นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 2 ตอนที่ 128 การต่อสู้ ตอนที่ 1
เมื่อพิจารณาทุกอย่างอยู่ครู่หนึ่งริชาร์ดก็พูดต่อไปว่า “หากกองทัพที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เป็นเหมือนที่เราคาดการณ์ไว้ เราก็มีโอกาสทำสำเร็จ สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือซุ่มโจมตีเมื่อพวกเขาเข้ามาถึงภูเขาและสังหารพรีสต์ทั้งหมดก่อนจะถอยทัพกลับมาที่ฐาน จากนั้นเราก็ใช้ประโยชน์จากแนวป้องกันธรรมชาติเพื่อค่อย ๆ ลดจำนวนคนของพวกเขาลงช้า ๆ โดยพยายามทำให้พวกเขาเสียเลือดเนื้อให้มากที่สุดจนพวกเขาทนรับมือกับความสูญเสียไม่ไหวและจำเป็นต้องถอยทัพกลับไป โดยปกติแล้วผู้บังคับบัญชามักจะสั่งถอยทัพเมื่อ 1 ใน 3 ของทหารถูกทำลาย เว้นแต่ว่าพวกเขามีภารกิจพิเศษหรือเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงจนไม่อาจถอยทัพได้ ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะรับมือได้จนถึงตอนนั้น เหล่าทหารธรรมดา ๆ ย่อมไม่มีปัญหาอะไร แต่เป้าหมายหลักของเราก็คือไนท์และไนท์ฝึกหัด เราต้องโจมตีจากบนกำแพงและฆ่าพวกมันในทันที !”
โฟลว์แซนด์พูดขึ้นบ้าง “ข้าต้องย้ำเจ้าเกี่ยวกับเรื่องบรู๊ดมาเธอร์”
“บรู๊ดมาเธอร์งั้นหรือ ? มันยังเป็นตัวอ่อนอยู่เลย…” ริชาร์ดมองว่าความคิดของนางแปลกประหลาด
“อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่มันยังมีอบิลิตี้โจมตีด้วยนี่ เจ้าจำได้หรือไม่ว่ามันพูดอะไรตอนที่มันบอกเจ้าว่ามันสามารถหาอาหารเองได้”
ริชาร์ดขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนัก ซึ่งความคิดของเขาเชื่อมต่อกับบรู๊ดมาเธอร์ทันทีเมื่อนึกถึงมัน เขาสัมผัสได้ว่ามันจับเหยื่อได้บ้างแล้วในป่าลึกและในตอนนี้ก็หยุดอยู่แถวนั้นโดยที่มันกำลังกินอาหารอยู่และแผ่ความพึงพอใจผ่านทางการเชื่อมโยงของพวกเขา
‘กลับมาที่ฐานพรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่’ ริชาร์ดสั่ง และบรู๊ดมาเธอร์ก็ตอบกลับเพื่อยืนยันว่ามันรับทราบแล้ว
……
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้าในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเกือบดำสนิท มีดวงจันทร์เพียงดวงเดียวที่เปล่งแสงสีซีดและถูกบดบังโดยกลุ่มดาวที่สว่างรุ่งโรจน์อยู่เต็มท้องฟ้า ที่นี่มีดวงดาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามากกว่าที่นัวแลนด์ ดวงดาวจำนวนมหาศาลนั้นทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนดูเหมือนกระโปรงของหญิงสาวที่ถูกประดับด้วยไข่มุกมากมาย
ออสฟาเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เหมือนกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน ทว่าในตอนนี้กลับมีเสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วพื้นที่ กองกำลังทหารที่มีอาวุธครบมือยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนเหล่าไนท์สามารถที่จะนอนหลับได้อย่างสบายบนเตียงที่อยู่ภายใน และสไควร์*เองก็อยู่ในเมืองเช่นกัน พวกเขาได้ทำการยึดบ้านของเหล่าผู้อยู่อาศัยเอาไว้
*สไควร์ = ทหารที่คอยรับใช้ไนท์
ไม่มีผู้อยู่อาศัยในเมืองคนใดหลับใหลอยู่เลย พวกเขายุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเย็นให้กับทหารและขุนนางที่เดินทางมาจากที่ไกล ๆ เมืองนี้มีประชากรรวมแล้ว 300 คน ซึ่งเมื่อรวมจำนวนทหารที่เข้ามาอยู่อย่างกะทันหันและผู้ที่มีอำนาจประมาณ 10 คนที่แม้แต่นายกเทศมนตรีก็ยังต้องก้มหัวให้นั้น สถานที่นี้ก็ดูเหมือนว่าจะแออัดไปโดยปริยาย ผู้คนที่นี่มีอิสระค่อนข้างมาก แม้แต่สไควร์ก็สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการในเมืองนี้ ดังนั้นเหล่าไนท์ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตอนนี้นายกเทศมนตรียืนอยู่ภายในห้องโถงอาหารเย็นที่มีขนาดเล็กทว่าสลับซับซ้อน เขากำลังเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางที่ก้มหน้ารับประทานอาหารกันในท่าทางสบาย ๆ ด้วยความเคารพ
ผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางคือชายวัยกลางคนที่มีหนวดหนาและรูปร่างคล้ายหมี เขามีอายุราว ๆ 40 ปี ปกคอเสื้อเชิ้ตผ้าลินินคอสูงของเขาเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่ดูน่ากลัวอยู่ตรงลำคอซึ่งรอยแผลเป็นนั้นดูสะดุดตาอย่างยิ่งราวกับมีเปลือกหอยสีแดงวางอยู่บนคอของเขา
ไนท์ผู้นั้นกลืนชิ้นเนื้อร้อน ๆ ลงคอก่อนเงยหน้าขึ้นมองนายกเทศมนตรี “ยังไม่ได้ข่าวจากเซอร์โคโจอีกหรือ ?”
“ยังเลยท่านเซอร์เมนต้า”
“เขาอาจจะเจอปัญหาบางอย่าง ดูเหมือนเราต้องรอบคอบมากกว่าเดิมแล้ว” เมนต้าเอ่ย
“เรามีเหล่าพรีสต์อยู่ด้วย ยังจะมีอะไรต้องกลัวอีกรึ ?” ชายหนุ่มที่ดูมุ่งร้ายตรงริมโต๊ะอีกฝั่งหนึ่งถามขึ้น ทว่าเขาแสดงท่าทางเคารพต่อเมนต้าอย่างเห็นได้ชัด “ไฮพรีสต์คามี่บอกว่าเทพแห่งความกล้าหาญบอกกับเขาว่าผู้รุกบุกกลุ่มนั้นค่อนข้างธรรมดาไม่ใช่หรือ ? ข้าคิดว่าโคโจก็แค่ค้นพบบางอย่างที่ล้ำค่าจากกลุ่มผู้บุกรุกนั้นก็เลยวางแผนจะเก็บไว้เองทั้งหมด ถ้าเขาส่งข่าวกลับมา ส่วนแบ่งพรและความดีความชอบของเขาจะต้องถูกแบ่งกับพวกเรา”
ความโมโหฉายขึ้นบนใบหน้าของเมนต้าทันที “โคโจเป็นแค่กองทัพหน้า ! แต่ข้าคือหัวหน้าของที่นี่ !”
“ใครจะไปรู้ได้ล่ะ ? อย่าลืมนะว่ากลุ่มคนที่โคโจพาไปด้วยล้วนเป็นทหารชั้นดีทั้งนั้น พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้บนภูมิประเทศที่เป็นภูเขา มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ไม่มีข่าวสารอะไรกลับมาเลย ?” ชายคนนั้นยักไหล่ก่อนพูดต่อ “บางทีเขาอาจจะไม่ได้เป็นแค่ทัพหน้าอีกเมื่อเรากลับไป”
เมนต้าฮัมในลำคอเสียงดังและไม่ได้พูดอะไรอีก เขากวัดแกว่งช้อนส้อมไปมาก่อนแทงลงไปที่เนื้อบนจานของตนเองอย่างโกรธ ๆ
ในเวลานี้ดวงตากว่า 3 คู่กำลังใช้ประโยชน์จากแนวกำบังในป่าเขตชานเมือง ดวงตานั้นเฝ้าดูจากกิ่งไม้เพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวต่าง ๆ แกงดอร์กระโจนลงจากด้านบนต้นไม้ซึ่งแสดงความว่องไวออกมาอย่างไม่เหมาะสมกับร่างกายของเขา การลงสู่พื้นของเขาเงียบเชียบเมื่อดูจากสีหน้าที่เขาแสดงออกมา หากมีใครสักคนต้องเข้าร่วมสงครามกองโจรแล้วล่ะก็ พวกเขามีแนวโน้มตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอนถ้าต้องมาเจอกับเหล่าผู้ใต้บัญชาของริชาร์ด
ริชาร์ดยืนอยู่ใต้ต้นไม้โดยใช้เงาต้นไม้นั้นในการปกปิดตัวเขาเอง เขาไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้แบบซุ่มโจมตีจึงยังไม่กล้าสอดแนมเข้าไปใกล้กับศัตรูมากนักเหมือนกับที่วอเตอร์ฟลาวเวอร์และแกงดอร์ทำ
ขณะนั้นเอง แกงดอร์เดินเข้ามาหาเขาก่อนพูดขึ้น “มาสเตอร์ ข้านับเสร็จแล้ว มีไนท์ 2 คน ไนท์ฝึกหัด 15 คน ทหาร 280 คนและ 80 คนในนั้นเป็นทหารชั้นดี หากว่าเราจัดการกับพวกนั้นได้หมดและรวมกับจำนวนคนที่เราจัดการไปแล้วจะเท่ากับว่าทหารชั้นดีจำนวน 2 ใน 3 ส่วนของบารอนฟอร์ซ่าจะถูกทำลายไป”
ริชาร์ดพยักหน้า “ดีมาก ตอนนี้เราก็กลับกันก่อน สถานที่ซุ่มโจมตีจะเป็นที่ที่เรากำหนดไว้เมื่อวาน วอเตอร์ฟลาวเวอร์จะเฝ้าดูอยู่ที่นี่เอง”
แกงดอร์พยักหน้าและส่งเสียงร้องราวกับนกเพื่อส่งสัญญาณ ซึ่งนี่เป็นเสียงของนกฮูกในท้องที่ที่เขาเพิ่งเรียนรู้ได้ระหว่างทางมาสอดแนม โอล่าแสดงตัวออกมาจากอีกด้านหนึ่งของป่าเมื่อได้ยินเสียง คุณลักษณะที่สืบทอดมาจากสายเลือดเอลฟ์ส่วนมากในตัวเขาทำให้เขามีทักษะในการเคลื่อนไหวที่อิสระและเอลฟ์บาร์ดอย่างเขาก็มีสกิลมากมายที่ทำให้เขาสามารถปกปิดตัวเองได้อย่างดี
……
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นและออสฟาก็เริ่มมีเสียงดังอึกทึก เหล่าไนท์ได้จัดระเบียบเตรียมพร้อมด้วยความช่วยเหลือจากสไควร์แล้ว และเมื่อพวกเขากินอาหารเช้าของพวกเขาเสร็จ เหล่าทหารก็มาตั้งแถวอยู่นอกเมืองเพื่อเข้าร่วมกับไนท์และไนท์ฝึกหัดสำหรับการเตรียมความพร้อมบุกเข้าไปในภูเขา
เพียงระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตรหลังออกจากเมือง พวกเขาก็พบจุดสิ้นสุดของเส้นทาง ม้าไม่สามารถเดินทางต่อไปได้อีก ทำให้เหล่าไนท์และไนท์ฝึกหัดต้องลงจากหลังม้าและให้สไควร์นำม้าเหล่านั้นกลับไปที่เมือง ในขณะเดียวกันทหารยศต่ำกว่าก็มุ่งหน้าเข้าไปในภูเขา ไนท์และไนท์ฝึกหัดเปลี่ยนชุดเป็นชุดเกราะที่ทำจากเหล็กวงกลมร้อยเข้าด้วยกันซึ่งแย่กว่าชุดเดิม 2 ระดับ
พวกเขาจำเป็นต้องใช้ชุดเกราะที่เบาขึ้นเพราะแม้ว่าพวกเขาจะสามารถรับน้ำหนักได้หลายสิบหรือหลายร้อยกิโลกรัม แต่เมื่อไม่มีม้า การเดินทางไปกับน้ำหนักมากขนาดนั้นย่อมเป็นไปอย่างยากลำบาก พวกเขาไม่อาจเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์และพลังงานที่พวกเขาต้องสูญเสียไปกับการแบกชุดกระเกราะหนักเป็นระยะทางไกลนั้น มันเอาไปใช้ป้องกันการโจมตีได้เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นซึ่งมันไม่คุ้มกับแรงที่ต้องเสียไป
นอกจากไนท์ 2 คนที่มีหมวกลงอาคม สมาชิกที่โดดเด่นที่สุดของกลุ่มนี้คือพรีสต์ 2 คน ที่แต่งกายด้วยชุดคลุมสีแดงเข้มคอปกกลม ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขาทั้งสองก็คือบนชุดของคนที่แก่กว่าจะมีการเย็บขอบสีทองเพิ่มด้วยเพื่อบ่งบอกถึงระดับที่สูงขึ้น เหล่าทหารโดยรอบมีความเคารพต่อพรีสต์ทั้งสองเป็นอย่างมากชนิดที่ว่าการแสดงความเคารพของพวกเขาเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขามีต่อไนท์เสียอีก
เมนต้าอาจมีอารมณ์ที่น่ากลัว แต่เขาเองก็เก่งในทางปฏิบัติมากเช่นกัน เมื่อเป็นเรื่องกองทหาร เขามักจะส่งทหารลาดตระเวนเกราะเบาออกไปก่อนเพื่อเก็บกวาดและตรวจสอบเส้นทางด้านหน้าและพื้นที่โดยรอบ อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาเดินทางลึกเข้าไปในป่ามากเท่าไร รูปแบบของแถวก็ยาวออกไปอีกมากเท่านั้น
ตำแหน่งอย่างกว้าง ๆ ของผู้บุกรุกได้ถูกส่งผ่านมาทางการทำนายล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปในเส้นทางที่แน่นอนโดยไม่หลงไปในเส้นทางอื่น ๆ เลย อีกทั้งเหล่าไนท์ก็รู้จักพื้นที่ที่มีโอกาสโดนซุ่มโจมตีสูงเป็นอย่างดีด้วย ส่วนเมนต้านั้นแน่นอนว่าเขาเป็นผู้นำทัพในขณะที่เซอร์ฮิวเบิร์ตอยู่ในแนวหลังกับไนท์ฝึกหัดอีก 4 คนเพื่อคุ้มกันเหล่าพรีสต์
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงที่ลาดชัน เซอร์เมนต้าก็มองไปยังจุดสูงสุดของความลาดชันด้วยความรู้สึกกังวล อย่างไรก็ตาม พื้นที่ตรงนี้กว้างขวางและการถูกซุ่มโจมตีในบริเวณนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย และเมื่อทหารลาดตระเวนได้ส่งสัญญาณให้เขาว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเขาจึงก้าวเท้ายาวและออกเดินมุ่งหน้าไป
ใบหน้าของบาร์ดสายเลือดเอลฟ์เผยออกจากเงามืดอย่างช้า ๆ ตรงด้านบนของต้นไม้ใหญ่บนเนินเขา เขาแทบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับต้นไม้นั้นเพราะตัวติดอยู่กับเปลือกไม้หนา ๆ จึงทำให้ยากที่ศัตรูจะมองเห็นเขาได้ นอกจากนี้เขายังอยู่นิ่งเป็นอย่างมากและไม่กระทำแม้แต่แกว่งตัวไปมาเล็กน้อยตามสายลม ในเวลานี้สายตาของโอล่าหยุดอยู่ที่พรีสต์ 2 คนที่ปรากฏขึ้นในระยะการมองเห็นของเขาซึ่งถือเป็นเป้าหมายใหม่ของเขาแล้ว เพราะในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ตรงเชิงต้นไม้มีศพของทหารลาดตระเวนที่ยังอุ่นอยู่ 2 ศพที่เขาเพิ่งสังหารไป โอล่าง้างคันธนูอย่างช้า ๆ โดยที่ปลายลูกธนูชี้ไปยังพรีสต์
‘มี 2 คนอย่างนั้นหรือ ?’ นี่เป็นสถานการณ์ที่โอล่าไม่คาดคิดมาก่อน แต่การจะตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องง่ายเพราะถึงอย่างไรก็ต้องยิงคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีความประณีตที่สุดเอาไว้ก่อนอยู่วันยังค่ำ
คอมเม้นต์