ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – 139: หัวหน้าสาขาอาวุธผู้บ้าคลั่ง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 139 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 139: หัวหน้าสาขาอาวุธผู้บ้าคลั่ง
  เมื่อได้ยินคำพูดของเตี่ยกวง เฉินเฉินก็พยักหน้าในขณะที่เขาตอบอย่างเขินอาย “พวกเจ้าถอยไปก่อน….ข้ามีสมบัติน้อยมาก ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะหัวเราะข้าได้หลังจากที่เห็นพวกมัน
  เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เตี่ยกวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกไป เขาคิดไม่ถึงว่านายน้อยสำนักอสูรจะหยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนี้
  อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันเพราะเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่สมาชิกของสำนักอสูรจะมีนิสัยแปลกๆ
  ในขณะที่บทสนทนาดำเนินอยู่นั้น โจวฉานกับโจวเฟิงต่างก็เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เตี่ยกวงและโดยไร้ซึ่งความลังเล พวกเขารีบตามหลังเขาไป
  หลังจากที่พวกเขาสามคนออกไปแล้ว ดวงตาของเฉินเฉินก็เป็นประกายขึ้นมา จากนั้นเขาก็เริ่มใส่วัตถุดิบขัดเกลาลงไปในเตาหลอม
  “เริ่มด้วยวัตถุดิบที่ตรวจจับได้ก่อนหน้านี้”
  ”ต่อด้วยวัตถุดิบที่พบในระหว่างทางไปเทือกเขาเพลิง”
  “จากนั้นก็วัตถุดิบขัดเกลาจากแหวนทั้งสิบวงที่ชิงมาจากสำนักอู๋ซิน”
  “ส่วนสมบัติหลายร้อยชิ้นที่ชิงมาจากสำนักอู๋ซินไร้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นช่างพวกมันแล้วกัน”
  “แล้วก็เพิ่มสมบัติที่โจวเหรินหลงให้ข้ามา”
  “เท่านี้น่าจะครบแล้วนะ”
  …
  ตูม!
  ด้วยระเบิดดังสนั่น ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาก็ขยายใหญ่กว่าเดิมเป็นร้อยเท่า และเปลี่ยนเป็นสีแดงทองอย่างกะทันหัน
  ก่อนที่เฉินเฉินจะได้ตอบสนอง เตาหลอมทั้งเตาก็กลายเป็นเศษซากแล้ว
  หลังจากนั้น ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาก็แผ่พลังงานสีทองออกมาอย่างต่อเนื่อง และระเบิดหอแปรธาตุจนกลายเป็นเศษซาก! มันสร้างบาดแผลบนร่างกายของเฉินเฉินเจ็ดหรือแปดจุดด้วย
  เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉินก็ถึงกับพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็ทำแหวนเก็บของสิบกว่าวงตกลงพื้น
  …
  “เกิดอะไรขึ้น!?!”
  เตี่ยกวงรีบกลับเข้ามาและมองดูเตาหลอมที่กลายเป็นซากไปแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปมองทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาสีแดงทองที่กำลังสั่นไหวและแผ่ความผันผวนที่น่าหวาดหวั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง สายตาของเขาเปล่งประกายออกมาในทันที
  อย่างไรก็ตาม มันก็หายไปในเวลาไม่นาน และเตี่ยกวงก็กลับมาสงบอีกครั้ง
  ณ จุดนี้ เฉินเฉินแทบจะทรุดแล้ว
  ทันใดนั้นเอง หัวหน้าสาขาอาวุธหัวล้านก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงทำเป็นสงบนิ่งอยู่
  ‘เห้อขอล่ะ หัวของเจ้าเปิดเผยอารมณ์ของตัวเองออกมาตั้งนานแล้ว’
  ‘เจ้าช่วยบอกได้ไหมว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่? เจ้าอยากปล้นข้าหรืออะไร?’
  ‘ข้าอาจจะไร้ความสามารถแต่ข้าก็ยังสู้นะ เพราะฉะนั้นเจ้าช่วยหยุดทำให้ข้ากลัวแบบนี้ซักทีได้ไหม?’
  ในขณะที่มองหัวหน้าสาขาอาวุธหัวล้าน โจวเฟิงกับโจวฉานก็เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่จะขยี้เตี่ยกวง
  ในขณะที่ยังคงรักษามาดนิ่งเอาไว้ เตี่ยกวงก็หยิบหม้อเล็กๆออกมาจากแหวนเก็บของของเขาแล้วใส่ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็มองเฉินเฉินแล้วพูดขึ้น “เอาเลือดของเจ้าหยดลงไปสิ เมื่อเจ้าสิ่งนี้ถูกย้อมด้วยออร่าของเจ้า มันก็จะกลายเป็นสมบัติประจำตัวของเจ้า ยิ่งเจ้าหยดเลือดลงไปเยอะเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีกับเจ้าในการใช้มันในอนาคต คนอื่นจะฉกชิงมันได้ยากมากๆ”
  เมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ เฉินเฉินก็ทำการตัดสินใจ ในตอนนี้เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าเตี่ยกวงต้องการอะไร แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงความเป็นไปได้ในคำพูดของเขา เขาก็เลือกที่จะยอมเชื่อ
  โดยไร้ซึ่งความลังเล เฉินเฉินก็ตัดเส้นเลือดใหญ่ของเขาทำให้เลือดทะลักออกมาเหมือนกับน้ำพุ!
  วันนี้ เขาจะสอนให้ผู้คนที่อยู่ในที่นี้ได้รู้ว่าคนที่ใจเด็ดจริงๆเป็นยังไง!
  แล้วเขาก็ยังเตือนพวกที่อยากจะปล้นเขาทางอ้อมด้วย! ถ้าพวกเขาล่วงเกินเขา พวกเขาก็จะต้องเจอกับผลที่ตามมาอย่างหนักหน่วง!
  ตามที่คาดเอาไว้ ในขณะที่กำลังมองเลือดที่พุ่งออกมาของเฉินเฉิน ยอดฝีมือก่อกำเนิดวิญญาณทั้งสามคนก็ดูมีความประหลาดใจในดวงตาของพวกเขา
  มีแค่คนจากสาขาขัดเกลาร่างกายเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ ถ้าคนจากสาขาอื่นลองทำตาม พวกเขาคงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
  เฉินเฉินยื่นมือขวาที่เลือดกำลังไหลอยู่ออกมา ในขณะที่จ้องมองเตี่ยกวงด้วยสายตาคุกคาม ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็เอาโสมแดงออกมาจากแหวนเก็บของของเขา
  กรุบ!
  เขากัดโสมเข้าไปอย่างแรงเหมือนกับกำลังกินแครอทสด
  โจวเฟิงกับโจวฉานตกใจกับความใจเด็ดของเฉินๆเพราะเขากำลังเลือดไหลออกมาอย่างพรวดพราด
  เตี่ยกวงยังคงนิ่งอยู่ นอกจากความจริงที่ว่าหัวของเขากำลังเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่าทีอื่นๆของเขาก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
  หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง เฉินเฉินก็ดึงมือกลับมาในที่สุด ใบหน้าของเขาซีดเผือด อย่างไรก็คามความเด็ดเดี่ยวในดวงตาของเขาไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
  ในแง่ของความดุดัน เขาไม่เคยกลัวใครทั้งนั้น
  ในขณะที่มองทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาที่ถูกย้อมด้วยเลือดอย่างสมบูรณ์ เตี่ยกวงก็พยักหน้าและสะบัดมือ ซึ่งสมบัติที่เหมือนกับหม้อก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเอง ลาวาปริมาณมหาศาลก็ไหลท่วมทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญา
  “ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญานี้ไม่จำเป็นต้องตีเพื่อแปลงสภาพเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ แต่มันต้องถูกวางเอาไว้ที่นี่อย่างเงียบๆเพื่อย่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มันดูดกลืนเข้าไปก่อนหน้านี้ มันจะต้องใช้เวลาประมาณเจ็ดวัน และหลังจากนั้น มันจะกลายเป็นสมบัติประจำตัวของเจ้า”
  เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็รู้สึกโล่งอก
  ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ลดการป้องกันที่มีต่อเตี่ยกวงลง มันเหมือนกับว่าเขาแค่มีนิสัยเพี้ยนๆและไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ
  เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกอยากจะขอบคุณเตี่ยกวง และเขาก็เริ่มระดมสมองเพื่อนึกหาวิธีตอบแทนเขา หัวหน้าของสาขาอาวุธคนนี้
  ถึงยังไง เตี่ยกวงก็ใช้วัตถุดิบขัดเกลาตั้งมากมายเพื่อเขา
  อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเอง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!
  ออร่าของเซียนก่อกำเนิดวิญญาณสามคนพวยพุ่งออกมาและซัดเฉินเฉินถอยออกไปเจ็ดหรือแปดเก้า แต่ในตอนที่เฉินเฉินได้สติกลับมาจากความตกใจ เขาก็ตระหนักได้ว่าเตี่ยกวงกำลังตะโกนใส่ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาที่อยู่ในหินหนืด!
  “อย่าห้ามข้า!”
  ในตอนนี้ หัวที่โล้นของเขาขุ่นมัว และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง!
  ข้างหลังเขา โจวเฟิงกับโจวฉานจับแขนของเขาแน่น ไม่ยอมปล่อยให้เขาขยับ!
  ออร่าก่อกำเนิดวิญญาณของทั้งสามคนก่อตัวเป็นพายุที่เป่าซากรอบๆปลิวออกไป เห็นได้ชัดว่า ณ ตอนนี้ ทั้งสามคนกำลังใช้พลังทั้งหมดของพวกเขา!
  “พวกเจ้าอย่ามาห้ามข้า! ข้าจะเอาตัวเองไปละลายในหม้อหลอม ข้าอยากเป็นวิญญาณของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้!”
  เตี่ยกวงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา เฉินเฉินก็อ้าปากค้างจนแทบจะตกไปถึงพื้นด้วยความตกใจ!
  ‘เจ้าหมอนี่พูดว่ายังไงนะ? จะทำอะไรกับทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญา? นั่นมันฆ่าตัวตายไม่ใช่รึไง?’
  เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา โจวเฟิงก็ตะคอกใส่ “เตี่ยกวง! อย่าคิดสั้นสิ! สำนักอสูรยังต้องการเจ้าอยู่นะ!”
  โจวฉางเองก็สบถเหมือนกัน “ยอมถอยกลับมาดีๆแล้วทำงานเพื่อสำนักอสูรไม่ดีกว่ารึไง?”
  “พวกเจ้ามันไม่รู้อะไร! การได้กลายเป็นวิญญาณของสมบัติชิ้นนี้คือความรุ่งโรจน์! สำนักอสูรไม่รู้อะไรเลยซักนิด! ปล่อยข้าไปนะ! ข้าอยากเข้าไป!”
  เตี่ยกวงตะคอกในขณะที่กำลังดิ้นรน
  ในขณะที่มองการดิ้นรนจากที่ไกลๆ เฉินเฉินก็ตัวสั่นในขณะที่เขานึกถึงฉากที่เตี่ยกวงล่องลอยอยู่ตอนเที่ยงคืนและใช้หัวล้านๆของเขาเป็นแหล่งกำเนิดแสง
  ‘ให้ตายเถอะ…จะให้เจ้าบ้านี่กลายเป็นวิญญาณของสมบัติประจำตัวข้าไม่ได้นะ!’
  “เจ้าสำนักคาดการณ์ถึงเรื่องพวกนี้เอาไว้แล้ว ก็เลยส่งพวกเรามาป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ตราบใดที่ยังมีพวกเราอยู่ก็อย่าคิดว่าเจ้าจะได้ในสิ่งที่ต้องการเลย!”
  “ตาแก่โจว! ถ้ายังเห็นแก่ความเป็นเพื่อนก็ปล่อยข้าไปซะ! ให้ข้าได้ทำเถอะ!” เตี่ยกวงตะคอกอย่างเดือดดาล ในตอนนี้ ออร่าอันน่าหวาดหวั่นได้ระเบิดออกมาจากร่างกายเขา พวกเขาพยายามยับยั้งเขาเอาไว้และทำให้เขาขยับไม่ได้
  ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงตะโกนของโจวเหรินหลงก็ดังขึ้นจากที่ไกลๆ
  “เตี่ยกวง ถ้าเจ้ายังคิดจะทำเรื่องโง่ๆไม่เลิก ข้าจะเอาวิญญาณของเจ้าไปละลายเข้ากับกระโถนซะ!”
  เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ความบ้าคลั่งของเตี่ยกวงก็หายไปในทันที และถูกแทนที่ด้วยความยอมจำนนและความเจ็บปวด น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของเขา จนเปื้อนไปถึงคอพับเสื้อของเขา
  “ท่านเจ้าสำนัก… ทำไมท่านถึงไม่ยอมให้ข้าได้เติมเต็มความปรารถนานี้? โถ่…”
  เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินเฉินก็พูดไม่ออก มันกลับกลายเป็นว่าโจวเหรินหลงเป็นคนป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนั้นขึ้น ตอนแรกเฉินเฉินคิดด้วยซ้ำว่าจะมีการปล้นชิงเกิดขึ้น…
  ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป
  ‘หัวหน้าสาขาอาวุธเป็นคนที่ใจถึงจริงๆ… เขาพยายามฆ่าตัวตายในทันทีที่เขามีความคิดนั้นขึ้นมาด้วย ไม่มีความลังเลอยู่เลย ดูเหมือนว่าข้าจะด้อยกว่าเขาสินะ’
  “จางเฉิน ข้าจะจัดการดูแลหม้อหลอมให้เอง ไม่ต้องห่วง รีบพาเจ้าบ้านี่ไปที่รัฐจินเถอะ ข้าไม่มีเวลามาห้ามปรามเขาตลอด”
  เมื่อได้ฟังคำแนะนำของโจวเหรินหลง เฉินเฉินก็พยักหน้าอย่างกังวลและจากนั้นก็มองดูทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาที่อยู่ในหม้อหลอม
  ณ ตอนนี้ ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญากำลังดูดกลืนเลือดของเขาอย่างช้าๆ พลังปราณที่อยู่ข้างในดูเหมือนจะถูกเติมเต็มมากขึ้นเรื่อย ๆ มากจนเขาตรวจจับมันได้แล้ว
  อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่ามันจะเผยออกมาเป็นยังไงหลังจากที่ทองคำศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาเข้าที่เข้าทางแล้ว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด