นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 21 รดน้ำผลไม้
ริชาร์ดรู้ตัวอีกทีก็จัดการลุกขึ้นมาจากร่างของหญิงสาวได้สำเร็จ เขาลุกขึ้นพร้อมกับเหยียดยืดร่างกายจนสุดแรง นางมีพละกำลังที่จำกัดซึ่งนั่นทำให้นางประหลาดใจกับร่างกายที่กระชับและหนักแน่นของเขาอย่างมาก ตรงกันข้ามกับตัวนางที่เคลื่อนไหวร่างกายเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้เหงื่อซึมไปทั่วทั้งร่างกาย ทั้งแขนขาก็แทบจะไม่มีแรงเสียแล้ว เมื่อเห็นริชาร์ดลุกขึ้นได้สำเร็จนางก็กัดริมฝีปากตนเองแน่นจนห้อเลือด
นางเคยได้ยินมาว่าเด็กผู้ชายจากตระกูลขุนนางเริ่มเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างเพศตั้งแต่ 6 ขวบแล้วไม่ใช่หรือ ? หากเป็นอย่างนั้นจริงเด็กอายุ 10 ปีก็ควรจะรู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมดแล้ว และเด็กชายวัย 15 จากตระกูลขุนนางก็ควรจะต้องผ่านหญิงสาวไปไม่ต่ำกว่า 10 คนแล้วด้วย แล้วทำไมริชาร์ดถึงดูเหมือนไร้เดียงสานัก เขาดูไม่เข้าใจในเรื่องพวกนี้เลย หรือนักเรียนคนนี้ของชารอนจะไม่ได้มาจากครอบครัวขุนนาง ?
“เป็นไปไม่ได้ !เขาเป็นถึงนักเรียนของท่านชารอนนะ เขาจะต้องคิดว่าข้าไม่ดีพอแน่ๆ!” เด็กสาวเกิดอาการสับสนและมึนงงจนนางหลุดพูดความคิดของตัวเองออกมาโดยบังเอิญ
“เจ้าไม่ดีพอยังไงรึ ? ” ริชาร์ดถามอย่างสงสัย เขารู้สึกราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ฝันไป
หญิงสาวกัดฟันแน่น นางแสร้งทำตัวอ่อน หมดแรงพร้อมกับเซไปยังริชาร์ดในทันที เมื่อริชาร์ดเห็นว่าสาวน้อยที่ยืนอยู่ใกล้ๆดูอ่อนแอจนเกือบจะล้มลงไปกองที่พื้น เขาก็รีบเข้าช่วยพยุงตัวนางไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ และหญิงสาวก็ใช้โอกาสนี้บิดเอวของตัวเองแล้วบดเบียนเข้าไปที่ร่างของริชาร์ดอย่างรวดเร็ว
ริชาร์ดอ้าปากค้าง หญิงสาวใช้มือคว้าร่างกายท่อนล่างของเขาและปัดป่ายมือบางไปตรงจุดนั้นไปมาอย่างรวดเร็ว !
สิ่งที่นางสัมผัสอยู่ทำให้นางรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นผลไม้ที่ใกล้จะสุกเต็มที่แล้ว ขนาดของมันยังเล็กไปหน่อย และอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนหรืออาจจะถึงหนึ่งปีจึงจะสามารถใช้งานได้ และแน่นอนว่ามันคงจะสั้นลงกว่านี้หากหดตัวลง แต่ถ้าหากนางยังคงทำแบบนี้ต่อไปก็อาจจะทำให้ผลไม้ผลนี้สุกด้วยมือได้ไม่ยาก
หญิงสาวกัดปากตัวเองแน่นพร้อมกับคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็จบทุกอย่างลงด้วยการไม่ลงมือทำอะไร นางไม่ได้มีจิตสำนึกหรือเป็นคนดีแต่อย่างใด แต่การบังคับเด็กหนุ่มให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบนั้นดูเหมือนจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับเขา ในขณะเดียวกันโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จในตอนนี้ก็ถือว่ายังมีอยู่น้อยมาก นางจึงไม่คิดที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ริชาร์ดได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อคลุมสีดำพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะอาหาร เขาจ้องมองเนื้อในจานที่อยู่บนโต๊ะ นี่คืออาหารกลางวันของเขาและเขาจะได้รับอาหารในปริมาณเท่ากันนี้สำหรับมื้อเย็น
เนื้อ 2 กิโลกรัมที่ยังไม่รวมกับเครื่องเคียงจำนวนหนึ่งและแอลกอฮอล์ที่มีชื่อเรียกแปลกประหลาดและอ่านยากวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเขา นี่เป็นปริมาณอาหารทดแทนที่เขาควรจะได้รับก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันถูกอัดให้เป็นอาหารมื้อเดียว และดูเหมือนว่าเขาจะต้องจัดการกับอาหารมื้อนี้ให้หมด!และหนึ่งในหน้าที่ของหญิงสาวก็คือ ทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าริชาร์ดกินทุกอย่างจนหมดจาน
ริชาร์ดใช้ส้อมและมีดด้วยความยากลำบาก ความหิวโหยของเขาทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่อาหารมากมายขนาดนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเทลงไปในกระเพาะให้หมดได้ภายในมื้อเดียว กลิ่นของเนื้อทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ สัมผัสของกลิ่นที่กระทบเข้าไปที่จมูกของเขาเร่งการไหลเวียนเลือดของเขาเป็นอย่างมาก จนริชาร์ดเกรงว่าเลือดร้อนระอุอันลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของเขาจะถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งถ้าหากเขากินพวกมันเข้าไป
หญิงสาวมองดูริชาร์ดที่กำลังลังเลอยู่แล้วพูดออกมาว่า “กินเข้าไปเท่าที่เจ้าจะทำได้!ท่านชารอนมักจะพูดเสมอว่า ‘จะต้องทานอาหารของมังกรถึงจะได้รับความแข็งแกร่งจากมังกร’ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เมจระดับสูงในดีพบลูมีความอยากอาหารและกินจุมาก”
ขณะนี้เขาเป็นศิษย์ฝึกหัดของชารอนริชาร์ดและมีเคารพต่อนางอย่างมาก ทว่าในครั้งนี้เขากลับไม่เชื่อคำพูดที่นางกล่าวไว้ เพราะมันไม่ใช่แค่อาหารและเครื่องดื่มที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่ละกลิ่นที่แตะเข้าจมูกของเขาทำให้เส้นเลือดดำของเขาสั่นคลอนไปทั่วร่างกาย ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายทุกครั้งที่เมนูอาหารใหม่ๆเข้ามาเสริฟ นางนั่งเอามือเท้าคางพร้อมกับมองดูริชาร์ดอย่างเงียบๆ อาหารที่ทยอยเข้ามาเสริฟทำให้ริชาร์ดรู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“นี่มันเนื้ออะไรเหรอ ? ”
“กระดูกซี่โครงของมังกรดินโคโมโด” หญิงสาวตอบอย่างรวดเร็ว
“แอลกอฮอล์นี่ล่ะ ? ”
“มันคือวอริเออร์แอลกอฮอล์ของคนแคระแอชจากหุบเขาเรกกิ้งเฟลม”
“เอ่อ แล้วอาหารพวกนี้ล่ะ ? ”
“เซลาน, แครอทบลัด, เบอรี่คับ อาหารเหล่านี้มีส่วนผสมหลักในโพชั่นที่มีไว้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเป็นอาหารที่ใช้กระบวนการแบบพิเศษซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแรงและเพิ่มพลังให้กับร่างกาย” ถึงแม้ว่าเรื่องอาหารจะไม่ได้เป็นอาชีพหลักของนาง แต่หญิงสาวก็ดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี และจากความรู้ต่างๆที่ได้รับการบอกเล่าทำให้ริชาร์ดรับรู้ได้ทันทีว่านางใกล้จะถึงระดับ 3 แล้ว ซึ่งถึงแม้นั่นจะไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร แต่ทว่าในดีพบลูความสามารถดังกล่าวก็ไม่ได้พบได้ทั่วไป
ริชาร์ดพยักหน้ารับ แล้วเขาก็กวักมือเรียกนาง “มากินด้วยกันสักหน่อยสิ!ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก”
หญิงสาวเปล่งเสียงร้องปฏิเสธออกมาทันที พร้อมกับส่ายหัว “ไม่ ไม่!นั่นมันแพงเกินไป ข้าไม่มีปัญญาจ่าย…..”
“งั้นก็ถือซะว่าช่วยข้าหน่อยแล้วกัน” ริชาร์ดพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ในเวลาที่เลือดของเขาไม่ได้ร้อนระอุเดือดพล่านเหมือนที่เขาประสบก่อนหน้านี้ เขาก็เป็นเหมือนกับเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่อาจจะฉลาดกว่าคนอื่นเล็กน้อย และมีความพิเศษแค่เพียงถูกช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากในปีที่ผ่านมาหล่อหลอมเขาให้เป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้นกว่าปกติเท่านั้น
คำพูดของริชาร์ดทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายลง ทว่านางก็ยังคงส่ายหน้าปฎิเสธ “ไม่ล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าปรารถดี แต่นี่เป็นเมนูพิเศษที่มีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น”
นางไม่ได้อธิบายให้เขาฟังว่าเมนูอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ความเป็นชายของเขาเติบโตเร็วขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลนี้เป็นเรื่องที่นางเลี่ยงที่จะพูดถึง
ริชาร์ดมองสาวน้อยผู้ดูแลอาหารของเขาอีกครั้ง แล้วตัดสินใจลงมือกินอาหารให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขากินอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ริชาร์ดหยิบแอลกอฮอล์ที่มีกลิ่นฉุนขึ้นมากระดกจนหมดแก้วในครั้งเดียวดวงตาของหญิงสาวก็เปล่งประกายขึ้น ราวกับว่านางมองเห็นต้นไม้ที่มีผลไม้เกือบสุกถูกรดน้ำใส่ปุ๋ยเร่งการสุกงอมของผลไม้อยู่
ริชาร์ดจัดการทุกอย่างบนโต๊ะหมดภายใน 10 นาที จานเงินที่อาหารหมดเกลี้ยง วาววับราวกับเพิ่งถูกล้างจนสะอาดเอี่ยม อากัปกิริยาของหญิงสาวบอกเขาว่าจะมีตัวเลขจำนวนมากมายที่จะปรากฎขึ้นในตอนท้ายของใบเรียกเก็บเงินในเดือนนี้
หลังจากที่เขาตะเกียกตะกายอยู่ในห้องน้ำ ความรู้สึกของริชาร์ดที่มีต่อหญิงสาวก็เปลี่ยนไป เขาจำได้ถึงความรู้สึกระหว่างแขนขา และการสัมผัสของนางก่อนหน้านี้ที่เป็นไปอย่างช้าๆ เขาจ้องมองนางอยู่นานจนทำให้ใบหน้านวลเป็นสีแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ร่างกายของเขาเกิดความร้อนขึ้น ตอนนี้คล้ายกับว่าร่างกายอ่อนนุ่มภายใต้เสื้อคลุมตัวบางเริ่มที่จะถูกดึงดูดเข้าหาเขาทีละน้อยด้วยพลังที่ลึกลับ
“ข้ายังไม่เคยรู้จักชื่อเจ้าเลย” ริชาร์ดกล่าวขึ้น
ร่างกายของหญิงสาวเกิดอาการสั่นเทา นางก้มหน้าลงอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเอ่ยชื่อของตัวเองออกมา “เอ-ริน เอริน เฟย์ร่า”
“เอาหล่ะเอริน มีอะไรให้ข้าช่ว…..ไม่สิ เจ้าช่วยข้ามาเยอะแล้ว ข้าจะตอบแทนเจ้าได้อย่างไร?” ริชาร์ดแก้คำพูดใหม่อีกครั้ง เพราะกลัวว่าคำพูดของเขาจะทำให้หญิงสาวขุ่นเคืองหรืออาจเป็นการหยามเกียรติของนางได้ เขาได้รับการถ่ายทอดความคิดเช่นนี้มากจากแม่ของเขา และช่วงเวลาที่ริชาร์ดใช้ในดีพบลูนี้ก็ทำให้เขาเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ทางสังคมได้อย่างมาก
เอรินเงยหน้ามองหน้าริชาร์ดพร้อมกับยิ้มออกมา “มันเป็นธรรมเนียมของดีพบลูที่จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับเหรียญทอง ข้ารู้เรื่องพวกนี้ดี และหากเจ้าอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับดีพบลูเจ้าสามารถถามข้าได้ตลอด ข้าคิดไม่แพงและแน่นอนว่าราคาก็จะขึ้นอยู่กับความยากของข้อมูลด้วย”
เมื่อพูดจบหญิงสาวก็เดินเข้ามาใกล้ริชาร์ด แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณนะ!” นางพูดก่อนจะเดินออกไป เห็นการย่างก้าวที่ดูสดใสและท่าทางมีชีวิตชีวาของนางแล้ว ริชาร์ดก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างฉับพลัน……
วงเวทย์เปล่งแสงกระพริบขึ้นที่ประตูใหญ่ที่อยู่ใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ พร้อมกับแยกพื้นที่ส่วนนี้ออกจากโลกภายนอก เสียงทั้งหมดถูกกำจัดไปจนเกิดความเงียบสงบ ริชาร์ดตั้งสมาธิพร้อมกับเริ่มต้นการเรียนรู้ของเขาในวันนี้ วันนี้ปากกาขนไก่งวงดูเรียบเป็นพิเศษ และหมึกลอร์สเคอร์เฮลที่เขาเพิ่งเปิดใช้ดูเหมือนจะแห้งมากกว่าปกติ ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งขณะที่เขาวาดภาพลงบนกระดาษฝันร้าย ตอนนี้เขาสูญเสียทรัพยากรไปมากซึ่งราคาค่าเสียหายก็ดูเหมือนจะมีค่ามากกว่า 50,000 เหรียญแล้วในตอนนี้ และหากเขาประสบความสำเร็จในการทำงานศิลปะนี้ เขาก็จะได้รับเงินคืน 30,000 เหรียญ ซึ่งนั่นคือจำนวนเงินเท่ากับรายรับทั้งหมดของเขาในเดือนแรกเลยทีเดียว
ในวันนี้ดูเหมือนปากกาจะไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งของเขาสักเท่าไหร่ เพราะมันไม่ยอมเคลื่อนไหวในแบบที่ใจเขาต้องการ ริชาร์ดรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น หัวใจของเขาเต้นแรงและรัวเร็ว และเขาก็กินมื้อค่ำในปริมาณที่มากกว่าปกติ การวาดวงเวทย์นี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เพียงแต่มันต้องการความแม่นยำที่สูงมาก ทว่าเขากลับใช้เวลาที่มากกว่าปกติเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาสามารถวาดรูปแบบที่ซับซ้อนออกมาได้รวดเร็วกว่านี้
‘อืม ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่….’ ริชาร์ดคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด –‘ประสิทธิภาพอยู่ที่ 25%’– พรีซิชั่นตอบเขาอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้ริชาร์ดรู้สึกได้ว่าในบางครั้งอบิลิตี้นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าพิศมัยมากนัก
เวลามื้อค่ำมาถึงแล้ว และเอรินก็มาถึงตรงเวลาอย่างทุกครั้ง นางนั่งมองริชาร์ดกินอาหารอย่างเงียบๆ หลังจากที่เขากินเสร็จนางก็ประกบริมฝีปากของตนเองบนริมฝีปากของริชาร์ดเบาๆอีกครั้ง ในครั้งนี้นางคว้ามือของริชาร์ดแล้วนำมาวางทาบไปบนหน้าอกของตัวเอง “เจ้าเป็นหนี้ข้าหนึ่งเหรียญ!” เอรินพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินออกจากพื้นที่ของริชาร์ดไปอย่างรวดเร็ว
เอรินอารมณ์ดีเป็นพิเศษ นางกระโดดโลนเต้นน้อยๆไปตามทางเดิน โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่มุ่งหน้าออกจากจตุรัสเล็กๆไปยังที่พักอาศัย ในกลุ่มนั้นมีคนรูปร่างสูง และหล่อเหลา อายุราวๆ 17 หรือ 18 ปี เป็นผู้นำของกลุ่ม เขาสวมใส่ชุดเรียบๆที่พอดีตัว ตรงหน้าอกด้านซ้ายของเขาประดับเครื่องหมายทองคำขนาดเล็ก ตรงกลางของเครื่องหมายเป็นรูปนกอินทรีสองหัวที่ใช้กรงเล็บจิกงูขนาดใหญ่อยู่ ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับการเมืองของนัวแลนด์จะสามารถจดจำสัญลักษณ์นี้ได้ มันเป็นตราสัญลักษณ์ ‘เหยี่ยวอสรพิษ’ ของดยุกโซแลมแห่งจักรวรรดิเซเคร็ดทรี มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลโซแลมที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองตราสัญลักษณ์นี้
คนที่เหลือในกลุ่มมีกันอยู่อีกประมาณสิบคนหรือน้อยกว่ากำลังเดินตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไป ครึ่งหนึ่งของพวกเขาเป็นวอริเออร์ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นเมจ ซึ่งถือว่าเป็นความแตกต่างอย่างมากสำหรับกลุ่มคนในดีพบลู และอาจารย์ผู้เคยสอนริชาร์ดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดีพบลูคือหนึ่งในคนที่อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เสียงของเขาดังขึ้นและเบาลงเป็นจังหวะในขณะที่เขาอธิบายทุกอย่างอย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งสิ่งเดียวที่ทำให้เมจเฒ่าผู้นี้ต้องทำงานอย่างหนักก็คือพลังแห่งเหรียญทอง
ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้ที่น่าจะเป็นบุคคลสำคัญฟังอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของเขาจ้องมองเข้าไปยังพื้นที่ด้านในของดีพบลูและกลุ่มคนที่กำลังเดินไปมา สายตาอันแหลมคมนั้นเก็บข้อมูลและพิจารณารายละเอียดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน
เขาจับจ้องแผ่นหลังของเอรินที่กำลังเดินออกมาจากที่แห่งหนึ่งอย่างอารมณ์ดี เขาหยุดการเคลื่อนไหวไว้ชั่วคราวพร้อมกับมองดูสถานที่ที่เอรินเดินออกมา เขามองเห็นพื้นที่พักผ่อนที่มีกำแพงสูงกั้นไว้ทอดยาวออกไป เขามองเห็นประตูโลหะหนักที่เคลื่อนไหวด้วยเวทมนต์ซึ่งนั่นหมายถึงมีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในที่นี้
“เจ้าบอกว่าที่นี่เป็นของ….เอ่อ มิสเตอร์ริชาร์ด ใช่หรือไม่ ?” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามเมจเฒ่า
“ใช่แล้ว!ริชาร์ดเป็นนักเรียนใหม่ของท่านชารอน เขาอาจจะดูเด็ก แต่เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงเลยล่ะ!ดูได้จากที่พักของเขา มีศิษย์ฝึกหัดเพียงสองคนเท่านั้นที่จะได้รับที่พักอาศัยที่ยิ่งใหญ่อลังการมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนะ ยังมีอีกความลับนึงที่ยิ่งใหญ่มาก….” เมจเฒ่าพูดเสียงเบาจนแทบกลายเป็นกระซิบ
“หืม ความลับอะไรหรอ?” ชายหนุ่มเอนตัวเข้าใกล้เมจเฒ่าพร้อมกับทำท่าทางสนใจ
เมจเฒ่ากวาดสายตามองซ้ายขวาก่อนจะกระซิบออกมาเบาๆราวกับต้องการให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว “มิสเตอร์ริชาร์ดคือรูนมาสเตอร์ในอนาคต!”
“อะไรนะ ? เจ้าบอกว่าเขาเพิ่งจะอายุ 11 ไม่ใช่เหรอ ? ” ชายหนุ่มเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกตะลึง
เมจเฒ่ากระทึบเท้าพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “เงียบหน่อยสิ!นี่เป็นความลับนะ!ข้าเพิ่งบอกไปไงว่าเขาเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคต อนาคตน่ะ!”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นชายหนุ่มก็เข้าใจความหมายของเมจเฒ่าผู้นี้ในทันที “นั่นเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเลยนะ!ใครเป็นผู้ตัดสินว่าเขามีความสามารถที่จะเป็นรูนมาสเตอร์ล่ะ ? ท่านชารอนรึ ? ”
“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากนางจะยังเป็นใครได้อีกล่ะ ? ”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาพร้อมกับหยิบถุงเหรียญทอง แล้วส่งมอบให้กับเมจเฒ่า “ขอบคุณมากสำหรับความลับสุดยอดนี้ ”
จากน้ำหนักของถุงเหรียญทองนี้ทำให้เมจเฒ่ายิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ ความลับนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะภายในดีพบลูเท่านั้น แต่ทว่าตอนนี้เขาได้นำความลับนี้ ‘เปิดเผย’ ให้กับคนอื่นเพื่อแลกกับเหรียญทองไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มมองดูทางเข้าที่พักนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยนัยแอบแฝงบางอย่าง เขากล่าวกับเมจเฒ่าว่า “ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเข้าพบท่านชารอนแล้ว ไปกันเถอะ มันคงจะไม่เหมาะสมหากปล่อยให้นางต้องรอ”
คอมเม้นต์