นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 43 ต้นทุนที่จมลง
วัตถุดิบมังกรไม่ใช่วัตถุดิบที่ใครก็สามารถครอบครองมันได้ แม้แต่เลเจนดารี่หน้าใหม่เองก็ยังต้องระมัดระวังและคอยหลีกเลี่ยงการแก้แค้นของเหล่ามังกรที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ในนัวแลนด์ ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่สามารถฆ่ามังกรได้ ทว่ามีเพียงน้อยคนที่จะหลงไหลไปกับการเก็บสะสมสมบัติเช่นนั้น นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเทศกาลกลางฤดูร้อนจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และในตอนนี้ การจัดงานครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่กว่าการประมูลขนาดใหญ่ของ 3 จักรวรรดิมนุษย์เสียอีก ! นอกจากนี้ วัตถุดิบคุณภาพสูงที่มีความโดดเด่นและก้าวล้ำกว่าที่อื่นทั้งในเรื่องของคุณภาพและปริมาณก็จะถูกนำมาวางขายภายในเทศกาลนี้ด้วย
ในส่วนของแบล็คโกลด์เองก็ยังคงยุ่งอยู่กับงานของเขา เทศกาลในปีนี้ใหญ่กว่าครั้งล่าสุดอย่างน้อยก็ 3 เท่าโดยประมาณซึ่งดูได้จากการ์ดเชิญที่ถูกส่งออกจากดีพบลู ด้วยเหตุนี้เอง ความยากและความซับซ้อนในการดำเนินงานจึงเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า
เพื่องานครั้งนี้ หอคอยหลักของดีพบลูรวมถึงเขตชายแดนจำเป็นที่จะต้องจัดระเบียบใหม่เพื่อสร้างพื้นที่สำหรับเหล่าขุนนาง ดังนั้น คาราวาน คนรับใช้ วอริเออร์ และเหล่าทหารรับจ้างจำนวนมากจึงต้องถูกผลักไสไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงไปชั่วคราวก่อน คนแคระได้มอบหมายงานให้กับทาสกว่า 10,000 คน รวมถึงช่างฝีมืออีก 1,000 กว่าคนให้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่อีก 3 เมืองสำหรับให้คนที่เข้าร่วมเทศกาลเช่าพื้นที่ชั่วคราวเพื่อพักอาศัย และหลังจากที่เทศกาลกลางฤดูร้อนเสร็จสิ้นลง สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ก็ยังสามารถเป็นที่ตั้งของผู้อพยพใหม่ได้โดยไม่เสียผลประโยชน์ไป
ดีพบลูเต็มไปด้วยความคึกคักและมีชีวิตชีวา บทบาทของท่าเรือในเวลานี้ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง คุณสมบัติและความอุดมสมบูรณ์ของทวีปทางเหนือนั้นเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อถึงช่วงพีคสุดในแต่ละปี ท่าเรือก็จะเต็มไปด้วยเรือที่เข้ามาเทียบท่าเพื่อค้าขาย แบล็คโกลด์เป็นผู้ที่มักจะมองการณ์ไกลอยู่เสมอเขาจึงคิดจะใช้ประโยชน์จากเทศกาลนี้เพื่อให้ขุนนางเห็นคุณค่าของผลผลิตที่โดดเด่นในภาคเหนือ วัสดุคุณภาพสูงถูกขายออกไปได้ด้วยตัวของมันเองในขณะที่สินค้าพื้นฐานจำนวนมากต่างก็ทำกำไรได้เป็นอย่างดี ในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นนาทีทองสำหรับดีพบลูเลยทีเดียว !
ช่วงเวลานี้ พลังของดีพบูลกำลังก้าวหน้าเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แบล็คโกลด์ผู้มีความทะเยอทะยานก็เริ่มพิจารณาว่าจะขยายเข้าไปในทวีปทางเหนือเพิ่มขึ้น ทวีปทางเหนือถูกปกครองโดย บีสท์แมนและเหล่าคนแคระเกรย์ที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม แต่เป็นที่รู้กันดีว่าเหล่าคนแคระเกรย์นั้นชื่นชอบการรับสินบนจนเป็นนิสัย ด้วยเหตุนี้ แบล็คโกลด์จึงเตรียมพร้อมที่จะใช้สถานภาพที่เป็นเอกลักษณ์และความก้าวหน้าของเขาเพื่อบุกไปยังชนเผ่าคนแคระเกรย์ รวมถึงการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของเขาซึ่งก็คือการซื้อชนเผ่าสตอร์มแฮมเมอร์ !
อย่างไรก็ตาม ทั้งพิมพ์เขียว โครงการ แผนการ หรือเรียกได้ว่าทุก ๆ อย่างล้วนมีความยิ่งใหญ่มาก งานที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมสิ่งประดิษฐ์ที่เลเจนดารี่เมจคิดค้นเพื่อนำออกประมูล แบล็คโกลด์ต้องจัดหมวดหมู่สิ่งเหล่านั้นอย่างละเอียดพร้อมทั้งประเมินมูลค่าของพวกมันเพื่อให้สามารถกำหนดราคาเริ่มต้นไว้ใช้ในการประมูลได้ หลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นก็จะเป็นหน้าที่ของศิลปินที่ต้องทำแคตตาล็อกสำหรับการประมูลออกมา และในตอนนี้เวลาก็เริ่มกระชั้นชิดมากขึ้นทุกทีแล้ว
สิ่งของแปลก ๆ และน่าพิศวงถูกวางซ้อนกันในห้องที่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร ซึ่งตอนนี้ของแต่ละชิ้นในห้องถูกวางซ้อนกันจนสูงเกิน 10 เมตรแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีเซ็ตของกระดูกมังกรที่สมบูรณ์อยู่ด้วย ! หากมีเนโครแมนเซอร์คนใดได้เห็นสิ่งเหล่านี้ก็คงจะเกิดอาการคลั่งไคล้อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับแบล็คโกลด์ เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ในเวลานี้เขาเองก็ดูเหมือนจะตัวเล็กลงเมื่อเผชิญกับกองสมบัติขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าการจัดหมวดหมู่ของสิ่งเหล่านี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยและของบางอย่างก็สร้างความรำคาญใจให้กับเขา
แบล็คโกลด์เป็นคนที่มีผู้ช่วยน้อยที่สุดในบรรดาเหล่าแกรนด์เมจ เขาไม่มีผู้ช่วยพิเศษข้างกายเหมือนกับคนอื่น ๆ จนกระทั่งเขาต้องมาติดฉลากบนอุกกาบาต นี่ทำให้เขาคิดได้ว่าเขาควรจะหาผู้ช่วยเพิ่ม ทว่าเมื่อเขาคิดถึงการที่เขาจะต้องจ่ายค่าจ้างด้วยเงินทองในกระเป๋าส่วนตัวของเขาเอง เขาก็ส่ายหน้าก่อนจะลงมือทำงานคนเดียวต่อไป
การเลือกเอาของไปประมูลของเลเจนดารี่เมจชารอนมีเหตุผลสั้น ๆ คือเพราะนางเพียงแค่ต้องการทิ้งทุกอย่างที่กำลังจะหมดอายุ มีฟังก์ชั่นที่ไม่รู้จัก ดูน่ารำคาญ หรือเป็นของที่กินพื้นที่เก็บของของนางมากเกินไป ด้วยเพราะในตอนนี้ขุมทรัพย์ข้าวของของนางพัฒนาไปตามกาลเวลา จำนวนสิ่งของที่ล้ำค่าต่าง ๆ เองก็เพิ่มขึ้นจนเกินจะเก็บไหว ในคลังของของนางมีวัสดุที่ทำมาจากสัตว์หายากจำนวนมาก ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งของที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีสินทรัพย์อีกอย่างซึ่งก็คือแร่ธาตุที่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในนัวแลนด์อย่างเช่นคริสตัลเวทมนตร์อันถือเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญ แต่ละอย่างเพิ่มมากขึ้นจนล้นพื้นที่แล้วจึงถึงเวลาที่ชารอนจะต้องกำจัดมันออกไปเสียที ส่วนอีกนัยหนึ่งก็เพราะครึ่งหนึ่งของเพลนที่เป็นโกดังเก็บของส่วนตัวของนางไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก หากปล่อยให้ของอยู่ในนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเกิดสภาวะของล้นโกดังได้
ชุดของกระดูกมังกรที่เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของชารอนเมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้ ในตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นขยะที่กำลังใช้พื้นที่ที่มีค่าอย่างไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย
ในความเป็นจริงอีกประการหนึ่ง ความแข็งแกร่งทั่วไปและความมั่งคั่งชารอนก็สามารถวัดได้จากสิ่งของที่นางมีเหล่านี้ได้ เมื่อสิ่งของมีจำนวนมากขึ้นหรือมีชื้นที่หายากมากขึ้น ดีพบลูจึงกลายเป็นจุดที่ส่งพลังไปยังทวีปอื่น ๆ ให้ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นของนาง และหลังจากจบเทศกาลกลางฤดูร้อนในทุก ๆ ครั้ง ดีพบลูก็จะได้รับความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
เทศกาลกลางฤดูร้อนถือเป็นงานยิ่งใหญ่งานหนึ่งในดีพบลู เทศกาลนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะถีบตัวเองให้สูงขึ้นและสามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ ในเวลานี้พวกเขาสามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ ขุนนางส่วนใหญ่ใช้โอกาสในครั้งนี้เพื่อขยายเครือข่ายของพวกเขา ในขณะที่คนธรรมดามีโอกาสน้อยที่จะติดต่อกับผู้มีอำนาจเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม นี่ยังคงเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาทุก ๆ คนจะพยายามสานฝันของตนเอง นอกจากนี้เทศกาลกลางฤดูร้อนยังถือเป็นช่วงเวลาแห่งแอลกอฮอล์ รวมถึงเป็นช่วงเวลาที่สาว ๆ จะถูกลากไปที่เตียงไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามอีกด้วย
ในส่วนของดีพบลูนั้นได้เริ่มเตรียมงานเทศกาลกลางฤดูร้อนตั้งแต่ช่วง 3 เดือนที่แล้ว แต่ถึงอย่างไรสำหรับริชาร์ดและสตีเว่น นี่กลับเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก ริชาร์ดยังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ในขณะที่สตีเว่นกำลังทุกข์ทรมานกับการพยายามสร้างความเข้มแข็งทางร่างกายของเขาให้โดดเด่นกว่าคู่ต่อสู้ ตอนนี้เขากำลังใช้กลยุทธ์ด้านการเงินเพื่อขยายเส้นทางในการก้าวหน้าของเขา สตีเว่นเริ่มใช้ประโยชน์จากเทศกาลกลางฤดูร้อนเป็นครั้งแรก เขาคิดว่าหากเขาสามารถครอบครองวัตถุดิบเวทย์ระดับสูงของเลเจนดารี่เมจได้ สิ่งเหล่านั้นจะสามารถชี้ขาดต่อผลการต่อสู้ของเขา
แม้สตีเว่นยังขาดทักษะและไม่สามารถใช้วิธีการบางอย่างที่เซนต์เคลาส์คิดขึ้นมาได้ แต่หากเขาสามารถหาวัสดุมีค่าที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงและใช้คุณสมบัติจากธรรมชาติเพื่อชดเชยด้านเทคนิคที่เขาขาดได้ ประสิทธิภาพของเขาก็คงจะสูงมากขึ้น
เช่นว่าหากเขาได้รับฟันมังกรน้ำแข็ง มันอาจสามารถทำให้กระต่ายหิมะรับการต้านทานจากความหนาวเพิ่มขึ้นได้มาก นอกจากนี้ยังทำให้มันใช้อบิลิตี้ ฟรอสต์ไบท์ และ ไอซิเคิลบลาสต์ ได้ด้วย ส่วนหนังมังกรเพลิงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับความหนาวเย็น และยังสามารถป้องกันคาถาของหมาป่าฤดูหนาวได้ แก่นกลางคริสตัลของมอนสเตอร์กินซากจะทำให้กระต่ายสามารถพ่นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนออกมาได้ ฤทธิ์เหล่านั้นสามารถสร้างรูขนาดใหญ่และลึกให้กับร่างกายของแมมมอธขั้วโลกได้เลย จะเห็นได้ว่า แม้แต่แมมมอธเองก็ยังถูกกระทำได้ เช่นนั้นคงไม่ต้องพูดถึงเหล่าหมาป่าฤดูหนาวเลยว่าหากโดนฤทธิ์เหล่านี้เข้าไปแล้ว ผลจะเป็นเช่นไร
คุณสมบัติของวัสดุที่หายากคือมักจะลดความยากลำบากในการสร้างรูนได้ ยกตัวอย่างเช่น หากใช้หนังมังกรเพลิงจะสามารถต้านทานความหนาวได้ 90% และต้องเพิ่มพลังการต้านทานให้กระต่ายหิมะอีกประมาณ 10% เพื่อให้เป็นการต้านทานที่สมบูรณ์ ส่วนหนังอื่น ๆ ก็จะมีคุณสมบัติในตัวของมันเอง หรือสามารถกล่าวได้อีกว่า วัสดุในตัวของมันเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ตัวช่วยเพียงเล็กน้อยเหล่านี้สามารถตอบสนองความต้องการของเซนต์เคลาส์ได้ และมันสามารถลดความยากลำบากในขั้นตอนการฝึกของสตีเว่นได้ไม่น้อย สตีเว่นได้ยินจากแบล็คโกลด์มาว่าวัสดุที่เกี่ยวกับมังกรจำนวนมากเป็นหนึ่งในสิ่งของส่วนตัวของเลเจดารี่เมจที่ต้องการจะขายออกไปในงานเทศกาลครั้งนี้ ซึ่งเขาก็ตั้งใจจะไปประมูลให้ได้มา
แม้นี่จะเป็นเคล็ดลับที่ง่ายที่สุด แต่มันก็เป็นวิธีที่สิ้นเปลือง ทว่าในตอนนี้ตระกูลโซแลมก็ได้ลงทุนไปแล้วหลายสิบล้านเหรียญเพื่อให้สตีเว่นได้ก้าวเข้าสู่การเป็นรูนมาสเตอร์ สำหรับตระกูลโซแลมแล้ว คงจะไม่ได้มากมายอะไรเลยหากจะต้องเพิ่มจำนวนเงินขึ้นอีกสัก 2–3 ล้านเหรียญเพื่อให้สตีเว่นนำมาลงทุนเกี่ยวกับสิ่งของดี ๆ สำหรับต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ เพราะจากการวิเคราะห์แล้ว หากพวกเขาเลือกที่จะตระหนี่กับเรื่องเหล่านี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาอาจจะต้องสูญเสียเงินลงทุนก่อนหน้านี้ไปทั้งหมดโดยเปล่าประโยชน์ แบล็คโกลด์รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาคะยั้นคะยอให้เลเจนดารี่เมจเลือกรูนมาสเตอร์อีกครั้งในการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในครึ่งปีต่อมา เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งรูนมาสเตอร์ ตระกูลของโซแลมจะต้องยอมทุ่มเทเงินจำนวนมหาศาลเพื่อประมูลสิ่งเหล่านี้ไป แน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ดีพบลูจะสามารถกอบโกยได้เลยทีเดียว
และสถานการณ์ก็เป็นไปตามที่แบล็คโกลด์คาดการณ์ไว้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าในตอนที่ประชุมภายใน แบล็คโกลด์สามารถนำผลลัพธ์ที่ได้ออกมานำเสนอได้อย่างภาคภูมิใจ เขาคิดค้นคำนามสำหรับใช้เรียกเงิน 10,000,000 เหรียญที่ตระกูลโซแลมลงทุนมาก่อนหน้านี้ว่า ‘ต้นทุนจม’ ในความคิดของแบล็คโกลด์ มันเป็นเหมือนกับเรือรบขนาดใหญ่ที่จมลงสู่ก้นบึ้งของอ่าวโฟล แม้ว่าการจมนั้นจะหมายความว่าการลงทุนก่อนหน้านี้ไม่มีประโยชน์อะไร แต่มันก็ยังสามารถลากเรือให้จมลงไปข้างล่างได้มากขึ้น ต้นทุนจมคือสิ่งที่ทำให้หลายคนยังเดินหน้าต่อไปแม้เส้นทางที่กำลังเดินอยู่จะเป็นเส้นทางแห่งความพินาศก็ตาม
เหล่าแกรนด์เมจต่างตกตะลึงกับสิ่งที่แบล็คโกลด์กล่าวจนถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาต่างไม่มีใครคาดคิดว่าแบล็คโกลด์จะยอมสมรู้ร่วมคิดเพื่อที่แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาทำก็เพื่อให้ได้เงินกลับเข้ามาสู่ดีพบลูเช่นนี้ ความคิดของแบล็คโกลด์ทำให้พวกเขาต้องมองแบล็คโกลด์ใหม่ในทันที แม้ว่าพวกเขาจะทำงานด้วยกันมามากกว่า 10 ปี แต่อคติที่หยั่งลึกของพวกเขาต่อเผ่าพันธุ์ก็ไม่เคยเจือจาง แม้ว่าที่ผ่านมาดีพบลูจะเฟื่องฟูอย่างรวดเร็วจนทำให้แบล็คโกลด์ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการเงิน แต่พวกเขาต่างก็คิดเสมอว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความแข็งแกร่งของชารอน ไม่ใช่เพราะความสามารถของแบล็คโกลด์
ทศวรรษที่ผ่านมาคนแคระเกรย์ทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่การเงินไม่ได้มีหน้าที่สำคัญแค่จัดการบัญชีเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเหลือดีพบลูในแง่อื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
คนที่เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นสูงนั้นมีความคิดทางการเมืองในแบบของพวกเขา ส่วนชนชั้นกลางต่างก็มีความเครียดจากสภาวะต่าง ๆ อยู่บ้าง ในขณะที่ชนชั้นล่างทำได้เพียงปฏิบัติตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายโดยที่พวกเขาไม่ต้องทำมันให้ออกมาโดดเด่นหรือดีเยี่ยม หากพวกเขาไม่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ พวกเขาก็จะมีเพียง 2 ทางเลือก ทางเลือกแรกคือการตกสู่ชั้นล่างสุดของลำดับชั้นทางสังคม ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือทำลายลำดับชั้นทางสังคมไปซะโดยการทำลายกฎที่มีอยู่ สิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้พวกเขาโค่นล้มชนชั้นสูงและส่งคนเหล่านั้นไปยังชนชั้นล่างได้ และก็แน่นอนว่าพวกเขาจะเข้ายึดอำนาจที่พวกชนชั้นสูงเดิมมีมาครอบครองไว้เสียเอง
นี่เป็นกฎที่ดีพบลู สหพันธศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ภายในนัวแลนด์ต่างก็ยึดถือปฏิบัติในแบบเดียวกัน
ถึงแม้ว่าริชาร์ดจะมีคุณสมบัติเป็นนักเรียนของชารอน แต่เขาก็ยังต้องพึ่งพาเงินของนางเพื่อใช้ในการศึกษา ซึ่งนี่ทำให้เห็นได้ว่าริชาร์ดถูกจัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นล่าง ในขณะที่สตีเว่นเป็นผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของเขาเองอย่างต่อเนื่อง จึงถูกจัดอยู่ในชนชั้นกลางที่ย่อมถือว่าอยู่ระดับสูงกว่าริชาร์ด เมื่อคนสองคนซึ่งมีระดับที่แตกต่างกันต้องมาเผชิญหน้ากันในเทศกาลกลางฤดูร้อน พวกเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
คอมเม้นต์