นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 2 ตอนที่ 130 การต่อสู้ ตอนที่ 3
กองทัพทั้ง 3 กลุ่มเดินหน้าไปยังฐานทัพของริชาร์ดโดยมีไนท์ฝึกหัดเป็นผู้นำกองทัพในแต่ละกลุ่ม ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมการโจมตีอยู่นั้น อาเชอร์ที่อยู่บนหอคอยด้านในฐานทัพก็ง้างคันธนูเพื่อเตรียมรับมืออยู่แล้ว และทันทีที่พวกเขาขยับตัวออกจากตำแหน่งเดิม คันธนูที่เล็งมาที่กลุ่มของพวกเขาก็ถูกปล่อยออกมาจนทำให้ทหารที่อยู่ด้านล่างได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 2 คน ความเร็วในการโจมตีของลูกธนูนั้นรวดเร็วจนสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าไนท์ฝึกหัดที่นำกองทัพอย่างมาก
“ข้าควรจะส่งทหารบุกเข้าไปเพิ่มหรือเราจะปล่อยให้พวกมันอยู่ในนั้นต่อไป ?” ไนท์ฝึกหัดผู้หนึ่งถามเมนต้า
เมนต้าส่ายหน้าก่อนตอบกลับว่า “ไม่จำเป็น ด้วยสกิลของพวกนั้น พวกมันจะสามารถปล่อยลูกธนูได้แค่ 20 ดอกเท่านั้น อีกอย่างพวกมันก็มีอาเชอร์แค่ 2 คน เจ้าคิดว่ามันจะโจมตีได้เร็วขนาดไหนกัน ? นำกำลังมุ่งหน้าออกไปให้เร็วขึ้นซะ !”
ทันทีที่เมนต้าออกคำสั่ง เหล่าไนท์ฝึกหัดต่างก็พากันนำกองกำลังของตนเองพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับน้ำที่พุ่งเข้าชนกับเขื่อน ในส่วนของกำแพงสูงที่ช่วยป้องกันฐานทัพของริชาร์ดอยู่นั้นไม่ได้สูงเกินความสามารถที่พวกเขาจะปีนขึ้นไปได้ และวัสดุพิเศษที่อยู่กลางประตูไม้หนา ๆ ก็คงจะทนต่อการโจมตีของพวกเขาไม่ได้เช่นกัน สิ่งเดียวที่พวกเขากังวลในตอนนี้จึงเป็นคาถาที่อาจจะถูกร่ายออกมาโดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ภารกิจของเหล่าทหารในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่หนักหนาอยู่พอสมควร เพราะวัตถุประสงค์ของพวกเขาคือการทำให้มานาของริชาร์ดหมดไปและกำจัดศัตรูที่โจมตีพวกเขาจากระยะไกลเพื่อจะได้ต่อสู้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จากการโต้ตอบของฝ่ายตรงข้ามทำให้พวกเขารู้ว่าเมจที่เป็นศัตรูของพวกเขาน่าจะอยู่เพียงระดับ 7 หรือ 8 ซึ่งนั่นทำให้สามารถร่ายคาถาไฟร์บอลได้อีกแค่ 2 ลูกเท่านั้น ในเวลานี้คงขึ้นอยู่กับการตัดสินของเทพแห่งความกล้าหาญผู้ซึ่งเป็นผู้ชี้ชะตาแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายที่อยู่รอดจากการต่อสู้ในครั้งนี้
เมื่อเมนต้าเห็นว่าแนวหน้าเริ่มเข้าประชิดเมจ เขาก็ออกคำสั่ง “กองกำลังที่ 4 และ 5 ยกโล่ขึ้น เป้าหมายของพวกเจ้าคือหอคอย ลงมือได้ !”
ไนท์ฝึกหัด 2 คนแยกตัวออกมาจากกองกำลังหลักพร้อมทั้งนำกองกำลังย่อยกระจายตัวออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอคอยอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้อาเชอร์ที่เล็งเป้าอยู่นั้นไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เมนต้าคาดการณ์ไว้ ไฟร์บอลขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากประตูหลักอีกครั้งก่อนที่เพลิงอันรุนแรงนั้นจะกลืนกินกลุ่มกองทัพและไนท์ฝึกหัดอีก 2 คนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ริชาร์ดเริ่มร่ายคาถาท่ามกลางไฟที่กำลังโหมกระหน่ำลงมาอีกครั้งและไฟร์บอลลูกถัดไปก็ถูกปล่อยออกมาในเวลาไม่ถึง 3 วินาที มันพุ่งเป้าไปใกล้กับจุดที่เกิดการแผดเผาก่อนหน้านี้ซึ่งนั่นทำให้เพลิงลุกไหม้มากกว่าเดิม แน่นอนว่ามันฆ่าศัตรูที่กำลังนอนดิ้นไปมาอยู่ที่พื้นจนหมด
ในเวลานี้ริชาร์ดไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าคาถาของเขาจะเป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อที่สามารถบดสิ่งมีชีวิตได้เป็นอย่างดี หนึ่งในไนท์ฝึกหัดที่ถูกโจมตีก่อนหน้านี้ได้รับบาดแผลจากการจู่โจมในขณะที่อีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนกองกำลังทหารที่เหลือก็หายไปพร้อมกับไฟร์บอลของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !
*ฟึบบ !* ลูกธนู 3 ดอกลอยไปยังจุดที่ริชาร์ดปรากฏตัว ดวงตาของอาเชอร์ที่กำลังโจมตีอยู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่พวกเขาจะใช้สกิลที่มีอยู่อย่างเต็มกำลัง แม้จะรู้ว่าลูกธนูที่ไม่ได้มีพลังเวทมนตร์สนับสนุนอาจจะไร้ประโยชน์ในการโจมตีระยะไกลขนาดนี้ แต่มันก็ยังพอจะช่วยให้มั่นใจได้บ้างว่าพวกเขายิงเพื่อก่อกวนริชาร์ดจนทหารราบสามารถเข้าไปประชิดเขาได้
เหล่าทหารปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนกำแพงของเมืองในขณะที่ริชาร์ดรีบเข้าไปอยู่ด้านหลังเกราะกำบัง ในเวลานี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการต่อสู้ขั้นสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !
ในที่สุดเวลาที่เมนต้าตั้งตารอคอยก็มาถึง เขาโบกมือไปข้างหน้าก่อนตะโกนออกมาว่า “กองกำลังที่ 6–10 ตามข้ามา ! โจมตีด้านหน้าพร้อมกัน ! ฮิวเบิร์ต เจ้าเป็นกองหนุน จงนำกองกำลังที่ 10–15 เข้าโจมตีซะ ส่วนคนอื่นที่เหลือรอคำสั่งหลังจากนี้ !”
ไนท์ฝึกหัด 10 คนเปล่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะเดินหน้ากองกำลังภายใต้คำสั่งของเมนต้าอย่างรวดเร็ว ลูกธนูของเหล่าอาเชอร์ไม่สามารถหยุดกองทัพที่นำด้วยไนท์ 2 คนและไนท์ฝึกหัดอีก 10 คนที่พุ่งตรงเข้ามาได้อีกต่อไป
เมนต้านำกำลังเข้ายึดกำแพงของฐานทัพริชาร์ดก่อนที่จะกระโจนขึ้นไป เขาเจาะรูตามกำแพงอย่างรวดเร็วและใช้พลังจากหมัดที่ทรงพลังอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างรูสำหรับใช้ปีนข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม
แต่ทันใดนั้นเอง ได้เกิดสถานการณ์ที่จัดเป็นอุปสรรคในแผนการปีนข้ามกำแพงไปยังฝั่งตรงข้ามของเมนต้าขึ้น ขวานใหญ่ปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์การมองของเขาก่อนที่จะพุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว เมนต้าเปล่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่จะแกว่งดาบในมือเพื่อป้องกันการโจมตี อาวุธเหล็กชนเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเสียงดังกึกก้องราวกับเสียงของฟ้าผ่า ดูเหมือนว่าในเวลานี้คนป่าเถื่อนร่างสูงจะแข็งแกร่งมาก แรงกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา และทันทีที่เขาถูกกระแทก ร่างของเขาก็กระเด็นร่วงลงสู่พื้นอย่างแรงจนทำให้เขาสบถด่าออกมาด้วยความเจ็บใจ
การตกลงมาจากที่สูงนั้นยากที่รับมือได้ เมนต้าพยายามตะเกียกตะกายอยู่ครู่หนึ่งจึงสามารถลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างเขาเท่าไหร่นักเพราะหลังจากที่เขายืนขึ้น เขาก็พบว่าร่างของตัวเองตกลงมาทับร่างของทหารอีก 2 คนที่อยู่ด้านล่างจนตาย
ทว่าถึงแม้จะเกิดการโจมตีขึ้นก่อนหน้านี้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เหล่าทหารคนอื่น ๆ หยุดการปีนไต่ขึ้นไปด้านบนจนไนท์ฝึกหัดผู้หนึ่งกับทหารอีก 3 คนปีนขึ้นไปถึงด้านบนได้สำเร็จ ทหารของอาเครอนพุ่งตัวออกมาจากหอคอยโดยมีโล่และขวานถืออยู่ในมือซึ่งพวกเขาต่างก็รีบวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าประชิดกับศัตรูที่บุกรุกเข้ามา
การต่อสู้ระยะประชิดอาจเป็นจุดแข็งของทหารราบทว่ามันก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับวอริเออร์ของอาเครอน คนของอาเครอน 2 คนได้ใช้ทักษะพิเศษของพวกเขาในการทำลายขวัญและกำลังใจของศัตรูโดยการใช้อาวุธตัดแขนและขาของเหล่าศัตรูที่กำลังปีนขึ้นมาบนกำแพง ซึ่งทันทีที่การปะทะเช่นนั้นเกิดขึ้น เสียงร้องอันโหยหวนที่เกิดจากความเจ็บปวดก็ดังลั่นออกมาก่อนที่ร่างของพวกเขาจะตกลงไปสู่พื้นอย่างรุนแรงจนทำให้ในเวลานี้เหล่าศัตรูจำนวนมากมายถูกโยนกลับลงไปในตำแหน่งเดิมที่พวกเขาปีนขึ้นมาในสภาพที่กลายเป็นศพ
“ถอยก่อน !” เสียงคำรามของเมนต้าดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินเสียงของผู้บังคับบัญชา เหล่าทหารก็ต่างพากันถอยหนีด้วยสภาพที่วุ่นวาย แต่ถึงอย่างไร ในตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้บุกรุกที่อยู่ด้านบนกำแพงไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะไล่ตามพวกเขานัก อาเชอร์ที่อยู่ข้าง ๆเมนต้ายิงลูกธนูออกมา 2 ดอกติดกันก่อนที่จะล่าถอยออกไปในขณะที่คนของอาเครอนก็ถอยกลับเข้าไปยังป้อมบนหอคอยอีกครั้ง
การสั่งบุกเพียงครั้งเดียวได้สร้างความสูญเสียให้กับทหารของเมนต้ามากกว่า 20 ชีวิต อีกทั้งยังมีไนท์ฝึกหัดได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 3 คน การถูกโจมตีกลับมาในครั้งนี้ได้ลดทอนขวัญและกำลังใจของกองทัพเขาเป็นอย่างมาก พวกเขารีบถอยทัพกลับมาพร้อมทั้งให้พรีสต์หนุ่มจัดการรักษาบาดแผลให้ไนท์ฝึกหัดที่ได้รับบาดเจ็บ พรีสต์หนุ่มพยายามรักษาไนท์ฝึกหัดอย่างเต็มความสามารถแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญในฐานะของเคลริคเท่าไหร่นักเพราะคาถาที่เขาร่ายออกมาเพื่อรักษาบาดแผลไม่สามารถหยุดเลือดได้
ในขณะที่ทหารกำลังพักฟื้น เมนต้าก็มองไปยังฐานทัพที่อยู่ใกล้พวกเขาพร้อมยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีไนท์ฝึกหัด 6 คนและมีอาเชอร์หญิงคนเดียว ส่วนเมจคนนั้นก็เหมือนจะอยู่แค่ระดับ 8 เท่านั้น ซึ่งจากที่มันร่ายคาถาใส่เราก่อนหน้านี้ มันน่าจะใช้มานาไปมากแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันเลือกไม่เสี่ยงไล่ตามพวกเราที่กำลังถอยทัพ ข้าคิดว่าการสูญเสียมานานั่นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันถึงจะสามารถฟื้นฟูได้”
ฮิวเบิร์ตซึ่งเป็นไนท์อีกคนพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นว่า “การโจมตีหลังจากนี้จะสามารถกำจัดพวกมันได้ และนั่นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับโคโจในการโจมตีคนพวกนั้นหากพวกมันอยู่ในสถานะที่อ่อนแอกว่า ว่าแต่เขาไปไหนแล้วล่ะ ?”
“จะไปสนใจมันทำไม ? นี่เราต้องจัดการกับปัญหาที่มันก่องั้นรึ ? ” เมนต้าบ่นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดหลังจากได้ยินชื่อของโคโจ เขายื่นมือออกไปยังฐานทัพตรงหน้าก่อนที่จะกล่าวออกมาในเชิงตั้งข้อสังเกต “ไม่ว่าจะยังไง นี่เป็นสถานที่ที่คำพยากรณ์ได้ระบุไว้ การพิชิตที่แห่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเรา และแน่นอนว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากเราสามารถพบศพของโคโจได้ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง !”
ฮิวเบิร์ตยักไหล่ราวกับว่าไม่ได้สนใจที่จะกล่าวถึงประเด็นนี้ต่อไป
เมนต้าถ่มน้ำลายลงพื้น เขาพึมพำสาปแช่งโคโจและหันกลับมามองเหล่าทหารที่อ่อนล้ารวมถึงมองไปยังร่างไร้ชีวิตของพรีสต์อาวุโสที่ถูกวางไว้บนพื้น ภาพตรงหน้าทำให้เขาบันดาลโทสะขึ้นมาอีกครั้งจนเปล่งเสียงคำรามออกมาว่า “พวกเจ้าทั้งหมดฟังข้าให้ดี ! ทหารทุกคนเตรียมตัวโจมตี ! จัดการพวกบุกรุกพวกนั้นให้ราบคาบ !”
เหล่าทหารที่กำลังนั่งพักอยู่รีบรวมตัวกันทันทีที่ได้รับคำสั่งก่อนที่เมนต้าจะอธิบายกับฮิวเบิร์ต “เรายังมีไนท์ฝึกหัดอีก 11 คนที่สามารถต่อสู้ได้ แต่ 2 ใน 11 คนจะต้องแยกตัวออกมาเพื่อป้องกันให้กับพรีสต์และเตรียมการส่วนอื่น ๆ และไนท์ฝึกหัด 4 คนให้รวมกับทหารอีก 20 คนเพื่อนำกำลังไปล้อมรอบและโจมตีที่ด้านข้างของฐานทัพนั่น ส่วนคนที่เหลือมากับข้าเพื่อเป็นกำลังหลักตรงด้านหน้าและยับยั้งการโจมตีของเหล่าศัตรู พวกเราจะต้องกำจัดพวกนั้นให้ออกจากกำแพงไปให้หมด บุกได้ !”
ฮิวเบิร์ตตะโกนเรียกไนท์ฝึกหัดทั้งสี่และเหล่าทหารที่เหลือก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังด้านข้างของฐานทัพ เมนต้าและเหล่าไนท์ฝึกหัดที่เหลือต่างยกโล่ขึ้นก่อนจะนำกองทัพไปด้านหน้าเพื่อโจมตีในทันที
แกงดอร์และคนที่เหลือรีบไปยังด้านบนกำแพงอีกครั้งในขณะที่โอล่าอยู่ในจุดที่ได้เปรียบมากที่สุด ถึงแม้ว่าโอล่าจะสามารถกำจัดศัตรูให้ออกไปได้ด้วยลูกธนูของเขา ทว่าจำนวนคนที่ถูกโจมตีนั้นก็เป็นเพียงแค่จำนวนเล็ก ๆ เท่านั้น
ในเวลานี้เหล่าทหารที่ยืนอยู่ด้านบนสุดมองเห็นกองกำลังของเซอร์ฮิวเบิร์ตที่วิ่งขนาบมาด้านข้างฐานทัพแล้ว อย่างไรก็ตาม แค่เพียงพวกเขาส่งวอริเออร์ของอาเครอนออกไป 2 คนก็เพียงพอที่จะยับยั้งพวกเขาไว้ได้
คอมเม้นต์