ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 119: เป้าหมายคือจักรวาล
“ข้าจับตัวผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนได้แล้ว!”
สำนักอู๋ซินตื่นเต้นอย่างมาก เขาตะโกนดังลั่นก่อนที่เขาจะได้แตะต้องจางจีด้วยซ้ำ
ตูม!
ในตอนนี้เองก็มีเสียงดังสนั่นบนทองฟ้า และชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่สวมหน้ากากอยู่ก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหันและเข้าไปหาเขา
ศิษย์สำนักอู๋ซินไม่มีเวลาตอบสนองเลยเพราะเขาถูกเตะกระเด็นและแขนของเขาก็สะบัดไปมา
“เจ้าเป็นใคร!?!”
ในขณะที่มองชายสวมหน้ากากแปลกๆที่จู่ ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ศิษย์สำนักอู๋ซินบางส่วนก็ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเคืองด้วยสายตาระมัดระวัง
“ข้าคือนายน้อยที่พึ่งถูกแต่งตั้งขึ้นใหม่ของสาขาที่หนึ่งสำนักอสูร ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาดูหน้าของพวกยอดฝีมือในรัฐจินแต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่ามันกลับมีแต่พวกโง่เง่า”
เฉินเฉินพูดกับจางจีอย่างเย็นชา และไม่สนใจคนที่ถามคำถาม
“นายน้อยสาขาที่หนึ่งที่พึ่งถูกแต่งตั้งใหม่เหรอ?” ดวงตาของศิษย์สำนักอู๋ซินเป็นประกาย
‘นายน้อยของสำนักอสูรสาขาที่สองได้ฆ่าราชาคนใหม่ของรัฐจิน แล้วนายน้อยของสาขาที่หนึ่งจะมีฝีมือยอดเยี่ยมขนาดไหนกัน!?!’
ในขณะที่คิดเช่นนี้ ทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
จางจีจ้องชายสวมหน้ากากกลับไปด้วยความประหลาดใจอย่างสุดขีด
‘การเปิดตัวเท่ๆแบบนี้มันคล้ายกับพี่ใหญ่เฉินเฉินมากเลย!’
‘แต่ว่า พี่ใหญ่เฉินเฉินจะทำตัววางท่าอย่างเปิดเผยและตระหนักรู้ถึงตัวเองด้วย ชายชุดดำสวมหน้ากากที่อยู่ตรงหน้าข้านี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่รู้ตัวเองเลยและแอบวางท่าอย่างลับๆ’
‘หรือว่าเขาจะเป็น…’
ก่อนที่เขาจะได้คิดเกี่ยวกับมัน ชายชุดดำสวมหน้ากากก็พูดอีกครั้ง
“ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็จงอย่าหยุดดิ้นรน ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็แสดงว่ายังมีความหวัง”
แม้ว่าชายชุดดำสวมหน้ากากจะกำลังมองท้องฟ้าในตอนที่พูดแบบนั้น แต่จางจีเข้าใจว่ากำลังพูดถึงตัวเขา ลึกๆลงไป เขาก็ได้ยืนยันตัวตนของชายชุดดำสวมหน้ากากตรงหน้าเขาด้วย
‘เขาคือพี่ใหญ่เฉินเฉิน!’
‘ไม่นึกเลยว่าพี่ใหญ่จะมาช่วยข้าอีกแล้ว!’
“พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่!?! จัดการเขาสิ! ถ้าเจ้าจับเฉินเฉินไม่ได้ พวกเจ้าทุกคนตาย!” ยอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณทั้งสองคนของสำนักอู๋ซินตะคอกอย่างขุ่นเคืองในตอนที่พวกเขาเห็นว่าพวกศิษย์ไม่ทำอะไรเลย
ในการต่อสู้สองต่อสามนั้น พวกเขาคงจะไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้นานนัก ถ้าพวกเขาหนีไปล่ะก็ ศิษย์สำนักอู๋ซินที่เหลืออยู่ก็มีแต่ตายเท่านั้น
กลุ่มศิษย์สำนักอู๋ซินที่อยู่ด้านล่างเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาในทันที โดยไม่สนใจตัวตนของชายชุดดำสวมหน้ากาก พวกเขาก็จับกลุ่มรุมในทันที
ในขณะที่มองกลุ่มศิษย์ขั้นสร้างรากฐาน เฉินเฉินก็ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นยชาแล้วออกหมัดส่งพวกเขากระเด็นออกไป
ในตอนนี้ ยอดฝีมือระดับแก่นทองคำบางส่วนได้วิ่งเข้ามาแล้วและโจมตีเฉินเฉินด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา
ตูม!
ด้วยเสียงดังสนั่น เฉินเฉินก็ส่งพวกเขากระเด็นไปก่อนที่จะชนเข้ากับจางจี
ก่อนที่จางจีจะสามารถตอบสนองได้ เขาก็กระเด็นไปหลายสิบเมตรด้วยกันกับรถเข็น
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาลงมาถึงพื้น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เขาจินตนาการเอาไว้มันไม่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ว่า รถเข็นได้เละเป็นซากแล้ว
“ยอดฝีมือระดับแก่นทองคำกล้ามาโจมตีคนหนุ่มแบบนี้ได้ยังไง? ช่างไร้ยางอายจริงๆ!”
เฉินเฉินลุกขึ้นและหันหลังวิ่งไปด้วยความรีบร้อนโดยไม่ได้หันกลับมามองจางจีด้วยซ้ำ
ในขณะที่มองแผ่นหลังของเฉินเฉิน จางจีก็มีสีหน้าที่ซับซ้อนเพราะเขาสัมผัสได้ว่าในตอนนี้มีบางอย่างอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ผู้อาวุโสแก่นทองคำมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขาไม่มั่นใจว่าจับตัวจางจีหรือชายชุดดำสวมหน้ากากจะดีกว่า
ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจได้ เสียงอันน่ากังวลก็ดังมาจากบนฟ้า!
“นายน้อยสาขา! เป็นอะไรไหมครับ!?”
“ข้าไม่เป็นอะไร พวกเจ้าสองคนไปลุยต่อเถอะ พวกเจ้าไปฆ่าไอ้พวกชั่วสองคนนั่นจากสำนักอู๋ซินจะดีกว่า! พวกกระจอกข้างล่างทำอันตรายข้าไม่ได้หรอก!
เฉินเฉินตะโกนตอบในขณะที่เขาไล่ล่าศิษย์ขั้นสร้างรากฐานของสำนักอู๋ซิน ไม่นานนัก เขาก็จัดการพวกเขาและขยี้จนหมดสภาพด้วยกำลังของตัวเอง
ยอดฝีมือขั้นก่อกำเนิดวิญญาณสองคนของสำนักอู๋ซินที่อยู่บนฟ้าออกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในตอนที่พวกเขาเห็นว่าศัตรูนั้นน่าเป็นห่วงอย่างแท้จริง
ถ้าพวกเขาจับเฉินเฉิน มันก็จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้แต่ถ้าพวกเขาจับนายน้อยสาขา มันก็จะส่งผลกระทบกับสถานการณ์ของสองประเทศ
นายน้อยสาขาของสำนักอสูรนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆเพราะเขาโจมตีเซียนระดับแก่นทองคำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่ต้องมีความสำคัญกับสำนักอสูรแน่ๆ
ในอีกด้านนึง เฉินเฉินมีกลุ่มศิษย์สำนักเทียนหยุนคอยปกป้องอยู่แต่เมื่อเทียบกันแล้ว นายน้อยสาขาของสำนักอสูรไม่มีใครปกป้องเลย
ด้วยความคิดนี้เอง ผู้อาวุโสสำนักอู๋ซินจึงตะโกนดังลั่น “จับตัวนายน้อยสาขาของสำนักอสูรก่อน! ใครก็ตามที่จับมันได้จะได้รับรางวัลเป็นหินวิญญาณ 10,000 ก้อน!”
ในทันทีที่คำสั่งของเขาถูกประกาศออกมา ยอดฝีมือแก่นทองคำสามหรือสี่คนก็เข้ามาล้อมเฉินเฉิน
“พวกเจ้ากำลังรังแกคนอ่อนแอด้วยจำนวนอยู่นะ ลาล่ะ!”
เมื่อเห็นแบบนี้ เฉินเฉินก็ตะโกน แล้วหันหลังวิ่งหนีไป
ยอดฝีมือแก่นทองคำของสำนักอู๋ซินจำนวนหนึ่งกำลังไล่ตามเขา และไม่นานนัก ทั้งกลุ่มก็หายไปไกล
ทั้งสองคนที่อยู่บนฟ้า โจวเฟิงกับโจวฉางต่างก็รู้สึกเป็นห่วงและอยากจะให้หนึ่งในพวกเขาตามไปช่วยเฉินเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง ยอดฝีมือขั้นก่อกำเนิดวิญญาณทั้งสองคนของสำนักอู๋ซินก็ทุ่มสุดตัวด้วยกำลังทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถยื้อทั้งสองคนและเซี่ยวอู่โยวเอาไว้ได้
จางจีถูกพาไปยังที่ปลอดภัยในเวลาไม่นานนัก
“ท่านผู้สืบทอด พวกข้าจะออกไปปกป้อง และช่วยเหลือศิษย์คนอื่นด้วย!” ศิษย์สำนักภายในกลุ่มหนึ่งรีบออกไปอีกครั้งในทันทีหลังจากที่วางจางจีลง
ไม่นานนัก จางจีก็ถูกทิ้งไว้คนเดียวที่พื้นที่ฝั่งนี้
จางจีเอาของที่อยู่ในแขนของเขาออกมาอย่างเงียบๆ ซึ่งมันก็คือแหวนเก็บของที่ถูกพันเอาไว้ด้วยกระดาษแผ่นหนึ่ง
หลังจากที่เปิดโน้ตกระดาษ เขาก็เห็นว่ามันคือลายมือของเฉินเฉิน
“จางจี ข้าพบวิธีฝึกตนดีๆในสำนักอสูรที่จะทำให้คนฝึกวิชาอมตะไขว่คว้าสวรรค์ได้แม้จะไม่มีจุดตันเถียนก็ตาม”
“ในการที่จะฝึกวิชานี้ เจ้าจำเป็นต้องปล้นชิงโชคแห่งสวรรค์และซึมซับมัน ถ้าให้พูดง่ายๆ มันก็คือการดูดซับสมบัติสวรรค์นั่นล่ะ”
“ข้าได้อ่านและพบว่ายิ่งเจ้าดูดซับสมบัติไปมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น อันที่จริง แม้กระทั่งการทะลวงระดับขั้นการฝึกตนก็ยังต้องใช้สมบัติสวรรค์ที่เฉพาะเจาะจงด้วย”
“ก็นะ ข้าไม่ได้ขลาดแคลนสมบัติอยู่แล้วเพราะฉะนั้นวางใจได้และจงตั้งใจฝึกให้ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร ของที่อยู่ในแหวนเก็บของนี้เพียงพอที่จะทำให้เจ้าฝึกตนจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งพอๆกับข้า”
“จางจี เจ้ามันคนดวงดี การที่มาอยู่ใต้ปีกของข้าจะจำกัดการพัฒนาของเจ้า ตอนนี้ข้าอยู่ในสำนักอสูร เจ้าสามารถปลดปล่อยตัวเองได้แล้ว จงกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นและเดินบนเส้นทางของตัวเอง จำเอาไว้ เป้าหมายในอนาคตของพวกเราก็คือจักรวาล!”
ในขณะที่มองข้อความสั้นๆนี้ จางจีก็รู้สึกตื้นตันจนน้ำตาไหล
‘พี่ใหญ่ต้องเสี่ยงอันตรายอย่างมากในสำนักอสูรแต่เขาก็ยังคิดถึงข้าขนาดนี้ เขาถึงกับมอบมรดกที่แข็งแกร่งเช่นนี้ให้กับข้าด้วย’
‘นอกจากนั้น…เขายังเลือกที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อมอบแหวนเก็บของวงนี้ให้กับข้าต่อหน้ายอดฝีมือขั้นก่อกำเนิดวิญญาณด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังลงทุนรับการโจมตีจากเซียนแก่นทองคำ!’
‘ความเป็นพี่น้องนี้มันช่าง…’
จางจีเช็ดน้ำตาและนึกถึงความยากลำบากที่เฉินเฉินเผชิญ และก็มีแต่จะรู้สึกตื้นตันมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาอดที่จะให้คำสาบานอย่างเงียบๆไม่ได้
‘นับจากนี้ไป ข้าต้องกลายเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือทุกคน! ต่อให้จะต้องเจอความลำบากมากมาย ข้าก็จะใช้ทุกวิถีทาง’
‘มีแค่ตอนนั้นเท่านั้นที่ข้าจะสามารถตอบแทนความใจดีของพี่ใหญ่ได้’
…
ในอีกด้านนึง เฉินเฉินวิ่งออกมาได้ห้าหรือหกพันเมตรแล้วและเขาก็ค่อยๆลดความเร็วลง ในท้ายที่สุดนั้น เขาก็หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแก่นทองคำที่กำลังไล่ตามเขามา
“เซียนแก่นทองคำขั้นกลางสามคน? พวกเจ้าดูถูกข้าอยู่นะ”
เฉินเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น
เซียนแก่นทองคำคนนึงรู้สึกหวาดหวั่นในตอนที่เขาเห็นความนิ่งของเฉินเฉิน
ความรู้สึกถึงลางไม่ได้กำลังครอบงำจิตใจของเขาและเขาก็พึมพำออกมา ‘หรือว่าพวกเราจะมาเจอกับดักเข้าให้แล้ว?’
“เจ้าเป็นใคร? เจ้าคือนายน้อยสาขาที่หนึ่งของสำนักอสูรใช่ไหม!?”
เฉินเฉินส่ายหัวแล้วหัวเราะคิกคัก “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้เป็นแค่นายน้อยสาขาที่หนึ่งของสำนักอสูร แต่ข้ายังเป็นเจ้าสำนักอสูรในอนาคต และราชาของรัฐเฉินด้วย! ข้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหมล่ะ!?!”
“ราชาของรัฐเฉิน?” เซียนแก่นทองคำสับสนเพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่แบบนั้นมาก่อน
“อ๋อ ข้าตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนชื่อประเทศของข้าเป็นรัฐเฉินหลังจากที่ข้าควบรวมรัฐจินกับรัฐโจวได้ในอนาคต พวกเจ้าคิดว่ายังไง? ฟังดูดีไหมล่ะ?” เฉินเฉินอธิบาย
ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำหลังจากที่ได้ยินมัน!
พวกเขาเคยเห็นคนไร้ยางอายมาก่อนแต่ไม่มีใครเลยที่ไร้ยางอายเท่าเฉินเฉิน!
ในขณะที่พวกเขากำลังเดือดพล่านด้วยความโกรธและให้ความสนใจกับชายหน้าด้านที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คนๆหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าพร้อมกับแสงวาบ!
คอมเม้นต์