ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 32: เจ้าผักบุ้งน้อย
เมื่อคำชื่นชมของจางจีต่อเฉินเฉินยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความคิดของเฉินเฉินก็เริ่มที่จะล่องลอยไปไกล
ถ้าเขากลายเป็นหมอระดับตำนานจริงๆ โดยการพึ่งพาเพียงแค่ระบบตรวจสอบ ถ้าเขาไปที่อื่นจะเป็นยังไงกัน?
ถ้าเขาอยู่ในห้องครัว เขาจะรู้ทันทีว่าอาหารประเภทไหนเหมาะที่จะผสมกันและกัน เพื่อที่จะได้เสริมสร้างสารอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด
ถ้าเขาไปยังร้านตัดเสื้อ เขาจะรู้ว่าเสื้อประเภทไหน ใส่แล้วเข้ากัน เพื่อที่จะทำให้คนๆนั้นดูดีที่สุด
อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเขาไปที่ซ่องแล้ว เขาก็จะรู้ว่าหญิงสาวคนไหนเหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด ในด้านความยาว ความลึก…
“เอ้ย! ข้าคิดเรื่องบ้าอะไรกันอยู่วะเนี่ย”
เฉินเฉินตื่นตระหนก เขารีบดึงตัวเองกลับออกมาจากความเพ้อฝันไร้สาระ
ยังไงก็ตาม เขาได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเขาไปถึงสถานที่แห่งไหนสักแห่ง เขาจะลองใช้ระบบทดสอบดูว่ามันใช้งานได้แบบนั้นหรือเปล่า
..
“ก้อนหินผสมหยก +1”
“ผลไม้ที่มีพิษรุนแรง +1”
“ดินที่มีพลังปราณ +1”
“รากต้นไม้ที่แฝงไปด้วยแก่นดิน +1”
…
ครึ่งวันต่อมา เฉินเฉินและเพื่อนร่วมพ้องเขาต่างเดินทางไกลนับร้อยกิโลเมตรก็มาหยุดอยู่สถานที่ดูแลม้า หนึ่งในสองรถเกวียนที่ว่างเปล่าตอนแรกก็เต็มไปแล้วครึ่งหนึ่ง
รถเกวียนเต็มไปด้วยของป่าทุกอย่างที่เฉินเฉินพบเจอ
สายตาของคนดูแลม้าเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขามองไปยังเฉินเฉิน มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังมองไปที่ยังพวกปัญญาอ่อนอยู่
คนเลี้ยงม้าเข้าใจเกี่ยวกับรถเกวียนที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและผลไม้ ยังไงก็ตาม ไอ้การขุดดินแล้วโยนเข้าไปในรถเกวียนนี่มัน?
มันมีแม้แต่กระทั่งก้อนหิน ซึ่งมันหนักหลายสิบกิโลกรัมเลยด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าม้ามันจะเหนื่อยบ้างหรือไง?
แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรออกมา สุดท้ายแล้วเฉินเฉินก็เป็นเซียน เขาอาจจะมีเหตุผลที่พวกเขาไม่เข้าใจ
จางจีไม่ได้ตั้งคำถามด้วยเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่เฉินเฉินนำของกลับมา เขาก็จะประหลาดใจไปสักพักหนึ่ง ในบางครั้งบางคราว เขาก็ทำตัวเหมือนกับว่าเขาประหลาดใจ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาคิดเกี่ยวกับอะไร
เมื่อพวกเขามาถึงที่พักแห่งนี้ มันก็เป็นช่วงเวลาสองถึงสามทุ่มแล้ว
“มีใครในที่แห่งนี้ที่มีความคิดชั่วร้ายไหม?”
เฉินเฉินถามขึ้น เขาลุกขึ้นยืนอยู่ตรงใจกลางของที่พัก
มันเหนื่อยล้าเกินไปที่จะพยายามป้องกันต่อทุกคน มันเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือกว่าที่จะถามคำตอบนี้กับระบบ
“มันไม่มีค่ะ” ระบบตอบกลับ
เฉินเฉินมองไปที่จางจีได้ยินคำตอบนี้และตอบกลับ “พวกเราสามารถไปนอนอย่างเงียบสงบคืนนี้ได้”
“เอิ่ม พวกเราจำเป็นต้องมีคนเฝ้ายามไหม?” จางจีสงสัย
“ไม่จำเป็น เมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่หรอก”
“เอาละ…” จางจีตกลงอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
พูดอย่างซื่อสัตย์แล้ว เขายังตื่นตัวอย่างมากภายใน
ช่วงต้นเดือนสิงหาคมเป็นวันที่สำนักเทียนหยุนจะเปิดรับสมัครศิษย์นอกสำนัก เด็กหนุ่มทั้งหมดในเขตจีต่างโหยหาที่จะเดินบนเส้นทางเซียนและคนเหล่านี้ต่างมีความมั่นใจและมีเงินมากพอที่จะเดินทาง พวกคนเหล่านี้ที่มีเงินมากพอที่จะเดินทางก็เป็นลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวยกันทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มที่ร่ำรวยเหล่านี้ต่างเป็นเป้าหมายชั้นยอดสำหรับเหล่าโจรและนักปล้น
อีกอย่างหนึ่ง ควบคู่ไปกับนักปล้นและโจรแล้ว กลุ่มของคนดีจะออกมาซ่อนตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อแสร้งเป็นโจรเพื่อปล้นชิงสิ่งของจากนักเดินทาง เพื่อป้องกันการโดนล้างแค้น เด็กหนุ่มร่ำรวยที่เป็นเหยื่อส่วนใหญ่ต่างถูกสังหารทิ้ง เพื่อปกปิดร่องรอย
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มเด็กหนุ่มที่ร่ำรวยซึ่งมาจากเมืองใหญ่จะเดินทางกันเป็นกลุ่มและจำวนของบอดี้การ์ดของพวกเขาจะมีจำนวนเกินกว่าหนึ่งร้อยคน
ยังไงก็ตาม สำหรับคนอย่างจางจีที่เดินทางมาจากเมืองเล็กแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก มันไม่ได้มีคนจำนวนมากเท่าไหร่ที่มาจากบ้านนอกอย่างเขา ซึ่งมีเจตนาที่จะไล่ตามเส้นทางของการฝึกตน
ถ้าจางจีไม่ได้รับเหรียญตรามาจากสำนักเทียนหยุดก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมันเป็นสัญญาว่าเขาจะได้รับการเข้าสู่สำนักเทียนหยุน เมื่อเขามาถึงรัฐจีแล้ว มันคงไม่มีทางเลยที่เขาจะยินยอมรับความเสี่ยงนี้
…
เขาก็เลิกคิดต่อ จางจีเหลือบตามองไปที่เฉินเฉินและเขาก็รู้สึกถึงความปลอดภัย
“โชคดีที่พี่เฉินอยู่ที่นี่ พี่ได้ช่วยข้าไว้ถึงสองครั้งสองคราแล้ว ข้าไม่รู้ว่าท่านพี่จะช่วยข้าอีกกี่ครั้งในอนาคต เฮ้อ จางจีได้ติดหนี้ชีวิตพี่ไว้ทั้งชีวิตเลย พี่เฉิน”
จางจีส่ายหัวและเดินกลับไปยังห้อง พวกเขาจะต้องลุกขึ้นตั้งแต่รุ่งสางเพื่อออกเดินทางต่อ นั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องนอนพักบ้างแล้ว
…
เมื่อเทียบกับอารมณ์ที่กังวลของจางจีแล้ว เฉินเฉินผ่อนคลายอย่างมาก เมื่อกลับมายังห้องที่ถูกจัดไว้โดยที่พักแล้ว เขาก็หยิบพืชสีชมพูเล็กออกมา
เขาได้ขุดพืชสีชมพูเล็กนี้ออกมาจากข้างถนน มันเหมือนกับผักบุ้งธรรมดาทั่วไป
ยังไงก็ตาม แม้ว่ามันจะดูเหมือนผักบุ้งธรรมดาทั่วไป มันก็ยังได้รับการยืนยันจากระบบว่าเป็น ผักบุ้งที่มีสติปัญญาเสียแล้ว
“แม้แต่ผักบุ้งนี่ก็ยังมีสติ นี่มันโลกที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้กันเนี่ย”
หลังจากพูดออกมา เฉินเฉินก็หยิบ ‘ก้อนหินที่บรรจุไปด้วยหยก’ ออกมาจากกระเป๋าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้
เขาก็หยิบมีดที่ได้รับมาจากห้องเก็บสมบัติและใช้มันเปิดหิน หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็เปิดรูขนาดใหญ่ได้ ซึ่งมันเปิดเผยให้เห็นถึงมรกต
ในโลกก่อนหน้านี้ของเฉินเฉิน เจ้าก้อนหินอย่าง ‘หินที่บรรจุไปด้วยหยก’ นี้สามารถที่จะขายได้อย่างน้อยก็สิบล้าน มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่หาได้ยากมากจนโอกาสที่จะพบเห็นมันแทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว
ยังไงก็ตาม ตราบเท่าที่เฉินเฉินดูแล้ว เขาก็ไม่ได้พลาดอะไรมากไปสักเท่าไหร่
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกตน เขาก็ได้เน้นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการฝึกตนก่อนเป็นอันดับแรกและเลิกสนใจเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองไปเลย
หลังจากที่ขุดรูออกมา เฉินเฉินก็หยิบก้อนดินมาจากกระเป๋าเช่นเคย
นี่คือ ‘ดินที่บรรจุไปด้วยพลังปราณ’
หลังจากที่รดน้ำมันเสร็จ เจ้าผักบุ้งนี้ก็ดูมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด
“น่าสนใจดีนี่!”
แทนที่จะสนใจมรกตนั่น เฉินเฉินกลับสนใจเจ้าผักบุ้งที่แปลกประหลาดนี่มากกว่า
“เจ้าผักบุ้งน้อย เจ้าเข้าใจคำพูดที่ข้าพูดไหม?”
เฉินเฉินถามเจ้าผักบุ้ง
เมื่อเขาพูดกับผักบุ้งกลางดึก เฉินเฉินรู้สึกตัวเองกลายเป็นไอ้โง่ชอบกล ถ้ามันเกิดขึ้นในชาติก่อนแล้ว เขาคงจะต้องถูกพาไปโรงพยาบาลจิตเวทแน่นอน
ยังไงก็ตาม ในช่วงเวลานี้ เจ้าผักบุ้งขยับสั่นไหวไปมา
ตาของเฉินเฉินโตขึ้น ต้องบอกก่อนว่าเขาได้ปิดประตูและหน้าต่างทุกบานก่อนที่จะทำสิ่งที่โง่เง่านี้
นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่เป็นเพราะลม
เจ้านี่ขยับตัวงั้นเหรอ?
มันขยับตัวด้วยเองละ!
“โว้ว นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? น่าสนใจจริง โคตรน่าสนใจเลย ลองขยับให้ข้าดูอีกรอบหนึ่งสิ!” เฉินเฉินพูด เขาลูบไปที่เจ้าผักบุ้งอย่างอ่อนโยน
วินาทีต่อมา เจ้าผักบุ้งก็ขยับตัวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เฉินเฉินจะได้ประหลาดใจ กิ่งไม้ของเจ้าผักบุ้งมันงอตัวลงและดอกไม้ก็หันหน้าหนีจากทิศของเฉินเฉิน มันเหมือนกับว่ามันกำลังเขินอายอยู่
เฉินเฉินพูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ข้าโอเคดีนะกับเจ้าหมูที่มันเข้าใจภาษามนุษย์หน่ะ แต่เจ้าผักบุ้งก็ทำได้ด้วยเหรอ?”
เฉินเฉินตกใจมาก
หลังจากสังเกตดูอีกครั้งหนึ่ง เขาอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “เจ้าพุ่มไม้น้อย ข้าจะเรียกเจ้าว่าเจ้าดอกไม้น้อยแทนนะ เมื่อข้าไปยังสำนักเทียนหยุน เจ้าจะตามข้าไปฝึกตนละ”
เขาไม่มั่นใจว่าเจ้าผักบุ้งจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า แต่มันหันหน้ากลับมาหาเฉินเฉิน
เฉินเฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นเจ้าดอกไม้น้อยหันกลับมา เพียงไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ทุบหินต่อมา หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง หยกด้านๆก็ถูกแกะสลักกลายเป็นแจกัน
หลังจากแกะสลักหินเสร็จ เฉินเฉินก็ทำความสะอาดพื้นและวางเจ้าผักบุ้งไว้บนหัวเตียง
ก่อนที่เขาจะเตรียมนอนหลับอย่างสบายใจ มันก็มีเสียงควบม้าดังขึ้นจากด้านนอกที่พักซะอย่างงั้น
คอมเม้นต์