ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 16: ผลกรรมย้อนเข้าหาตัวเอง
ไม่นานนักฝุ่นก็หายไป และเหลือความวุ่นวายถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหน้าแผ่นหิน
คนคุ้มกันผู้ดวงซวยทั้งหลายได้ถูกม้าที่แตกตื่นเหยียบจนตาย คนส่วนมากที่เหลืออยู่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและทำได้แค่ร้องครวญครางออกมา มีพวกเขาเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งที่ลุกขึ้นมานั่งบนพื้นด้วยความสับสน และพยายามใช้เวลาทำความเข้าใจสถานการณ์
เฉินเฉินก้มลงมองพวกเขา เหมือนกับที่พวกเขาทำเมื่อก่อนหน้านี้
“ระบบ ใครคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรัศมี 15 เมตร?”
“แน่นอนว่าเป็นท่านเจ้าของค่ะ” ระบบตอบอย่างชัดเจน เฉินเฉินยิ้มเมื่อได้ฟังเช่นนี้
กลุ่มชาวบ้านมองหน้ากัน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
เกิดอะไรขึ้น? มีกำแพงล่องหนอยู่ข้างหน้าแผ่นหินของหมู่บ้านหรอ? ไม่อย่างนั้นคนคุ้มกันของตระกูลหวังจะล้มลงไปแบบนั้นได้ยังไงกัน?
ก่อนที่จะมีคนข้าใจสถานการณ์ เฉินเฉินก็เดินออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ถ้าอยากเจรจา พวกเราก็จะทำตามนั้น และถ้าอยากจะเล่นด้วยกำลัง ข้าก็จะทำตามนั้นเหมือนกัน”
พื้นที่รอบตัวเขาเงียบสงบ หวังซูฉินที่ไม่ได้เข้าร่วมการบุก ในขณะที่ฟังคำพูดของเขานั้น ดวงตาของเธอก็ได้แสดงความกังวลออกมา
เจ้านี่เป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้หรอ?
แต่เด็กชายจากครอบครัวชาวนามีความสามารถแบบนี้ได้ยังไงกัน?
เธอไม่ได้นึกถึงการฝึกตนด้วยซ้ำ
การฝึกตนเป็นความฝันสูงสุดของเธอ ลึกๆข้างใน เธอปฏิเสธที่จะรับรู้ว่าลูกชายของชาวนาสามารถทำความฝันของเธอให้สำเร็จได้
“ไอ้ชั้นต่ำ! ตายซะเถอะ!”
คนคุ้มกันที่พึ่งจะนำการบุกลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน มีดของเขากำลังเหวี่ยงเข้าใส่เฉินเฉิน
เฉินเฉินไม่ได้สนใจที่จะมองเขาด้วยซ้ำ เขาแค่เตะไปที่ท้องของคนคุ้มกัน
การเตะนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่สายตาของมนุษย์จะมองได้อย่างชัดเจน และแรงกระแทกก็น่าอัศจรรย์เช่นกัน
“ผัวะ!”
คนคุ้มกันถูกอัดกระเด็น
แทบจะเรียกได้ว่าเขาบินอยู่จริงๆ เขาลอยอยู่กลางอากาศไปไกลกว่า 20 เมตร และเมื่อลงพื้นเขาก็กลิ้งไปต่ออีกหลายตลบก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด
ผลที่ตามมาของการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้สามารถจินตนาการได้ง่ายๆเลย คนคุ้มกันตายไปตั้งแต่อยู่กลางอากาศแล้ว
เมื่อเห็นศพจากที่ไกลๆ ซึ่งดูเหมือนกับกระเป๋าที่พังแล้ว สถานการณ์ก็ยิ่งเงียบขึ้นไปอีก
แม้กระทั่งพวกคนคุ้มกันที่ส่งเสียงโอดครวญก่อนหน้านี้ก็ยังไม่กล้าที่จะส่งเสียง
หนึ่งนาทีต่อมา
อุปกรณ์ทำนาในมือของชาวบ้านก็เริ่มตกลงไปที่พื้น
ความประหลาดใจที่แสดงอยู่บนหน้าของพวกเขาในตอนที่มองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นไม่สามารถเทียบได้เลย
พวกเขาเคยเห็นเฉินเฉินมาตั้งแต่ยังเล็ก เคยเห็นว่าเขาไร้พิษสงขนาดไหน มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่พวกเขาจะประหลาดใจในตอนที่เห็นเขาเตะคนเหมือนกับลูกบอล
“ข…เขาเป็นเซียน!” หนึ่งในคนคุ้มกันตะโกนขึ้นมาและทำลายความเงียบอย่างกระทันหัน
คำพูดของเขาเหมือนกับอุกกาบาตที่โจมตีใส่มหาสมุทรอันเงียบสงบ และสร้างคลื่นขนาดยักษ์ขึ้นมา
“ซ…เซียน!”
“ได้ยังไงกัน… เขาเป็นเซียนหรอ!?”
คนคุ้มกันคนอื่นๆคลานไปข้างหลังไม่ยอมหยุดในขณะที่พวกเขากระซิบกระซาบกัน
ในโลกนี้ เซียนเป็นตัวตนที่ควรพึงเคารพมากที่สุด
ในสถานที่นับไม่ถ้วน เรื่องราวของเซียนนั้นได้แพร่หลายไปทั่ว
สามารถยกภูเขาแยกทะเลและเป็นอมตะคือลักษณะของเซียน ซึ่งมันก็ได้สร้างความเข้าใจของคนธรรมดาเกี่ยวกับตัวเซียนขึ้นมา
ถ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาคือผู้ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเซียน แล้วพวกเขาจะกล้าโจมตีต่อได้ยังไงกัน?
ในจุดนี้หวังซูฉินเองก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน ถ้าไม่ผ่านการฝึกตน แล้วจะมีอะไรมาอธิบายความสามารถของเด็กหนุ่มที่ทำให้ม้าแตกตื่นทั้งฝูงและเตะคนกระเด็นได้หล่ะ
แต่ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้มีการฝึกตนจริงๆหล่ะก็ ตระกูลหวังคง…
หวังซูฉินไม่กล้าที่จะคิดไปไกลกว่านี้ ดวงตาของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที แล้วเธอก็ชี้ดาบไปที่เฉินเฉินพร้อมออกคำสั่ง “เจ้านั่นพึ่งจะเริ่มฝึกตนได้ไม่นานยังมีฝีมือไม่เท่าไหร่หรอก! ถ้าร่วมมือกัน พวกเราน่าจะสามารถฆ่ามันได้!”
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนคุ้มกันคนไหนทำตามคำสั่งของเธอ
คนคุ้มกันพวกนี้กลัวจนหัวหดแล้ว ขาของพวกเขาสั่นระริก ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการก็คือขอขาเพิ่มอีกสองข้างเพื่อที่จะช่วยพวกเขาในการหนี พวกเขาจะกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงในสถานการณ์นี้ได้ยังไงกัน?
“ไอ้พวกขยะ!”
หวังซูฉินรู้สึกหงุดหงิดมากๆ เธอกระโดดลงมาจากหลังม้า และตัดหัวคนคุ้มกันที่กำลังหนี
เสื้อผ้าของเธอถูกย้อมด้วยสีแดงอย่างรวดเร็วด้วยเลือดที่สาดกระเซ็น จากใบหน้าที่บิดเบี้ยวนี้ เธอดูชั่วร้ายเหมือนกับปีศาจที่พึ่งออกมาจากภูเขาไฟ
“ใครที่พยายามหนีจะถูกฆ่าทั้งตระกูล!”
“แต่ถ้ามีใครที่นี่ฆ่าเจ้าปีศาจนั่นได้ ข้าจะแต่งงานกับคนๆนั้นและยอมอุ้มลูกให้เลย ผู้โชคดีจะได้อิ่มเอมกับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลหวัง!”
เมื่อได้ฟังคำประกาศของเธอ ผู้คุ้มกันหลายคนก็เริ่มลังเลขึ้นมา
ท่านหญิงลำดับสองนั้นไม่ได้เป็นแค่คนสวยจากตระกูลที่ร่ำรวย แต่ยังเก่งศิลปะการต่อสู้ด้วย ในสายตาของคนคุ้มกัน เธอก็เปรียบเสมือนกับเทพธิดา
พวกเขาน่าจะเคยย่ำยีเธอในฝันอยู่หลายครั้ง ด้วยสัญญาที่กล่าวออกมานี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเขาจะไม่สะทกสะท้านเลย
“ถึงยังไงพวกเราก็ต้องตายอยู่แล้ว! ลุย!” คนที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากตะโกนออกมาในขณะที่เขาลากมีดพร้าตรงไปหาเฉินเฉิน ด้วยสายตาที่เป็นบ้าไปแล้ว
คนคุ้มกันคนอื่นๆเองก็ชักมีดพร้าของพวกเขาออกมาแล้วเตรียมบุกอีกระลอก
ในจุดนี้ เฉินเฉินได้เตะออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ หินขนาดเท่าฝ่ามือได้พุ่งออกไป และทำลายศีรษะของคนคุ้มกันที่เสียสติ
พอนึกถึงวิธีที่หวังซูฉินพยายามจะซื้อใจชาวบ้านของหมู่บ้านหิน เฉินเฉินก็เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาอย่างกระทันหัน
เขาพูดกับคนคุ้มกันที่หวาดกลัวอยู่ “ฆ่าเธอซะเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แน่นอนว่า ถ้าสามารถจับเธอได้โดยที่เธอยังรอดอยู่ ก็เชิญปู้ยี่ปู้ยำเธอได้ตามใจชอบเลย—ข้าแค่อยากให้เธอตายเท่านั้น
“ส่วนผลที่ตามมาหน่ะหรอ อันนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ถึงยังไงหลังจากนี้ก็จะไม่มีตระกูลหวังอยู่อีกแล้ว
“คิดให้ดีๆหล่ะ พวกเจ้าคิดว่าจะมีโอกาสจัดการกับใครได้มากกว่าระหว่างข้าที่เป็นเซียนหรือเธอที่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง?”
คำพูดของเฉินเฉินดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่
ความกลัวแสดงออกมาบนใบหน้าของหวังซูฉิน เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดทั้งหมดนี้จะมาจากเด็กหนุ่มที่อายุแค่ประมาณ 16 ปี
คนคุ้มกันคนอื่นหยุดฝีเท้าของพวกเขา พวกเขาต่างก็กำลังจ้องมองพื้น ไม่มีใครรู้ความคิดของพวกเขา
จากนั้น เฉินเฉินก็พูดเพิ่มอีกประโยคนึง
“ในฐานะเซียนแล้วข้าไม่โกหกหรอก”
ในที่สุด…
คนคุ้มกันก็เริ่มขยับศรีษะ
ไม่นานนัก คนคุ้มกันที่เหลืออยู่ 11 คนก็หันกลับไปมองหวังซูฉินและดาบของเธอด้วยสายตาที่เย็นชา มีดพร้าของพวกเขากำลังสะท้อนแสงแวววับ
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? พวกเจ้าเป็นสุนัขของตระกูลหวังนะ!” หวังซูฉินอุทานด้วยความหวาดกลัว
“นั่นสินะ! ตระกูลหวังไม่เคยปฏิบัติกับพวกเจ้าในฐานะมนุษย์ เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนี้ก็ตัดหัวของคนคุ้มกันไปโดยไม่มีความลังเลเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเจ้าจะมีความเมตตากับตระกูลหวังไปทำไมหล่ะ?” เฉินเฉินถามพวกเขาอย่างใจเย็นเบื้องหน้าแผ่นหิน
ในแง่ของการควบคุมจิตใจ เขานั้นเก่งเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นนักท่องเวลาที่เคยเป็นมนุษย์มาสองชาติและมีประสบการณ์ของสังคมสมัยใหม่ ซึ่งนี่ยิ่งเห็นความต่างชั้นเข้าไปใหญ่เมื่อเทียบกับหวังซูฉินที่ขาดคุณสมบัติ
ตามที่คาดเอาไว้ พอได้ฟังเช่นนี้ คนคุ้มกันก็เป็นอิสระจากภาระทางจิตใจและเริ่มตะโกนด่าหวังซูฉิน
“ยัยผู้หญิงชั้นต่ำ! ตายซะเถอะ!”
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า!”
…
ไม่นานนัก คนคุ้มกันก็ล้อมหวังซูฉินแขนชนแขน
พวกชาวบ้านที่ดูเหตุการณ์อยู่คิดได้แค่ว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในความฝัน
คอมเม้นต์