นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 78 งานเลี้ยง ตอนที่ 3
เวนนิงตันมองริชาร์ดอยู่เงียบ ๆ พลางสังเกตเด็กสาวคนอื่นในงานไปด้วย ในทางกลับกันวอร์เรนมองริชาร์ดด้วยสายตาที่แปลกประหลาด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความริษยาและความเกลียดชัง มีเด็กหนุ่มอีกคนในตระกูลที่มีความสามารถและอายุใกล้เคียงกับวอร์เรน ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูเคร่งขรึมมากกว่า ทั้ง 3 คนล้วนสนใจเดมี่และเวนิก้าอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงหญิงสาวสวยและเย้ายวนอีกคนที่ดึงดูดความสนใจคนรอบข้างได้มากมาย
ไม่มีใครให้ความสนใจกับโกโก้เลยแม้ว่านางจะมีหน้าตาสวยน่ารักก็ตาม ทว่าการเลือกนางเป็นคู่ครองนั้นแทบจะเป็นการยอมจำนนให้กับความโศกเศร้า — เพราะในโลกของพลังอำนาจ การมีความสวยงามเพียงอย่างเดียวถือเป็นสิ่งไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง
ในทางกลับกันทั้งเวนิก้าและเดมี่มีสิทธิ์ในการเลือกคู่ครองด้วยตัวเองเหมือนกับเขา เดมี่เป็นจุดสนใจในตระกูลเช่นกันเพราะนางแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นทั้งที่อายุยังน้อย และด้วยความสงบแน่วแน่นั้นทำให้ผู้คนมากมายมองว่านางอาจจะเป็นอลิซคนต่อไป
สำหรับริชาร์ด เรื่องมันไปไกลกว่านั้น เขามาที่นี่ได้เพียงแค่ 2 วัน ผู้คนก็เริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นกาตอนคนต่อไปแล้ว เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าเขาอาจจะไม่สามารถเข้าถึงระดับพลังอำนาจของพ่อเขาได้ แต่ความเป็นจริงที่ว่าเขาเป็นรูนมาสเตอร์ก็ทำให้ผู้คนใจเต้นขึ้นมาไม่น้อย
ทั้ง 2 อย่างมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองในสนามรบด้วยซ้ำ แค่ตัวตนของเขาในฐานะรูนมาสเตอร์เพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะเหนือกว่าทายาททุกคนที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้ได้แล้ว
รูนมาสเตอร์ทั่วไปสามารถจัดเตรียมรูนไนท์ขั้นพื้นฐานได้ 2–3 คน หากจะหักลบกับต้นทุนก็คงจะเป็นการขายรูนไนท์คนหนึ่งในกลุ่มนี้ซึ่งจะสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในการผลิตได้ และแค่รูนไนท์หนึ่งในจำนวนที่เหลือก็เพียงพอแล้วสำหรับการกำจัดบรรดาหนุ่มสาวในห้องนี้ได้ง่าย ๆ
เด็กสาวทุกคนในห้องโถงนี้ต่างก็มีความสวยงาม ขณะที่เด็กหนุ่มล้วนแสดงออกถึงความกล้าหาญ เวนิก้าและเดมี่ดูมีเสน่ห์โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทั้งหมดซึ่งเป็นผลมาจากพ่อแม่ของพวกนางมีบุคลิกที่ดูมีความกล้าหาญ โดยเฉพาะสำหรับเดมี่ นางสามารถปลุกความปรารถนาทางกามารมณ์ให้ชายหนุ่มได้เพียงแค่มองขาเรียวยาวและรูปร่างที่โค้งเว้าของนาง และเห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของนางในสนามรบอื่นอย่างเช่นบนเตียงคงจะจะเทียบเท่าได้กับความสามารถในการต่อสู้ของนางเลยทีเดียว
ริชาร์ดยังคงยืนอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งและถือไวน์ 1 แก้วไว้ในมือ เขาคลายปกคอเสื้อของเขาเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์อยู่เป็นครั้งคราว เขาไม่ได้กลัวอุณหภูมิสูงของห้องนี้แต่เขาไม่ชอบกลิ่นของกำมะถัน และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่ชอบงานทางการแบบนี้เอาซะเลย ชุดสูทที่เขาสวมใส่นั้นมีราคาประมาณ 1,000 เหรียญและถูกเย็บโดยช่างตัดเสื้อชั้นนำที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษโดยเมดของตระกูล เสน่ห์ที่โดดเด่นของเขาถูกดึงออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่เมื่อสวมใส่ชุดนี้ มันคือเสน่ห์ที่เป็นผลมาจากสายเลือดเอลฟ์และอาเครอนผสมกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยิ่งทำให้เขาคิดถึงเสื้อคลุมเวทมนตร์ของเขามากขึ้นไปอีก
เขาชอบเสื้อคลุมของเขาตรงอาคมเสริมที่มันมีระหว่างการต่อสู้ ซึ่งก็คือการที่มันสามารถเพิ่มสมาธิให้กับผู้สวมใส่ได้แม้ในเวลาโกลาหล รวมถึงเพิ่มโอกาสในการร่ายคาถาให้สำเร็จด้วย มันมีราคาแพงมากเนื่องจากมีการลงอาคมแบบถาวร และแม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ได้มากนักนอกสนามรบ แต่มันก็มีราคามากกว่าเสื้อคลุมที่มีการจัดเก็บคาถาประเภทการต่อสู้ไว้กว่า 10 เท่า ดังนั้น มีน้อยคนที่จะเลือกใช้มัน อย่างไรก็ตามนี่คือการยกระดับที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาซึ่งนั่นเป็นเพียงเพราะว่ามันสามารถพัฒนาความแม่นยำในการสร้างรูนให้เขาได้
เขาคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตและการทำงานภายใต้ผลพวงของอาคมนั้นดี ชุดสูทที่ไม่มีอาคมจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเป็นพิเศษ เนื้อผ้าของชุดที่ผลิตโดยช่างตัดเสื้อฝีมือดีมีมูลค่าประมาณ 1,000 เหรียญทอง ทว่าเสื้อคลุมของเขามีค่ามากกว่านั้นอย่างน้อย 10 เท่า นี่คือความแตกต่างของค่าใช้จ่ายระหว่างโลกแห่งเวทมนตร์และโลกของคนธรรมดาที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้
เขาหมุนแก้วไวน์ในมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจโดยปล่อยให้ของเหลวสีแดงด้านในแก้วหมุนไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มคำนวณเวลาอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น เวลาก็เพิ่งผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้นเอง นั่นหมายความว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ไปอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนการพิสูจน์ตนเองครั้งนี้จะจบลง ระยะเวลาเท่านี้เท่ากับช่วงเวลาการทำสมาธิที่เขาเคยทำเป็นประจำซึ่งจะเพิ่มมานาขึ้นอย่างน้อย 1 ใน 10 ของที่เขาสะสมไว้
ไม่มีทางลัดมากมายนักในการเพิ่มมานาหรือพลังงาน มันต้องพึ่งความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นเท่านั้นมานาจึงจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตามเวลา นี่ยังหมายความว่าหากเขาไม่ทำอะไรเลยนอกจากทำสมาธิเป็นเวลานาน 30 ปีอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของมานาเท่ากับว่าเขาจะกลายเป็นเกรทเมจอย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีน้อยคนที่สามารถนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องได้นานถึง 30 ปีได้ อย่างไรก็ตาม เทคนิคการทำสมาธิที่เขาใช้อยู่ในปัจจุบันก็ถือว่าใกล้เคียงกับวิธีที่ดีที่สุดของนัวแลนด์แล้ว ไม่มีวิธีการใดจะใกล้เคียงกับวิธีที่สืบทอดมาจากจากดีพบลูเลย
เมื่อเขาผ่านระดับ 10 เขาจะสามารถเริ่มเรียนรู้ขั้นตอนเริ่มต้นของเทคนิคการทำสมาธิส่วนตัวของชารอนที่ชื่อว่า ‘ดีพบลูแฟนตาซี’ ได้ เมื่อเขาถึงระดับเดียวกับเหล่าอาจารย์ เขาจะสามารถฝึกฝน ‘ดีพบลูดรีม’ ได้ และท้ายที่สุดเมื่อตัวเขาก้าวสู่ระดับเลเจนดารี่ เขาจะสามารถฝึกฝน ‘ดีพบลูอาเรีย’ ได้
เขาเพิ่งตระหนักได้ถึงความหมายของการเป็นศิษย์ส่วนตัวของชารอนก็เมื่อหลังจากที่เขาก้าวออกมาจากดีพบลูแล้วเท่านั้น
ด้วยการที่เขามีหลายอย่างที่ต้องทำอีกมากกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงยังเหลืออีกหลายสิ่งที่เขาต้องให้ความสนใจ นั่นทำให้เขามักหมกมุ่นอยู่กับเวลา แม้ว่าจุดประสงค์ที่แข็งแกร่งและบรรยากาศของงานเลี้ยงในตอนนี้จะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่สามารถทำให้ตนเองกระตือรือร้นกับงานเลี้ยงที่ว่านี้ได้เลย
ในความเป็นจริงก็ไม่ได้มีความผูกพันหรือพันธะมากมายนักในการเลือกคู่ครอง บ่อยครั้งที่พวกเขาลงเอยด้วยการเป็นแค่คนที่นอนเตียงเดียวกันและแยกทางกันไปหลังจากให้กำเนิดทายาท ตัวเขาเองก็เป็นผู้ชายเต็มตัวมานานแล้ว ดังนั้นตามธรรมชาติเขาก็ย่อมถูกดึงดูดโดยหญิงสาวและไม่ได้รู้สึกอยากต่อต้านพวกนางเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นทั้งเดมี่และเวนิก้าต่างก็มีคุณสมบัติที่น่าดึงดูดใจ และเด็กสาวคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้แย่ ในฐานะคู่ครองบนเตียง เด็กสาวเหล่านั้นเรียกได้ว่าเหนือมาตรฐานอย่างแน่นอน ทว่าเขามีเหตุผลในการปฏิเสธความคิดของการเลือกคู่เหล่านี้ นั่นก็คือกระบวนการทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับอาเครอน ตระกูลที่มีกาตอนเป็นตัวแทน
ในงานเลี้ยง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่น ๆ จะไม่ได้ทำอะไรเหมือนเขา เด็กหนุ่มจากตระกูลสาขาทำตัวใกล้ชิดกับเด็กสาว 2 คนที่มาจากตระกูลสาขาเช่นกันเป็นเวลานาน พวกเขาปัดป่ายผ่านกันในส่วนที่ละเอียดอ่อนไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ และก็ยังฉลาดพอที่จะไม่พยายามหาคู่ครองที่เป็นคนที่มีสถานะสูงกว่าตนเองด้วย แม้ว่าเด็กสาวทั้ง 2 จะกำลังแย่งชิงเขาอยู่ทว่าเขาสามารถมีคู่ครองได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ในความคิดของพวกนาง ‘ความสามารถและสายเลือดของเด็กหนุ่มคนนั้นถือว่าดีมาก’’ ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเด็กสาวทั้งคู่
ตระกูลอาเครอนมีภารกิจมากมายนับไม่ถ้วนในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา และผู้ชายหลายคนในตระกูลก็ได้สละชีวิตไปในสนามรบ ด้วยเหตุนี้ในตระกูลจึงมีจำนวนผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิง นอกจากนี้ด้วยสายเลือดโบราณของพวกเขาทำให้การที่จะให้กำเนิดได้นั้นยากกว่ามนุษย์ปกติมาก
ในทวีปนัวแลนด์ อายุขัยของมนุษย์โดยจะเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 70 ปี ขณะที่ระยะเวลาการตั้งครรภ์คือ 6 เดือน โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงสามารถให้กำเนิดทายาทได้ 3 คนในเวลา 2 ปี อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาเฉลี่ย 3 ปีกว่าที่คนตระกูลอาเครอนจะตั้งครรภ์ได้ เมื่อรวมกับระยะเวลาการอุ้มท้องก็จะใช้เวลาถึงเกือบ 4 ปีเลยทีเดียวกว่าที่ทายาทจะเกิดมา
เวลาการให้กำเนิดทายาทที่มากกว่าปกติ 6 เท่าอาจไม่มีผลอะไรในระยะเวลาสั้น ๆ ทว่าหากมองในระยะยาวแล้ว ในระยะเวลา 16 ปีนับตั้งแต่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ทั้งหมดนี้จะแปลเป็นความจริงได้ว่าอาเครอนทุกคู่จะให้กำเนิดทายาทได้เพียง 4 คน ในขณะที่คนอื่นให้กำเนิดได้มากถึง 24 คน ! เมื่อทายาทรุ่นที่ 2 เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและเริ่มสืบพันธุ์ได้ ช่องว่างของจำนวนนี้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นอีก และในศตวรรษถัดไปก็จะกลายเป็นช่องว่างที่ไม่มีทางเชื่อมต่อกันได้อีก
เมื่อเข้าสู่สภาวะสงคราม ไม่ว่าจะอยู่บนทวีปหรืออยู่ในเพลน จำนวนประชากรก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเสมอ แม้ว่าจุดสูงสุดของอารยธรรมพลังจะสามารถเข้ามาทดแทนจุดนี้ได้ แต่ก็ยังถือว่าประสิทธิภาพของมันมีจำกัดอยู่ดี และไม่ว่าพลังหรือพันธุกรรมของพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็จำเป็นที่จะต้องส่งไปยังรุ่นต่อ ๆ ไปทางสายเลือดเสมอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ก่อให้เกิดกฎที่ศักดิ์สิทธิ์ข้อแรกของบรรพบุรุษอาเครอน
และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหานี้ อาเครอนทุกคนก็มักจะมีคู่ครองที่ไม่ใช่ตระกูลอาเครอนควบคู่ไปด้วย นี่เป็นการเพิ่มโอกาสในการให้กำเนิดทายาท ทว่าก็เป็นการทำให้สายเลือดโบราณเจือจางลงเช่นกัน บรรพบุรุษหวังว่าด้วยจำนวนทายาทที่เกิดมาในลักษณะที่ต่างออกไปนั้น อาจมีโอกาสที่ทายาทบางคนจะมีสายเลือดที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ และริชาร์ดเองก็เป็นตัวอย่างของความสำเร็จนั้น
การให้กำเนิดทายาทไม่เพียงแต่จะต้องใช้เวลานานมากเท่านั้น มันยังทำให้พลังของผู้เป็นแม่ลดลงอย่างมากเช่นกัน ยิ่งทายาทมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ พลังของแม่ก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น แน่นอนว่าแม่ที่แข็งแกร่งจะอ่อนแอลงน้อยกว่าทว่านั่นก็ใช้ได้แค่กับคนที่เป็นแบบเดมี่หรืออลิซที่แสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมาตั้งแต่อายุยังน้อยเท่านั้น สำหรับหญิงสาวอาเครอนทั่วไป สถานะทางสังคมของพวกนางจะถูกกำหนดโดยทายาทที่พวกนางให้กำเนิดมา หากพวกนางสามารถให้กำเนิดทายาทที่ตอบสนองคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของการปลดปล่อยอบิลิตี้ที่สืบทอดทางสายเลือดได้ ตระกูลจะตอบแทนนางด้วยการสนับสนุนให้มีชีวิตที่ดีและให้สิทธิ์ในการเลือกคู่ครองครั้งที่ 2 ด้วยตัวเอง
สำหรับในครั้งนี้มันจึงเป็นทางเลือกแทนการถูกบังคับ หญิงสาวที่โชคดีหลายคนของอาเครอนมีสถานะทางสังคมที่ดีขึ้นด้วยวิธีนี้ ซึ่งนี่ทำให้พวกนางสามารถหาผู้ชายที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตในฐานะคู่คนที่ 2 ของพวกนางได้อย่างอิสระ
คอมเม้นต์