ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 99: ไม่ฆ่าบนสังเวียน
มันเป็นยามดึกในโรงเตี๊ยมหยานและเฉินเฉินยังคงมอบเลือดให้กับไข่เต่าดำ
เมื่อเปรียบเทียบกับวันก่อนหน้านี้แล้ว มันมีรอยแตกบนไข่เต่าดำและมันดูเหมือนว่าใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงสองสัปดาห์กว่าที่มันจะฟักตัว
“เจ้าดื่มเลือดข้าไปทุกวันแบบนี้แล้ว เจ้าจะต้องมีสายเลือดของข้าด้วยใช่ไหม? ข้าจะมอบชื่อเจ้าว่าอะไรกันดีนะ?”
“ลูกเต่าละเป็นไงบ้าง?”
ในขณะที่โดนหมางเมิน เฉินเฉินตระหนักได้ว่ามือของเขาเลิกเจ็บแล้ว เมื่อเขาเลือดแทบจะหมดตัวแล้ว เขาก็ดื่มน้ำซุปที่มาจากอันจิ่วเหนียงเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเขา!
ติ๊ง ติ๊ง….
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เมื่อเห็นดังนี้แล้ว เฉินเฉินเก็บไข่เต่าดำไปและเดินไปเปิดประตู
“ศิษย์น้องซุน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
ซุนเทียนกังที่ยืนอยู่หน้าประตูดูมีสีหน้าที่เป็นกังวล
“ผู้สืบทอดครับ จางจียังไม่กลับมาเลย”
เมื่อได้ยินมัน เฉินเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไปนานกว่าสองชั่วโมงแล้ว คนที่ฝึกตนจะเดินไปมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจางจีน่าจะกลับมานานแล้ว
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับจางจีที่ออกไปเดินเล่นในตลาดมืด
จางจีเป็นคนที่ใสซื่อและงานอดิเรกหลักของเขาคือการอ่านหนังสือหรือการฝึกตน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฉินอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
จางจีมีหินวิญญาณถึงหนึ่งหมื่นก้อนติดตัวอยู่ ดังนั้นเขาไม่ได้โดนปล้นไปใช่ไหม?
“ศิษย์น้องซุน รอข้าที่นี่ก่อน ข้าจะเดินไปดูที่โรงพนัน”
“ครับ ข้าจะใช้เหรียญตราสื่อสาร ถ้าเขาเดินกลับมาแล้ว” ซุนเทียนกังตกลง
เฉินเฉินพยักหน้าและหันเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมหยีหลาน
….
ในตอนกลางคืน เมืองหลวงคึกคักมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนของโรงเตี๊ยมและโรงพนันที่ตั้งอยู่ พวกมันต่างส่องสว่างสดใสมาก ผู้คนมากมายต่างเดินเข้าออกกันอย่างพลุกพล่าน
เฉินเฉินขมวดคิ้วแล้วเขาก็ใช้ระบบ
ยังไงก็ตามเขาหาอะไรไม่เจอเลยสักนิด ระหว่างเดินไปยังโรงพนัน
โชคร้ายที่ระดับการฝึกตนของจางจีมันอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีเหรียญตราสื่อสาร ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงจะหาตัวได้ง่ายกว่านี้
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นไปเท่าไหร่ เฉินเฉินถอนหายใจออกมา
โชคดีที่จางจีเป็นที่ถูกรักของสวรรค์เบื้องบน เขาเกิดมาพร้อมกับการได้รับการอวยพร ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงไม่มีจิตใจที่มุ่งมั่นขนาดนั้น
เขาเข้าไปในโรงพนันและถามพนักงาน เมื่อได้ยินมาว่ามีคนเดินมาพนันหินวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน เขาก็โล่งใจ
‘มันเป็นเรื่องที่ดีที่เขาได้จ่ายหินวิญญาณไป อย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกโจรปล้นไป’
เพียงแค่เฉินเฉินกำลังจะเดินกลับไปตามหาเขาต่อ เหรียญสื่อสารก็ส่องสว่างขึ้น
มันเป็นข้อความจากซุนเทียนกัง
“ศิษย์พี่ จางจีกลับมาแล้ว…แต่ว่า..”
คำพูดของเขาดูเบาบางและประโยคของเขาดูพูดออกมาอย่างยากลำบาก หัวใจเฉินเฉินจมดิ่งเลย เขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
‘มันเหมือนว่ามีเรื่องเกิดขึ้น คนร้ายอย่าให้ข้ารู้นะว่าเป็นใคร!’
เฉินเฉินบินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานโดยไม่มีความลังเลใจ เขาเดินมาถึงทางเข้าโดยเพียงไม่กี่ชั่วขณะ
เมื่อเขามาถึง เขาได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงในโรงเตี๊ยมหยีหลาน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้แล้ว เฉินเฉินรู้สึกตึงเครียดและเขารีบเดินเข้าไปในด้านใน
ด้านในสวน ซุนเทียนกังกำลังส่งพลังปราณไปให้กับจางจีที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ในตอนนี้ร่างของจางจีโชกไปด้วยเลือดและเขาดูไม่มีแรงขยับตัวเลยสักนิด เขาไม่ได้แตกต่างไปจากศพเลยด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เฉินเฉินหายใจเข้าลึกและเก็บกักความโกรธเอาไว้ ก่อนเขาจะตะโกนออกมา “หลบไป!”
เมื่อซุนเทียนกังเห็นเฉินเฉิน เขารีบเดินหลบทางไปให้ มันเหมือนกับเฉินเฉินเป็นอาจารย์และเสาหลักที่คอยช่วยเหลือเขา
เมื่อเห็นว่าจางจีสภาพมันน่าสงสารขนาดไหน เฉินเฉินหยิบน้ำระฆังสวรรค์ในขวดเล็กออกมาจากแหวนเก็บของโดยไม่ลังเลใจ เขาส่งมอบไปให้กับจางจี
คลื่นกำลังชีวิตเข้าไปในร่างกายของจางจีอย่างมากมาย มันเหมือนกับอาการบาดเจ็บภายในของเขาฟื้นตัวขึ้นได้ด้วยตาเปล่า
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเลิกร้องไห้ พวกเธอมองไปที่เฉินเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัว
‘นี่มันคือการเป็นเซียนสินะ!’
ยังไงก็ตามเฉินเฉินเมินสายตาพวกเธอไปและถามออกมาอย่างเงียบงัน “เขากลับมาได้ยังไงกัน?”
เขาตรวจสอบร่างกายของจางจีและตระหนักได้ว่ามันมีรอยแตกหักของกระดูกหลายส่วนในร่างกาย มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะกลับมาแบบมีชีวิตโดยอาการบาดเจ็บแบบนี้
“เขาถูกทิ้งไว้หน้าประตู คนร้ายก็หายไปแล้วเมื่อข้าพบกับเขา” ความโกรธในดวงตานั้นของซุนเทียนกังแทบจะระเบิดออกมา เขาก้มหัวลงและมีเสียงสะอึกสะอื้นออกมา
“ศิษย์พี่เฉินเฉิน ศิษย์ ศิษย์น้องจางจี….จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไป”
“อะไรนะ?!”
เมื่อได้ยินมัน เสียงของเฉินเฉินดูตื่นตระหนกและสูงขึ้น เขารีบสัมผัสไปที่ท้องของจางจี เขาตระหนักได้ว่ามันไม่มีพลังปราณในจุดตันเถียนของเขาเลย มันไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยสักนิด
‘จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไปจริงด้วย!’
จุดตันเถียนไม่ได้เป็นอวัยวะที่จับต้องได้ แต่มันนั้นไม่สามารถจับต้องได้และมองไม่เห็น ซึ่งมันไม่สามารถถูกซ่อมแซมโดยพลังชีวิตหรือพลังปราณ
น้ำระฆังสวรรค์อาจจะช่วยรักษาหัวใจและแขนขาให้งอกกลับมาได้ แต่มันไม่สามารถซ่อมแซมจุดตันเถียนได้
บางทีมีเพียงสิ่งของบางอย่างที่คล้ายกับผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์ที่สามารถซ่อมแซมจุดตันเถียน
เส้นทางการฝึกตนของจางจีอาจจะดำเนินต่อไปได้ ถ้าเขายกเลิกการฝึกเป็นเซียนและเปลี่ยนไปฝึกเส้นทางอื่น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หัวใจของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
จางจีเป็นที่รักของสรวงสวรรค์ ดังนั้นเฉินเฉินจึงคิดอยู่ตลอดว่ามันจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของจางจีเลยสักนิด ในความเป็นจริงแล้วเขาปล่อยให้เขาไปทำสิ่งที่อันตรายหลายต่อหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่นการพาเขามายังเมืองหลวงแบบนี้
ในตอนนี้ มันเหมือนกับว่า…
เขาล้มเหลวที่จะปกป้องจางจี
แค่ก แค่ก
เสียงไอดังขึ้นรบกวนความคิดของเฉินเฉิน จางจีเปิดตาอย่างเชื่องช้าและยิ้มกลับมาให้กับเขา เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชาของเฉินเฉิน
“พี่ใหญ่…ข้าคงจะไม่ตายแล้วละ”
“เจ้ายังยิ้มอยู่ได้อีกนะ จุดตันเถียนเจ้าถูกทำลายไปเนี่ยนะ! บอกข้ามาว่าใครเป็นคนทำ?” เฉินเฉินตะโกนออกมา
“มันเหมือนกับเป็นผู้สืบทอดที่ติดตามฉีปู่ฝานไปครับ ข้ามองเขาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เขาโจมตีอย่างรวดเร็วมาก”
ในขณะที่พูดออกมา จางจีหยิบตั๋วพนันที่เปื้อนไปด้วยเลือดวางลงในมือของเฉินเฉิน
“พี่ใหญ่ โชคดีที่เขาไม่ได้เอามันไป มันมีค่าหินวิญญาณมากกว่าแสนก้อนอีกนะ…ข้ากลัวแทบตายแหนะ”
เมื่อเห็นตั๋วพนันที่เปื้อนเลือด เฉินเฉินก้มหัวลงและตาของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย
“ฉีปู่ฝาน!”
เมื่อถึงจุดนี้เอง เขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมฉีปู่ฝานถึงไม่ได้ฆ่าจางจีและทิ้งเขาไว้ที่ทางเข้าโรงเตี๊ยมหยีหลาน หลังจากที่ทำลายจุดตันเถียนของเขาไปแล้ว!
‘นี่เป็นการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด!’
‘ฉีปู่ฝานทิ้งจางจีให้มีชีวิตรอดเพื่อที่จะให้ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนทำ!’
‘โอหังยิ่งนัก!’
“พี่ใหญ่ ไปล้างแค้นให้ข้าในการประลองจัดอันดับพรุ่งนี้ด้วย ในอนาคต ข้าคงไม่สามารถฝึกตนได้แล้ว ข้าคงทำได้แต่เรื่องทั่วไปให้กับท่านแล้วละ”
ตาของจางจีดูหม่นหมองลงมาก
ประสิทธิภาพของน้ำระฆังสวรรค์มันดีมาก ในจุดนี้เอง อวัยวะภายในส่วนใหญ่ของเขาได้ฟื้นตัวและกระดูกที่แตกหักของเขาก็เริ่มเชื่อมต่อกันแล้ว
จางจีไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บ เขาตรวจพบว่าจุดตันเถียนของเขาถูกทำลายลงไปแล้ว
เมื่อเขาคิดว่าเขาไม่สามารถฝึกตนได้อีกแล้วในอนาคต เขาตกอยู่ในความเศร้าเสียใจ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก มีข้าอยู่ทั้งคน จุดตันเถียนที่ถูกทำลายไปของเจ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ไม่นานข้าจะทำให้เจ้าได้ฝึกตนอีกครั้งหนึ่งเองละ”
หลังจากที่เขาพูดจบ เฉินเฉินปาดน้ำตาของเขา เขานั้นหงุดหงิดและอารมณ์เสียมาก ไม่เหมือนกับผู้สืบทอดที่ดูเย็นชาก่อนหน้านี้
เขาขาดหินวิญญาณหรือไง?
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ขาดเลยสักนิด ไม่ว่าจะหนึ่งหมื่นก้อนหรือหนึ่งแสนก้อน ของที่ดีจริงก็จะใช้หินวิญญาณซื้อไม่ได้อยู่ดี
สำหรับเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรกับการได้เงิน ยังไงก็ตาม จุดตันเถียนของจางจีถูกทำลายไปแล้วแบบนี้
มันทำให้เขารู้สึกผิดมาก
เขาเอาของหลายอย่างไปจากจางจี ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้ว ผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์นั้นเป็นของจางจี ถ้าไม่อย่างงั้นแล้วจางจีคงจะไม่เข้ามาที่สำนักเทียนหยุนแบบนี้
ยังไงก็ตาม จางจีที่ใสซื่อก็ยังคอยมองตามแผ่นหลังของเขาและปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นพี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะหลอกเขาไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ในตอนนี้จุดตันเถียนของจางจีถูกทำลายไป เพราะว่าเขาไปทำงานให้กับเฉินเฉิน
เขาจะไม่มีวันยอมแม้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
“จิ่วเหนียง ส่งคนพาจางจีกลับไปพักที่ห้องของเขาซะ”
เฉินเฉินหันกลับไปพูดกับอันจิ่วเหนียงด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว อันจิ่วเหนียงรีบเรียกสองสาวพาจางจีกลับไปที่ห้อง
“ศิษย์พี่ซุน ผู้อาวุโสจ้าวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นไหม?”
เฉินเฉินหันกลับไปมองที่ซุนเทียนกังอีกครั้งหนึ่ง
“ข้ายังไม่ได้บอกเขาเลย” ซุนเทียนกังส่ายหัว
เขากลัวว่าจะถูกผู้อาวุโสจางแห่งสำนักโยวฉุยเข้าใจผิด ผู้อาวุโสจ้าวกำลังอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ห่างออกไปอีกร้อยเมตร
ยังไงก็ตามเขาก็คุ้นชินกับการมีเฉินเฉินเป็นเจ้านายและเสาหลักแล้ว เขาจึงลืมผู้อาวุโสจ้าวไปเลย
“ดีมากที่เจ้าไม่ได้บอกเขา”
เฉินเฉินพ่นลมออกมาด้วยพลังปราณ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
การประลองจัดอันดับ 36 สำนักนั้นโหดเหี้ยมและทุกคนต่างสู้กันเอง เพื่อผลประโยชน์ของสำนัก เขาเข้าใจว่าทำไม แต่เขาไม่สามารถที่จะสู้กับคนอื่นอย่างจริงจังเพราะเรื่องนั้นได้
ยังไงก็ตามฉีปู่ฝานได้ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักของเขาที่อยู่เพียงแค่ขั้นสร้างลมปราณเท่านั้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการประลองจัดอันดับ
มันล้ำเส้นฟางเส้นสุดท้ายของเฉินเฉินเกินไป
“ศิษย์พี่ ท่านต้องการที่จะทำ…” ซุนเทียนกังอดที่จะถามออกมาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นเฉินเฉินปลดปล่อยออร่าที่น่าหวาดกลัวและมืดหม่นออกมา
“ข้าจะไปล้างแค้นให้กับน้องชายของข้า เขายั่วยุข้างั้นเหรอ? เขาไม่ได้อยากให้ข้ารู้หรือว่าเขาเป็นคนร้ายแบบนี้? เขาทำสำเร็จแล้ว แต่ข้าเกรงว่าเขาจะจ่ายสิ่งที่เขาทำไปไหวหรือเปล่าเนี่ยสิ”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉินจัดเสื้อของตัวเองและหยิบหนังสือออกมาจากแหวนเก็บของแล้วก็ส่งมันให้กับอันจิ่วเหนียง
“จิ่วเหนียง นี่คือหนังสือการจัดการธุรกิจที่ข้าเขียนไว้สักพักหนึ่ง ข้ากำลังจะมอบให้กับเจ้าตอนที่ข้าจากไป แต่มันเหมือนว่าข้าควรจะให้เจ้าตอนนี้เลยจะดีกว่า”
อันจิ่วเหนียงรับหนังสือไปและปิดปากของเธอไว้ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ
‘ผู้สืบทอดกำลังจะทำอะไรอยู่กัน!?’
ก่อนที่เธอจะเข้าใจ เฉินเฉินก็เดินไปทางประตูของโรงเตี๊ยมหยีหลานแล้ว
เมื่อเห็นดังนี้ อันจิ่วเหนียงไม่รู้ว่าเฉินเฉินจะทำอะไร เธอรีบตะโกนออกมา “ผู้สืบทอด ทำไมท่านถึงไม่จัดการฉีปู่ฝานในสังเวียนพรุ่งนี้ละกันคะ? ค่อยล้างแค้นเขาตอนนั้นก็ได้นี่!?”
เมื่อได้ยินดังนี้ เฉินเฉินหยุดเดิน
เขาพูดออกมาโดยไม่หันหลังกลับ “การฆ่ากันมันถูกห้ามบนสังเวียน”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ร่างกายของอันจิ่วเหนียงเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
ยังไงก็ตามเมื่อเธอตั้งสติได้ เฉินเฉินก็หายตัวไปเสียแล้ว
คอมเม้นต์