นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 22.1 เลเจนดารี่ [1]
ฉากหายากปรากฏขึ้นในห้องสมุดส่วนตัวของชารอน เลเจนดารี่เมจนั่งอยู่ที่โต๊ะนั่ง หนังสือเล่มหนากว่าพันเล่มลอยอยู่รอบตัวนาง หนังสือบางเล่มกำลังเปล่งแสงพร้อมกับปรากฏตัวอักษรหรือรูปภาพเพื่อรอการใช้งาน และเมื่อใดก็ตามที่เลเจนดารี่เมจต้องการใช้มัน มันก็จะลอยเข้าไปหานางด้วยตัวของมันเอง หนังสือถูกพลิกไปทางด้านขวาแบบอัตโนมัติเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน นางกวาดสายตาอ่านทุกอย่างที่อยู่ภายในนั้น พร้อมกับเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนในบางโอกาส นางใช้แสงจากคริสตัลเพื่อสร้างแสงสว่างภายในห้องโดยเน้นให้แสงสาดมาตรงกลางซึ่งเป็นที่ที่นางนั่งอยู่
ถึงแม้ว่านี่จะถูกเรียกว่าห้องสมุดส่วนตัว ทว่าด้านหลังของนางนั้นเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือกว่า 70 แถว แต่ละชั้นมีขนาดความสูงถึง 7 เมตร ซึ่งถูกเติมเต็มไปด้วยหนังสือเวทมนตร์ พื้นที่ทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าห้องสมุดแห่งชาติเลยแม้แต่น้อย
ประตูห้องสมุดที่ปิดอยู่ก่อนหน้านี้ถูกใครบางคนเปิดออกอย่างเบามือ แกรนด์เมจคนแคระผู้มีหนวดเคราขาวโพลนก้าวเท้าเข้ามาอย่างระมัดระวัง เมื่อมองเห็นเลเจนดารี่เมจกำลังทำงานอย่างขมักเขม้น ฝีเท้าของแกรนด์เมจก็เบาลงพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างสุภาพ “ท่านชารอน…”
“ข้ายุ่งอยู่ ! “ชารอนตอบกลับไปอย่างรำคาญใจโดยที่ไม่ได้หันมามองเขาแม้แต่น้อย
แกรนด์เมจคนแคระตกใจกับการตอบรับของชารอน ทว่าเขาก็มีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องแจ้งให้ชารอนทราบ เขาชั่งใจอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากกระซิบบอกอีกครั้งว่า “ท่านชารอน บุตรชายของดยุกโซแลมมาถึงแล้ว และเขารออยู่ที่ห้อง—”
* ปัง ! * ชารอนฟาดมือเข้าที่โต๊ะอย่างแรงจนทำให้คนแคระหยุดการรายงานไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดนางก็หันกลับมามองเขา ท่าทางของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ข้าบอกว่าข้ายุ่งอยู่ ให้เขารอไปก่อน !” นางออกคำสั่ง
“แต่ว่า…” ในที่สุดแกรนด์เมจคนแคระก็ปิดปากเงียบก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับพึมพำเสียงเบาก่อนจะปิดประตู “ให้เขารอ ให้บุตรชายโซแลมรอ ทั้งที่เขารอมา 3 ชั่วโมงแล้ว ท่านก็ยังจะกล่าวว่าจะขอเวลาเพียง 2 ชั่วโม…”
ประตูห้องสมุดเปิดออกอีกครั้ง หนังสือเวทมนตร์ที่มีความสูงเกือบเท่าตัวของคนแคระลอยฟาดเข้าที่กลางหลังเขาอย่างแรงจนทำให้เขาแทบหมดสติ นี่เป็นการบ่งบอกเขาว่าสิ่งที่ชารอนกำลังทำอยู่นั้นเป็นเรื่องสำคัญ และคงจะสำคัญมากพอที่นางยอมที่จะปล่อยให้บุตรชายของดยุกโซแลมรอ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คนแคระถูกเรียกให้กลับเข้าไปอีกครั้ง เขาพุ่งไปที่ห้องสมุดด้วยความเร็วพร้อมกับรับกระดาษแผ่นหนึ่งที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ถูกเขียนอยู่บนนั้น นางสั่งให้เขาทำตามที่บอก หลังจากนั้นก็นางก็เดินออกไปที่ห้องประชุม
ความรำคาญจากการถูกขัดจังหวะยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามของชารอน แกรนด์เมจแสดงความเคารพนับถือแก่นางพร้อมทั้งแสดงท่าทางสำนึกผิดออกมา หลังจากที่นางออกไปแล้ว เขาก็ก้มลงอ่านข้อมูลที่อยู่บนกระดาษ เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับนางในตอนนี้กันแน่
ข้อมูลในกระดาษใบนี้เป็นรายการเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยชื่อวัตถุดิบกว่าร้อยชนิดและชื่อเมนูอาหารอีก 28 เมนู ส่วนประกอบและวัตถุดิบต่าง ๆ ในเมนูเหล่านั้นถูกระบุปริมาณไว้อย่างแม่นยำและชัดเจน เวลาในการกินเมนูเหล่านี้ใช้เวลาภายในไม่กี่นาที — รายการอาหารทั้งหมดนี้เป็นของริชาร์ด และนี่ดูเหมือนว่าจะเป็นเมนูสำหรับหนึ่งเดือนเท่านั้น
เมื่อเห็นกระดาษแผ่นนี้แล้ว เมจแคระจึงประเมินริชาร์ดอีกครั้งว่า ริชาร์ดอาจจะกลายเป็นเซนต์รูนมาสเตอร์ในอนาคตจริง ๆ ก็เป็นได้ เนื่องจากยังไม่มีรูนมาสเตอร์ธรรมดาคนใดเลยที่มีคุณสมบัติเพียงพอให้ชารอนสละเวลากว่า 4 ชั่วโมง เพื่อมานั่งดูรายการอาหารในหนึ่งเดือนของเขาได้
ชายหนุ่มนั่งรออยู่ในห้องรับแขก เขาเอามือพาดไว้ที่ท้ายทอยอย่างผ่อนคลาย สายตาของเขากำลังชื่นชมความงามของอ่าวโฟลขนาดใหญ่ที่อยู่นอกหน้าต่างที่ออกแบบในสไตล์ฝรั่งเศส แผ่นน้ำแข็งตรงพื้นยังสามารถมองเห็นทะเลที่มีเรือจำนวนมากเข้ามาจอดเทียบที่ท่าเรือราวกับเรือใบหิมะ และดูเหมือนว่าจะมีภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ลอยอยู่ใต้น้ำแข็งเหล่านี้เป็นจำนวนมากเช่นกัน แม้ว่าท่าเรือของดีพบลูจะไม่แข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ทว่าการเดินเรือเหล่านี้ก็ยังต้องคอยระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการชนภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่
ใคร ๆ ก็สามารถเห็นเทือกเขาเขาเอฟเวอร์วินเทอร์ได้จากตำแหน่งนี้ และสามารถมองกว้างออกไปได้อีกจากทางด้านขวา หน้าผาทะเลที่สูงชันและภูเขาตั้งตระหง่านเรียงรายอยู่ทางตอนเหนือของอ่าว ในขณะที่สภาพภูมิศาสตร์ตอนใต้เต็มไปด้วยป่าสนที่หนาแน่น ท่าเรือน้ำลึกบนชายฝั่งทางใต้มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด 12 ท่ากลับเต็มไปด้วยเรือแม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวก็ตาม รวมถึงเรือที่กำลังแล่นไปมาในมหาสมุทรที่มีความยาวเกือบร้อยเมตรและความสูงมากกว่า 30 เมตรก็มีอยู่ไม่ขาดสาย ท่าเรือเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย รถขนสินค้าที่เต็มไปด้วยสีสันหลายคันเรียงแถวยาวอยู่ที่บริเวณท่าเรือจนแทบดูไม่ออกว่านี่เป็นช่วงนอกฤดูกาล ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของที่นี่ได้เป็นอย่างดี
ในพื้นที่ที่ห่างไกลออกไปยังสามารถมองเห็นธงโบกไปมา ซึ่งนั่นเป็นการให้สัญญาณจากเรืออีกจำนวนมากที่กำลังมุ่งตรงมายังท่าเรือแห่งนี้ ชายหนุ่มจ้องมองไปทางท่าเรืออยู่นานพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะถูกกลืนให้หายไปอย่างรวดเร็ว ในห้องรับแขก นอกจากตัวเขาแล้วยังมีมินนี่อยู่ด้วย นางนั่งอยู่บนโซฟากำลังเปิดอ่านหนังสือเวทมนต์อยู่
เมื่อมองดูนาง ดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย 4 ชั่วโมงผ่านไปถือว่าเกินความอดทนของนางแล้ว แต่ทว่านางยังคงต้องนั่งรอต่อไปเนื่องจากไม่อยากให้เกิดปัญหาที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์ทางครอบครัวของพวกเขาทั้งสอง มินนี่เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มคนนี้ได้ เพราะลูกน้องคนอื่น ๆ ของเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในนี้
“ช่างเป็นวิวที่สวยงามเสียจริง !” ชายหนุ่มเปล่งเสียงร้องออกมา
“แรนดอล์ฟก็มักจะพูดแบบนี้แหละ” มินนี่กล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบ
ชายหนุ่มหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ชื่อของข้าไม่ใช่แรนดอล์ฟ ข้าชื่อสตีเว่น ส่วนที่แตกต่างกันมากของพวกเราคือข้าไม่ได้พูดทุกสิ่งออกมาเหมือนกับเขา”
“ฟังดูเจ๋งดีนะ” มินนี่ยกมือพร้อมกับเหยียดแขนออก ท่าทางนั้นของนางเผยให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นสัดส่วนและรูปร่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่หนังสือ ก่อนที่สตีเว่นจะทันได้เอ่ยคำพูดใด ๆ ออกมาก็ถูกแทรกขึ้น “สตีเว่น บุตรชายของดยุกโซแลม ถึงแม้ว่าดราก้อนวอล็อคอย่างเจ้าจะเป็นคลาสหายาก ทว่าเจ้าก็ไม่อาจจะล้ำหน้ามากไปกว่ารูนมาสเตอร์ได้หรอกนะ”
หลังได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มก็ยังคงปรากฏอยู่ เขากล่าวออกมาว่า “นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงอยากจะเรียนรู้จากท่านชารอนยังไงล่ะ เซนต์เคลาส์สามารถทำให้ข้าเป็นรูนมาสเตอร์ได้ แต่ก็ต้องแลกกับสายเลือดของข้า ข้าเชื่อว่ามาสเตอร์ชารอนมีความสามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้”
มินนี่พยักหน้าตอบ
วอล็อคก็คือนักร่ายคาถาเช่นเดียวกับเมจ แต่วอล็อคจะต้องพึ่งพาอบิลิตี้จากสายเลือดของตัวเองในการร่ายคาถา และนั่นทำให้จำนวนคาถาของพวกเขามีจำกัด ถึงอย่างนั้นพลังของคาถาที่พวกเขาร่ายออกมาก็สูงกว่าเมจระดับเดียวกันอยู่มาก ดราก้อนวอล็อคคือคลาสหายากและมีชื่อเสียงมากที่สุดของวอล็อค คนเหล่านี้มีศักยภาพมากพอที่จะกลายเป็นแกรนด์เมจในอนาคต
เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจยอมสละสายเลือดดราก้อนเพื่อมาเป็นรูนมาสเตอร์ แต่การมาของสตีเว่นในครั้งนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะแสดงความพิเศษของเขาให้ได้เห็น เป็นที่รู้กันดีในกลุ่มคนว่าจักรวรรดิเซเคร็ดทรีได้ตั้งเขาไว้ให้เป็นผู้ที่จะสืบทอดความยิ่งใหญ่รุ่นต่อไปของตระกูลโซแลม
“มาสเตอร์อาจจะยินยอมหรือไม่ยินยอมที่จะรับเจ้า เพราะเจ้าอายุมากเกินไป” มินนี่พูดความจริงออกมาเหมือนกับทุกครั้ง
“ท่านชารอนจะต้องรับข้าอย่างแน่นอน เพราะข้าจะจัดการค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนด้วยตัวเอง” สตีเว่นใช้ความยิ่งใหญ่ของเขาพูดข่มเพื่อปิดปากมินนี่
คอมเม้นต์