ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 197.3 (3)
ฉินอ๋องฟังอวิ๋นหว่านชินพูดข้อเสียไม่หยุด เก็บซ่อนสีหน้าเอาไว้ นางค่อยๆ ก้มมองพื้น
ผลเสียพวกนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ นางอนุญาตให้เขารับคุณหนูหานอะไรนั่น เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่านางไม่ให้ความสำคัญกับเขา ไม่หวงแหนเขาเสียอย่างนั้น
ไม่ชอบพอกัน ถึงได้ไม่สนใจกันเยี่ยงนี้
เขายอมให้นางโวยวายตบตี แสดงว่าว่าข้าหึงหวงข้าไม่กลัวใครหน้าไหน
แต่ทว่าตอนนี้กลับเป็นทองไม่รู้ร้อน หน้านิ่งตาเฉย
พอนึกถึงตรงนี้ สีหน้าโหดเหี้ยมของเขา “เจ้าแน่ใจว่าจะให้นางแต่งเข้ามา?”
นางเห็นว่าสีหน้าของฉินอ๋องโกรธเป็นอย่างมาก แม้ว่าใบหน้ายังเผยโฉมหล่อเหลางดงามอยู่ แต่นัยน์ตาดำกลับแฝงความหวังเล็กๆ เอาไว้ น่าขันเสียจริง “ไม่ใช่ว่ายังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนหรือเพคะ อย่างน้อยก็รอถึงตอนที่อาการของฝ่าบาทดีขึ้นค่อยพูดกันอีกที อีกอย่างหนึ่งเดือนก็นับว่าไม่นาน เรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแหย่เข้าอีกครั้ง “บางทีเดือนนี้ ท่านอาจจะจะชอบคุณหนูหานก็ได้”
สีหน้าเขาทมึนกว่าเก่า
พอหยอกล้อเสร็จ นางก็หยุดคิดสักพัก เพียงแต่ว่าตอนนี้โอกาสการขอร้องนั้นมีไม่สูงนัก หากว่าถูกทำโทษก็ไม่คุ้ม ยังมีอีกข้อที่นางไม่รู้จะบอกกับเขาเยี่ยงไร ในชาติก่อนการสวรรคตของฝ่าบาทห่างจากการสวรรคตของฮองเฮาไม่นานนัก
ก่อนหน้านี้เวลาคิดถึงช่วงเวลานี้ นางจะเศร้าโศกอยู่บ้าง แม้ว่าการปรากฏตัวของฝ่าบาทจะนำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้มารดาของตน แม้ว่าจะเคยเกือบให้ตนเข้าไปปรนนิบัติร่วมเตียงด้วย…จะหวังให้เขาตายหรือ? ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก
ในชาตินี้ การสวรรคตของฝ่าบาท อาจจะไม่เหมือนในชาติก่อนเสียทุกอย่าง แต่ว่าคงเหลือเวลาอีกไม่มาก
ตอนนั้นเมี่ยวเอ๋อร์เคยพูดไว้ โรคที่ฝ่าบาททรงประชวรรักษาไม่หายตั้งนานแล้ว
นอกจากว่าชาตินี้จะทนทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บหนัก ยังมีความทุกข์ใจเกี่ยวกับตายที่เกิดจากน้ำพระหัตถ์ของพระองค์เอง ร่วมทั้งอาการประชวรในตอนนี้ ไม่แน่วันที่สวรรคตจะยิ่งเร็วขึ้นอีก
ตามชาติก่อนแล้ว เหมือนว่าฝ่าบาทสวรรคตหลังจากที่ฮองเฮาอยู่ที่เซียนโหยวได้ไม่ถึงครึ่งปี?
ชาตินี้…ครั้งปี? อาจจะไม่ถึง
แต่ทว่าพอถึงตอนที่ฝ่าบาทสวรรคต…อวิ๋นหว่านชิ่นแงยหน้าขึ้นมามองเขา บางทีเขาอาจจะเป็นฮ่องเต้คนใหม่
ตอนนั้น เรื่องการแต่งงานของหานเซียงเซียง ยังจัดการไม่เรียบร้อยต่อให้ไม่ทัน หานเซียงเซียงก็เข้าจวนเสียแล้ว หากว่าเขาคิดคิดเช่นนี้ อยากจะจัดการให้เรียบร้อยก็ไม่ใชเรื่องยาก
หากว่าเขาทำตามกฎของฮ่องเต้ เพิ่มเติมนางสนม หานเซียงเซียงก็เป็นเพียงหนึ่งในดอกไม้เท่านั้น นางขัดขวางหานเซียงเซียงได้ จะขัดขว้างสตรีอื่นได้หรือ? หากเป็นเช่นเจี่ยงฮองเฮา เกรงว่าสุดท้ายก็จะหมดแรงกายแรงใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่หานเซียงเซียงเข้าจวน จะมีเรื่องอะไรต้องกระวนกระวายใจกัน?
สิ่งที่นางต้องการคือให้เขามีความมั่นคงและยืนหยัดไปชั่วชีวิต ไม่ใช่ว่าต้องไปทุ่มเทหมดตัวทันที
มู่หรงไท่เองก็เคยมีนางคนเดียว แต่ว่าหลังจากนั้นเป็นเยี่ยงไรกัน
เรื่องราวของโลกนี้ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะจิตใจของคน นางก็ไม่อยากให้ความเสี่ยงมาทดสอบเขา แต่ว่าประสบการณ์ของชาติก่อน กลับทำให้นางไม่อาจเป็นเพียงดอกไม้อ่อนแอที่ไม่นึกถึงอนาคต รอเพียงแต่ความรักที่จะถูกแบ่งมาให้เท่านั้น
อาจจะโลภไป แต่นางจะให้เขามีจิตสำนึกอย่างช้าๆ ชีวิตของเขา ไม่ว่าจะช่วงไหน เพียงแค่มีนางคนเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ อวิ๋นหว่านชินคนนี้นิแหละจะสั่งสอนเขาเอง
เขามองนางด้วยความสงสัย มองเห็นการตัดสินใจของนาง มองอยู่นานไม่ไปไหน อดไม่ได้ที่จะโอบกอดนางไว้ในวงแขน “สักวันเจ้าจะบังคับข้าได้แน่”
อวิ๋นหว่านชิ่นทราบว่าเข้ารับปากแล้ว โอบกอดต้นคอเขาไว้แน่น ริมฝีปากเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จรดลงบนแก้มของเขา ขอบใจเขาเสียหน่อย “เด็กดี เวลาไม่ไม่เช้าแล้ว หม่อมฉันต้องกลับอารามฉางชิงก่อน วันสุดท้ายแล้วคนอื่นจะได้ไม่เอาไปพูดได้ ท่านเองก็กลับไปเถอะเพคะ” น้ำเสียงเหมือนกับเรียกสุนัขเข้ากรงอย่างไรอย่างนั้น
เขาชินเวลาที่นางอยู่ต่อหน้าตนพูดจาเป็นกันเองตั้งนานแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่เป็นอะไร เพียงแค่นางจูบเขาก่อนก็เท่านั้น ยืนไม่อยู่นิดหน่อย สายตาแดงก่ำ ก้มศีรษะลงออกแรงเล็กน้อย เอ่ยบอกใบ้เบาๆ “พรุ่งนี้ตรงหน้าประตูเจิ้งหยาง เกาจ๋างสื่อจะรอรับเจ้ากลับไปที่จวน…ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้ดีอีกรอบ”
‘สั่งสอน’ สองคำนี้พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีโดยทันที นางเม้มปากแน่น
เขาเห็นว่านางเหมือไม่เชื่อ เอ่ย “วันที่เจ้าไม่อยู่ หมออิง….”
ยังเอ่ยไม่ทันจบ เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงตะโกนเร่งของจางเต๋อไห่ “องค์ชายสามท่านพูดคุยกับชายาเอกเสร็จแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ? สนมเอกเฮ่อเหลียนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองพลักตัวออกจากกัน
ซย่าโหวซื่อถิงเปิดประตู เห็นสนมเอกเฮ่อเหลียนและมีหลานถิง ชิงฉันข้างกาย ยืนอยู่ไม่ไกลนักส่งสายตาเย็นชามองมา
สนมเฮ่อเหลียนเห็นเสื้อผ้าของทั้งสองมีรอยยับ ใบหน้าแดงเล็กน้อย เอ่ย “ให้พวกเจ้าคุยกันตามลำพัง คุยกันเสร็จแล้วหรือ” นี่เรียกว่าคุยหรือ แยกไม่ออกเลยว่ากำลังทำเรื่องดีอะไรอยู่
ลูกชายคนนี้ อดทนรอไม่ไหวเสียจริงๆ
บ่าวรับใช้คนอื่นๆ หลายคนเห็นสีหน้ากดดันของสนมเอกที่แฝงไปด้วยเงื่อนงำ จางเต๋อไห่ยิ้มหัวเราะทำลายบรรยากาศ เอ่ย “ไม่ได้เจอกันตั้งเดือนสองเดือน คุยกันนานหน่อยเป็นเรื่องปกติพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วตอนนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง” สนมเฮ่อเหลียนไม่สนใจทั้งคู่ ตอนนนี้สนเรื่องอื่นเสียมมากกว่า กลัวว่าลูกชายจะยังไม่ก่อเรื่องที่พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน
ซย่าโหวซื่อถิงดึงแขนเสื้อให้เรียบ มองไปยังคนข้างหลัง
อวิ๋นหว่าชิ่นรู้ว่าเขาจะให้ตนพูด เพื่อให้ความสัมพันธ์ของตนกับสนมเฮ่อเหลียนกลับมาดีอีกครั้ง นางเอ่ย “ทูลเสด็จแม่ หม่อมฉันได้คุยกับองค์ชายสามเรียบร้อยแล้ว องค์ชายสามเองก็รับปากกับหม่อมฉันแล้วเพคะว่าจะไม่ไปพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ควรทำเยี่ยงไรก็ทำเยี่ยงนั้นเพคะ”
สนมเฮ่อเหลียนถอนหายใจยาว ทั้งยังสงสัย “เจ้ายอมหรือ”
“เป็นเพราะชิ่นเอ๋อร์ขอให้หม่อมฉันอย่าได้ค้านเสด็จแม่มาโดยตลอด เกรงว่าหากหม่อมฉันไปขอร้อง อาจจะทำให้เสด็จแม่เกี่ยวข้องกับที่จวนไปด้วย” ซย่าโหวซื่อถิงเอ่ยอย่างมีนัยยะ “ชิ่นเอ๋อร์ใส่ใจเสด็จแม่มากกว่าลูกชายที่ไม่รักดีอย่างหม่อมฉัน ไม่ว่าเสด็จแม่จะไม่พอใจนางเรื่องใด ก็ควรให้อภัยที่นางกตัญญูเสด็จแม่นะพ่ะย่ะค่ะ”
สนมเฮ่อเหลียนไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีก มองอวิ๋นหว่านชิ่นด้วยสายตาที่อ่อนโยนขี้น มองทั้งสองทูลลาและเดินจากไป
ครึ่งชั่วยาม นางถึงจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
หลานถิงเห็นท่าทางของพระสนมเอกดีกับอวิ๋นหว่านชิ่นมากขึ้นแล้ว เพียงแค่ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยอีกแล้ว เอ่ยเสียงเบา “บ่าวมองว่าชายาเอกเป็นคนฉลาด ไม่ทำลายความสัมพันธ์แม่สามีกับลูกสะใภ้หรอกเพคะ ดูตอนนี้สิเพคะ นางเคารพพระสนมมากเลยนะเพคะ เพื่อแสดงให้เห็นว่านางดีต่อท่าน แม้แต่เรื่องหานเซียงเซียงก็ยอมให้แต่งเข้ามา ฉินอ๋องเองก็คล้อยตามท่าน นับว่าเป็นเรื่องดีนะเพคะ”
สายทั้งคู่ของสนมเฮ่อเหลียนเกิดความสงสัย “ข้าห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง แต่อยู่กับแม่นางอวิ๋นไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก็เปลี่ยนเสียแล้ว เช่นนี้เรียกว่าเรื่องดีหรือ”
หลานถิงนิ่งเงียบ
เห็นว่าสนมเฮ่อเหลียนเอ่ยพึมพำ “จางเต๋อไห่ เจ้าอยู่ในวังมานานว่าข้าเสียอีก เห็นสตรีมาก็มาก เจ้าลองพูดสิ ท่าทางของนางเช่นนั้นมีมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรหรือไม่”
จางเต๋อไห่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมทีอยากจะตอบ คำที่ว่าเล่ห์เหลี่ยมควรใช้กับเหล่าอนุพวกนั้น แต่ว่าอวิ๋นหว่านชิ่นเป็นถึงชายาเอก มีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์ชายสาม ควรจะเรียกว่าถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม อย่างไรเสียคำพูดก็ถูกกลืนลงไป
คอมเม้นต์