ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 34 : ดับซิการ์!
อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ตอนที่ 34 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
บทที่ 34 : ดับซิการ์!
ทั้งคู่เดินออกมานอกโรงพยาบาล และเดินไปตามถนนที่มีผู้เดินกันขวักไขว่ ระหว่างนั้นขซูอานก็ได้หันไปถามหลี่ตันว่า
“คนสวย เจ้าอยากจะกินอะไรรึ?”
หลี่ตันยังคงตื่นเต้นอยู่มาก เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ช่างดูราวกับภาพยนต์ จนกระทั่งถึงตอนนี้หลี่ตันจึงแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้พบเห็นไป!
หลี่ตันหันไปจ้องหน้าซูอานพร้อมกับถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “คุณช่วยฮั๋วว่านว่านได้ยังไง?”
ซูอานยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปอย่างสบายๆ “เรื่องง่ายๆ!”
หลี่ตันทำปากคว่ำอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง! เรื่องง่ายๆ ฉันรู้สึกว่าคุณแกล้งทำเป็นอ่อนแอให้ดูเหมือนถูกคนอื่นรังแกมากกว่า!”
ซูอานขมวดคิ้วเข้าหากันทันที และไม่คิดว่าตนเองจะมีนิสัยเช่นนั้น..
“หรือไม่ใช่?”
ซูอานนิ่งไม่ตอบ..
หลี่ตันจึงพูดต่อทันที “ฉันว่าคุณเป็นคนที่แปลกมาก!”
ครั้งนี้ซูอานพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง! ว่าแต่เจ้าคิดออกแล้วหรือไม่ว่าจะกินอะไรดี?”
“แต่ถ้ายังคิดไม่ออก พวกเราก็ไม่หาอะไรที่แพงที่สุดกินก็แล้วกัน!”
…..
ทั้งคู่เดินเข้าไปในภัตตาคารหรูหราแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปคงยากที่จะเข้าไปกินได้ แต่ซูอานไม่สนใจเพราะเวลานี้เขาไม่ได้ขาดแคลนเงินทองเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อหลี่ตันเห็นราคาอาหารในเมนู เธอก็ถึงกับร้องอุทานออกมา “เห็นราคาหรือยัง?”
นั่นเพราะราคาอาหารแต่ละจานนั้นล้วนไม่ต่ำกว่าดันหยวนแทบทั้งสิ้น!
“ซูอาน.. พวกเราเปลี่ยนไปกันร้านอื่นกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
คำพูดของหลี่ตันทำให้พนักงานเสริฟมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่ซูอานกลับหันไปสั่งพนักงานเสริฟว่า
“ไปนำอาหารพิเศษของร้านมาเสริฟให้หมด!”
พนักงานเสริฟได้ยินเช่นนั้น จึงเดินยิ้มออกไปทันที..
“แต่ราคาอาหารมันแพงมากเกินไป” หลี่ตันบ่นเสียงเบา
“เจ้าอย่าได้กังวลไป! ข้าเป็นถึงผู้มีพระคุณของตระกูลฮั๋วนะ เจ้ายังเกรงว่าข้าจะไม่มีเงินจ่ายงั้นรึ?”
หลี่ตันพยักหน้าอย่างว่าง่าย..
เมื่ออาหารถูกนำขึ้นมาเสริฟ ทั้งสองคนต่างก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา ซูอานยังคงรู้สึกต่อหลี่ตันเช่นเดิม แต่หลี่ตันกลับรู้สึกว่าตนกับซูอานนั้นช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน
เพราะหลังจากที่ได้เห็นมิตรภาพระหว่างซูอานกับผู้เฒ่าฮั๋ว หลี่ตันจึงรู้ได้ว่าฐานะของซูอานนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ และได้แต่เก็บงำความรู้สึกก่อนหน้านี้ไว้ที่สุดก้นบึ้งของหัวใจเช่นเดิม
“เดือนหน้าฉันจะไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วนะ!”
หลี่ตันพูดออกไปพร้อมกับจ้องหน้าซูอาน ในใจได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่าซูอานจะไปกับเธอด้วย เพราะเวลานี้ความรู้สึกที่เธอมีต่อซูอานนั้นเป็นความรู้สึกที่พิเศษ..
แต่ซูอานกลับตอบเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ยินดีด้วย! ไปเรียนต่อต่างประเทศ อนาคตของเจ้าคงจะไปได้ไกลมากทีเดียว!”
หลี่ตันได้แต่ฝืนยิ้ม แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก..
หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อย ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
…..
เมื่อซูอานกลับไปถึงบ้านเขาก็หลับเป็นตายทันที และตื่นขึ้นมาอีกครั้งของเช้าวันถัดไป ซูอานถือคติว่า.. ทำงานหนัก ก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วยเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี!
เพราะเวลานี้เขาไม่ใช่จักรพรรดิเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ในโลกใบนี้เขาเป็นเพียงแค่มดเล็กๆตัวหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างรากฐานลมปราณเท่านั้น จำเป็นต้องเดินไปตามเส้นทางที่มนุษย์ทั่วไปเดิน และเป็นไปที่ละขั้นที่ตอนอย่างช้าๆ
ซูอานเริ่มคุ้นเคยกับร้านขายซาลาเปา เขาสั่งซาลาเปามาถาดหนึ่ง และค่อยๆกินอย่างสบายอกสบายใจ ก่อนจะวิ่งไปโรงเรียนโดยไม่ใช้บริการรถประจำทางเหมือนเช่นเคย
การวิ่งช่วยให้ได้บริหารร่างกายไปด้วย แม้จะไม่อาจเทียบได้กับการฝึกฝนตามคัมภีร์เก้าสวรรค์ แต่นี่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่เขาจะได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตัวเอง เวลานี้เขากระตือรือร้นที่จะพัฒนาขั้นของตนเองเป็นอย่างมาก
แม้ว่าในโลกใบนี้จะมีพลังชีวิตอยู่น้อยมาก หรือแทบไม่มีเหลือเลย แต่เขาก็รู้ว่าความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่นเหล่าฮั๋วเป็นต้น และเขาก็เชื่อว่าในโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่แข็งแกร่งเช่นเหล่าฮั๋ว หรือไม่ก็แข็งแกร่งกว่า..
และทันทีที่ซูอานเข้าไปในห้องเรียน เจียงเหวินเหวินก็รีบเข้าไปนั่งๆทันที
“เหตุใดใบหน้าของเจ้าจึงดูเศร้าหมองเช่นนั้น?”
“เกิดปัญหาขึ้นกับพ่อของฉันน่ะสิ!”
“พ่อของเจ้ามีปัญหา แล้วมาหาข้าเพราะเหตุใดกัน?”
“ซูอาน.. บอกตรงๆนะ ตอนนี้บริษัทของพ่อฉันกำลังมีปัญหา!”
ซูอานทำสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายได้พร้อมกับโบกมือไปมา..
“ซูอาน.. ฉันรู้ว่านายเป็นคนเก่งมาก มีแต่นายนี่ล่ะที่จะช่วยพ่อของฉันได้ ได้โปรดช่วยพ่อของฉันสักครั้งเถอะนะ!”
ซูอานถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ และกระวนกระวายใจของเจียงเหวิน เขารู้สึกสงสารเจียงเหวินเหวินไม่น้อย
อีกอย่าง.. ตั้งแต่เขากลับเข้ามาเกิดในร่างเด็กหนุ่มผู้นี้ ก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่ดีต่อเขา และหนึ่งในนั้นก็คือเจียงเหวินเหวิน ด้วยเหตุนี้ซูอานจึงไม่อาจปฏิเสธเจียงเหวินเหวินได้
“ทำถึงเพียงนี้เชียวรึ?”
หลังจากที่ได้ฟังเจียงเหวินเหวินเล่าเรื่องทั้งหมด ซูอานก็สามารถเข้าใจได้ทันที และบอกกับเธอไปว่า
“เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะสะสางเรื่องนี้ให้กับเจ้าเอง!”
…..
พ่อของเจียงเหวินเหวินชื่อว่าเจียงเจิ้งไล๋ เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ช่วยคนสนิทของประธานบริษัทยู๋ไห่กรุ๊ป และนับว่าเคยเป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่งในบริษัททีเดียว
แต่ตอนนี้บริษัท ยู๋ไห่กรุ๊ปกำลังเผชิญกับวิกฤติ และกำลังจะถูกบริษัทเว่ยฉีกรุ๊ปฮุบกิจการไป หากเป็นการซื้อกิจการตามรูปแบบปกติก็คงไม่มีอะไร แต่นี่บริษัทเว่ยฉีกรุ๊ปกลับใช้วิธีสกปรกบีบบังคับ..
…..
เวลานี้.. ภายในห้องประชุมของบริษัทยู๋ไห่กรุ๊ปกำลังเคร่งเครียดอย่างมาก และมีผู้ถือหุ้นของบริษัทนั่งประชุมอยู่เต็มไปหมด
วันนี้เป็นการประชุมผู้ถือหุ้นตามปกติ แต่เป็นวันที่คนพวกนี้สมคบคิดทำเรื่องชั่วช้ากัน..
เพื่อผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับ ผู้ถือหุ้นเหล่านี้ไม่ลังเลที่จะทรยศต่อยู๋ไห่กรุ๊ป เพื่อไปยกมือโหวตสนับสนุนให้ขายยู๋ไห่กรุ๊ปให้กับเว่ยฉีกรุ๊ป
และผู้ที่เป็นตัวแทนของเว่ยฉีกรุ๊ปที่จะมาเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นของยู๋ไห่กรุ๊ปในวันนี้ กลับไม่ใช่ผู้บริหารใหญ่ของเว่ยฉีกรุ๊ป แต่เป็นคุณชายตระกูลเว่ยที่เพิ่งเรียนจบมาจากเมืองนอกนั่นเอง
เรื่องทุกอย่างในวันนี้พ่อของเขาได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว วันนี้เว่ยฉีหยวนมีหน้าที่มาเป็นเพียงแค่ตัวแทน และเล่นไปตามบทบาทที่พ่อของเขาบอกไว้เท่านั้น!
ด้านนอก.. มีรถ Mahbach ราคาแพงคันหนึ่งจอดอยู่ จากนั้นชายหนุ่มสวมแว่นกันแดด ผมเผ้าถูกหวีไว้จนเรียบเปล้ และคีบซิการ์คิวบานอยู่ในมือ ก็ก้าวเดินลงมาจากรถอย่างสง่างาม
ทันทีที่ก้าวลงมาจากรถ ชายหนุ่มผู้นี้ก็ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นแววตาที่โลภไม่มีสิ้นสุดของเขา
“ไม่ช้าตึกนี่ก็จะเป็นของตระกูลเว่ย! ฮ่าๆๆ”
เว่ยฉีหยวนหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสะใจ ราวกับสามารถหยั่งรู้ได้ว่าในวันข้างหน้าตนเองจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
“คุณชายฉีหยวนครับ แต่ฉีเสี่ยวจือยังไม่ยินยอมนะครับ!”
ชายสวมเสื้อสูทสีดำที่ใบหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา และกำลังเดินตามหลังเว่ยฉีหยวนมานั้นเป็นผู้เอ่ยขัดขึ้น ทำให้เว่ยฉีหยวนถึงกับหุบยิ้มทันที
เว่ยฉีหยวนหันไปจ้องมองชายชุดดำด้วยสีหน้าเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “นังผู้หญิงนั่นไม่เห็นด้วยแล้วยังไง? ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆของยู๋ไห่กรุ๊ปล้วนเห็นด้วย แม่นั่นจะทำอะไรได้!”
“ครับ.. ครับ.. คุณชายพูดก็ถูก!”
“หึ! ครั้งนี้ฉันมาเจรจาด้วยตัวเอง ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างฉันจะทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ เซ็นต์สัญญาไม่ได้!”
พูดจบ.. เว่ยฉีหยวนก็โยนซิการ์ราคาแพงในมือทิ้งไป แล้วเดินเข้าไปในบริษัททันที เขาได้รับความไว้วางใจจากบิดาให้มาทำหน้าที่สำคัญในครั้งนี้ และเขาจะต้องกลับไปพร้อมกับความสำเร็จเท่านั้น!
เว่ยฉีหยวนนั่งนั่งลงที่เก้าอี้ตัวแรกด้วยสีหน้าเรียบเฉย และวางท่าใหญ่โต ในขณะที่มีผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยท่าทางนอบน้อม
“วันนี้ท่านประธานเว่ยไม่ได้มาด้วยตัวเองเหรอครับ?”
หนึ่งในผู้ถือหุ้นยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยท่าทางเคารพนบนอบ เพราะถึงอย่างไรเว่ยฉีหยวนก็ไม่ใช่ประธานของเว่ยฉีกรุ๊ป!
“พ่อของผมติดธุระ จึงให้ผมมาเป็นตัวแทน!”
เว่ยฉีหยวนตอบกลับเสียงห้วน เวลานี้ซิการ์ตัวใหม่ในปากของเขาเป็นประกายสีแดง จากนั้นห้องก็มีควันสีขาวโขมงเต็มไปหมด
ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆต่างก็หันไปมองหน้ากัน เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ประธานเว่ยกลับไม่มาด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงจัง
แต่ทุกคนต่างก็ทำได้เพียงแค่มองหน้ากันเท่านั้น ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงความไม่พอใจออกมา เพราะพวกเขากำลังรอให้เว่ยฉีกรุ๊ปมาซื้อบริษัทนี้ไป เพื่อที่พวกเขาจะได้รับเงินก้อนโต
มนุษย์ล้วนแล้วแต่ก้มหัวให้กับเงิน ไม่มีใครที่ใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงิน!
แน่นอนว่าเว่ยฉีหยวนย่อมต้องรู้ว่าทุกคนในห้องกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ทุกคนในที่นี้ไม่ต้องกังวลใจไป พ่อของผมเคยรับปากพวกคุณไว้ยังไง ข้อตกลงและเงื่อนไขทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ฐานะในบริษัทของทุกคนยังคงเหมือนเดิม อีกอย่าง.. เงินมัดจำล่วงหน้าก็ได้ถูกโอนเข้าบัญชีของพวกคุณทุกแล้วแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ผู้ถือหุ้นที่อยู่ภายในห้องทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของบริษัทด้วย ต่างก็พากันพยักหน้าหงึกๆ เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับเงินล่วงหน้ากันทุกคนแล้ว และจำนวนเงินที่ได้รับไปก็ไม่น้อยทีเดียว
“เยี่ยมๆ”
“ใช่แล้ว! ในเมื่อยู๋ไห่กรุ๊ปสั่นคลอน ปล่อยให้เว่ยฉีกรุ๊ปซื้อกิจการไปบริหารก็น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เว่ยชีหยวนถึงกับยิ้มออกมา และที่เขาต้องการก็คือปฏิกิริยาเช่นนี้จากบรรดาผู้ถือหุ้น เป็นอย่างที่พ่อของเขาบอกไว้จริงๆ คนพวกนี้ก็แค่คนโง่ที่เห็นเงินแล้วตาโตเท่านั้นเอง!
เว่ยฉีหยวนได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ‘ตีปีกดีใจกันไปก่อนเถอะ รอให้บริษัทตกเป็นของเว่ยฉีกรุ๊ปเสียก่อน ฉันจะเฉดหัวพวกแกออกทีละคน!’
เว่ยพังเฉิงได้วางแผนที่จะฮุบเอายู๋ไห่กรุ๊ปมาไว้ในกำมือของตนเองนานแล้ว และตั้งใจที่จะมอบให้กับเว่ยฉีหยวนเป็นผู้บริหารดูแลต่อไป เขาจึงกระตือรือร้นกับการจะได้ยู๋ไห่กรุ๊ปมาเป็นของตัวเองอย่างมาก
และในเมื่อเขากำลังจะได้เป็นผู้บริหารคนใหม่ของยู๋ไห่กรุ๊ป เหตุใดเขาจะต้องปล่อยคนพวกนี้ให้ชูคออยู่ในบริษัทของเขาด้วยเล่า?
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซิการ์ในมือของเว่ยฉีหยวนก็ไหม้ไปกว่าครึ่งแล้ว ท่าทางของเขาบ่งบอกว่าเริ่มหมดความอดทนแล้ว..
“ทำไมป่านนี้ท่านประธานของพวกคุณยังไม่มาอีก? เขาถูกจับมัดขาไว้หรือยังไง?”
หนึ่งในผู้ถือหุ้นหันไปถามคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม พร้อมกับถามขึ้นว่า “เจียงเจิ้งไล๋ คุณอยู่กับท่านประธานไม่ใช่เหรอ? ทำไมเห็นคุณ แต่ไม่เห็นท่านประธานล่ะ?”
เจียงเจิ้งไล๋ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน แม้เขาจะเป็นถึงผู้จัดการและคนสนิทของประธาน แต่ก็เทียบไม่ได้กับผู้อำนวยการที่อยู่ในห้องนี้
แต่ในนาทีนั้นเอง.. เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น แม้จะไม่ดังนัก แต่ก็ทรงพลัง!
“ดับซิการ์!”
คอมเม้นต์