ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 117: การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ได้ถือกำเนิดขึ้น

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 117 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

อ่านโดจิน doujinza.com


โจวฉานและโจวเฟิงต่างมองหน้ากันสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมกัน

 

หลังจากนั้นโจวเฟิงพุดต่อ “พวกเราไปยังรัฐจินได้ครับ แต่พวกเราต้องรออีกสองวัน หลังจากผ่านไปสองวัน สำนักอสูรทั้ง 36 สาขาจะเริ่มแผนการกับรัฐจิน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง ถ้าพวกเรารอจนถึงตอนนั้นและเข้าไปยังรัฐจิน มันจะปลอดภัยกว่า”

 

“ยังไงก็ตาม พวกเราจะไปที่รัฐจินเพื่ออะไรกันครับ?”

 

เฉินเฉินมีแผนหลายอย่างอยู่ในหัว แต่เขาไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้ เนื่องจากว่ามันมีหลายจุดที่เขาสามารถทำได้โดยการใช้ระบบ ด้วยเหตุนี้แล้วเขาจึงได้ตอบคำตอบคร่าวๆ

 

….

 

ทั้งสามคนต่างหยุดกันในอาณาเขตของสาขาที่สอง

 

วันต่อมา ข่าวของเจ้าสำนักเทียนหยุนเซี่ยวอู่โยวกลับมานั้นแพร่กระจายไปทั่วรัฐจิน

 

นอกจากนี้แล้ว แม้แต่ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุน เฉินเฉินก็ยังมีชีวิตอยู่ เขากลับมายังสำนักเทียนหยุนพร้อมกับการได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

“เฉินเฉินยังมีชีวิตอยู่!”

 

ในสาขาสอง หยวนฉิงเทียนขดตัวอยู่ตรงมุมห้องอย่างตื่นตระหนก มันเหมือนกับว่าเขาได้รับบาดแผลทางจิตใจอย่างหนักหน่วงมา

 

อันเฉินและอันฉิงที่อยู่ข้างเขาพยายามที่จะปลอบประโลม แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรเลยสักนิด

 

เมื่อถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดวิญญาณทั้งสองคน โจวเฟิงและโจวฉาน

 

หลังจากตรวจดูหยวนฉิงเทียนแล้ว โจวฉานและโจวเฟิงต่างส่ายหัว

 

“นายน้อยของสาขานั้นตื่นเต้นมันเป็นเพราะเฉินเฉิน เนื่องจากว่าทะเลจิตของเขาถูกทำลายลงไป จนมันทำให้เขานั้นเอาแต่ครุ่นคิดถึงแต่เฉินเฉิน อาการป่วยทางจิตของเขาจะรักษาได้ก็จริง แต่ข้าเกรงว่ามันมีหนทางเดียวคือการจัดการเฉินเฉินด้วยตัวของเขาเองเนี่ยสิ”

 

“ไม่! ผมจะไม่สู้กับเฉินเฉิน! เขาหน้าด้านมากเกินไป!” หยวนฉิงเทียนคำรามออกมา ตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

ไม่กี่ชั่วขณะต่อมา หยวนฉิงเทียนก็กลับมาเป็นปกติและความกลัวในดวงตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นความมุ่งมั่น

 

คนที่ยอดเยี่ยมนั้นจะมีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำไปทั้งหมดและสภาพสติปัญญาของเขากลายเป็นเด็กแล้วก็ตามที ความมุ่งมั่นและความไม่ย่อท้อของเขายังคงเหมือนเดิม

 

ตั้งแต่ที่เขาอยู่ในสำนักอู๋ซิ่นมากว่าสิบปี หยวนฉิงเทียนก็เป็นคนที่มีความอดทนสูงมากและเขาก็กล้าหาญมากพอที่จะเผชิญหน้ากับปีศาจในจิตใจของเขาเอง

 

เมื่อเห็นหน้าตาของเขาแล้ว อันเฉินและอันฉิงต่างใจชื้นขึ้นมา

 

บึ้ม!

 

แต่ว่าวินาทีต่อมานั้นเอง หยวนฉิงเทียนก็ล้มลงคุกเข่าทั้งสองข้างลงต่อหน้าเฉินเฉิน

 

“ศิษย์พี่! ถ้าท่านสามารถจัดการข้าได้ในการโจมตีครั้งเดียวได้แล้ว ท่านจะสามารถจัดการกับเฉินเฉินได้อย่างแน่นอน ศิษย์พี่ ได้โปรดให้ข้าได้อยู่ข้างท่านและได้เรียนรู้วิชาจากท่านเพื่อเอาชนะปีศาจในจิตใจข้าด้วยเถิด!”

 

เฉินเฉินพูดไม่ออกกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

 

‘เจ้ากำลังให้ข้าสอนวิธีที่เอาชนะตัวของข้าเองเนี่ยนะ? เพ้อฝันเกินไปแล้ว!’

 

ยังไงก็ตาม อันเฉินและอันฉิงที่อยู่ด้านข้างต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น

 

พวกเขาต่างพึมพำออกมา “มันคล้ายกันมากเลย! ยี่สิบปีก่อน ฉิงเทียนก็คุกเข่าต่อหน้าเจ้าสำนักคนก่อนและอ้อนวอนเขาให้ได้มีโอกาสเข้าไปในดินแดนลึกลับ! ในเวลานั้นเอง ฉิงเทียนก็มีข้อขัดแย้ง เนื่องจากการทะเลาะกันของครอบครัว เขาธรรมดามาก แต่เจ้าสำนักนั้นประทับใจกับเขา

 

“ในตอนสุดท้ายแล้วเขายังได้รับวิชาพลางตัวศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนลึกลับ….ไม่เพียงแค่เขาจะสามารถแก้แค้นครอบครัวของเขาได้แล้ว เขาจะได้อาสาที่จะไปยังรัฐจินอีก…”

 

เฉินเฉินพูดไม่ออก

 

เมื่อเห็นเฉินเฉินดูไม่ได้ใส่ใจอะไร อันฉิงและอันเฉินต่างอ้อนวอนเขาด้วยเช่นกัน

 

“นายน้อยครับ ฉิงเทียนกำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางเก่าของเขาและบางทีสภาพจิตใจและความคิดของเขาอาจจะเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วด้วยก็ได้ พวกเราไม่กล้าที่จะหวังให้ท่านสอนเขาด้วยวิชาขัดเกลาร่างกาย แต่พวกเราหวังว่าจะให้เขาได้ติดตามท่านไป ได้โปรดตอบตกลงด้วยครับ นายน้อย!”

 

“อืม…” เฉินเฉินตอบออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

วิชาพลางตัวศักดิ์สิทธิ์ของหยวนฉิงเทียนนั้นยิ่งทรงพลังกว่าแต่ก่อนและจุดอ่อนของเขานั้นมีเพียงแค่ตอนที่เขาโจมตีเท่านั้น

 

นั่นหมายความว่าเขาไม่โจมตีจะไม่มีใครพบเจอ

 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครก็ตามพยายามที่จะแอบดูแล้ว พวกเขาก็จะสามารถแอบดูได้เป็นเวลานาน ตราบเท่าที่พวกเขาอยู่เฉยๆ

 

วิชาแบบนี้มันมีประโยชน์กับเขา แน่นอนว่าเฉินเฉินจะไม่ใช้มันเพื่อแอบดู

 

“ขอบคุณมากครับท่านศิษย์พี่! ถ้าท่านมีคำสั่งอะไรในอนาคต ข้าจะทำอย่างดีที่สุด ตราบเท่าที่ข้าทำได้!”

 

หยวนฉิงเทียนตื่นเต้นมาก หลังจากการต่อสู้เมื่อครั้งก่อน ชายที่ตัวโตและไร้เทียมทานก็โผล่ขึ้นมาในความคิดของเขา

 

เขาคนนั้นคือเฉินเฉินที่สวมหน้ากาก!

 

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดถึงชื่อที่หวาดกลัวนี่แล้ว เขาคงรู้สึกโดนคุกคาม แต่ความกลัวที่อยู่ในหัวใจของเขาก็จะหายไปทันทีที่เขาคิดถึงแสงสีทองนั่น

 

เขาสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยแล้วเมื่อศิษย์พี่ตกลงที่จะยอมให้เขาติดตามไปด้วย

 

เฉินเฉินยิ้มและตบไหล่หยวนฉิงเทียนอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้ให้ใครตามข้าง่ายๆหรอกนะ ตั้งแต่ที่ข้ายอมให้เจ้าตามข้ามาแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าเอง ข้าการันตีได้เลยว่าตราบเท่าที่เจ้าทำงานขยันขันแข็ง เจ้าจะเอาชนะเฉินเฉินได้อย่างแน่นอน!”

 

“ขอบคุณครับศิษย์พี่!” หยวนฉิงเทียนตื้นตันใจมาก เขาขอบคุณเฉินเฉินอย่างมาก

 

ทั้งสองคนต่างมองตากันและเงียบงัน

 

‘ในอนาคต ข้าจะให้เขาท้าชิงข้าและข้าจะยอมแพ้ทันที นั่นก็ไม่ใช่การผิดสัญญาใช่ไหม?’ เฉินเฉินคิดในใจและหันไปมองทางอื่น

 

 

วันต่อมา สาขาที่เหลือทั้งสามสิบกว่าต่างเริ่มจู่โจม ยกเว้นสาขาแรกและสาขาสอง

 

นอกจากนี้แล้ว ราชวงศ์ของรัฐโจวได้ส่งกองกำลังกว่าหนึ่งล้านคนเพื่อโจมตียังพื้นที่ของรัฐจินอีก ซึ่งยึดครองเมืองใหญ่แปดเมืองในเวลาแค่หนึ่งวัน

 

ทั้งแปดเมืองนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคืออาณาเขตของสำนักที่เข้าร่วมกับสำนักอู๋ซิ่น

 

สำนักเหล่านี้ต่างตกอยู่ในอันตรายและสำนักอู๋ซิ่นก็เริ่มวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

 

ในวันนี้ เฉินเฉินก็ได้มาถึงชายแดนของรัฐโจวและรัฐจินอีกครั้งหนึ่ง

 

โจวฉานและโจวเฟิงต่างเดินทางมาพร้อมกับเขา ควบคู่ไปกับหยวนฉิงเทียนที่ถือพัด

 

ผู้อาวุโสทั้งสองมองไปยังหยวนฉิงเทียนที่มีรอยยิ้มกว้างบนหน้า ทั้งสองต่างพูดไม่ออก

 

“นายน้อยครับ…นี่มันจะเหมาะสมเหรอครับ?”

 

“มันไม่มีอะไรไม่เหมาะสมหรอก เขาน่าจะมีความสุขกับการเป็นเด็ก พูดตามจริงแล้วสาขาที่สองได้บอกว่าประสบการณ์ในอดีตก่อนหน้านี้อาจจะไม่เหมาะสมกับการเติบโตของเขา” เฉินเฉินพูดอย่างสบายๆ

 

“ยังไงก็ตาม…เขาคือนักฆ่านะครับ”

 

“ตามคำพูดโบราณ ปราศจากการทำลาย มันจะไม่มีการสร้างขึ้นมา ถ้าพวกเราปล่อยให้เขาพัฒนาตัวไปเหมือนกับแต่ก่อน เขาก็จะเป็นเหมือนกับหยวนฉิงเทียนคนก่อนและมันก็จะไม่มีอะไรพัฒนา มันเป็นเรื่องยากที่จะให้คนๆหนึ่งเติบโตขึ้นและมีแรงมุ่งมั่น หลังจากที่เขาตายไป ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้!”

 

ผู้อาวุโสทั้งสองพูดไม่ออก ตั้งแต่ที่เฉินเฉินทำให้เซี่ยวอู่โยวถอยกลับไปได้ พวกเขาก็พบว่าเฉินเฉินนั้นโน้มน้าวใจได้ดีมาก นอกจากนี้แล้วคำพูดของเขายังเหมาะสมและน่าเชื่อถืออีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้

 

“พวกเราจะไปไหนกันต่อครับ?” โจวเฟิงถาม

 

“ไปยังสำนักเทียนหยุน พวกเขาอยู่ตัวคนเดียวแล้วและยังเป็นที่ที่สำนักอู๋ซิ่นต้องการจะยึดครองอีก ถ้าพวกเราไปยังสำนักเทียนหยุนแล้ว พวกเขาจะเริ่มระวังเกี่ยวกับเรา ด้วยเหตุนี้แล้ว สำนักเทียนหยุนจะรวมตัวกับสำนักพยัคฆ์ขาวและอีกสามสำนักที่เหลือ”

 

เฉินเฉินตอบกลับอย่างใจเย็น

 

แน่นอนว่าเขาเป็นคนเดียวที่รู้ความคิดของตัวเอง

 

เมื่อได้ยินคำพูดแล้ว โจวฉานและโจวเฟิงต่างเหมือนจะเข้าใจ

 

“ท่านฉลาดมากเลยครับ นายน้อย!”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง คำพูดคำเดียวต่างปรากฏขึ้นมาในหัวของพวกเขาพร้อมกัน

 

‘ทะเยอะทะยานและมีความสามารถ!’

 

‘นายน้อยของสาขาอาจจะยังเยาว์วัย แต่เขารู้ถึงสิ่งที่เขาจะต้องทำ แต่พวกเรายังไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของเขาในการมายังรัฐจินเลยด้วยซ้ำ’

 

ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาต่างรู้สึกว่าเฉินเฉินต้องการที่จะเผชิญหน้ากับสำนักอู๋ซิ่นจริงๆ

 

 

ยังไงก็ตามมันมีสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้

 

ในเวลานี้เอง เรือดำยักษ์พุ่งผ่านท้องฟ้าภูเขาเทียนหยุน มันปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าหวาดหวั่นออกมามาก

 

ยอดเขาทั้งหมดของสำนักเทียนหยุนต่างเปิดค่ายกลป้องกันภูเขาและลูกศิษย์ที่อยู่ในค่ายกลต่างมองไปที่เรือยักษ์บนท้องฟ้า

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินออกมาจากเรือ ใบหน้าของเขาซีดขาวและเขาดูเย่อหยิ่งมาก

 

“สำนักเทียนหยุน จงฟังให้ดี! พวกเจ้ามีเวลาครึ่งวันในการรวบรวมผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐานและตามข้ามายังแนวหน้าเพื่อต่อสู้กับสำนักอสูร ไม่อย่างงั้นแล้ว วันนี้จะเป็นจุดจบของสำนักเทียนหยุน!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด