ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 23: ไร้สมอง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 23 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 23: ไร้สมอง

วินาทีต่อมา ชายที่ดูแข็งแรงแปดคนซึ่งสวมชุดยามพุ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น พวกเขาต่างมีมีดโลหะอยู่ในมือของพวกเขากันทุกคน

 

นอกจากเฉินเฉินแล้ว ทุกคนในตระกูลจางต่างขมวดคิ้วแน่น

 

แม้ว่าพวกเขาจะโง่เง่า พวกเขาก็ยังตระหนักได้ว่ามันแปลกไปจากปกติ โดยเฉพาะจางจีซึ่งได้เตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็มั่นใจแล้วว่าเรื่องที่อู๋เว่ยเป็นคนทรยศของตระกูลนั้นเป็นเรื่องจริง

 

“พี่! ตระกูลจางได้ดูแลพี่เป็นอย่างดี ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะทำเรื่องที่น่ารังเกียจและต่ำทรามเช่นนี้!”

 

จางจีกราดเกรี้ยวมาก ตัวของเขาสั่นไปทั้งร่าง

 

ทั้งแปดคนคือลูกสมุนที่อู๋เว่ยไปหามาก่อนหน้านี้ เมื่อดูเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนจากตระกูลเจาอย่างแน่นอน

 

“เจ้าหมายความว่าอะไรกัน น่ารังเกียจและต่ำทราม? นี่มันเป็นธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของมนุษย์ พวกเราจะต้องแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองเป็นอันดับแรก”

 

อู๋เว่ยนั่งลงอย่างองอาจ ใบหน้าของเขาดูใจเย็นอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาได้กำชัยชนะนี้ไว้ในอุ้งมือของเขาไว้แล้ว

 

จางจีหงุดหงิดกับคำพูดของเขามาก เขาเตรียมที่จะพุ่งเข้าใส่อู๋เว่ยและกระชากคอเสื้อของเขา

 

ยังไงก็ตาม ในเวลานั้นเอง ความรู้สึกชาด้านก็ไหลผ่านในตัวของเขา เขาโซเซและล้มตัวลงกับพื้น

 

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น อู๋เว่ยและชายอีกแปดคนต่างหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าๆ! น้องชาย ชาที่เจ้าดื่มไปเมื่อกี้มีผงชาผสมลงไปด้วยยังไงละ ในอีกหลายชั่วโมงต่อจากนี้ เจ้าจะไม่สามารถใช้แรงได้เลย”

 

ชายร่างโตที่ติดตามเขามาได้ยกยอกับสิ่งที่อู๋เว่ยทำ

 

“ท่านเว่ยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากเลยครับในรอบนี้ ข้าพึ่งจะแจ้งคนด้านนอกและให้พวกเขาไปติดต่อกับท่านเจาทันที ข้าคิดว่ามันไม่นานเท่าไหร่หรอก ก่อนที่ท่านเจาจะมาโจมตีที่นี่ด้วยกองกำลังของเขาเอง”

 

ในเวลาเดียวกัน จางเต๋อก็พบว่าเขาไม่สามารถใช้พละกำลังได้ด้วยเหมือนกัน เขาอดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ เขาพึมพำกับตัวเอง “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าข้าจะเลี้ยงดูคนทรยศขึ้นมาแบบนี้… คนที่ทำร้ายตระกูลของเราทั้งตระกูล เสี่ยวหยา ลูกจี มันเป็นความผิดของพ่อเอง”

 

ทันทที่เขาพูดเสร็จ เสียงที่ดังออกมาจากด้านนอกห้องนั่งเล่นก็ดังเข้ามา มันเห็นได้เด่นชัดว่าผู้คนจากระกูลจางพึ่งจะพบว่ามันมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น วินาทีต่อมา ยามหลายสิบคนก็ล้อมรอบห้องนั่งเล่นไว้

 

อู๋เว่ยมีใบหน้าที่ดุดัน เมื่อเขาพบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาขู่ออกมา “ข้าจะสังหารทุกคนในตระกูลจาง ถ้าพวกเจ้าขยับตัว!”

 

ยามต่างสบตากันเอง เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัวเลยแม้แต่คนเดียว

 

แต่จางเต๋อก็ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอันใดให้กังวลอีก เขาตะโกนกลับไป “พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาด้านในและสังหารเจ้าคนทรยศนี้ให้ข้าซะ ไม่อย่างงั้นแล้ว ถ้าพวกเจามา พวกเราก็คงจะตายกันทั้งหมดอยู่ดี!”

 

“ไอ้แก่! ถ้าแกกล้าแตะต้องข้า เชื่อข้าสิ ข้าจะฉีกกระชากเสื้อเสี่ยวหยาต่อหน้าทุกคนและจะทำให้เจ้าไม่ตายตาหลับ!”

 

อู๋เว่ยเดินมาที่ด้านหน้าจางเสี่ยวหยา ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวอย่างมาก

 

เสี่ยวหยาอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น

 

จางเต๋อหงุดหงิดอย่างมากจนเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของเขา เขาพูดอะไรไม่ออก

 

“ช่างเป็นชายที่บ้าบิ่นดีแท้”

 

ในเวลาเดียวกัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในห้องนั่งเล่น ผู้คนทั้งหมดในห้องนั่งเล่นต่างมองหาต้นกำเนิดของเสียง ซึ่งมันเป็นเสียงของเฉินเฉินที่กำลังเพลิดเพลินกับน้ำชาของเขาอย่างใจเย็น ใบหน้าของเขาดูไม่ไหวติงต่อสิ่งใด

 

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น จางจีอดที่จะเตือนเขาออกมาไม่ได้ “พี่เฉิน ชานั่นมียาปนเปื้อนอยู่นะ…”

 

เฉินเฉินดูไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาจิบน้ำชาต่อ

 

การเคลื่อนไหวของเขายังคงสง่างามเช่นเดิม บรรยากาศรอบตัวของเขาดูพิเศษกว่าใครอื่น

 

อู๋เว่ยหัวเราะออกมากับสิ่งที่เขาเห็น “ไอ้เจ้าไร้สมองนี่มัน เจ้ากล้าดียังไงที่ทำตัวหล่อเท่ห์ในช่วงเวลาแบนนี้อีกกัน!”

 

เฉินเฉินไม่รีบที่จะตอบคำถามของเขา หลังจากจิบน้ำชาไปอีกหนึ่งอึก เขาก็ถามต่อ “อู๋เว่ย เจ้าคิดว่าพวกตระกูลเจาจะทำตามสัญญางั้นเหรอ หลังจากที่กำจัดตระกูลจางไปทั้งหมดหน่ะนะ?”

 

“เจ้าคิดว่าพวกโจรมันจะรักษาคำพูด?”

 

ใบหน้าของอู๋เว่ยบิดเบี้ยวทันทีที่ได้ยินคำพูด ด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดของเขา เขาปฏิเสธกลับไป “ถึงแม้ว่าท่านเจาจะมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีการเรียนอะไรมากมาย เขาก็ยังเป็นวีรบุรุษที่ซึ่งทำตามสัญญาที่เขาปฏิญาณไว้ต่อหน้าข้า!”

 

“ถูกแล้ว หัวหน้าของพวกเราทำตามที่เขาพูดอยู่ตลอด” พวกคนตัวโตเหล่านี้ต่างรีบพูดเพิ่มเติม พวกเขาต่างหวาดกลัวว่าอู๋เว่ยจะเปลี่ยนความคิดของเขาไป

 

ยังไงก็ตาม ความตื่นตระหนกในสายตาของพวกเขาไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของเฉินเฉิน

 

โจรยังไงก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ “วีรบุรุษ” ที่พวกเขาพร่ำบอกคืออะไรกัน? เจ้าพวกนี้โง่เง่ากันเสียจริง

 

บางทีมันอาจเป็นเพราะเขาเริ่มจะรู้สึกกังวลใจแล้ว ใบหน้าของอู๋เว่ยมีเหงื่อเย็นไหลออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด

 

เพียงเวลาไม่นาน ความกลัวทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความโกรธเคืองที่มีต่อเฉินเฉินแทน เขามองไปที่เฉินเฉินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

 

“เจ้าโง่นี่พูดจาไร้สาระทำให้เข้าใจผิด ไปฆ่าเขาให้ข้าซะ!”

 

ทันทีที่เขาพูดเสร็จ ชายหน้าตาน่าเกลียดพุ่งเข้าใส่เฉินเฉิน

 

จางเต๋อพูดขึ้นทันทีที่เห็น “อู๋เว่ย น้องชายคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจางเลย! ทำไมเจ้าต้องระบายความโกรธใส่เขาด้วยละ? ปล่อยข้าไปและข้าจะสั่งให้ยามที่อยู่ด้านนอกถอยไป เจ้าว่ายังไงกับเรื่องนี้?”

 

เมื่อได้ยินมัน เฉินเฉินก็เหลือบตาไปมองจางเต๋อ

 

แม้ว่าเขาจะซื่อตรงและดูดื้อรั้น พ่อของจางจีก็ยังเป็นคนดี เขาเป็นคนที่น่านับถือ

 

เมื่อเขาถึงวันที่ต้องไปฝึกตน เขาก็จะได้วางใจได้ เขาจะปล่อยพ่อแม่ของเขาให้อยู่ภายใต้การดูแลกับคนแบบเขา

 

ในความเป็นจริงแล้ว เขาได้วางแผนนี้ไว้ก่อนที่จะมาที่นี่แล้วอีก

 

ถ้าเขาสามารถช่วยตระกูลจางได้ในครั้งนี้ พวกเขาก็คงจะทำตามสิ่งที่ฉันต้องการ

 

เมื่อเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดของมณฑลเสฉวน เขาก็สามารถจัดการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอิทธิพลของตระกูลหวังได้โดยการช่วยเหลือจากตระกูลจาง

 

ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไป เขาจะสามารถต่อรองกับตระกูลจางได้

 

ในอนาคต เขาคงคอยดูแลเจ้าจางจีต่อไป เพราะงั้นในมณฑลเสฉวนแล้ว ตระกูลจางคงจะดูแลพ่อแม่ของเขาไว้ได้

 

มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

 

สีหน้าของอู๋เว่ยเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง พูดตามจริงแล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวต่อยามด้านนอกมาก

 

แม้ว่าท่านจางจะมาพร้อมกับคนของเขา ยามเหล่านี้ก็สามารถที่จะจัดการเขาได้ ผู้ที่ซึ่งเป็นคนทรยศของตระกูลให้ลงนรกไปพร้อมกันกับพวกเขา ถ้าพวกเขาโจมตีอย่างสุดกำลัง

 

ยังไงก็ตาม ถ้าลบยามเหล่านี้ออกไปได้ เขาก็จะไม่มีความกลัวและก็จะเป็นคนที่ไม่มีใครต้านทานได้อีก

 

เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว เขาก็ส่งสัญญาณให้ชายน่าเกลียดนั่นให้หยุด

 

“ท่านลุง สั่งให้ยามถอยไปก่อน ข้าต้องการแค่ตระกูลจางเท่านั้น ข้าไม่ได้โกหกกับท่านลุงละนะ” อู๋เว่ยพูด

 

จางเต๋อกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่ออู๋เว่ย แต่หลังจากที่เขาใจเย็นลงง เขาตระหนักได้ว่าหนทางที่ดีที่สุดคือการสั่งให้ยามถอยไป

 

ไม่อย่างงั้นแล้ว เมื่อตระกูลเจามาถึง ยามเหล่านี้ก็คงจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อไม่มีใครเป็นคนนำของพวกเขาอีกต่อไป

 

“อู๋เว่ย ถ้าเจ้าโกหกข้าแล้วละก็ข้าจะไม่ลืมหนี้แค้นนี้ไป แม้ว่าข้าจะเปลี่ยนกลายเป็นภูตผีก็ตาม!”

 

หลังจากนั้นจางเต๋อก็ตะโกนออกมาจากด้านนอก “พวกเจ้าออกไปทั้งหมด! ไปจากมณฆลเสฉวนนี้ซะและไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวของพวกเจ้าเอง หลังจากนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตระกูลจางอีกต่อไป!”

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงก็ดังเกิดขึ้นมาท่ามกลางเหล่ายาม ไม่มีใครในพวกเขาที่ปรารถนาที่จะไปจากที่นี่

 

“ถ้าพวกเจาไม่ไป สิ่งที่รอคอยพวกเจ้าอยู่คือความตายเพียงอย่างเดียว! พวกเจ้าเข้าใจไหม?” เมื่อเห็นยามลังเลที่จะไปจากที่นี่ จางเต๋อสั่งพวกเขาอีกครั้งหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย

 

มีเพียงแค่ตอนนั้นเองที่ยามเริ่มจะขยับตัว

 

ยังไงก็ตามก่อนที่พวกเขาจะเดินไปไหนกัน เหล่ายามต่างคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับสามครั้งทางห้องนั่งเล่น

 

จางเต๋อไม่สามารถที่จะมองดูได้อีกต่อไป เขาหันหน้าไปทางอื่น

 

ทันใดนั้นเอง เสียงม้าวิ่งก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล

 

อู๋เว่ยมีความสุขกับเสียงที่เขาได้ยิน

 

กองกำลังตระกูลเจาได้มาถึงสักที!

 

ตระกูลเจานั้นแต่เดิมเป็นพวกโจรขี่ม้ากันซึ่งพวกเขาต่างมีความสามารถในการล่าและโจมตีที่ยอดเยี่ยม แม้ว่ายามเหล่านี้จะสามารถไปจากบ้านตระกูลจางได้ พวกเขาก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอดก็ได้

 

แม้ว่าจะคิดแบบนั้นก็ตาม เขาก็ยังโล่งใจ หลังจากนั้นก็เหลือบตามองไปที่จางเต๋อ เขาชี้ไปที่เฉินเฉิน

 

“ไปฆ่าไอ้เด็กเวรนั่นทิ้งซะ!”

 

“ไอ้เจ้าปีศาจร้าย เจ้าหลอกข้า!” จางเต๋อเต็มไปด้วยความโกรธแค้นกับสิ่งที่เขาได้ยิน เขาจับไปที่ถ้วยชาและเล็งไปที่อู๋เว่ย

 

ยังไงก็ตามเขาไม่สามารถที่จะใช้แรงออกมาได้เลยสักนิด ถ้วยของเขาได้หล่นลงที่เบื้องหน้าตัวเอง

 

“แล้วยังไง ถ้าข้าหลอกเจ้า? พวกเจ้ามันก็แค่ตระกูลโง่เง่าแค่นั้นแหละ!” อู๋เว่ยมีสายตาดูถูก เขามองไปที่เฉินเฉินอีกครั้งหนึ่ง สายตาของเขาดูชั่วร้ายอย่างมาก

 

ด้านหลังเขา ชายที่หน้าตาน่ารังเกียจยกมีดของเขาขึ้นและฟันไปใส่เฉินเฉินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แขก

 

“อ๊า!”

 

แสงที่ส่องประกายออกมาทำให้จางเสี่ยวหยาอดที่จะร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกไม่ได้ เธออดที่จะจินตนาการถึงภาพที่ชายที่ดูโดดเด่นนั้นถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมไม่ได้!

 

ยังไงก็ตาม วินาที่ต่อมา เลือดไม่ได้ไหลนองออกมาตามที่คาดคิด

 

ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด เขายังคงนั่งอยู่บนที่นั่งเดิมอย่างผ่อนคลาย เขายังคงจับไปที่แก้วด้วยมือหนึ่ง ในขณะที่มองไปที่อู๋เว่ย ใบหน้าของเขาทั้งใจเย็นและสงบนิ่ง

 

ในอีกมือหนึ่ง เขาได้จับมีดที่แหลมคมไว้ด้วยนิ้วทั้งสองนิ้วของเขา

 

ในอีกด้านหนึ่ง ชายที่หน้าตาน่าเกลียดไม่สามารถที่จะดึงมีดโลหะหนีได้เลย ไม่ว่าเขาจะใช้แรงไปมากเท่าไหร่

 

มันทำให้ห้องนั่งเล่นทั้งห้องต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด มันเงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มที่หล่นลงบนพื้นได้เลย

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด