นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 28.2 ลมหนาวที่กระพือครั้งแรก [2]
สตีเว่น เด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี ผู้มีสายเลือดของเรดดราก้อน เขาสามารถสร้างรูนที่สมบูรณ์ได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาในฐานะรูนมาสเตอร์ ตอนนี้เขาสร้างรูนได้สำเร็จเกิน 10% แล้ว ดังนั้นการจะสร้างรูนให้ออกมาได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ 100% ก็เหลือเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น แม้ว่าเขาจะยังมีข้อบกพร่องตรงส่วนพื้นฐานของรูนอยู่บ้าง แต่ด้วยความสามารถระดับนี้ เขาสามารถเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคตได้อย่างแน่นอน
จริงอยู่ว่าสตีเว่นยังถือว่าอายุน้อย และเขายังมีเวลาอีกมากในการพัฒนาตนเอง แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาพบว่าผลงานที่เขาใช้เวลาตั้งเกือบเดือนเพื่อสร้างมันออกมา รวมถึงเหรียญทองของตระกูลโซแลมมากกว่า 1,000,000 เหรียญที่ต้องหมดไปกับการรวบรวมและดำเนินการทุกอย่างก่อนหน้านี้ บัดนี้ได้ถูกอาจารย์เฟย์เป่าปลิวหายไปอย่างไร้ค่า
หากเขานำผลงานของเขาส่งให้เซนต์เคลาส์ดูก็คงได้รับการชื่นชมอย่างแน่นอน ทว่าเฟย์กลับมีท่าทางไม่แยแส และยังแสดงท่าทีเย็นชาใส่เขาอย่างเห็นได้ชัด นี่มันทำให้เขารู้สึกราวกับถูกแกรนด์เมจสาดน้ำเย็นจัดจากอ่าวโฟลเข้าใส่หัวใจที่กำลังลุกไหม้ของเขาอย่างแรง
ส่วนลูซคือใครน่ะเหรอ? สตีเว่นรู้ดีว่าคนผู้นี้คือหนึ่งในศิษย์ของแกรนด์มาสเตอร์เฟย์ซึ่งมีอายุ 31 ปี เขาเป็นแค่เมจระดับ 13 ที่ไม่ได้มีสายเลือดพิเศษอะไรเลย งานที่เขาทุ่มเทบากบั่นกว่า 1 เดือนกำลังจะถูกโยนทิ้งลงถังขยะอย่างนั้นรึ ?
ขนาดเฟย์ยังแสดงท่าทางเช่นนี้ต่อผลงานของเขาเช่นนั้นก็คงไม่ต้องนึกถึงชารอนเลยว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรเมื่อเห็นผลงานชิ้นนี้ สตีเว่นรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บภายในหัวใจ และมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรายรับแต่ละเดือนที่จะลดน้อยลง นี่เป็นเรื่องที่ยากต่อการได้รับความสุขจากชารอนอย่างนั้นรึ ? มันผิดพลาดตรงไหนกัน ? อย่าว่าแต่ริชาร์ดเลย แม้แต่แรนดอล์ฟที่เอาขยะส่งให้กับชารอนก่อนหน้านี้ก็ยังได้รับเงินอยู่ไม่น้อย แล้วเขาล่ะ…
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องเงินก็ไม่ใช่เรื่องที่สตีเว่นให้ความสนใจเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาต้องการคือการยอมรับและคำสั่งสอนจากเลเจนดารี่เมจ ความสุขของชารอนเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของนางที่มีต่อศิษย์แต่ละคน หากสตีเว่นไม่ได้รับสิ่งนั้นเขาจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นรูนมาสเตอร์ได้อย่างไรกัน ?
นี่เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ที่ดีพบลู ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ สตีเว่นทุ่มเทและพยายามอย่างมาก เขาเตรียมการอย่างดีสำหรับการเข้าพบเลเจนดารี่เมจเพียงเพราะต้องการแสดงให้นางเห็นด้านที่สมบูรณ์แบบของเขา การพบปะในบางครั้งเป็นการเตรียมการอย่างดีของเขาโดยผ่านการใช้กำลังมนุษย์มากมายและทรัพยากรทางกายภาพที่เขามี ตอนนี้เวลาในการเรียนเวทมนตร์และการฝึกฝนของเขายาวนานกว่าแต่ก่อนมาก และความเร็วในการเพิ่มขึ้นของมานาก็รวดเร็วตามความพยายามของเขา เขาได้ทำหมดทุกอย่างที่ควรทำในตอนนี้แล้ว และดูเหมือนว่าผลลัพธ์ทุกอย่างจะเกินความคาดหมายของเขามาก เขาทำสิ่งต่าง ๆ มากมายซึ่งก็รวมไปถึงความพยายามอย่างสุดความสามารถในการกำจัดริชาร์ดออกไป เพราะริชาร์ดเป็นคู่แข่งคนสำคัญที่ถูกเรียกว่าเป็นเซนต์รูนมาสเตอร์ในอนาคต แต่โชคไม่ได้เข้าข้างเขาเท่าไหร่นักเพราะริชาร์ดในตอนนี้ทิ้งระยะห่างจากตัวเขาไปมากแล้ว อีกทั้งยังเหมือนมีกำแพงหินสูงใหญ่คอยขวางกั้นไว้ไม่ให้เขาสามารถไล่ตามไปได้ทัน
แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร สตีเว่นก็ยังคงต้องรักษามารยาทและความสง่างามของเขาเอาไว้ในฐานะของลูกหลานจากตระกูลขุนนางชั้นสูง แม้จะมีบางเวลาที่เขาอยากลงมือต่อยหน้าใครสักคนพร้อมทั้งจับคนเหล่านั้นไปถลกหนังก็ตาม เขารู้ดีว่าโครงสร้างทางสังคมภายในดีพบลูนั้นค่อนข้างชัดเจน หากทำอะไรบุ่มบ่ามไปย่อมหมายถึงการถูกลงโทษ สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เขารู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองและเปิดตามองดูสิ่งรอบข้างอยู่เสมอ เขาเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการสานสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนและแยกกลุ่มศัตรูของเขาออกไป แต่ไม่ว่าอย่างไรริชาร์ดยังเป็นคนเดียวที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในดีพบลูอย่างลำพัง
แม้ว่าจะพยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สตีเว่นก็ยังพบความสิ้นหวังในชีวิตของเขาอยู่ดี ซึ่งท่าทีเมินเฉยของแกรนด์มาสเตอร์เฟย์ได้ตอกย้ำความจริงข้อนั้นอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับดีพบลูที่มีความยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยคนที่เก่งกาจเป็นอย่างดี ทว่าเขาก็ยังไม่เห็นถึงปรากฏการณ์ใด ๆ ที่แสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่เหล่านั้นเลย… ดีพบลูมีเหล่าแกรนด์เมจมาอยู่รวมกันมากมาย แต่เด็กหนุ่มดราก้อนวอล็อควัย 17 ปีกลับไม่มีตัวตนใด ๆ ในสายตาพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นสตีเว่นก็ยังคงเรียกตัวเองว่า ‘อัจฉริยะ’ เพราะเขารู้ว่าในที่แห่งนี้ไม่มีใครที่เป็นเหมือนกับเขาแล้ว
หนึ่งในลูกศิษย์ของเฟย์ยังคงอยู่ในห้องปฏิบัติการและกำลังทำความสะอาดห้องอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวและแววตาที่ไร้วิญญาณของสตีเว่น พวกเขาก็รู้สึกสงสารขึ้นมา นอกจากนี้เขาก็ยังเคยได้รับของขวัญชิ้นเล็ก ๆ จากสตีเว่นมาก่อนด้วย ถึงมันจะไม่ได้เป็นของหายากอะไรแต่ก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของสตีเว่นที่มีต่อคนอื่นซึ่งหาได้ยากจากคนที่มาจากตระกูลขุนนาง
เมื่อเขาเห็นสตีเว่น เขาก็รีบกวาดสายตามองดูสภาพของสตีเว่นอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนกระซิบข้างหูเขาว่า “วันนี้ท่านอาจารย์ยุ่งมาก ริชาร์ดส่งรูนให้เขาในเช้าวันนี้และเขาได้ทดลองประสิทธิภาพของมันตลอดช่วงเช้า ตารางเวลาของเขาจึงค่อนข้างแน่นเป็นพิเศษ”
แม้ว่าน้ำเสียงของนักเรียนคนนั้นจะสุภาพ แต่คำพูดของเขากลับเป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่สตีเว่นอย่างจังจนทำให้เขาแทบทนไม่ได้อีกต่อไป
“ริชาร์ด ? รูน ? รูนอะไร ? เขาทำมันสำเร็จเหรอ ? ” สตีเว่นถามด้วยน้ำเสียงแหบห้าว เส้นผมที่เคยถูกจัดระเบียบอย่างสวยงามก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นกระเซอะกระเซิงจนผิดหูผิดตา ปอยผมของเขาปรกลงมาบนใบหน้า และเหงื่อก็ชุ่มโชกอยู่บนหน้าผากด้วยความวิตก
สตีเว่นรู้ดีว่ารูนที่สามารถถูกนำไปทดสอบได้นั้นต้องสำเร็จไปมากกว่า 20% อย่างแน่นอน และถึงแม้รูนที่ถูกทดสอบนั้นจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร แต่ก็คงจะล้ำหน้ามากกว่ารูนของเขาที่เสร็จเพียงแค่ 10% แน่ ๆ
นักเรียนคนนั้นจ้องมองสตีเว่นด้วยความเห็นใจก่อนชี้ไปที่ซากศพของม้าเกราะที่กำลังถูกคนลากจูงออกไป “อจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน ส่วนความสมบูรณ์… จริง ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่หรอก แต่เจ้าเห็นม้าเกราะนั่นไหม ? รูนถูกจารึกลงไปบนตัวมันแล้ว การทดลองถือว่าประสบความสำเร็จซึ่งนั่นหมายถึงรูนนี้เหลือเพียงแค่จัดระเบียบอีกแค่เล็กน้อยก็สมบูรณ์แล้ว”
แม้ว่าสตีเว่นจะเตรียมใจว่าจะต้องได้ยินเรื่องแบบนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้ก็ยังถือว่าเกินความคาดหมายของเขามากอยู่ดี รูนถูกจารึกแล้วและการทดลองถือว่าประสบความสำเร็จ ? นี่เป็นอุปสรรคที่สองบนเส้นทางของการเป็นรูนมาสเตอร์ นั่นคือการใส่รูนไว้บนร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตามริชาร์ดก็คงสามารถก้าวผ่านอุปสรรคเช่นนี้ไปได้อย่างง่ายดาย สตีเว่นรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ตามมาตรฐานแบบคร่าว ๆ นี่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเช่นกันว่าริชาร์ดมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ชื่อว่าเป็นรูนมาสเตอร์!
ข้อมูลที่ได้รับรู้สะเทือนความรู้สึกของเขาเป็นอย่างมาก ยังมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่ริชาร์ดจะสามารถเป็นรูนมาสเตอร์ผู้สร้างรูนไนท์ได้สำเร็จทว่าเส้นทางของสตีเว่นยัง ‘ไกลกว่าเขามาก !’ และยิ้งไปกว่านั้น ริชาร์ดยังมีอายุเพียงแค่ 12 ปีอีก!
ทุกอย่างตรงหน้าสตีเว่นแปรเปลี่ยนเป็นความหมองหม่น ความหวังในอนาคตของเขาที่เคยมีก่อนหน้านี้ เกียรติของเขา ความสง่างามที่มี… ดูเหมือนว่ามันจะหายวับไปในชั่วพริบตา การลงทุนครั้งใหญ่ที่ครอบครัววางไว้ให้กับเขา ในตอนนี้มันก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่หนักอึ้งบนเส้นทางที่หนาวเหน็บไปแล้ว สตีเว่นเคยเยาะเย้ยกับชะตากรรมที่แรนดอล์ฟต้องพบก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนว่าอีกไม่นานตำแหน่งของคนที่น่าเยาะเย้ยนั้นจะกลายเป็นเขาที่เข้าไปแทนที่
สตีเว่นคว้ามือนักเรียนคนนั้นและบีบมันแน่นด้วยพละกำลังที่มีจนเล็บของเขาจิกลงตรงฝ่ามือของฝ่ายตรงข้าม เขาเปล่งเสียงทุ้มต่ำออกมาก่อนเอ่ยว่า “ฮึ่ม… เจ้าแน่ใจรึว่าเป็นริชาร์ด ? ริชาร์ด อาเครอน ? เด็กชายที่อายุยังไม่ถึง 13 ปีคนนั้น ?”
นักเรียนคนนั้นดึงมือออกจากมือสตีเว่นอย่างช้าๆ ในตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของสตีเว่นที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้ เพราะเด็กน้อยริชาร์ดนั่นได้สร้างความตกตะลึงให้กับคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก แม้แต่แกรนด์เมจเฟย์เองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เช่นเดียวกัน และเขาคิดว่าสตีเว่นก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
นิสัยของเลเจนดารี่เมจเต็มไปด้วยความลึกลับอย่างชัดเจน ความลึกลับเหล่านั้นทำให้เด็กนักเรียนที่อยู่ภายในสาขาเดียวกันมักจะเกิดการแข่งขันกันอยู่เสมอ ความก้าวหน้าของริชาร์ดในแต่ละครั้งหมายถึงความสุขของชารอนที่จะส่งไปยังเหล่าผู้สอนของเขาด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นที่ฮือฮาในกลุ่มเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ความสำเร็จที่แพรวพราวของริชาร์ดที่เป็นที่ประจักษ์อยู่ในตอนนี้ทำให้พวกเขาแทบจะนึกภาพไม่ออกเลยว่าผลงานในระดับของสตีเว่นที่อายุมากกว่าจะยอดเยี่ยมได้มากเพียงใด ซึ่งในความเป็นจริงนั้น… เพียงแค่ดูสีหน้าของดราก้อนวอล็อคในตอนนี้ที่ดูเหมือนจะเสียการควบคุมตัวเองไปก็พอจะเดาถึงผลลัพธ์ได้แล้ว
นักเรียนคนนั้นยัดบางอย่างใส่มือสตีเว่น แต่ในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะก้มลงมองว่าสิ่งนั้นคืออะไร สตีเว่นหยิบขวดคริสตัลเล็ก ๆ ออกมามอบให้กับนักเรียนคนนั้นเพื่อเป็นการขอบคุณ ขวดนี้เป็นมานาโพชั่นที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กแต่ก็มีมูลค่าถึง 500 เหรียญทอง
ของขวัญชิ้นนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้รับอย่างมากและมันก็ดูเหมือนจะคุ้มค่ากับข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกไป ความเฉลียวฉลาดของสตีเว่นในรูปแบบนี้จะทำให้เขาได้รับการแลกเปลี่ยนข้อมูลดี ๆ ในอนาคตได้อีกมาก ส่วนนักเรียนคนนั้นก็แน่นอนว่าเขานำขวดคริสตัลเก็บไว้อย่างดี ความประณีตของขวดและความรู้สึกเย็นสบายของคริสตัลทำให้เขาแทบจะไม่อยากจะยกมือออกไปจากมันเลย
นี่เป็นวันที่ดีสำหรับเขา เป็นวันที่เขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ดี เขาเป็นพยานในการเกิดปาฏิหาริย์และได้รับ ‘ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ’ ที่มีมูลค่าสูงลิ่ว และมันก็ดูเหมือนจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปได้อีก!เขารู้สึกอารมณ์ดีอย่างมากในวันนี้เพราะทุกอย่างสวยงามเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ และก่อนที่จะเขาจะก้าวเท้าเข้าไปในวงเวทย์เทเลพอล์ต นักเรียนคนนั้นก็หันไปมองท้องฟ้าที่อยู่เหนืออ่าวโฟลครั้งหนึ่งเพื่อชื่นชมความสวยงามของอากาศในวันนี้ด้วยอารมณ์สุนทรีย์
ในเวลาเดียวกัน สตีเว่นเองก็มองไปยังจุดเดียวกับนักเรียนคนนั้น แต่สำหรับเขา… ท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยเมฆที่มืดหม่น… มันเป็นลางบอกเหตุของพายุหิมะอันหนาวเหน็บที่กำลังจะพัดเข้ามา
……
มีเพียงสตีเว่นและมินนี่ที่ยังคงอยู่ภายในห้องแล็บขนาดใหญ่แห่งนี้ เมื่อชายหนุ่มร่างกำยำจัดการลากม้าเกราะออกจากพื้นที่ไปแล้ว มินนี่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาหาโดยทิ้งระยะห่างจากสตีเว่นอยู่มาก
“อากาศโคตรห่วย!” สตีเว่นสบถออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ฤดูใบไม้ผลิที่เริ่มต้นขึ้นสร้างความเหน็บหนาวให้กับอ่าวโฟลอย่างมาก สายลมเย็นจัดพัดผ่านเสื้อผ้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของสตีเว่นจนทำให้เขารู้สึกราวกับตกลงไปยังหุบเหวน้ำแข็ง เขาแบมือออกเพื่อมองดูสิ่งที่นักเรียนคนนั้นมอบให้เขาทว่าสิ่งที่เห็นทำให้เขารู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่อยู่ในมือของเขาเป็นหนังสัตว์ครึ่งตัวที่ไหม้เกรียม เห็นได้ชัดว่ามันได้มาจากชิ้นส่วนของ ‘จิ้งจก’ ระดับ 4 และมันมีราคาที่ต่ำกว่าหนังมังกรดินที่เขาใช้ถึง 1,500 เท่า ชายหนุ่มเข้าใจความหมายของมันได้ทันทีว่าการสร้างรูนของริชาร์ดนั้นเพียงแค่วาดลงบนบางสิ่งที่แทบจะไม่มีมาตรฐานหรือมูลค่าเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับประสบความสำเร็จได้มากกว่าเขาที่ใช้ของแพง ๆ
เป็นที่รู้กันดีว่าวัสดุที่ดีนั้นจะสามารถสร้างวงเวทย์ที่มีประสิทธิภาพให้ประสบความเร็จได้มากกว่าการใช้วัสดุด้อยคุณภาพ สายตาของสตีเว่นจับจ้องหนังจิ้งจกบนฝ่ามือ ในตอนนี้ชิ้นส่วนที่แห้งและไหม้เกรียมนั้นกำลังให้ความรู้สึกที่หนักอึ้งเกินกว่าที่เขาจะถือมันไว้ในมือได้ ในใจเขาตระหนักดีถึงความต่างระหว่างเขากับริชาร์ดเสมอ แต่บัดนี้เขาพบว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาได้สร้างระยะห่างของเขาทั้งสองให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
สายลมหนาวพัดผ่านร่างของเขาไปอีกครั้งจนทำให้สตีเว่นเกิดอาการซีดสั่นขึ้นกว่าเก่า เขารู้สึกเกลียดชังสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน อากาศเลวร้าย สิ่งของเฮงซวย และคนโง่เขลาเหล่านี้!เขากำลังเกิดความรู้สึกไม่พอใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างในดีพบลูนี่ ! คงมีเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้สึกว่ามันไม่เลวร้ายเท่าไหร่นักนั่นก็คือคำพูดของแกรนด์เมจเฟย์ที่พูดต่อหน้านักเรียนของเขานั้น มันยังนับว่าไว้หน้าเขาอยู่บ้าง
แต่แล้วยังไงล่ะ ? ตอนนี้เขาได้สูญเสียมันไปแล้ว การที่เขาได้รับชัยชนะเพียง 1 หรือ 2 แต้มแค่นี้มันจะมีประโยชน์อะไรกัน ?
สตีเว่นโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้มินนี่เดินตรงไปยังวงเวทย์เทเลพอร์ตเพื่อจะได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และตอนนั้นเองที่มินนี่ถามคำถามเขาขึ้นลอย ๆ “เมื่อกี้เขาให้อะไรเจ้า ?”
ร่างกายของสตีเวนแข็งทื่อไปทันที เขากัดฟันแล้วเปล่งเสียงกระด้างตอบไปว่า “ชิ้นส่วนหนังคุณภาพดี!”
คอมเม้นต์