ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 105: ความโกลาหลครั้งใหญ่ในเมืองหลวง
ออร่าที่น่าหวาดหวั่นพวกนี้มีต้นตอมาจากชายแก่สามคน
ในทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้น ทั้งสามคนนี้ก็เข้าไปล้อมรอบฉงเย่และเริ่มตรวจดูอาการของเขา
“ฉงเย่” ชายแก่คนหนึ่งกระซิบ และออร่าจากร่างกายของเขาก็ไหลเข้าไปในตัวฉงเย่เหมือนกับคลื่นน้ำ
ชายแก่อีกคนได้นำสมบัติสวรรค์ทุกรูปแบบออกมาจากแหวนเก็บของของเขาและป้อนพวกมันให้ฉงเย่ ซึ่งตอนนี้สติกำลังค่อยๆเลือนราง สมบัติพวกนี้มีทั้งยาวิญญาณขั้นสูงอย่างโสม 10,000 ปีด้วย
ส่วนชายแก่คนสุดท้ายได้วางมือไปที่ข้อมือของฉงเย่ และตรวจสอบสภาพร่างกายของฉงเย่โดยละเอียด
“พวกเขาคือเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณ!”
ม่านตาของเฉินเฉินหดตัว และมองไปทางพวกเขาด้วยความประหลาดใจ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขายิ่งประหลาดใจมากกว่ากับความจริงที่ว่าหยวนฉิงเทียนสามารถกรีดเนื้อของฉงเย่ได้ในขณะที่พวกเขาถูกเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณจับตาดูอยู่
แน่นอนเหตุผลหลักก็เพราะว่าพวกผู้มีอำนาจระดับก่อกำเนิดวิญญาณนั้นมีความมั่นใจในตัวฉงเย่มากเกินไป และดูถูกความตั้งใจในการฆ่าของหยวนฉิงเทียน
มีดกลืนกินวิญญาณ พิษหนึ่งพันปี เวทมนตร์คำสาป และศพหนึ่งพันปีคือการผนึกกำลังกันของสี่สาขาแห่งสำนักอสูร
มันคือสิ่งที่เกินกว่าจะอดทนได้ตามที่คาดเอาไว้
แม้ว่าจะได้รับการคุ้มครองจากผู้มีอำนาจระดับก่อกำเนิดวิญญาณทั้งสามคน แต่ควันสีดำบนร่างของฉงเย่ก็มีแต่จะหนาขึ้นเรื่อย ๆ
ในท้ายที่สุดนั้น ควันสีดำก็ปะทุขึ้น!
ฟู่วว!
ด้วยเสียงอู้อี้ ทั้งร่างกายของฉงเย่ก็สลายเป็นควันสีดำ
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉินก็ถึงกับสั่นเล็กน้อย
‘นี่มันน่ากลัวชะมัด…
‘เขาถูกพิษตาย! เมื่อเช้านี้เขายังกร่างต่อหน้าข้าอยู่เลย แถมยังบอกด้วยว่ายอดฝีมือในรัฐจินมีแค่เขากับข้าเท่านั้น และตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว รัฐจินต้องซวยแน่ ๆ พระราชาองค์ใหม่สวรรคตลงหลังจากที่ขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นาน
‘ข้าก็บอกแล้วให้ลดความอวดดีซะบ้าง แต่เจ้าไม่ยอมเชื่อไง เยี่ยมไปเลย! ตอนนี้เห็นรึยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น
‘เห้อ ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะสาธุ!’ เฉินเฉินสวดภาวนาอยู่ในใจเพื่อเป็นการแสดงความเคารพครั้งสุดท้ายให้กับยอดฝีมือที่เก่งที่สุดแห่งรัฐจิน
ชายแก่อีกไม่กี่คนที่อยู่ข้างๆเหม่อลอยไปครู่นึงในตอนที่พวกเขาเห็นฉงเย่กลายเป็นควันสีดำ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ พวกผู้อาวุโสก็อดตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้!
“ดี! เยี่ยมไปเลย! สำนักอสูรแห่งรัฐโจว! ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายไปข้าง!”
เสียงนี้เหมือนกับฟ้าร้องดังสนั่น ทำให้แก้วหูของเฉินเฉินสั่นจนรู้สึกเจ็บ หลังจากนั้นในทันที เขาก็เห็นผู้อาวุโสกระแทกฝ่ามือใส่อากาศบนเวที
การกระแทกฝ่ามือของเขานั้นทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนและพลังปราณก็หมุนวนจนกลายเป็นมือที่ไม่สามารถทำลายได้ซึ่งพุ่งตรงไปหาหยวนฉิงเทียน
ดูเหมือนว่ามันจะอยากเปลี่ยนหยุนฉิงเทียนและซากของแท่นให้กลายเป็นผุยผง
ตูม!
การระเบิดอันน่าตกใจนี้ทำให้ทั้งพื้นที่ยุบลงไปประมาณเจ็ดหรือแปดเมตร อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสที่กระแทกฝ่ามือได้เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า
ณ ตอนนี้ มีคนๆนึงที่สวมเสื้อคลุมสีดำได้ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่เขามองอยู่ และกำลังแบกร่างที่ได้รับบาดเจ็บของหยุนฉิงเทียนพร้อมกับหัวเราะอย่างน่ากลัว
“ท่านบรรพบุรุษของสำนักอู๋ซิน เห็นศิษย์สุดที่รักของตัวเองโดนพิษฆ่าตายกับตารู้สึกยังไงบ้างหล่ะ?”
“ปีศาจทมิฬ เจ้ากล้าเข้ามาเหยียบในเมืองหลวงของประเทศนี้ได้ยังไง? ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ข้าจะใช้เลือดของเจ้ามาสังเวยให้กับศิษย์ของข้าที่ตายไป!”
บรรพบุรุษของสำนักอู๋ซินเดือดดาล
คนที่เขาเรียกว่าปีศาจทมิฬก็คือหัวหน้าสาขาที่สองของสำนักอสูรแห่งรัฐจิน ซึ่งมีระดับการฝึกตนอยู่ที่ขั้นกลางของก่อกำเนิดวิญญาณ ในด้านความแข็งแกร่งนั้นเขาด้อยกว่าท่านบรรพบุรุษเล็กน้อย
นอกจากนี้ ยังมีผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักอู๋ซินอีกสองคนอยู่กับเขา ดังนั้นการฆ่าปีศาจทมิฬจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ปีศาจทมิฬหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่า! เวลาของข้าคงเหลือน้อยแล้ว และข้าก็มาที่นี่โดยเตรียมใจที่จะไม่ได้กลับไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่คนของสำนักอสูรจะไม่ตายในสำนักเซียน”
เมื่อได้ฟังคำพูดพวกนี้ หยวนฉิงเทียนก็ส่งเสียงออกมา
“อาจารย์… นี่ท่าน!”
“ฉิงเทียน เจ้าฆ่าราชาองค์ใหม่ของรัฐโจว และสร้างความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ให้กับสำนักอสูร เจ้าสำนักจะเล็งเห็นถึงความสำคัญของเจ้าอย่างแน่นอน ถ้าเจ้ากลายเป็นราชาของรัฐโจวและผู้สืบทอดเจ้าสำนักของสำนักอสูร ข้าคงจะมีความสุขมาก”
หลังจากที่พูดจบ ปีศาจทมิฬก็โยนหยวนฉิงเทียนออกไปไกลมากๆ จากนั้นดาบสีดำสนิทก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างกะทันหัน มันแล่นผ่านอากาศและฟันผู้มีอำนาจระดับก่อกำเนิดวิญญาณทั้งสามที่อยู่บนสังเวียน
ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ดาบสีดำได้พุ่งผ่านแท่นสูงของ 36 สำนัก ซึ่งพังลงมาในตอนที่ธงของ 36 สำนักถูกตัดออก
แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ออร่าอันน่าหวาดหวั่นที่แผ่ออกมาจากดาบอสูรนั้นยังส่งผลกระทบกับผู้สืบทอดของ 36 สำนักและ 18 สำนักเล็กด้วย
ผู้สืบทอดเจ็ดหรือแปดคนที่อยู่แค่ขั้นกลางของสร้างรากฐานถูกฆ่าในทันที ในขณะที่พวกที่อยู่ขั้นท้ายของสร้างรากฐานได้รับบาดเจ็บหนัก
แม้กระทั่งเฉินเฉินก็ยังกระอักเลือดออกมาที่ตรงนั้น และแทบจะทรุดลงกับพื้น
“เลือดเยอะเลย… น่าเสียดายที่คงเป็นผู้ชมไม่ได้แล้ว!”
ในขณะที่มองกองเลือดที่เขากระอักออกมา เฉินเฉินก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยในขณะที่เขาสบถอยู่ในใจก่อนที่จะออกไป
‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน เซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณกำลังต่อสู้กันที่นี่ ถ้าข้าไม่หนี ข้าได้โดนลูกหลงตายแน่’
“ศิษย์น้องหญิง นี่สำหรับเจ้า รีบหนีไปซะ!”
เมื่อเห็นว่าโยวหลานชินยังคงกระอักเลือดออกมาอยู่ เฉินเฉินก็ตะโกนเรียกในขณะที่โยนโสมแดงอายุ 10,000 ปีให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ พี่ใหญ่เฉิน!”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ที่เหลือก็หาทางรอดเอาเองนะ!” เฉินเฉินตะโกนแล้วบินออกไปจากสนามประลอง
หลังจากที่เขาออกมาได้ไม่นาน สัญญาณไฟถูกจุดขึ้นในเมืองหลวงและผู้คนก็เริ่มพูดถึงเรื่องการฆ่า
ตอนนี้การห้ามบินในเมืองหลวงไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนของรัฐจินหรือพวกนอกรีตจากสำนักอสูร ทุกคนต่างก็กำลังบินอยู่บนฟ้า
ในชั่วพริบตา ทั้งเมืองหลวงก็ตกอยู่ในความโกลาหล
“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วสินะ…”
เมื่อเห็นความวุ่นวายนี้ เฉินเฉินก็ตกใจ
เห็นได้ชัดว่าความโกลาหลที่สำนักอสูรก่อขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้ และพวกเขาต้องใช้กองกำลังลับจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง
อันที่จริงนี่มันก็สมเหตุสมผลอยู่
เมื่อเทียบกับสำนักมังกรมรกต สำนักอู๋ซิน สำนักเทียนหยุน และสำนักอื่นๆที่อยู่ใน 36 สำนักของรัฐจิน สำนักอสูรนั้นไม่ต้องการให้สำนักอู๋ซินควบรวมสำนักในรัฐจินอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ในตอนที่เขามองดูกองทหารที่บินอย่างพร้อมเพียงกัน ดูเหมือนว่าสำนักอู๋ซินจะเตรียมรับมือกับการต่อสู้นี้มานานแล้ว
แต่ว่ามันจะไปสำคัญอะไรอีกหล่ะ?
ราชาองค์ใหม่ถูกฆ่าไปแล้ว ใครจะไปคิดหล่ะว่าหยวนฉิงเทียนจะแทรกซึมเข้ามาในสำนึกอู๋ซินและทำการฝึกฝนมานานกว่าสิบปี?
“ตอนนี้เมืองนี้มันอันตรายเกินไปแล้ว”
เฉินเฉินเห็นคนมากมายที่สวมชุดพลเรือนกำลังแพร่กระจ่ายต้นตอของพิษด้วยการทำเป็นทิ้งถุงสีดำที่มีกลิ่นเหม็นโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งนี่ทำให้เปลือกตาของเฉินเฉินกระตุก
‘สำนักอสูรลงทุนทำทุกอย่างจริงๆสินะ’
เฉินเฉินไม่มีเวลามาคิดต่อแล้ว เขาแค่หยิบเหรียญสื่อสารออกมา
“ผู้อาวุโสจ้าว รีบพาเทียนกังกับจางจีออกไปจากเมืองด้วยครับ แล้วเดี๋ยวไปเจอกันในป่าข้างนอกเมือง”
หลังจากที่ส่งข้อความไปแบบนั้น เฉินเฉินก็บินออกไปนอกเมืองโดยไม่พูดอะไรอีก
ในตอนนี้ เซียนของสำนักอู๋ซินและยามในเมืองหลวงกำลังจัดการกับความวุ่นวายที่สำนักอสูรก่อขึ้น ไม่มีใครหันมาสนใจเขาเลยซักนิด
ดังนั้น เฉินเฉินจึงบินออกไปจากเมืองหลวงได้โดยใช้เวลาไม่นาน
ตูม!
ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดน่าตกใจก็ดังมาจากเมืองหลวง ในตอนที่เขาหันไปมอง เขาก็เห็นทั้งสนามประลองที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ถูกซัดกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า!
“พลังของเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณนี่มันน่ากลัวจริงๆ!” เฉินเฉินตกตะลึง และบินไปทางป่าต่อหลังจากที่อุทานออกมาด้วยความหวาดหวั่น
ข้างนอกเมืองหลวง มีเซียนอยู่หลายคนที่กำลังหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเลยในตอนที่เขาเนียนเข้าไปอยู่กับพวกเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาเข้ามาในป่า เฉินเฉินก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่รุนแรงจากข้างหลัง
ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไร เฉินเฉินก็หันหลังไปและถูกใครบางคนตบอย่างกะทันหัน
ตูม!
ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นและการปะทะของพลังปราณ คนที่มีหน้าตาคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของเขา
“หยวนฉิงเทียน ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? แค่ฆ่าฉงเย่ยังไม่พออีกเหรอ? เจ้าอยากฆ่าข้าไปด้วยใช่ไหม?”
ในขณะที่มองคนๆนั้น เฉินเฉินก็สบถอย่างไม่พอใจ
แน่นอนว่าคนๆนั้นคือหยวนฉิงเทียน
ในขณะที่เขากำลังหนี เขาก็ได้กินสมบัติสวรรค์เข้าไปบ้าง ในตอนนี้ อาการบาดเจ็บร้ายแรงของเขาฟื้นฟูจนเกือบจะหายดีแล้ว แต่ว่าสีหน้าของเขายังซีดอยู่เล็กน้อย
“หึ! ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนและยอดฝีมืออันดับสองของรัฐจิน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าฆ่าผู้สืบทอดไปสามคนรวมทั้งฉีปู่ฝานเมื่อคืนนี้ ข้ารู้จักความสามารถของพวกเขาดี
“ข้าต้องฆ่ายอดฝีมือที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้า ไม่อย่างนั้นแล้วเจ้าก็จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของสำนักอสูร!”
หลังจากที่พูดออกมาเช่นนั้น หยวนฉิงเทียนก็กระแทกฝ่ามือของเขามาทางเฉินเฉินอย่างไร้ความปราณี ส่งผลให้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบๆระเบิด!
คอมเม้นต์