ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 83: ข้าดูเป็นคนแบบนั้นเหรอเนี่ย?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 83 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“มีการประกาศสำคัญ?”

 

เฉินเฉินยืนอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมหยีหลาน ความรู้สึกเลวร้ายก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา

 

เหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการรวมตัวกันของ 36 สำนัก ยังไงก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่าสำนักอู๋ซิ่นจะใช้อะไร

 

แค่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง… ปัง ปัง ปัง!

 

เสียงการมาถึงของรถม้าดังขึ้นจากระยะใกล้ แม้ว่าถนนของเมืองหลวงจะแข็งมากก็ตามที เฉินเฉินก็สัมผัสได้ถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือน

 

“พวกเรากำลังจะไปก่อสงครามแล้วเนี่ย! ชายโชคร้ายคนไหนกลายเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมากแบบนี้กัน?”

 

หลังจากพึมพำกับตัวเองไปสักพักแล้ว เฉินเฉินล่าถอยกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลาน เพื่อช่วยตัวเองออกจากความขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

“ฟิ้ว!”

 

ความวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากรถม้าหรูกว่าสิบคันจอดอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมหยีหลานอย่างเป็นระเบียบ

 

เมื่อได้ยินเสียงที่เกิดขึ้น หญิงสาวจากโรงเตี๊ยมหยีหลานต่างวิ่งออกมาอย่างตื่นเต้น

 

“นี่เป็นผลลัพธ์จากการเชิญผู้สืบทอดมาอาศัยในโรงเตี๊ยมเหรอเนี่ย? มันรวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

“มันมีแขกกี่คนที่มายังที่นี่เนี่ย?”

 

กลุ่มของหญิงสาวต่างปรึกษากันเอง ในขณะที่ก้าวออกมา ถึงแม้ว่าพวกเธอจะด้อยกว่าคนอื่น ไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่พวกเธอต่างขยันขันแข็งในการทำงานมาก

 

ยังไงก็ตาม ทันทีที่พกวเธอเดินออกมาและเห็นป้ายของรถม้าเหล่านี้ พวกเธอต่างถอยกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

 

‘บ้าอะไรกันเนี่ย? รถม้าเหล่านี้ต่างเป็นพวกหอโสเภณีชื่อดังกันทั้งนั้น! ทำไมพวกเขาถึงมายังที่อย่างโรงเตี๊ยมหยีหลานกันเนี่ย?’

 

“ข้าคือฮัวฮงหยางจากบ้านแดงเมามาย ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุน ผู้สืบทอดออกมาหาข้าจะได้ไหม?”

 

เสียงนุ่มนวลดังออกมาจากด้านนอกโรงเตี๊ยมหยีหลานและเฉินเฉินก็มีสายตาที่ไม่เชื่อกับสิ่งที่เขาเห็น

 

“พวกเขามาหาข้าเนี่ยนะ?”

 

ถึงแม้ว่าเขาจะประหลาดใจ เฉินเฉินก็ปรับสีหน้าของตัวเองและเดินออกมาอย่างช้าๆ

 

ทันทีที่เขาออกมาด้านนอกโรงเตี๊ยมหยีหลาน ผู้สืบทอดที่ดูเป็นสุภาพบุรุษ สง่างามก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“ทำไมพวกเจ้าถึงต้องการที่จะพบหน้าข้าด้วย?” เฉินเฉินถามอย่างเฉยเมย

 

หญิงสาวอายุสามสิบที่งดงาม แต่งตัวหรูหราที่มาจากบ้านแดงเมามาย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยไม่มีรสนิยมอะไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่นิ่งเฉยของเฉินเฉินแล้ว เธอก็ยิ้มและพูดออกมาเบาๆ “ผู้สืบทอดคะ ข้าอยากให้เชิญท่านให้ย้ายมายังบ้านแดงเมามายค่ะ สถานที่แห่งนี้มันย่ำแย่เกินไป มันไม่เหมาะสมกับท่านค่ะ ผู้สืบทอด”

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฉินเฉินเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง

 

“เจ้าก็อยู่ตอนที่ข้ามาถึงเมืองหลวงนี่นา ทำไมเจ้าไม่เชิญข้าตอนนั้นละ?”

 

แก้มของฮัวฮงหยานแดงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอไม่สามารถส่งเสียงออกไปตามที่เธอคิดได้

 

‘ข้าไม่ได้คิดมาก่อนนี่นาว่าจะมีผู้สืบทอดที่หน้าด้านเช่นเจ้าคนเดียวที่เลือกพักที่หอโสเภณี’

 

เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอ เฉินเฉินเยาะเย้ย “ข้าได้รับหินวิญญาณคนอื่นไปแล้ว ข้าจะคืนคำพูดได้ยังไง? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว!”

 

หลังจากพูดคำพูดเหล่านี้จบ เฉินเฉินหันกลับและเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมหยีหลาน ทันทีที่เขาหันกลับ เขาอดจะยิ้มออกมาไม่ได้

 

‘เจ้าเมินข้าวันนี้ วันรุ่งขึ้น เจ้าก็ต้อยต่ำเกินไปที่จะรับใช้ข้าแล้วละ!’

 

‘ไม่สิ! เจ้าเมินข้าไปตอนกลางวันและตอนนี้เจ้าก็มายกยอข้าไม่ได้หรอก!’

 

‘ฮ่าๆ!’

 

จ้องไปที่แผ่นหลังของเฉินเฉิน ฮัวฮงหยานมีความรู้สึกดูถูกอยู่ในหัวเธอ ‘เจ้าอาศัยอยู่ในหอโสเภณีด้วยเงินเพียง 300 หินวิญญาณเนี่ยนะ เจ้ากำลังด่าข้าเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ? ถุ้ย!’

 

ยังไงก็ตาม เธอยังเชิญชวนต่อไปอยู่ดี อย่างน้อยหอโสเภณีเล็กแห่งนี้ก็สามารถที่จะโอ้อวดได้แล้วว่าผู้สืบทอดอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว พวกเธอจะกลายเป็นตัวตลกไปทั้งวงการ เนื่องจากไม่สามารถเชิญชวนผู้สืบทอดมาให้พักได้

 

ด้วยความคิดนี้ในหัว เธอตะโกนออกมา “บ้านแดงเมามายยินดีที่จะมอบหินวิญญาณให้กับท่าน 1,000 ก้อนค่ะ รวมทั้งหินวิญญาณ 300 ก้อนที่โรงเตี๊ยมหยีหลานมอบให้ก็จะถูกจ่ายโดยบ้านแดงเมามายค่ะ!”

 

เธอไม่เชื่อว่าผู้สืบทอดที่หน้าด้านคนนี้จะละทิ้งหินวิญญาณพันก้อนเพื่อสามร้อยก้อนนั่นหรอก!

 

ยังไงก็ตาม ทันทีที่เธอพูดเสร็จ ผู้อาวุโสข้างเธอก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “บ้านดอกไม้พระจันทร์เสนอ 1,100 หินวิญญาณ!”

 

เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ตะโกนขึ้น “บ้านหลัวเซียงเสนอ 1,300 หินวิญญาณ!”

 

 

ในไม่กี่ชั่วครู่ต่อมา ราคาของมันก็เพิ่มสูงขึ้นไปถึง 2,000 หินวิญญาณ!

 

เฉินเฉินรู้สึกมีความรู้สุข เขาคิดกับตัวเอง ‘นี่เป็นราคาที่เทียบเท่าได้กับเย่หวู่เชิงเลยนี่นา’

 

ฮัวฮงหยานมองไปที่คู่แข่งของเธอ ใบหน้าของเธอแดงฉานด้วยความโกรธ เธอรู้ดีว่าพวกเขากำลังจะสร้างปัญหาให้กับเธออยู่!

 

“บ้านแดงเมามายขอเสนอ 2,500 หินวิญญาณค่ะ! ผู้สืบทอดคะ ท่านสามารถเลือกสาวงามสองท่านไปกับท่าน ตอนท่านไปจากที่นี่ได้ด้วยค่ะ!”

 

 

ภายในโรงเตี๊ยมหยีหลาน จิ่วเหนียงกำลังฟังการแย่งชิงเฉินเฉินกันอยู่ มันมีความเศร้าหมองในดวงตาของเธอ

 

เขาจะได้รับหินวิญญาณตั้ง 2,500 ก้อนและพาสองสาวไปด้วยได้อีก มันไม่มีใครที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ลงได้หรอก

 

มันต้องใช้เวลานานมากสำหรับบ้านแดงเมามายที่จะได้หินวิญญาณจำนวนนั้นได้ แต่ชื่อเสียงมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในวงการนี้

 

“ไสหัวไป! ข้าไม่ต้องการหินวิญญาณ!”

 

ยังไงก็ตาม เสียงตะโกนจากภายในบ้านก็ขัดความคิดของเธอ จนทำให้เธอพูดไม่ออก

 

 

เหล่าผู้หญิงด้านนอกต่างตกตะลึง

 

‘มนุษย์คนไหนถึงพูดแบบนี้ออกมาได้กัน?’

 

‘เจ้าไม่ขาดหินวิญญาณ? แม้แต่ราชาของประเทศแห่งนี้ยังไม่กล้าที่จะพูดแบบนั้นออกมาเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเลย ผู้สืบทอดที่อาศัยในหอโสเภณีด้วยเงินเพียงแค่ 300 หินวิญญาณแบบนี้…’

 

ยังไงก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกเธอจะรู้สึกดูถูกต่อเฉินเฉิน มันก็ไม่ได้ถูกแสดงขึ้นไปบนใบหน้า

 

เพียงแค่พวกเธอกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้เฉินเฉินประทับใจ สาวนางหนึ่งก็ลงมาจากรถม้า

 

หญิงสาวคนนี้สวมชุดเดรสสีม่วงและถึงแม้ว่าจะเป็นสีสว่างสดใส มันกลับดูเรียบง่ายมากบนตัวเธอ

 

มันเป็นเพราะว่าเธอสวมงามจนทำให้ชุดของเธอดูหม่นหมองไปเลย!

 

เมื่อเห็นความงดงามที่เธอเผยออกมา ฮัวฮงหยานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

 

“สาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง กู่ฉินเจิ้ง!”

 

ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธออดที่จะล่าถอยกลับไปสองก้าวไม่ได้ มันแสดงให้เห็นถึงความเคารพต่อคนดังในวงการ

 

เธอเป็นสาวงามที่เป็นดาวเด่นของบ้านดอกไม้พระจันทร์ ซึ่งเป็นหอโสเภณีอันดับสองของประเทศ มันมีสาวงามแปดคนในบ้านแดงเมามาย แต่พวกเธอสามารถที่จะเอาชนะโดยการร่วมแรงร่วมใจกันเท่านั้น

 

“ผู้สืบทอดคะ…”

 

กู่ฉินเจิ้งเดินเข้าหาเฉินเฉินอย่างเชื่องช้า ทุกก้าวที่เธอเดินดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวา วิธีที่เธอเรียกเขาว่าผู้สืบทอดมันเป็นที่น่าดึงดูดใจมากและคำพูดของเธอก็ไพเราะดั่งกับเสียงเพลงของโลกใบนี้

 

‘ยอดเยี่ยมมาก!’ เฉินเฉินถอนหายใจและอุทานออกมาในใจ ถ้าสาวของโรงเตี๊ยมหยีหลานเป็นดั่งทองแดงและฮัวฮงหยานเป็นดั่งเงิน หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้คือทอง เพียงแค่เสียงของเธอก็ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนไหวแล้วละ

 

กู่ฉินเจิ้งเดินเข้าหาเฉินเฉิน ดวงตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความเศร้าสร้อยและเธอพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “ข้าจะไปหาคู่ชีวิตของข้าได้ที่ไหนกันในโลกใบนี้? ถึงแม้ว่ามันจะมี 36 สำนักในรัฐจิน ท่านเป็นผู้สืบทอดคนเดียวที่ยอมให้กับพวกเราที่ทำธุรกิจอันต้อยต่ำเช่นนี้ มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ข้ามาที่นี่เพื่อพบกับผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนที่พิเศษ..”

 

“ในตอนนี้เมื่อข้าได้เห็นท่านแล้ว…”

 

กู่ฉินเจิ้งที่ทำตัวน่าสงสารกลับเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน

 

ใบหน้าของสาวงามที่สุดมันสามารถที่จะทำให้ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความมั่นใจได้!

 

ผู้คนที่อยู่รอบข้างเธอต่างขนลุก สาวงามที่สุดในเมืองหลวงน่าหวาดกลัวเสียจริง! ทันทีที่เธอพูดออกมามันทำให้พวกเธอดูเป็นคนใสซื่อบริสุทธ์มาก

 

“และ?” เฉินเฉินถามอย่างสงสัย

 

“ท่านเป็นสุภาพบุรุษ…” กู่ฉินเจิ้งพูดออกมาด้วยหน้าตาที่น่ารัก

 

“โอ้ พระเจ้า!” เฉินเฉินอดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้

 

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำพูดนี้มันพูดมาเพื่อเขา มันก็ดูนุ่มนวลอย่างมาก เมื่อเธอเป็นคนพูด!

 

“ข้าสงสัยว่าท่านจะตามข้ามาที่บ้านดอกไม้พระจันทร์สักครู่หนึ่งจะได้ไหมคะ? ข้าต้องการที่จะแสดงความชื่นชมให้กับท่าน ถ้าท่านชอบโรงเตี๊ยมหยีหลานแล้ว ผู้สืบทอดคะ ข้าจะดูแลสถานที่แห่งนี้ในอนาคตให้เองค่ะ”

 

ในขณะที่เธอพูดออกมา กู่ฉินเจิ้งมองไปที่ป้ายของโรงเตี๊ยมหยีหลานด้วยความเห็นใจ

 

เฉินเฉินประหลาดใจ

 

‘ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงได้รับสมญานามว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง! หน้าตาและสติปัญญาของเธอเหมาะสมกับสมญานามนี้เสียจริง!’

 

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขากลืนน้ำลายและถาม “ถ้าข้าไปยังบ้านดอกไม้พระจันทร์ ข้าต้องจ่ายหินวิญญาณไหม?”

 

กู่ฉินเจิ้งปิดปากและหัวเราะออกมาอย่างนุ่มนวล “ผู้สืบทอดคะ ท่านและข้าต่างเป็นสหายและคนรู้จักกัน ทำไมจะต้องพูดถึงเรื่องเงินกันอีก? มันยากที่จะหาคนเชื่อใจเช่นนี้นะคะ”

 

หลังจากพูดเสร็จ เธอยิ้มกว้างออกมา

 

ผู้สืบทอดคนนี้ก็ไม่สามารถหลบหนีเงื้อมมือของเธอได้

 

เธอนั้นได้พบกับนักแต่งนิยายมาหลายต่อหลายคนก่อนที่เธอจะมาถึง เมื่อเวลามาถึง เธอก็ให้พวกเขาแต่งนิยายรักและแพร่กระจายไปทั่ว ลูกค้าของบ้านดอกไม้พระจันทร์จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที!

 

พวกเธออาจจะก้าวข้ามบ้านแดงเมามายในอนาคตด้วยก็ได้

 

เมื่อเธอเริ่มจินตนาการถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ใบหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาชี้ไปที่ถนนที่ไกลออกไป

 

“เจ้าต้องการให้เป็นพวกกินฟรีเนี่ยนะ? ข้าดูเป็นคนแบบนั้นหรือไง?! ไสหัวไป!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด