ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 207 ตระกูลสวี่หงายไพ่ (1)
เช่นนี้จะเอากลับมาได้อย่างไร กลัวผู้คนจะไม่หัวเราะเอาหรืออย่างไร
หากขายให้กับบ้านที่ยากจน จะเป็นอนุหรือสาวใช้ล้วนดีทั้งนั้น เพราะยังพอจะแอบไถ่ตัวกลับมาได้ แอบทักทายเจ้าของบ้านเสียหน่อยก็ได้แล้ว
ยามนี้กลับขายไปให้หนึ่งในสถานที่ที่คึกคักที่สุดของเมืองหลวง ผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าเหลียนเหนียงเป็นอนุที่ถูกขายของเจ้ากรม
ต่อให้เขาจะไม่รังเกียจร่างกายสกปรกของเหลียนเหนียง ซื้ออนุที่หลับนอนกับแขกคืนมา ภายหน้าทั่วทุกที่ในเมืองหลวงล้วนเป็นพี่น้องของเขาหมด ผู้คนแออัด เขาจะปิดปากโสเภณีได้สนิททุกคนหรือ
คิดได้ดังนั้น ก็คงจะเอาเหลียนเหนียงกลับคืนมาได้ยากแล้ว
อวิ๋นเสวียนฉั่งเจ็บปวดใจและร้อนรนราวกับถูกคนมาคว้านเนื้อออกไปอย่างไรอย่างนั้น มาคิดว่าหัวใจที่ตนกำลังจับอยู่ในฝ่ามือนี้ไม่รู้ว่ามาถูกคนเหยียบย่ำทำลายไปได้อย่างไร ก็ยิ่งเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกเจาะ แทบอยากจะฉีกเลือดฉีกเนื้อลูกสาวออกเป็นชิ้นๆ
หากมิอาจเอากลับคืนมาได้ ก็คงต้องดูว่าภายหน้าจะยังมีโอกาสไปปลอบความคะนึงหาที่เรือสำราญว่านชุนได้หรือไม่
พอเอาสองเรื่องมาปนกันวุ่น ท้องไส้ก็ปั่นป่วน เขาด่าทอไปตลอดทั้งคืนจนดึกดื่น กำลังจะกลับไปพักผ่อนกลับได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นเบาๆ อยู่ตรงประตู “นายท่านเจ้าคะ”
พอหันไปตามเสียงเรียก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไป๋เสวี่ยฮุ่ย
อวิ๋นเสวียนฉั่งกำลังโมโหจึงขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าออกมาทำอันใดดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ แม้ระยะนี้ข้าจะปล่อยๆ เจ้าบ้างแล้ว แต่เจ้าก็อย่าได้สะเพร่า ยังไม่กลับไปอีก!”
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยได้ยินเขาตะหวาด แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ยังเดินเข้าไปหา น้ำเสียงบางเบา “ข้าได้ยินมาว่าหมู่นี้นายท่านมีเรื่องกวนใจ วันนั้นบังอาจสอบถามกับพ่อบ้านม่อจึงได้ทราบเรื่องราวคร่าวๆ ยามนี้จึงตั้งใจมาดูท่านโดยเฉพาะ”
“เจ้ามาดูข้าแล้วมีประโยชน์อันใด” อวิ๋นเสวียนฉั่งฟังนางเล่าก็ยิ่งโมโห เอ่ยอย่างรำคาญว่า “เจ้าจะช่วยอันใดได้ ไปๆ”
กล่าวจบ ภายในห้องก็พลันเงียบ เสียงสตรีกลับดังขึ้นอย่างชัดเจนกว่าเก่า ห่างไกลกับหลายวันก่อนอยู่มาก “นายท่านยามนี้กำลังกังวลเรื่องชดเชยอาวุธ ข้าจึทนมิได้ หลายปีมานี้กลับมีเงินเก็บอยู่บ้าง สกุลอวิ๋นกำลังลำบาก ข้ายินดีเอาออกมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องเดือดร้อนเร่งด่วนของสกุลอวิ๋นเจ้าค่ะ”
อวิ๋นเสวียนฉั่งตะลึง ความหงุดหงิดพลันมลายหายไป แต่เขากลับไม่ค่อยจะเชื่อนัก “สตรีที่รักษาจารีตเยี่ยงเจ้า การใช้จ่ายจำกัด จะมีเงินสะสมสักเท่าใดเชียว เฮ้อ เรื่องครานี้ใช้เงินมิใช่น้อยๆ”
ทรัพย์สินส่วนตัวเพราะไม่ค่อยใสสะอาดนัก นางจึงมิกล้าเอามาอวดกับที่บ้าน เก็บไว้ในบ่อนพนันใต้ดิน ขนาดพี่เฟยถูกถงฮูหยินเอาสินสมรสไป คืนก่อนออกเรือนมาหานางเพื่อมาขอเงิน นางก็ใจดำไม่ยอมให้
ตอนนั้นกำลังเป็นช่วงที่ศาลบรรพบุรุษถูกรับโทษ ถงฮูหยินเหมือนกับจะริบทรัพย์ทั้งบ้านให้เรียบ แต่ก็มิได้เอาของในห้องของนางไป นางไหนเลยจะกล้าเอาออกมาโอ้อวดอีก
ยามนี้ทั้งสาดน้ำใส่ อีกทั้งยังบอกจะไล่นางออกจากสกุลอวิ๋นไม่หยุดหย่อน ก็จำเป็นต้องเอาออกมาแล้ว
ช่างเถิด อย่างไรเสียนี่ก็เป็นโอกาสที่ดี ถงฮูหยินจากไปแล้ว อนุฟางก็ไม่อยู่แล้ว เหลียนเหนียงก็ถูกขับออกจากบ้าน เรือนหลังอ้างว้างว่างเปล่า เงินก้อนนี้อาจจะทำให้นายท่านเห็นความสำคัญของนางอีกครา
คิดได้ดังนั้น ไป๋เสวี่ยฮุ่ยก็ล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบตั๋วเงินออกมาใบหนึ่ง สองมือส่งให้อวิ๋นเสวียนฉั่ง
อาศัยแสงสว่างจากเปลวเทียนก็ทำให้เห็นตัวเลขบนตั๋วเงินได้อย่างชัดเจน อวิ๋นเสวียนฉั่งสูดหายใจลึก มือสั่นอย่างอดไม่อยู่ ละล่ำละลักว่า “จะ…เจ้าเหตุใดจึงมีเงินมากมายเพียงนี้ เอามาจากไหนกัน”
นางมิได้เกิดจากตระกูลใหญ่ร่ำรวยอันใด ตอนมาอยู่กับเขาก็มีเพียงเถามอมอที่หนีความทุกข์เข้าเมืองหลวงมาด้วยแค่นั้น ยากจนเสียจนอย่าว่าแต่สินสมรสเลย กระทั่งเครื่องประดับสักชุดยามแต่งเข้ามายังไม่มี เป็นสวี่ชิงเหยาภรรยาเขาเห็นใจและเห็นแก่หน้า จึงได้จัดหามาให้ญาติห่างๆ อย่างนาง
ต่อให้สิบปีมานี้นางจะแอบยักยอกเงินของสกุลอวิ๋น หักค่าใช้จ่ายภายในบ้านกับเงินเดือนคนรับใช้ ก็เก็บได้มิเท่าจำนวนมหาศาลที่เขียนไว้บนตั๋วเงินนี้อยู่ดี
สำหรับสตรีนั้นอวิ๋นเสวียนฉั่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนแจ่มแจ้งมาก ไม่ต้องการรูปโฉม ก็ต้องการอำนาจ สรุปก็เพื่อผลประโยชน์ที่มากมาย การแต่งงานในบ้านเกิดปีนั้น แม้ว่าเจ้าสาวจะไม่งดงาม ไม่ร่ำรวย แต่กลับซื่อสัตย์และทุ่มเท ตื่นก่อนนอนทีหลังสามี เสนอให้เขาลำบากอ่านตำรา อีกทั้งยังเสนอให้เขามาที่สอบเมืองหลวงซึ่งไร้ประโยชน์สำหรับเขา
ภรรยาสกุลสวี่ที่แต่งที่เมืองหลวง หน้าตางดงามหาใดเปรียบ เส้นสายของตระกูลและกำลังทรัพย์ล้วนเป็นใบเบิกทางสู่อาชีพให้แก่เขาได้ ยามนั้นสำหรับอวิ๋นเสวียนฉั่งแล้ว ก็เหมือนกับพายที่ตกลงมาจากฟากฟ้า กลัวแต่ว่านานวันไปใจของนางจะมิอยู่ที่เขา แต่กลับไม่ถูกปากเขาเสียอย่างนั้น
ส่วนไป๋เสวี่ยฮุ่ยนั้น สำหรับเขาแล้วนางหน้าตางดงาม และชอบการเอาอกเอาใจยามอยู่บนเตียงของนาง แต่ต่อมาก็เริ่มเบื่อหน่าย อีกทั้งมีของสดใหม่เข้ามา ความรู้สึกสนใจที่มีต่อนางจึงลดน้อยลง
แต่ดูแล้ววันนี้เขาคงประเมินค่านางต่ำไป
นี่เป็นเงินจำนวนที่มหาศาลมาก
ขณะที่อวิ๋นเสวียนฉั่งกำลังตกตะลึงอยู่นั้นกลับเห็นไป๋เสวี่ยฮุ่ยคุกเข่าลง “นายท่าน เงินส่วนนี้ได้มาอย่างไม่ค่อยจะถูกกฎหมายนัก หากนายท่านรู้เข้าก็จะด่าทอข้า ไม่แน่ว่าอาจจะต้อง…อาจจะต้องเอาตัวข้าไปลงโทษแล้วไล่ออกจากจวน แต่นายท่านเห็นแก่ข้าที่ช่วยสกุลอวิ๋นให้รอดพ้นความลำบากด้วยเถิด ต่อให้ถูกลงโทษถูกด่าทอก็ยินดีเอาออกมา ขออย่าได้เอาผิดเรื่องที่มาที่ไปของเงินนี้เลยเจ้าค่ะ”
นางพูดเช่นนี้ อวิ๋นเสวียนฉั่งก็ยิ่งตกใจ ในใจกลับแอบคาดเดาไปหลายส่วน “เจ้าว่ามา ข้าไม่ถือโทษเจ้า”
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยก้มหน้าร้องไห้กล่าวว่า “ตั้งแต่ที่นายท่านเริ่มรับตำแหน่งรองเจ้ากรม อำนาจก็ค่อยๆ มีมากขึ้น มีชื่อเสียงในราชสำนักของเมืองหลวง ตอนนั้นก็เริ่มมีคนมาหาเป็นการส่วนตัวถึงที่บ้าน บอกว่ามีกิจการกำไรดีแห่งหนึ่ง ขอเพียงข้าลงทุนไปเล็กน้อย ปล่อยเงินกู้แก่นักพนันในบ่อนหรือคนที่ร้อนเงิน กำไรทบเท่าทวี รายได้มากมาย ข้าจึงลองอยู่สองสามครั้ง ปรากฏว่าได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำจริงๆ ราบรื่นเช่นนี้ จึงได้ทำมานานหลายปี”
อวิ๋นเสวียนฉั่งได้ฟังก็ทราบทันทีว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร เขาตกใจจนเหงื่อไหลไปทั่วร่าง ตำหนิว่า “เจ้าไร้สมองหรือไร นั่นมันเงินกู้ดอกเบี้ยสูง! คนพวกนั้นมันตั้งใจหาคนที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองหลวง โดยเฉพาะคนในราชสำนักที่จะหนีก็หนีมิได้ อีกทั้งยังมิกล้าเปิดโปง! คนพวกนั้นมิได้ต้องการเงินทุนของเจ้า เป็นเพราะพวกมันถูกใจชื่อเสียงฮูหยินอวิ๋นของเจ้า! ได้กำไรมาแล้วก็แล้วไป หากขาดทุนขึ้นมา พวกมันได้ปัดเรื่องทุกอย่างมาให้สกุลอวิ๋นแน่ ถึงเวลานั้นมิใช่ข้าหรือต้องมาแบกมันไว้ เงินพวกนี้…ที่แท้ก็เป็นหลายปีมานี้ เจ้าใช้ชื่อของข้าไปทำเรื่องผิดกฎหมายข้างนอกหรอกหรือ มิน่าเล่า! เจ้า เจ้ามันบังอาจนัก!”
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยรีบเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านโปรดวางใจเจ้าค่ะ ข้ามิใช่คนที่ไม่ดูตาม้าเรือ หลายปีมานี้นับว่าคุ้นเคยกับสังคมนี้ดี มีขุนนางอยู่ไม่น้อยที่แอบทำกิจการพวกนี้กันอย่างลับๆ มิได้มีเพียงตระกูลเรา หากไม่ปลอดภัย คนอื่นๆ จะมิล้วนเป็นคนโง่กันหมดหรือ อีกอย่าง นายท่านดูเอาเถิด ข้ามิได้ทำเพียงคราสองครา ทำมาหลายปีเช่นนี้ได้เงินมามากมาย ไม่เคยขาดทุนสักครา หมายความว่ากิจการนี้นับว่ามั่นคงทีเดียว หากนายท่านคิดว่าไม่ปลอดภัยจริงๆ หลังจากที่จัดการกับปัญหาเร่งด่วนครานี้ของนายท่านแล้ว ข้าก็จะวางมือ ไม่ไปยุ่งอีกเจ้าค่ะ ”
อวิ๋นเสวียนฉั่งกำตั๋วเงินไว้แน่นไม่ขยับอยู่นาน สักพักหนึ่งจึงได้เหลือบมองจำนวนเงินที่อยู่บนตั๋ว สุดท้ายดึงนางให้ลุกขึ้น สีหน้าผ่อนคลายลงไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไร มีเงินก้อนนี้ในยามฉุกเฉิน เรื่องอาวุธที่ตลาดการค้าข้ามแดนฟเจียงเป่ยก็ไร้ปัญหาแล้ว
คอมเม้นต์