุดเทเลพอร์ตที่จะพาเขาขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของดีพบลู วิธีการเคลื่อนย้ายด้วยเทเลพอร์ตแบบนี้มีราคาสูงแต่สะดวกสบาย ซึ่งในแต่ละครั้งจะสามารถส่งคนมากกว่า 10 คนไปยังชั้นพิเศษพร้อมกันได้
ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้วงเวทย์มากขึ้น ริชาร์ดก็พบว่ามีใบหน้าที่คุ้นเคยยืนรวมกลุ่มปะปนกับคนอื่นๆอยู่ตรงบริเวณนั้นด้วย เขาจำได้ว่าคนเหล่านั้นเป็นเหล่านักเรียนที่เคยเข้าร่วมชั้นเรียนเดียวกับเขา แต่ก็ยังมีบางคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ทว่าคนเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนใจหลังจากที่เห็นริชาร์ดเดินแทรกเข้ามา วงเวทย์ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักและภายในนั้นก็มีคนที่มายืนรออยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วจึงทำให้เกิดสภาวะแออัดขึ้นอย่างฉับพลัน วงเวทย์สั่นเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะหายไป การเทเลพอร์ตได้สิ้นสุดลงแล้วและริชาร์ดก็เดินทางมาถึงชั้น 20 ของหอคอยดีพบลูเป็นที่เรียบร้อย
แต่ริชาร์ดก็ยังต้องการใช้การเทเลพอร์ตต่อเพื่อที่จะสามารถขึ้นไปยังชั้นสูงที่สุด เขาผ่านไปถึงชั้น 40 และเมื่อเวลาผ่านไปอีกชั่วครู่เขาก็มาถึงชั้น 80 ซึ่งเป็นดาดฟ้าชั้นบนสุดของหอคอยแล้ว
ทันทีที่ก้าวออกมาจากม่านแสง ริชาร์ดก็รู้สึกถึงความเจ็บแปล๊บเกิดขึ้นที่ก้น มีใครบางคนฟาดก้นของเขาพร้อมกับผลักเขาไปอย่างไร้ความปราณี ริชาร์ดอุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับวิ่งออกไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างขัดขาเขาไว้จนทำให้เขาสะดุดล้มลงแล้วไถลไปตามพื้นหินแบล็คสโตนเคลือบเงา ไกลถึง 2-3 เมตรก่อนที่จะหยุดลง ความเจ็บปวดที่ได้รับรุนแรงจนทำให้ริชาร์ดไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ชั่วขณะ แรงกระแทกทำให้เขาเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาอย่างฉับพลัน เสียงหัวเราะเยาะชอบใจขึ้นมาจากด้านหลังของเขา เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจกับฉากที่เห็นตรงหน้ามาก
ในความเป็นจริงริชาร์ดไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยบนร่างกายของตัวเองเท่าไหร่นัก ทว่าดอกไม้ที่เขาเตรียมไว้ให้แม่ในตอนนี้หล่นลงพื้นจนกลีบดอกไม้บินว่อนกระจายไปทั่ว ช่อดอกไม้ที่สวยงามก่อนหน้านี้เกิดความเสียหายอย่างมาก
ริชาร์ดพุ่งเข้าหาช่อดอกไม้เพื่อที่จะหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะดอกไม้ช่อนี้เป็นสิ่งที่แม่ของเขาชอบมากที่สุดและแม้ว่ามันจะเป็นดอกไม้ที่หาได้ง่ายดายในหมู่บ้าน แต่สำหรับในพื้นที่เขตภาคเหนืออย่างเช่นที่นี่ดอกไม้เหล่านี้ไม่ได้หาได้ง่ายโดยทั่วไป เขาต้องสั่งมันมากจากร้านดอกไม้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนถึงจะได้มันมาครอบครอง
ขณะที่เขากำลังเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกไม้นั้นก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาคว้าช่อดอกไม้ไปต่อหน้าต่อตาเขาอย่างรวดเร็ว ริชาร์ดค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆพร้อมกับหันไปมองจ้องคนผู้นั้น
เมจหนุ่มอายุราวๆ 14-15 ปี ยืนยิ้มอยู่ต่อหน้าเขาด้วยสายตาและท่าทางแสนเย่อหยิ่ง รูปร่างของเขาสูงกว่าริชาร์ด เด็กหนุ่มคนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมอโคไลท์ เขาเอียงศีรษะอย่างช้าๆพร้อมกับมองช่อดอกไม้ในมือของเขา คนๆนี้คืออโคไลท์คนที่ยืนอยู่ตรงจุดเทเลพอร์ตที่ริชาร์ดเห็นก่อนหน้านี้และดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มด้วย คนอื่น ๆ ที่น่าจะเป็นลูกน้องของเขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ทีละคน ไม่นานนักพวกเขาก็ล้อมริชาร์ดเอาไว้
ริชาร์ดรับรู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพราะเขา และรู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมจึงต้องเป็นเขา ? ตั้งแต่ริชาร์ดเข้ามาอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ในดีพบลูนี้ เขาก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับใครนอกเหนือจากอาจารย์อีกทั้งเขาก็ยังไม่เคยพูดคุยกับคนกลุ่มนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ริชาร์ดอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับคนเหล่านี้ในตอนไหน ด้วยพรแห่งสติปัญญาของริชาร์ดทำให้เขาจำได้ว่าคนตรงหน้ามีชื่อว่าพาพินซึ่งเป็นผู้ที่มาจากตระกูลขุนนางทั่วๆไปของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ เขามีความสามารถทางด้านเวทมนตร์ แต่ทว่าในดีพบลูเขากลับไม่ได้โดดเด่นมากพอที่จะเป็นที่สนใจหรือรู้จักของริชาร์ด และสำหรับเวทมนตร์ของเขา… ตัวเลขในการมองเห็นของริชาร์ดเริ่มคำนวณค่ามานาของพาพินผ่านออร่าที่เขาแผ่ออกมา และจากผลลัพธ์ริชาร์ดมองเห็นค่ามานาของพาพินซึ่งอยู่ที่ 15 พอยด์เทียบได้กับเมจในระดับ 2
พาพินมองดูช่อดอกไม้ที่ยับยุ่งอย่างละเอียดพร้อมกับเขย่ามันอย่างรุนแรงจนทำให้กลีบดอกไม้ปลิวกระจายออกไปทั่วอีกครั้ง เขาจ้องมองริชาร์ดด้วยสายตาเย่อหยิ่ง ถือดี พร้อมกับกล่าวถามริชาร์ดว่า “เจ้าคือริชาร์ดงั้นรึ ? ข้าไม่รู้เลยจริงๆว่าเจ้ามีดีอะไรถึงทำให้ท่านชารอนรับเจ้ามาเป็นศิษย์ส่วนตัวของนาง แต่พูดตามความจริงนะ ก้นเจ้าก็สวยดีหนิ!”
เด็กหนุ่มอโคไลท์เริ่มเปล่งเสียงหัวเราะออกมา มีเพียงผู้มีประสบการณ์และเข้าใจกับคำพูดนี้ถึงจะสามารถรับรู้ความหมายที่แท้จริงนั้นได้ แต่ถึงแม้ริชาร์ดจะไม่เคยเข้าใจสิ่งนี้มาก่อน แต่ก็สามารถสัมผัสถึงความชั่วร้ายในสายตาของพวกเขาและความหยาบคายในน้ำเสียงของคนผู้นั้น และในทันทีที่ถูกกระทำใบหน้าของริชาร์ดเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ เขากดข่มโทสะของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาช้าๆว่า “คืนดอกไม้มาให้ข้า!”
“โอ๊ะ ดอกไม้!ข้าเกือบลืมไปแหน่ะ!” พาพินอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับแสดงกิริยาเสแสร้ง เขาจ้องไปที่ช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือแล้วใช้ลิ้นเลียดอกไม้เหล่านั้นก่อนจะพูดว่า “นี่คงสำคัญกับเจ้ามากสินะ ? ให้ข้าเดานะ……นี่คงจะเป็นดอกไม้ที่เตรียมไว้ให้สาวล่ะสิ ? เจ้าหนูน้อยริชาร์ด ข้าสงสัยจริงๆ คนที่มีผมยาวอย่างเจ้ารู้จักมอบดอกไม้ให้ผู้หญิงด้วยรึ? แล้วเจ้าจะมอบให้ใครหล่ะ? บอกข้าได้นะ ให้ข้าช่วยเจ้าสิ!ข้าเป็นคนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น!แต่จะว่าไปดอกไม้พวกนี้มันดู…..น่าขยะแขยงไปหน่อยนะ” และในทันทีที่พูดจบเขาก็สะบัดช่อดอกไม้อีกครั้งอย่างแรงแล้วพูดออกมาว่า “มันดูเหมือนของที่เจ้าจะเอาไปให้โสเภณี……”
“เอาคืนมาให้ข้า!” ริชาร์ดเปล่งเสียงคำรามต่ำราวกับเสียงสิงโตหนุ่มที่กำลังข่มคำรามขู่
“โอ้!ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบของสิ่งนี้จริงๆ……” พาพินโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมกับเอนตัวเข้าหาริชาร์ด เขาปล่อยมือออกจากช่อดอกไม้และปล่อยให้มันตกลงสู่พื้นอีกครั้ง ก่อนที่ริชาร์ดจะได้เคลื่อนตัวเข้าไปเก็บดอกไม้ช่อนั้น อโคไลท์คนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ก็เหยียบเข้าที่ช่อดอกไม้อย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้เท้าบดขยี้ซ้ำไปซ้ำมา กลีบดอกไม้บริสุทธิ์กระจายไปทั่ว ดอกไม้งดงามยับเยินเสียหาย ช่อดอกไม้กระจัดกระจายไม่เหลือเค้าโครงความสวยงามเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
ริชาร์ดไม่ได้พุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องช่อดอกไม้หรือแม้แต่หยุดอโคไรท์ผู้นั้น ในทางตรงกันข้ามเขากลับเคลื่อนตัวไปด้านหลัง ทันใดนั้นร่างของริชาร์ดก็มีปฏิกิริยาเหมือนกับการเด้งกลับของลูกธนูที่พุ่งกลับมาหากลุ่มคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว *ปัง!* หน้าผากแข็งๆของเขาชนเขากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพาพินอย่างจัง !
วงเวทย์เทเลพอร์ตเป็นเส้นทางสัญจรหลักดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากที่เริ่มรวมตัวกันอยู่ตรงนี้ เสียงกระดูกหักจากแรงกระแทกดังขึ้นฟังดูคล้ายเสียงผลเบอรี่ถูกบด เสียงที่ดุเดือดนี้น่ากลัวจนทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกขนลุกขึ้นมาได้
สิ่งต่างๆ ที่พาพินมองเห็นกลายเป็นสีดำไปชั่วขณะ จากนั้นการมองเห็นของเขาก็ถูกครอบครองโดยสีแดง สีเหลืองและสีสันต่าง ๆ โลกเริ่มหมุนจนทำให้เขาสูญเสียการทรงตัว ริชาร์ดถือโอกาสที่ทุกคนกำลังอยู่ในความงุนงงกระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มนามว่าพาพินผู้นั้นพร้อมกับโถมร่างกายใช้น้ำหนักทั้งหมดของตัวเองกดทับไปบนมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง ในขณะเดียวกันก็กระชากร่างของเขาให้ยกตัวสูงขึ้นแล้วตบเข้ากลางศีรษะของพาพินอย่างจัง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดพุ่งตรงลงสู่พื้นดิน หากศีรษะของพาพินกระแทกเข้ากับพื้นกระโหลกของเขาก็จะแหลกละเอียดไปในทันที!
อย่างไรก็ตามเรื่องน่ากลัวแบบนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นภายในดีพบลู เกราะทางกายภาพระดับหกถูกใช้กับเด็กชายทั้งสอง แรงผลักดันระหว่างเกราะทำให้ทั้งสองเด้งออกจากกันราวกับลูกบอล
มีเพียงเกรทเมจที่มีระดับ 14 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถร่ายคาถาระดับ 6 ได้ เมจวัยกลางคนสองคนเดินออกมา สเติร์นมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาเคร่งเครียด พร้อมกับคำถาม “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
เกราะป้องกันทางกายภาพนั้นมีประสิทธิภาพมาก มันห่อหุ้มตัวเขาไว้อย่างเหนียวแน่น ริชาร์ดไม่ได้สนใจคำถามของสเติร์น แต่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ร่างกายหลุดพ้นจากการพันธนาการของเกราะที่แน่นหนานั้น
ในเวลาเดียวกันพาพินก็ฟื้นคืนจากความมึนงง ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นของเขาคือความกลัวซึ่งปะปนมากับความโกรธกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นกับตัวเขา เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งจมูก เมื่อใช้มือที่สั่นเทาสัมผัสดูก็พบว่าทุกอย่างบนใบหน้าไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว
เด็กหนุ่มแทบจะเป็นลมเมื่อรู้ว่าใบหน้าที่เขาภาคภูมิใจว่างดงาม บัดนี้ได้ถูกทำลายด้วยมือของริชาร์ด!ความโกรธของพาพินพุ่งทะยานขึ้นจนทำให้เขาแทบขาดสติ พาพินชี้หน้าริชาร์ดพร้อมกับสบถด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย “ไอ้เวร !แน่จริงมาดวลเวทมนตร์กับข้าตัวต่อตัว ใครแพ้ต้องยอมจูบก้นคนชนะ ! ”
ริชาร์ดฟังพาพินตะโกนใส่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง ตอนนี้เขาหยุดต่อต้านเกราะที่ห่อหุ้มตัวแล้ว ริชาร์ดพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับตอบรับคำท้าของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าและท่าทางเคร่งขึมผิดไปจากเด็กอายุ 11 ปี “ตกลง ข้ารับคำท้า!”
“ไม่ได้นะ!” เมจวัยกลางคนผู้หนึ่งร้องห้ามในทันที ทว่ากลับถูกเมจอีกคนหนึ่งรั้งเอาไว้
“ปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการ”
“แต่ริชาร์ดเป็นนักเรียนที่ท่านชารอน…..” เมจคนแรกกระซิบตอบกลับไป
“คนที่ท้าเขาคือพาพินผู้ติดตามของแรนดอล์ฟ ซึ่งก็เป็นนักเรียนของนางเหมือนกัน การดวลกันในครั้งนี้อาจจะเป็นความคิดของแรนดอล์ฟ เพียงแต่เจ้าเด็กงี่เง่าคนนี้เกือบจะทำมันพังไปเท่านั้นเอง” เมจอีกคนตอบโต้ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หลังจากฟังคำพูดของเพื่อนเมจ เมจวัยกลางผู้คิดจะห้ามปรามการต่อสู้ของพาพินและริชาร์ดก็เริ่มตระหนักถึงบางอย่างได้ และยอมที่จะยกเลิกความตั้งใจเดิมของเขา “เราไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในเรื่องของนักเรียนทั้งสองของท่านชารอน เอาเถอะ งั้นก็ปล่อยให้เป็นตามนี้แล้วกัน!”
ตามธรรมเนียมปฏิบัติของดีพบลูแล้ว หากปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ก็จะต้องจบลงด้วยการตัดสินด้วยเหรียญทองหรือการใช้เวทมนตร์ ในกรณีที่มีการท้าดวลเวทมนตร์และอีกฝ่ายตอบรับ การดวลก็จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะผู้ดูแลของดีพบลู เวทีการประลองได้ถูกแยกออกจากกันเพื่อจุดประสงค์นี้ และเมจบางคนจะได้รับการแต่งตั้งเพื่อทำหน้าที่ดูแลและป้องกันสถานที่ในระหว่างการต่อสู้
การท้าดวลนั้น ต้องใช้เงินจำนวนมาก หากทั้งสองฝ่ายประสงค์จะใช้เวทีในการประลองก็จำเป็นต้องจ่ายค่าใช้บริการจำนวนหนึ่งเพื่อชดเชยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการท้าดวลในแต่ละครั้ง เมจที่ประจำการจะเป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลปกป้องทั้งสองฝ่าย และการดวลกันจะต้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตซึ่งก็แน่นอนว่าไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง เพราะพาพินที่ถึงแม้จะลงทะเบียนเป็นเมจระดับ 1 แต่เขาก็มีค่ามานาอยู่ในระดับ 2 ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเอาเปรียบริชาร์ดอย่างมาก
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นริชาร์ดและพาพินก็ถูกพาเข้าสู่เวทีประลอง ทั้งคู่ยืนประจัญหน้ากันที่ระยะห่าง 20 เมตร อาการบาดเจ็บของพาพินได้รับการดูแลไปแล้วก่อนหน้านี้ ใบหน้าติดจะซีดเล็กน้อยของเขาไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เสื้อคลุมเปื้อนเลือดของเขาก็ถูกเปลี่ยนออกไปแล้วเช่นกัน มีเพียงส่วนเดียวในร่างกายที่ยังคงดูผิดปกติอยู่นั่นก็คือจมูกของเขา
ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจเข้ามาดูการท้าดวลนี้ แม้ว่าจะเป็นการดวลระหว่างเมจในระดับที่ 1 เท่านั้น ข่าวเกี่ยวกับการประลองของริชาร์ดและพาพินแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความพิเศษที่ดูจะมากกว่าคนอื่นๆของริชาร์ดทำให้ผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จนทำให้สนามประลองที่สามารถบรรจุผู้ชมได้กว่าสองร้อยที่นั่งเต็มแน่นไปด้วยอโคไลท์และเมจจากทั้วทั้งดีพบลู
คนที่มารอดูการต่อสู้พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้มีบรรยากาศที่ตึงเครียด และไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นเลยสักนิด เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าการต่อสู้ระหว่างอโคไลท์ที่มีเพียงคาถาระดับ 1 ยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียชีวิต และด้วยจำนวนมานาที่พวกเขามีก็ทำได้เพียงการร่ายคาถาระดับหนึ่ง 3 ครั้งเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่ดึงดูดให้คนเหล่านี้เข้ามาดูประลองในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือ พวกเขาอยากรู้ว่าริชาร์ดมีความพิเศษอย่างไรที่ทำให้ชารอนสนใจและแต่งตั้งให้เขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของนาง และพวกเขาทุกคนแอบมีความหวังอยู่ลึกๆในใจว่าการประลองในครั้งนี้จะสร้างความอับอายให้กับริชาร์ดได้ เพราะการได้เห็นผู้ที่ครอบครองสิทธิพิเศษเหนือพวกเขามาตลอดตกอยู่ในสถาณการณ์ย่ำแย่ หรือในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็จัดเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
มินนี่และแรนดอล์ฟนักเรียนอีกสองคนของชารอนยืนมองดูเหตุการณ์ต่างๆในลานประลองผ่านหน้าต่างของห้องพิเศษที่อยู่เหนือที่นั่งอื่นๆ
มินนี่เป็นเด็กสาวรูปร่างสูงและหุ่นดี ภาพลักษณ์ภายนอกและออร่าที่แผ่ออกมาของนางให้ความรู้สึกความเยือกเย็นและหยิ่งยโส ซึ่งถือเป็นออร่าที่น่าประทับใจเกินอายุของนางอย่างมาก ส่วนแรนดอล์ฟเป็นเด็กหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ เขามีรูปลักษณ์ ออร่า พื้นฐานทางครอบครัว และพลังที่เหนือกว่าเพื่อนของเขาคนอื่นๆ
มินนี่มองไปยังเวทีประลองที่กำลังเริ่มนับถอยหลังเวลาแห่งการเริ่มการต่อสู้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เป็นความคิดที่ดีนะแรนดอล์ฟ หากริชาร์ดแพ้ในการดวลครั้งนี้ มาสเตอร์ก็จะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป ว่าแต่…..ทำไมเจ้าถึงไม่ใช้เมจระดับ 1 ดวลกับเขาล่ะ ? ”
แรนดอล์ฟยักไหล่พร้อมแย้มรอยยิ้มอันสง่างาม เขาตอบเพื่อนสาวไปว่า “ข้าอยากจะเห็นว่ารูนมาสเตอร์คนต่อไปพิเศษยังไงแค่นั้นแหละ รูนมาสเตอร์ที่มีชื่อเสียงอย่างเซนต์เคลาส์ เคยบอกว่าข้ามีความสามารถในสายนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่มาสเตอร์กลับไม่ให้ข้าฝึกฝน มันสมเหตุสมผลเหรอที่มาสเตอร์จะสนใจเด็กที่ไร้ประโยชน์แบบนั้น ยิ่งกว่านั้นมันจะเป็นไปได้เหรอว่าศิษย์ฝึกหัดของมาสเตอร์จะแพ้ให้กับขยะนั่น ทั้งที่ทั้ง 2 ก็ห่างกันแค่ระดับเดียวเท่านั้น”
มินนี่หัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “ห่างกัน 1 ระดับก็จริง…..แต่มันคือระดับ 1 กับ 2 เจ้าอย่าดูถูกสติปัญญาข้า…. แล้วที่ทำนี่เจ้าไม่กลัวมาสเตอร์จะโกรธเมื่อนางกลับมารึไง ? ”
แรนดอล์ฟยังคงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง เขาตอบกลับไปว่า “มาสเตอร์ไม่มีทางยอมให้อัจริยะอย่างข้าพ่ายแพ้หรอก ข้าได้ 100,000 เหรียญจากนางทุกเดือน!ยิ่งไปกว่านั้น บิดา…….ช่างเถอะ การดวลจะเริ่มต้นแล้ว มาดูกันเถอะว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร!”
มินนี่หันกลับไปจ้องมองเวทีต่อสู้พร้อมกับพึมพำกับตัวเองว่า “แต่ทำไมข้าถึงได้ยินว่าริชาร์ดได้รับเหรียญจากนางถึง 500,000 เหรียญล่ะ”
แรนดอล์ฟไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นเขาทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่มินนี่พูดออกมา แต่ทว่าท่าทีเขากลับหยุดชะงักลง พร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
คอมเม้นต์