นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 47 เม้าเทนซี
เหล่าผู้คุ้มกันจากเผ่าบาร์บาเรียนทุกคนมีฝีมืออย่างมาก พวกเขาจับจ้องไปที่ริชาร์ดจนทำให้คนที่ถูกจ้องมองรู้สึกราวกับกำลังถูกดาบกว่า 10 เล่มทิ่มแทงไปตามร่างกาย ความกดดันที่เกิดขึ้นทำให้ริชาร์ดอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว และไม่ว่าอย่างไร เขาก็รู้ตัวเองดีว่าสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในตอนนี้คือการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คุ้มกันเหล่านี้
หญิงสาวยังคงสูดหายใจเข้าเพื่อดมกลิ่นอย่างต่อเนื่อง เท้าของนางก็ยังคงก้าวมาข้างหน้าอย่างไม่ลดละ เขาก้าวเบี่ยงไปทางด้านซ้าย 2 ก้าว ในขณะที่หญิงสาวก็เบี่ยงตัวไปด้านขวา และในเวลาเดียวกันนางก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นราวกับกำลังวิ่งออกกำลังกาย
การก้าวเท้าที่รวดเร็วของนางทำให้เขาเกิดความสับสนอย่างมาก ทันใดนั้น ร่างของหญิงสาวที่สวยงามก็หายไปอย่างฉับพลัน ความสวยงามก่อนหน้านี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่กำลังตรงเข้ามา หากในเวลานั้นเขาไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน ร่างของเขาก็อาจจะแหลกออกเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้วก็ได้ และพวกสัตว์ประหลาดจะไม่ตระหนักอย่างแน่นอนว่าตัวเองได้เหยียบอะไรไป !
เมื่อถึงจุดชี้เป็นชี้ตาย เขาก็ระเบิดพลังตามสัญชาตญาณของเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาใช้ความแข็งแกร่งที่บริสุทธิ์จากปลายเท้าเพื่อขยับตัวออกจากจุดที่เขาอยู่ ยังไม่ทันที่ส่วนบนจะได้ขยับอะไรมากมาย ร่างของเขาก็เคลื่อนออกไปทางขวาไกลถึง 5 เมตรแล้ว วิธีการเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นเทคนิคการต่อสู้ที่มาจากโลกมืด แต่เมื่อใดก็ตามที่หลีกเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้ก็มักจะตามมาด้วยการโจมตีราวกับสายฟ้า
แม้ว่าเขาจะแต่งกายด้วยชุดเมจตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เขากลับแสดงความแข็งแกร่งที่ทรงพลังและเทคนิคชั้นยอดจากโลกมืดแทน การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขานั้นสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่เห็นเหตุการณ์โดยเฉพาะกับคนที่คุ้นเคยกับเขามาก่อนอย่างสตีเว่น
สตีเว่นยืนอยู่ที่จุดเดิมและมองดูการตอบโต้ของริชาร์ดตั้งแต่เริ่มต้น ท่าทางของริชาร์ดทำให้เขารู้สึกประหม่าจนเหงื่อไหลซึมออกมาทั่วร่างกาย ในตอนนี้เขาถึงกับตระหนักขึ้นมาว่าการเข้าใกล้ริชาร์ดเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียว กลุ่มของเหล่าวอริเออร์ที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวก็ดึงอาวุธออกมาพร้อมทั้งตั้งท่ารับมือเตรียมที่จะโจมตี ในเวลานี้ไม่มีใครคิดที่จะก้าวเท้ามาข้างหน้าหรือแม้แต่จะส่งเสียงใด ๆ แม้พวกเขาจะรู้มาก่อนหน้านี้ว่าริชาร์ดเองก็แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็รู้สึกมั่นใจว่าคนเหล่านั้นจะสามารถฆ่าเขาได้ก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือโจมตีเสียอีก
เวลานี้ความแปลกประหลาดแผ่กระจายไปทั่วฮอลล์ ไม่ว่าจะเป็นการชักอาวุธหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของริชาร์ดต่างก็ไม่ได้ส่งเสียงดังออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ในเวลานี้มีเพียงเสียงเดียวที่ทุกคนได้ยินคือเสียงฝีเท้าที่เคลื่อนไหวของหญิงสาวผู้สง่างาม
หญิงสาวลงมายืนบนพื้นแบบนิ่ง ๆ อีกครั้งด้วยความประหลาดใจ ทว่าภายใต้ความประหลาดใจ นางก็ยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม เท้าของนางสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะเริ่มไล่ตามริชาร์ดอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และในเวลานี้ แม้ว่าริชาร์ดจะใช้เออรัพชั่น แต่นางก็ยังมีความเร็วมากกว่าเขาถึง 2 เท่า
เกิดรอยร้าวขึ้นตรงพื้นที่นางก้าวผ่าน เขารับรู้ได้ถึงลมที่พัดเข้ามาในขณะที่นางกำลังผ่านไป นั่นทำให้ยากที่จะหายใจออกมาได้สะดวก หากทั้งคู่พุ่งเข้าชนกัน เขาก็คงไม่แปลกใจเลยถ้าร่างของทั้งสองจะแหลกออกเป็นชิ้น ๆ เขาพิจารณาอย่างรวดเร็วว่าควรจะตอบโต้หรือหลบหนีจากการโจมตีในครั้งนี้ดี แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะหลบหนีแม้จะรู้ดีว่าตัวเองอาจจะหลบได้ไม่ทันเวลาก็ตาม
ในเวลานั้นเอง เขาหยุดการสนใจหญิงสาวไปชั่วขณะ เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังบาร์บาเรียนเหล่านั้น เขามองเห็นผู้อาวุโสที่อยู่ในกลุ่มกำลังลืมตาขึ้น ซึ่งเขาก็เผลอจ้องมองไปที่ดวงตาคู่นั้น ทันใดนั้น ! ภาพลวงตาก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
เขารู้สึกว่าเท้าทั้งสองข้างของเขาได้ถูกตรึงอยู่กับพื้นจนทำให้เขาแทบไม่สามารถขยับร่างกายได้ หญิงสาวคนนั้นยังคงพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากคือนางไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ! เขากลอกตาขึ้นข้างบน พยายามตั้งสติรอคอยการโจมตีที่จะเกิดขึ้นอย่างสิ้นหวังและอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่ากำแพงหินที่อยู่ด้านหลังของเขาจะช่วยให้เขาไม่ทะลุออกไปนอกฮอลล์ได้หรือไม่
ทว่าเหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด ไม่มีการปะทะเกิดขึ้นแต่อย่างใด หญิงสาวหยุดอยู่ตรงหน้าเขาโดยที่ปลายจมูกห่างจากกันเพียงแค่ 10 เซนติเมตรเท่านั้น เวลานี้ความสังสัยของเขาจึงเปลี่ยนมาเป็น ‘นางสามารถหยุดการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วและพลังมหาศาลก่อนหน้านี้ในเวลาเพียงครู่เดียวได้อย่างไร ?’
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม ทว่าจมูกของนางยังคงทำงานต่อไปเรื่อย ๆ ใบหน้าเรียวเล็กของนางเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวมากขึ้น ในเวลานี้ เสือที่ดุร้ายกำลังดมกลิ่นจากร่างกายของเขา ความตื่นตระหนกทำให้เหงื่อไหลออกมาตามหน้าผากของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าในตอนนี้เขาจะไม่ได้ถูกปะทะจนกระเด็นออกไปอย่างที่คิดไว้ แต่ขาของเขาก็ยังคงติดแหง่กอยู่ที่พื้นทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้เลย เขาพยายามที่จะถอยตัวไปด้านหลังแต่ก็คิดว่าคงไม่มีประโยชน์ใด ๆ ขึ้นมา
หญิงสาวไขว้มือของนางไว้ที่ด้านหลัง เท้าของนางยังคงก้าวมาข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่แล้ว เขาก็เอนตัวหลบนาง ซึ่งร่างของเขาตั้งเป็นมุม 45 องศา ท่าทางของเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริงตามธรรมชาติได้ ! ทว่าในเวลานี้มันกลับสามารถทำได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาได้เรียนรู้แล้วว่าเมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าชนชั้นสูง ความรู้ทั่วไปที่เคยศึกษามาก่อนหน้านี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป
เมื่อริชาร์ดเห็นดังนั้นเขาจึงยังคงพยายามผลักตัวเองไปด้านหลังต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่หญิงสาวก็ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ เช่นกัน และเมื่อปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกันนั้น หญิงสาวก็ลืมตาขึ้นซึ่งนั่นเผยให้เห็นเป็นหลุมลึก 2 หลุมที่กว้างใหญ่เท่ากับเหล่าดวงดาว
พื้นที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความแข็งแรง ริชาร์ดรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของเขากำลังถูกดูดด้วยจุดสีดำ 2 จุดจากนัยน์ตาของนางจนทำให้ร่างของเขาไม่สามารถที่จะขยับได้แม้ปลายนิ้วมือ เขารู้สึกชาไปทั่้วร่าง และรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกล็อคไว้โดยเหล่าแอสซาซินมากกว่า 10 คนจนยากที่จะเคลื่อนไหว หากไม่ใช่เพราะพลังลึกลับบางอย่างที่ได้ทำลายจิตสังหารของเขา เขาอาจจะไม่ต้องเอนตัวไปข้างหลังอย่างที่เขาทำอยู่ในตอนนี้ก็ได้ ทว่าในเวลานี้เขาตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าเขาไม่ได้ทำมันได้ด้วยตัวเอง แต่พลังเหล่านั้นมาจากผู้อาวุโสที่อยู่ในกลุ่มของนางที่เขาเผลอสบตาก่อนหน้านี้ต่างหาก
ริชาร์ดถูกหญิงสาวตรงหน้าดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้ นางจ้องมองมาที่เขาพร้อมทั้งใช้จมูกเล็ก ๆ ของนางไล่ดมต่อไปไม่หยุด ทันใดนั้น ! นางก็แสดงอาการดีใจขึ้นมาราวกับว่ามีภูเขาและแม่น้ำลำธารมาปรากฏขึ้นตรงหน้าริชาร์ด นางแลบลิ้นออกมาก่อนจะเลียที่ริมฝีปากของริชาร์ดอย่างรวดเร็วก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วแสดงท่าทางที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ริชาร์ดรู้สึกบอบช้ำขึ้นมา เขาค้นพบว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถที่จะตั้งตัวให้ตรงได้ เออรัพชั่นของเขาได้ถูกยกเลิกไปหลังจากที่เขาเผลอไปสบตากับผู้อาวุโสคนนั้น ในตอนนี้เขาจึงทำได้แค่พึ่งพาความแข็งแกร่งทางกายภาพของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าหากเขายังยืนอยู่ในท่านี้ต่อไปนาน ๆ อีกไม่นานหลังส่วนล่างของเขาก็คงจะหักออกเป็นส่วน ๆ แน่ !
กลิ่นของหญิงสาวยังคงติดอยู่บนปากของเขา ความรู้สึกในตอนนี้เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้หวานชื่นแต่เป็นความหนาวเหน็บและความห่างเหิน ความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากนางมันให้ความรู้สึกราวกับว่านางคือภูเขาขนาดใหญ่กว่า 100,000 ลูกทำให้ยากที่จะแยกแยะความแตกต่างจากออร่าที่ออกมาจากตัวของนางได้
ทว่าหญิงสาวไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของริชาร์ดในตอนนี้เลย นางเพียงแค่เหล่ตามองและแสดงท่าทีที่เพลิดเพลินกับรสชาติที่ได้ลิ้มลอง “อืมมม… กลิ่นกำมะถันที่รุนแรงและการเผาไหม้ของลาวา… จริง ๆ แล้วควรจะมีกลิ่นแปลก ๆ ของเดม่อนจากอบิสสองสามตัวด้วยนะ ว่าแต่มันหายไปไหนแล้วล่ะ ? อืม… กลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคย นี่เป็นกลิ่นของเอลฟ์ใช่รึเปล่า ? กลิ่นที่รวมเข้าด้วยกันนี่มันเยี่ยมที่สุดเลย !”
หญิงสาวพึมพำออกมาด้วยภาษาเผ่าบาร์บาเรียนโบราณ ซึ่งไม่ใช่ภาษาที่ทุกคนจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่นางกำลังพูดได้ ผู้อาวุโสที่มากับนางลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะจ้องมองริชาร์ดด้วยสายตาที่ไตร่ตรอง
ร่างของหญิงสาวสั่นขึ้นมาอย่างฉับพลันก่อนที่ความรู้สึกของนางจะฟื้นคืนมาอีกครั้ง และท่าทางที่หยิ่งยโสของนางก็กลับมา นางชี้นิ้วไปยังริชาร์ดก่อนจะกล่าวเสียงดัง “เจ้า มาอยู่กับข้า 3 เดือน ! ข้าชอบกลิ่นและรสชาติของเจ้า ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าเอง !” นางกล่าวออกมาโดยไม่ทิ้งช่วงให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสตอบโต้ใด ๆ
นางหยิบสไปเดอร์คริสตัล 5–6 ก้อนออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วยัดมันใส่มือของริชาร์ดโดยไม่รอให้เขาได้พูดอะไร
ริชาร์ดรับรู้ได้ถึงสายตาจำนวนมากที่จ้องมองมาที่เขาจนเขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกกริชจำนวนมากจ่อมาที่ตัวของเขาอยู่ สไปเดอร์คริสตัลเหล่านี้มีจำนวนมากมายเหลือเกิน ! ผู้คนภายในฮอลล์ต่างก็รู้สึกอยากจะได้มันมาครอบครองเป็นอย่างมาก และพวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองตามกระเป๋าข้างเอวของหญิงสาวด้วยความโลภ แม้พวกเขาจะมีความต้องการครอบครองสิ่งเหล่านั้น ทว่ามันก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
แม้ว่าริชาร์ดจะยังไม่คุ้นเคยกับของมีค่าและของที่ไม่ธรรมดา แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคริสตัลนี้มาบ้าง มันเป็นสิ่งที่มีคุณภาพสูงและคงช่วยในการสร้างรูนดี ๆ ให้กับเขา เขารู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของมันเป็นอย่างดี และมูลค่าของมันก็สูงมาก อาจจะสูงเกินกว่าที่เขาจะสามารถใช้มันได้หมดตลอดทั้งชีวิตของเขาด้วยซ้ำ โดยทั่วไปเหล่าชนชั้นสูงจะไม่ค่อยได้นึกถึงสิ่งนี้เพราะพวกเขายังถือว่าเป็นเรื่องไกลตัว แม้แต่เลเจนดารี่เมจเองก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่จะได้รับหรือมีสิ่งนี้ไว้ในครอบครองหลาย ๆ อัน
เขาตัดสินใจส่ายหน้าก่อนส่งคริสตัลในมือกลับไปให้หญิงสาว “ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่สามารถรับมันไว้ได้ และข้าก็ไม่สามารถไปกับเจ้าได้เช่นกัน”
หญิงสาวรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของเขาก่อนที่จะถามขึ้นว่า “ทำไมล่ะ ? ข้าคิดว่าคนที่มาจากแผ่นดินใหญ่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินเสียอีก หรือว่าข้าให้เจ้าน้อยไป ? แค่ 3 เดือนเองนะ !”
ริชาร์ดปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่แสดงถึงจำนวนเงินที่มหาศาลเช่นนี้ มันเป็นความมั่งคั่งที่สร้างความตกใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย ทว่าเมื่อเขาได้ส่งมันกลับคืนไปให้นาง เขากลับรู้สึกสบายใจกว่ามาก เขาได้แต่ยิ้มให้นางและพูดขึ้นเบา ๆ “ข้าขอบใจเจ้าก็แล้วกัน แต่ข้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน มีหลายอย่างที่ข้าต้องทำ ข้าไม่สามารถไปกับเจ้าได้จริง ๆ”
“ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ?” หญิงสาวมองไปที่ริชาร์ดก่อนที่จะมองไปยังหนังกิ้งก่า ดวงตาของนางฉายแววสับสนขึ้นมา “ถ้าเจ้าไม่ได้เดือดร้อน ทำไมเจ้าต้องเสียเวลามากมายเพื่อคำนวนสิ่งต่าง ๆ ? มันก็แค่เหรียญไม่ใช่หรือ ? ค่าเงินที่เจ้าเขียนลงไปนี่มันแทบจะซื้ออะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ! เอ๊ะ หรือว่าเจ้าสนใจกิ้งก่าและอยากจะทำตัวเองให้เป็นมนุษย์กิ้งก่ารึ ? ข้าว่าเจ้าอย่าเสียเวลากับเรื่องพวกนี้เลย ยังมีสิ่งที่แข็งแกร่งกว่ากิ้งก่านั่นก็คือมังกร ข้าว่าเจ้าอย่าเสียสละตัวเองเพื่อสิ่งนี้เลย !”
คำพูดของหญิงสาวทำให้เขาแทบอยากจะทรุดลง เขาลอบถอนหายใจเบา ๆ และเอ่ยต่อไปอย่างใจเย็น “ก็ได้ เอาเป็นว่าข้าไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น แต่ข้าก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินของเจ้า”
“อ่อ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าจะบอกว่าข้าเสนอเงินให้เจ้าน้อยไปสินะ ? งั้นเจ้าเอาไปให้หมดเลย !” หญิงสาวหยิบกระเป๋าเงินที่ทำจากหนังออกมาจากจากเอวของนางอย่างรวดเร็ว
คนกว่าครึ่งฮอลล์ต่างพากันแตกตื่นกับการกระทำของนาง หลายคนนึกสงสัยอย่างมากว่านางรู้หรือไม่ว่านั่นเป็นอุปกรณ์มิติ ?
“ไม่ !” ริชาร์ดเริ่มรู้สึกท้อแท้ขึ้นมากับท่าทางที่ดื้อรั้นของหญิงสาวผู้นี้ ในตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการมัน และเขาก็ไม่อยากที่จะเสียหนังกิ้งก่านี้ไปเช่นเดียวกัน
“งั้นแลกกับเดือนเดียว ?” หญิงสาวกัดฟันถาม
“แม้แต่วันเดียวข้าก็ไม่ว่าง !” ริชาร์ดปฏิเสธนางด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
นั่นทำให้สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยมทันทีแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาวางกระดาษเวทมนตร์ลงที่พื้นก่อนที่จะเริ่มคำนวนสิ่งต่าง ๆ อีกครั้ง ปากกาขนนกขยับเขียนคำนวนออกมาตามความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว นอกจากหนังกิ้งก่าชิ้นนี้ สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือเวลา
การกระทำของริชาร์ดดูเหมือนจะหยาบคายสำหรับคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ทว่าหญิงสาวกลับยิ้ม นางหมุนตัวกลับก่อนจะวิ่งไปหาผู้อาวุโสที่มาด้วยพร้อมทั้งตะโกนออกมาเป็นภาษาชนเผ่าของนาง “คน ๆ นี้ไม่ได้ต้องการเงิน !”
ผู้อาวุโสลืมตาขึ้นและพยักหน้า หญิงสาววิ่งกลับมาหาริชาร์ดก่อนจะคว้าคอของเขาและยกตัวเขาขึ้นจนห่างจากใบหน้าของนางเพียง 1 เซนติเมตร และนางก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง “เจ้า ! เจ้ามีกลิ่นที่เย้ายวนเช่นนี้ แต่เจ้ากลับไม่ต้องการเงินของข้ารึ ! ข้าตัดสินใจแล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นผู้ชายของข้า !”
ในเวลานี้ความสูงของทั้งสองเท่ากันแล้ว ริชาร์ดเกรงว่าหากเข้าอ้าปากพูดแม้แต่นิดเดียว ปากของเขาก็อาจจะต้องสัมผัสกับริมฝีปากของนางอีก ในเวลานี้นางมีพละกำลังมหาศาลมาก ส่วนเขานั้นแน่นอนว่าได้สูญเสียพลังเออรัพชั่นของตัวเองไปจนหมดแล้ว การที่ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของนางทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากการจับกุมมากเพียงใด ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ไปซะอย่างนั้น ทว่าถึงอย่างไร เขารู้ดีว่าคงไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงทำได้เพียงยิ้มสู้ก่อนที่จะกล่าวออกไป “นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นะ”
หญิงสาวกัดฟันกรอด “ไม่ดียังไง ? ใครก็ตามที่มีปัญหา ข้าจะโยนพวกมันลงทะเลให้หมด ! ครั้งล่าสุดบิดาของข้าก็ยกกองทัพเพื่อบุกโจมตีดินแดนของชนเผ่าเราจนทำให้พ่ายแพ้ต่อมารดาของข้า นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้ชายของมารดาข้า ! และข้าก็ได้เกิดมามีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่สามารถต่อต้านข้าได้ เจ้าก็ควรจะทำตามที่ข้าบอกไม่ใช่เหรอ !? อย่างห่วงไปเลย ข้าไม่ข่มเหงเจ้าหรอก เราแค่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างน้อย 1–2 ปีเพื่อดูว่าเจ้าน่ารำคาญหรือไม่ ในช่วงเวลานี้หากข้าพบว่าเจ้ามีดีเพียงแค่ความหอมเย้ายวน ข้าก็จะโยนเจ้าทิ้งลงทะเลเช่นเดียวกัน !”
หลังจากที่ได้ฟังในสิ่งที่หญิงสาวประกาศออกมา เขาก็หมดคำจะพูด
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเผลอไอออกมา ในขณะเดียวกับที่สตีลร็อคก้าวมาข้างหน้าก่อนที่จะกระซิบกับหญิงสาวด้วยภาษาของพวกเขา นางจ้องมองไปยังผู้อาวุโสนั้นก่อนที่จะหันกลับมาถามริชาร์ด “เจ้าชื่ออะไร ?”
“ริชาร์ด อาเครอน” เขาตอบกลับไปด้วยความอดทน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่าที่ผ่านมา เขาสามารถใช้นามสกุลของตระกูลเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้หลายต่อหลายครั้ง
“อาเครอน… ไม่เคยได้ยินมาก่อน มีชื่อเสียงหรือไม่ ?” หญิงสาวหันกลับไปถาม สตีลร็อค เขาหยิบหนังสือที่ทำมาจากขนแกะออกมาและเปิดหารายชื่อก่อนจะชี้ไปยังบรรทัดสุดท้ายและพูดออกมาเพียงสั้น ๆ “พวกเขาจนมาก !”
หัวหน้าผู้พิทักษ์กระซิบบอกอะไรบางอย่างกับสตีลร็อคก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “แต่พวกเขามีความสามารถด้านการต่อสู้ พวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง !”
หญิงสาวปล่อยริชาร์ดลงสู่พื้นอีกครั้งก่อนจะจัดปกคอเสื้อให้กับเขา นางก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยและมองเขาด้วยสายตาที่จริงจัง “เยี่ยมไปเลย ข้าชอบนักรบที่แท้จริง เจ้าอาจจะอ่อนแอ แต่เจ้ามีความกล้าหาญ ไม่ได้มีความโลภ แถมยังมีกลิ่นที่หอมเย้ายวนใจอีก แม้เจ้าจะจนมาก แต่ข้าก็ยังอยากได้เจ้ามาเป็นผู้ชายของข้าอยู่ดี”
“นี่…” ริชาร์ดยิ้มอีกครั้ง เขาพร้อมแล้วที่จะปฏิเสธอย่างมีเหตุมีผล ทว่าหญิงสาวกลับขัดจังหวะเขา “แต่ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะปฏิบัติตามกฎของแผ่นดินหลัก บิดาของข้ากล่าวว่า เมื่อคนสองคนต้องการที่จะอยู่ด้วยกัน พวกเขาจะต้องเป็นเพื่อนกันก่อน”
สตีลร็อคก้าวมาข้างหน้าอีกครั้งก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท กฎของแผ่นดินหลักกล่าวว่าหากคนสองคนต้องการที่จะอยู่ด้วยกัน ตระกูลของพวกเขาทั้งสองนั้นจะต้องตกลงกันก่อนด้วย”
“อ่อ เช่นนั้นรึ ?” หญิงสาวมีสีหน้าประหลาดใจ นางมองไปยังผู้อาวุโสอย่างหมดหนทาง ชายผู้นั้นเบิกตาขึ้นอีกครั้ง เขามองริชาร์ดแล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อัปลักษณ์พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ “กฎถูกตั้งขึ้นโดยมนุษย์ ในดินแดนแห่งนี้ นายท่านสามารถตัดสินใจได้จากเหตุและผล เพราะอย่างน้อยไม่ว่าจะตัดสินยังไง คนในที่นี้ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน”
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวต้องการทำทุกอย่างให้กระชับที่สุด นางจึงกล่าวต่อไป “เอาล่ะ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ! นี่เป็นสิ่งที่บิดาของข้าเคยกล่าวไว้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะมารดาของข้าได้ แต่มารดาของข้าก็บอกว่าเขาเป็นคนชาญฉลาด”
ขณะที่พูด นางจ้องมองเข้ามาในดวงตาของริชาร์ด นางใช้มือขวากำกำปั้นแล้ววางไว้ที่หน้าอกก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ริชาร์ด เจ้าเต็มใจที่จะเป็นเพื่อนกับข้าหรือไม่ ?”
คำพูดของหญิงสาวเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของริชาร์ดเป็นอย่างมาก ทว่าเขาก็รู้สึกได้ถึงความจริงจังและความพยายามของนาง เขารู้สึกแวบขึ้นมาว่าความตรงไปตรงมาของนางก็ออกจะตรงกับความชอบของเขาอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินนางถามเช่นนั้น เขาจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน
“ข้าเต็มใจอย่างยิ่งที่จะเป็นเพื่อนกับเจ้า แต่ —”
“แค่ตอนนี้เจ้าตกลงเป็นเพื่อนกัน ข้าก็ยินดีแล้ว” หญิงสาวแทรกขึ้นและกล่าวต่อไป “เอาล่ะ เราจะพูดถึงเรื่องที่เจ้าอยากจะเป็นผู้ชายของข้ากันทีหลัง ข้าจะไม่บังคับเจ้าเพราะตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว” การแสดงออกของนางเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น “ไหน ๆ เจ้าก็เป็นเพื่อนกับข้าแล้ว ข้าจะบอกชื่อของข้าให้เจ้าได้รู้จัก ชื่อของข้าคือ เจสซามีน เบซาบา ทอร์ เทอราเทมัส…”
ขณะที่นางกำลังแนะนำชื่อตัวเอง ท่าทางของสตีลร็อคก็เปลี่ยนไป คำพูดของนางทำให้เขาอยากจะเดินไปขัดขวางอย่างมาก ทว่าผู้อาวุโสกลับส่ายหน้าไม่ให้เขาทำเช่นนั้น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวถอยหลังกลับไป ผู้อาวุโสเคาะไม้เท้าลงที่พื้นเบา ๆ ซึ่งเสียงกระทบพื้นของมันนั้นดังไปทั่วฮอลล์จนทำให้คนอื่น ๆ ไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพูด เสียงเหล่านั้นดังอย่างต่อเนื่องไปจนถึงตอนที่หญิงสาวกล่าวชื่อตัวเองจบลง ทุกคนต่างรู้ดีถึงสาเหตุที่ผู้อาวุโสทำเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชื่อของหญิงสาวนั้นมีความยาวกว่าชื่อปกติเป็นพิเศษ มันต้องใช้เวลาถึง 1 นาทีกว่าจะแนะนำได้จบ สำหรับริชาร์ดแล้วมันเป็นเหมือนกับนำพยางค์ยาว ๆ มาต่อเข้าด้วยกัน หากไม่ใช่เพราะความทรงจำและพรแห่งสติปัญญาที่เขามี เขาก็คงไม่สามารถจำชื่อของนางได้หมดเพียงแค่ได้ยินครั้งแรก
“เจ้าจำได้หรือไม่ ?” หญิงสาวถามขึ้นมาด้วยความคาดหวัง
“จำได้” ริชาร์ดพยักหน้าตอบซึ่งนั่นทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว แต่นางก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี “เยี่ยมเลย ! เพราะมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวที่ข้าจะพูด”
ราวกับว่านางสามารถอ่านใจของเขาได้ในขณะที่นางยิ้มให้เขา “คนในเผ่าของข้าเรียกข้าว่า ‘เม้าเทนซี’ เจ้าเรียกข้าแบบที่คนอื่น ๆ เรียกก็ได้”
“เม้าเทนซี ?” ริชาร์ดเกิดคำถามขึ้นกับชื่อที่แปลกประหลาดของนาง หากไม่นับเสื้อผ้าที่ดูแปลกตาและท่าทางของนาง นางก็จัดได้ว่าเป็นเป็นหญิงสาวที่มีความสวยสง่าระดับมาตฐานของแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ชื่อของนางทำให้ผู้ฟังรู้สึกได้ถึงความกว้างใหญ่และทรงพลัง ซึ่งต่างจากชื่อที่ใช้อธิบายผู้หญิงอย่างสิ้นเชิง
เม้าเทนซีหยักหน้าก่อนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสบอกกับข้า ในตอนนี้ข้ามีความมั่งคั่งมากมายเท่ากองภูเขา และความแข็งแกร่งในอนาคตของข้าก็จะลึกและไม่สามารถวัดค่าได้เหมือนกับทะเล”
“ดี งั้นตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ เม้าเทนซี !” ริชาร์ดกล่าวรีบบอกอย่างยีนดีเพราะดูเหมือนเขาจะไม่ต้องไปเป็นผู้ชายของนางแล้ว
นางยิ้มให้เขาไม่หยุด และมือก็ควานคว้าหาอะไรบางอย่าง “ข้ามีของขวัญให้เจ้าด้วย รับไปสิ !” เม้าเทนซีหยิบหนังมังกรที่นางเพิ่งจะซื้อด้วยเบสเลซ สไปเดอร์คลิสตัลออกมายัดใส่มือเขาอย่างตั้งใจ
ริชาร์ดขมวดคิ้วมองมันและกล่าวปฎิเสธไป “ไม่ ! นี่มันแพงเกินไป”
“ไม่หรอก เพราะเจ้าก็ต้องให้ของขวัญข้าเช่นเดียวกัน” หญิงสาวกล่าวด้วยท่าทางที่จริงจัง
“ตกลง แต่ข้าไม่ได้มีของแพง ๆ จะให้เจ้าหรอกนะ ข้าว่าเจ้าเอาของนี่…” ทว่าก่อนที่เขาจะทันพูดจบ เม้าเทนซีก็ยื่นมือมาคว้าเขาเข้าไปจูบเสียแล้ว และเมื่อนางถอนริมฝีปาก นางก็หัวเราะคิกคักและพูดอย่างพึงพอใจ “ฮิ ๆ ข้าเอานี่เป็นของขวัญก็แล้วกัน !”
ริชาร์ดตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับคนอื่น ๆ อาจจะมองว่าจูบที่นางมอบให้กับเขาเป็นเพียงจูบอย่างผิวเผิน ทว่าสำหรับเขามันถือเป็นการกัดและเลียริมฝีปากมากกว่าเป็นการจูบแบบปกติ ทว่ายังไม่จบเพียงเท่านั้น เม้าเทนซียังแสดงท่าทางพึงพอใจและพูดแหย่เขาต่อไป “เฮ้ ! ข้าชอบ ริมฝีปากของเจ้ามันหวานมากเลย !”
……
เทศกาลกลางฤดูร้อนได้จบลง แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นผู้คนสามารถที่จะนำกลับไปพูดได้ยาวนานถึง 4 ปี ในคืนนั้น ความรู้สึกของแบล็คโกลด์ที่มีต่อสาว ๆ ลดลงอย่างน่าตกใจ ในเวลานี้กลิ่นของเงินลอยมาวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา และเขาก็รับรู้ได้ว่าในตอนนี้ ค่าของสไปเดอร์คริสตัลมีมูลค่าที่สูงกว่าเหรียญที่เขาใช้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในค่ำคืนนี้ดูเหมือนว่าสตีเว่นจะเป็นคนที่พบเจอกับความผิดหวังมากที่สุด ในตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุที่ดราก้อนวอล็อคถูกหญิงสาวชนจนกระเด็นกลับไม่ได้เป็นที่สนใจเท่ากับเรื่องของกระเป๋าเงินของหญิงสาว เรื่องการเป็น ‘เพื่อน’ ของริชาร์ดและเม้าเทนซี เรื่องของสตีลร็อค ผู้อาวุโส รวมถึงผู้พิทักษ์ชั้นสูงของจักรวรรดิมิลเลนเนียล เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนต่างจับตามองเรื่องของสไปเดอร์คริสตัลและนักเรียนใหม่ที่จ่ายค่าศึกษาด้วยตัวเอง ทว่ากลับไม่มีใครแยแสหรือใส่ใจดราก้อนวอล็อคอย่างสตีเว่นเลยแม้แต่น้อย หากจะถูกกล่าวถึงก็คงเป็นเรื่องที่เขาโดนหญิงสาวผู้นั้นชนจนกระเด็นอย่างน่าอับอายเท่านั้น
มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รับรู้ว่าแรงกดดันที่ได้รับจากเม้าเทนซี ไม่ได้เป็นเพราะการที่เขาถูกกระแทก แต่มันเป็นเพราะเขากำลังถูกบดขยี้…
คอมเม้นต์