ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 29 : คุกเข่า
อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ตอนที่ 29 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
บทที่ 29 : คุกเข่า
เกายั่วเต๋อมีอาการตื่นตระหนกตกใจอย่างเห็นได้ชัด ระยะทางสั้นๆเพียงไม่กี่สิบเมตร แต่เกายั่วเต๋อกลับเดินออกมาด้วยความลนลาน จนหกล้มลงไปหลายต่อหลายครั้ง
ฮั๋วเว่ยเฟิงเพิ่งจะเดือดดาลด้วยเรื่องของซูอานไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเกายั่วเต๋อ สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นผิดหวัง และน่ากลัวขึ้นทันที
“คุณหมอ.. เมื่อครู่คุณพูดว่าอะไร?”
ฮั๋วเว่ยเฟิงจ้องหน้าเกายั่วเต๋อด้วยแววตาเย็นชา เวลานี้สีหน้าของเขาไม่ต่างจากสิงห์โตที่จ้องตะปบเหยื่อ
เวลานี้เกายั่วเต๋อยืนสั่นราวกับลูกแกะ เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายที่สั่นสะท้านให้หยุดนิ่งได้!
เกายั่วเต๋อตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ในที่สุดก็ทรุดลงไปกองกับพื้น และยังคงนั่นสั่นอยู่เช่นนั้น
ฮั๋วเว่ยเฟิงไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป เขาร้องตะโกนถามเสียงดังด้วยความโมโห “เกิดอะไรกับลูกสาวของฉัน?! พูดมา!”
“คุณ.. คุณหนู.. คุณหนูว่านว่านเธอ..”
เกายั่วเต๋อกระวนกระวายใจและหวาดกลัวอย่างมาก จนไม่สามารถพูดออกมาจนจบประโยคได้ และดูเหมือนเขากำลังจะช็อคไป..
แต่ในวินาทีนั้นเอง พยาบาลก็ได้วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องฉุกเฉินอีกคน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจ
“คุณหมอคะ.. ไม่มีใครสามารถห้ามเลือดได้เลย เลือดยังคงไหลไม่หยุด!”
เกายั่วเต๋อตื่นตระหนกสุดขีดในขณะที่ร้องตะโกนสั่งไปว่า “เร็วเข้า.. ให้พลาสม่าเพิ่ม แล้วก็ให้เลือดเพิ่มด้วย!”
พยาบาลพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่คลังเก็บเลือดของโรงพยาบาลทันที!
ฮั๋วเว่ยเฟิงเห็นเช่นนั้นก็สามารถเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดได้ทันที และรู้ว่าเวลานี้ลูกสาวของตนกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ใบหน้าของฮั๋วเว่ยเฟิงเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด และน่าหวาดกลัวกว่าเมื่อครั้งที่โมโหซูอานเสียอีก
“ทำไม? ทำไมถึงได้เลือดไหลไม่หยุด?” ฮั๋วเว่ยเฟิงร้องตะโกนเสียงดังลั่นโรงพยาบาล
สีหน้าท่าทางที่น่าหวาดกลัวและน่าหวาดผวาของฮั๋วเว่ยเฟิง ทำให้เกายั่วเต๋อได้สติขึ้นมา และรีบตอบกลับไปว่า
“ระหว่างที่ทีมแพทย์เตรียมที่จะทำการผ่าตัดนั้น ก็ได้ทำการเปิดบาดแผลของคุณหนูว่านว่าน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำความสะอาดบาดแผลเลยด้วยซ้ำไป เลือดมากมายก็พุ่งออกมา และไม่ว่าจะพยายามห้ามเลือดอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้เลือดหยุดไหลได้!”
“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?”
ฮั๋วเว่ยเฟิงเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อของเกายั่วเต๋อไว้แน่นพร้อมกับร้องถามออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน และกำลังจะชกหน้าเกายั่วเต๋อด้วยความโมโห
ต่อให้เกายั่วเต๋อเป็นประธานของโรงพยาบาลเจียงโจว ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำผิดพลาดได้ ไม่ว่าใครได้ฟังเรื่องนี้ก็ต้องคิดได้ว่า การที่เลือดไหลไม่หยุดนั้นเป็นไปได้มากที่จะเกิดจากความผิดพลาดของเกายั่วเต๋อ ที่ทำการเปิดบาดแผลผิดพลาดไปโดนเส้นเลือดใหญ่เข้า จนทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุดเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดจากสาเหตุอะไรได้?
“แกกล้าหลอกฉันเหรอ!”
เพียะ!!
ฮั๋วเว่ยเฟิงเองก็คิดเช่นนั้น เขาจึงตบหน้าเกายั่วเต๋อไปหนึ่งฉาดอย่างแรง และเวลานี้บนใบหน้าของเขาก็มีรอยนิ้วมือทั้งห้าประทับอยู่ และใบหน้าของเขาก็เริ่มร้อนผ่าว
เกายั่วเต๋อไม่สนใจรอยนิ้วมือทั้งหาบนใบหน้าของตนเองนัก เขารีบลุกขึ้นและระล่ำระลักแก้ตัวกับฮั๋วเว่ยเฟิงไปว่า
“เรื่อง.. เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของผม!”
“แกเป็นหมอผ่าตัด ถ้าไม่ใช่ความผิดของแก แล้วจะเป็นความผิดของใครได้อีก!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงตอบเกายั่วเต๋อกลับไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม และแววตาที่สามารถฆ่าคนได้!
หากฮั๋วว่านว่านเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาจะถล่มโรงพยาบาลแห่งนี้ให้ราบเป็นหน้ากอง และเกายั่วเต๋อก็อย่าหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกเลย
เกายั่วเต๋อเองก็รู้ถึงผลที่จะตามมาได้ดี เขาจึงไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง แม้ความจริงจะเกิดจากความผิดพลาดของเขาก็ตาม เขาจึงต้องหาคนมารับความผิดแทน..
แต่ในเมื่อเขาเป็นแพทย์ที่ลงมือผ่าตัดเคสนี้ด้วยตัวเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหนูตระกูลฮั๋วผู้นี้ เขาก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี เช่นนี้แล้วเขาจะโยนบาปนี้ให้กับผู้อื่นได้อย่างไรกัน?
สมองของเกายั่วเต๋อหมุนอย่างรวดเร็ว และกำลังคิดหาวิธี..
ความจริงแล้วจะโทษเกายั่วเต๋อทั้งหมดก็ไม่ถูกนัก เพราะเขาเองก็ระมัดระวังกับการผ่าตัดเป็นอย่างมาก เขามั่นใจว่าระหว่างที่เปิดบาดแผลนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ได้ เพราะขนาดเส้นเลือดฝอยยังถูกตัดน้อยจนแทบนับเส้นได้..
แต่หลังจากที่เปิดบาดแผลออก จู่ๆ เลือดจำนวนมากมายก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของฮั๋วว่านว่าน และไหลไม่หยุดอีกเลยไม่ว่าจะพยายามห้ามเลือดด้วยวิธีใดก็ตาม ทำให้เกายั่วเต๋อตกอกตกใจอย่างมาก
และแม้แต่ใช้เทคโนโลยีในการห้ามเลือดที่ทันสมัยที่สุด ก็ยังไม่สามารถห้ามเลือดของฮั๋วว่านว่านได้ เขาจึงต้องรีบวิ่งออกมารายงานให้ฮั๋วเว่ยเฟิงทราบ!
แต่มีหรือที่ฮั๋วเว่ยเฟิงจะยอมเชื่อคำพูดของเกายั่วเต๋อ ต่อให้เป็นคนที่โง่ที่สุดก็ยังยากที่จะเชื่อคำพูดของเกายั่วเต๋อ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือต่อให้ฮั๋วเว่ยเฟิงเชื่อ แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับฮั๋วว่านว่านจริง เกายั่วเต๋อก็ยังเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบอยู่ดี
เกายั่วเต๋อเก็บข่มความเจ็บปวดบนใบหน้า ส่วนหัวสมองก็ยังคงครุ่นคิดหาทางออก..
“ฟังนะ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของฉัน แกก็ต้องตายด้วย!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงบอกกับเกายั่วเต๋อด้วยน้ำเสียงดุดัน สายตาที่เย็นชาของเขาบ่งบอกว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาได้ลั่นวาจาไว้
ในระหว่างที่เกายั่วเต๋อตกใจอย่างที่สุดนั้น เขาก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาได้ คนผู้นั้นก็คือซูอาน!
เกายั่วเต๋อจึงหันไปบอกกับฮั๋วเว่ยเฟิงทันที “คุณฮั๋ว.. มันไม่ใช่ความผิดของผมจริงๆ! ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเป็นเพราะเกิดความล่าช้า ทำให้ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำการผ่าตัดผ่านพ้นไปแล้วต่างหาก!”
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของเกายั่วเต๋อ คิ้วของฮั๋วเว่ยเฟิงขมวดเข้าหากัน และนึกถึงซูอานขึ้นมาได้!
และในระหว่างนั้นเกายั่วเต๋อก็พูดต่อว่า “เป็นเพราะซูอาน! หากไม่ใช่เพราะเด็กนั่นมัวแต่พูด การผ่าตัดก็คงจะไม่ล่าช้าอย่างที่เห็น!”
เกายั่วเต๋อย้ำชื่อซูอาน และคิดว่านี่เป็นทางออกเดียวของเขา
คิ้วของฮั๋วเว่ยเฟิงขมวดเข้าหากันแน่นมากยิ่งขึ้น เพราะเขาเองก็นึกถึงซูอานเช่นกัน และยิ่งเกายั่วเต๋อเอ่ยชื่อซูอานออกมา ทำให้ฮั๋วเว่ยเฟิงซึ่งไม่พอใจซูอานอยู่แล้วยิ่งเชื่อว่าเขาเป็นต้นเหตุ!
“ท่านประธานฮั๋ว.. ทางเรามีเลือดเพียงพอ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน!”
เกายั่วเต๋อบอกกับฮั๋วเว่ยเฟิง แต่ฮั๋วเว่ยเฟิงกลับยกเท้าขึ้นเตะเกายั่วเต๋อด้วยความโมโหพร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้า
“รีบกลับเข้าห้องผ่าตัด แล้วรักษาลูกสาวของฉันให้ได้!”
“ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
เกายั่วเต๋อรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที
ตอนนี้แววตาของฮั๋วเว่ยเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกแกตามฉันมา!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงร้องตะโกนเรียกบรรดาบอดี้การ์ดของตนเองให้ตาม ส่วนตัวเขาก็เดินตรงไปที่ลิฟท์ทันที
ทันทีที่ลงไปถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล ฮั๋วเว่ยเฟิงก็มองไปรอบๆพร้อมกับสั่งว่า “ไปหาตัวมันมาให้ฉัน!”
จากนั้นเหล่าบอดี้การ์ดก็พากันวิ่งออกไปตามหาตัวซูอานตามคำสั่งของฮั๋วเว่ยเฟิงทันที
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็วิ่งกลับมารายงานว่า “ท่านประธาน เด็กนั่นไปกินข้าวที่ภัตตาคารตรงข้ามนี้อยู่ครับ!”
“ตามฉันมา!”
กลุ่มของฮั๋วเว่ยเฟิงเดินตรงไปยังภัตตาคารที่ซูอานกับหลี่ตันกินข้าวกันอยู่ทันที แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะสั่งอาหารกันเสร็จด้วยซ้ำ ทั้งสองคนก็เห็นฮั๋วเว่ยเฟิงกับกลุ่มบอดี้การ์ดกำลังเดินตรงมาที่นี่ ซูอานรู้ได้ทันทีว่าฮั๋วเว่ยเฟิงต้องมาหาตนเองแน่ๆ
ก่อนหน้าหลี่ตันดูวิตกังวลและหวาดกลัวมาก แต่เมื่อเห็นฮั๋วเว่ยเฟิงเข้าใกล้มาเรื่อยๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นพร้อมสู้ทันที!
ซูอานตบบ่าหลี่ตันเบาๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องตกใจไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงสั่งให้บอดี้การ์ดของตนไปจัดการไล่คนอื่นๆในร้านให้ออกไปให้หมด ในขณะที่ตัวเขาเองก็กำลังเดินตรงเข้าไปหาซูอาน
“เจ้าหนู!”
ทันทีที่เห็นซูอาน ฮั๋วเว่ยเฟิงก็ส่งเสียงคำรามใส่ทันที แต่ซูอานกลับมีท่าทีเฉยเมยไม่สนใจ และยังคงนั่งนิ่ง
ฮั๋วเว่ยเฟิงจ้องมองซูอานด้วยดวงตาลุกวาวในขณะที่ร้องตะโกนสั่งออกไปด้วยความโมโห “คุกเข่าเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าอายุเท่าไหร่กัน?” ซูอานถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน
ฮั๋วเว่ยเฟิงได้ยินคำถามของซูอาน เขาถึงกับต้องเงยหน้ามองเพดานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่เก้าอี้ของซูอานพร้อมกับร้องตะโกนออกไปเสียงดัง
“คนทั่วทั้งจิงฉูต่างก็ให้ความเคารพนับถือฉัน แกรู้เพียงเท่านี้ก็พอ!”
“งั้นรึ? แต่สำหรับฉันแกก็แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!”
ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แยแส และไม่เคยมีผู้ใดสั่งให้เขาคุกเข่าต่อหน้ามาก่อน!
คอมเม้นต์