ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 109: อะไรนะ? มีสถานที่แบบนั้นด้วยเหรอ??

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 109 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

นิยาย อ่านนิยาย


เมื่อได้ฟังการแจ้งเตือนของระบบ เฉินเฉินก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา

 

มันปรากฏขึ้นแล้ว! ในที่สุดก็มีโอกาสสำหรับการตรวจจับวางกว้าง และมันก็มีระยะ 20,000 เมตร แถมไม่มีข้อจำกัดด้วย!

 

ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเฉินเฉินสามารถไปที่อื่นเพื่อใช้โอกาสนี้ได้

 

พูดตามตรง เฉินเฉินยังค่อนข้างรู้สึกดูถูกสำนักงานใหญ่ของสำนักอสูร

 

แม้ว่าพิษจะเป็นสมบัติประเภทหนึ่งเหมือนกัน แต่มันส่งผลเสียมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น เห็ดเวทมนตร์ที่จะลดอายุขัยของคนถ้าเข้าไปใกล้ มันไม่สามารถพกพาไปด้วยได้เลย

 

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง ผู้อาวุโสสำนักอสูรทั้งสองก็คุกเข่าลงพร้อมกัน

 

“พวกเรา อันเฉินกับอันซิง ผู้อาวุโสของสาขาสองแห่งสำนักอสูรมีเรื่องสำคัญอยากจะขอพบเจ้าสำนักครับ!”

 

ในทันทีที่พวกเขาพูดจบ หน้าผาตรงหน้าก็สั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เผยให้เห็นประตูยักษ์บานนึง

 

ภายในประตูยักษ์นั้นเป็นสีดำสนิท และมีกลิ่นเลือดอ่อนๆโชยมาจากด้านใน ทำให้มันดูวังเวงและน่ากลัวเป็นพิเศษ

 

เฉินเฉินรู้สึกกังวลมากๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสจะได้เจอกับเจ้าสำนักอสูรในเร็วๆนี้!

 

เจ้าสำนักอสูรคือคนที่ใหญ่ที่สุดของสำนักอสูร แม้กระทั่งผู้อาวุโสสำนักอู๋ซินและท่านบรรพบุรุษก็ยังด้อยกว่าเขาในแง่ของสถานะและอำนาจ

 

ถึงยังไง เจ้าสำนักอสูรก็ไม่เพียงแค่จะควบรวมทั้ง 36 สาขาของสำนักอสูรให้เป็นปึกแผ่นได้ แต่ยังเป็นพระราชาของรัฐโจวด้วย

 

“อย่ากลัวไป ท่านเจ้าสำนักไม่ทำร้ายเจ้าหรอก” ผู้อาวุโสสำนักอสูรทั้งสองเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

จากนั้นพวกเขาก็เดินนำเฉินเฉินเข้าไป ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ กลิ่นเลือดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

 

ในตอนที่พวกเขามาถึงส่วนลึกสุด กลิ่นเลือดก็ฉุนมากจนแทบอ้วก

 

“เขาไม่ใช่ปีศาจที่ดูดเลือดมนุษย์ใช่ไหมครับ?” เฉินเฉินกังวลและเขาก็กลัวจะถูกกินในตอนที่เข้าไปข้างใน

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องมันเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้

 

มันไม่ได้มีภูเขาศพที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ข้างใน หรือมีปีศาจที่ชั่วร้าย มันมีแค่ชายแก่สวมเสื้อคลุมคนนึงที่มีผมยาวพาดบ่าอย่างไม่เป็นทรงนั่งอยู่บนแท่นหิน

 

มีโซ่แสงสี่เส้นอยู่รอบๆแท่นหินซึ่งได้พันธนการชายแก่คนนี้เอาไว้อยู่ โซ่สองเส้นได้เจาะทะลุหัวไหล่ของเขาและกลิ่นเลือดก็แผ่ออกมาจากเขา

 

‘นี่คือโจวเหรินหลง เจ้าสำนักอสูรที่อาจารย์พูดถึงอย่างนั้นเหรอ? เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย’

 

เฉินเฉินบ่นในใจ

 

เซี่ยวอู่โยวเคยบอกเขาว่าเจ้าสำนักอสูรโจวเหรินหลงคือสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสองประเทศที่มีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ แต่เขาไม่ได้บอกว่าโจวเหรินหลงคนนี้เป็นนักโทษ

 

‘ในสองอาณาจักรนี้มีคนที่สามารถพันธนาการเจ้าสำนักอสูรได้ด้วยเหรอ หรือว่าเป็นคนที่อยู่นอกเหนือจากสองอาณาจักรนี้?’

 

 

“ท่านเจ้าสำนัก! ฉิงเทียนทำภารกิจสำเร็จครับ…แต่เขาเจออุบัติเหตุระหว่างทางกลับและทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาก็ถูกทำลาย ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดช่วยฟื้นฟูทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขาด้วยเถอะครับ!”

 

ผู้อาวุโสสำนักอสูรที่พาเฉินเฉินมาชี้ไปยังหยวนฉิงเทียนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับคนโง่ และคำพูดของเขาก็น่าเศร้ามาก

 

“ได้สิ แต่ถ้าให้ข้าฟื้นฟูทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา สาขาสองก็จะเสียโอกาสนั้นไปนะ”

 

เฉินเฉินไม่เห็นปากของเจ้าสำนักอสูรขยับเลยแต่เสียงก็ดังมาจากเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม มันน่าขนลุกสุดๆและเขาก็ให้ความรู้สึกเหมือนปีศาจจากนรก

 

อันเฉินกับอันซิงคุกเข่าอีกครั้งด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น

 

“ท่านเจ้าสำนัก! ครั้งนี้ นายน้อยได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเราขอความเมตตาด้วย! โปรดให้โอกาสเขาเถอะ! และครั้งนี้พวกเราก็ไม่ได้กลับมามือเปล่าด้วย พวกเราพาคนๆนี้กลับมาครับ!”

 

หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น ผู้อาวุโสอันเฉินก็ชี้ไปทางเฉินเฉิน

 

ทันใดนั้นเอง โจวเหรินหลงที่ถูกพันธนาการอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปที่เฉินเฉิน

 

เฉินเฉินรู้สึกได้ว่ามีแรงกดดันอันมหาศาลกำลังกดมาที่ร่างกายของเขาในทันทีซึ่งมันรู้สึกหนักเหมือนกับของหลายร้อยกิโล ทำให้เขาอยากจะคุกเข่าลงในทันที

 

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดเขาก็ยืนหยัดสู้เอาไว้ได้และไม่ได้ใช้พลังปราณเลยซักนิด

 

“ท่านเจ้าสำนัก เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อจางเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากรัฐจิน แต่เขามีร่างกายไร้เทียมทานอันหายาก! ถ้าเขาเข้าร่วมสาขาขัดเกลาร่างกาย พวกเราจะสร้างสุดยอดฝีมือในรัฐโจวได้อีกคนนึงแน่นอนครับ!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สายตาของโจวเหรินหลงมีความประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็แค่นั้น

 

เมื่อเทียบกับปฏิกิริยาของเซี่ยวอู่โยวในตอนที่เขาพบเฉินเฉิน โจวเหรินหลงนั้นใจเย็นกว่ามาก

 

เห็นได้ชัดว่าเขาคือสุดยอดฝีมือที่จะรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

“หืม ร่างกายไร้เทียมทานเหรอ? น่าสนใจ แต่ถึงกระนั้น ฉิงเทียนที่ได้รับการรักษาอาจจะไม่มีความทรงจำเหลืออยู่ก็ได้ เจ้ายังอยากจะให้เขาแข่งชิงบัลลังก์ของเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐโจวในสภาพนั้นอยู่อีกเหรอ?”

 

“ครับ!”

 

ทั้งสองคนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน

 

หยวนฉิงเทียนได้ทำการเสียสละเป็นอย่างมากเพื่อลอบสังหารฉงเย่ ถึงขนาดที่เขายอมแทรกซึมเข้าไปในรัฐจินเป็นเวลากว่าสิบปี ดังนั้น ต่อให้อายุจิตของหยวนฉิงเทียนจะกลับไปเป็นเด็กทารก พวกเขาก็ยังจะปล่อยให้เขาต่อสู้เพื่อบัลลังก์

 

“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าทั้งสองกลับไปได้แล้วทิ้งฉิงเทียนไว้ที่นี่ซะ” โจวเหรินหลงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

ผู้อาวุโสอันเฉินกับอันซิงมองหน้ากันก่อนที่จะบินออกไป

 

ไม่นานนักก็เหลือแค่โจวเหรินหลง เฉินเฉิน และหยวนฉิงเทียนที่ไม่ได้สติอยู่ในภูเขาลึก และบรรยากาศก็อึมครึมขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

เฉินเฉินได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจเต้นของตัวเอง

 

ในขณะที่มองเฉินเฉินซึ่งถูกครอบงำด้วยความกังวล โจวเหรินหลงก็พูดอย่างเฉยเมย “คนของรัฐจินที่เข้าร่วมสำนักอสูรของเราจะต้องสาบานต่อหน้ารูปปั้นเทพอสูรเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ”

 

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นเฉินเฉินก็สังเกตเห็นรูปปั้นเทพอสูรขนาดยักษ์อยู่ข้างหลังโจวเหรินหลง

 

ในขณะที่มองรูปปั้น หัวใจของเฉินเฉินนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

‘เขาอยากให้ข้าสาบานอะไรกัน?’

 

‘โจวเหรินหลงไม่ได้บอกข้าด้วย เขาพยายามกดดันให้ข้าตกอยู่ในจุดที่ยากลำบากเหรอ?’

 

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศอึมครึมขึ้นเรื่อย ๆ เฉินเฉินผู้มีจิตใจที่กล้าแกร่งให้คำสาบานต่อรูปปั้นเทพอสูรอย่างจริงจัง “ท่านเทพอสูร ข้า จางเฉินขอสาบานเอาไว้ ณ ที่นี้ว่าจะทำลายสำนักอู๋ซินให้หมดสิ้นภายในเวลาสิบปี ไม่อย่างนั้นขอให้ข้าตายโดยไม่มีแม้แต่ที่ฝังและจะไม่มีวันกลับมาเกิดใหม่ตลอดกาล!”

 

เมื่อได้ฟังคำสาบานนี้ โจวเหรินหลงที่อยู่บนแท่นก็ตัวสั่นเล็กน้อย หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ เขาก็พูดออกมาในที่สุด “คำสาบานของเจ้ามันมากเกินไปหน่อยนะ การทำลายสำนักอู๋ซินไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สิบปีเหรอ? คำกล่าวอ้างของเจ้าช่างกล้าหาญจริงๆ”

 

เฉินเฉินยิ้มแล้วเกาหัว เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแนวคิดของเวลาซักเท่าไหร่ เอาเถอะ ก็เข้าพึ่งฝึกตนมาได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง

 

ถ้าเขามีเวลาซักสิบปี เขาจะไม่กลายเป็นผู้ไร้เทียมทานเลยเหรอ? แบบนั้นการทำลายสำนักอู๋ซินก็เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขาไม่ใช่รึไง?

 

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขาทำได้แค่สาบานโดยใช้สำนักอู๋ซินเท่านั้น ถึงยังไง พวกนั้นก็เป็นพวกเลวทรามอยู่แล้วดังนั้นการฆ่าพวกเขาคงไม่มีอันตรายอะไร

 

“ข้าแก้คำสาบานดีไหม? ซักสิบสองปีเป็นยังไงครับ?” เฉินเฉินพูด ด้วยความมั่นใจที่น้อยกว่าตอนแรก

 

ในตอนที่ได้ยินเช่นนี้ปากของโจวเหรินหลงขยับจริงๆ เขาดูค่อนข้างโกรธ

 

“เจ้าคิดว่าการสาบานต่อหน้าเทพอสูรเป็นเรื่องตลกรึไง? ถ้าเจ้าผิดคำสาบาน เจ้าจะถูกเทพอสูรสาปแช่ง”

 

เขาเคยเห็นพวกที่สาบานจะยอมภัคดีด้วยมาก่อน แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนที่สาบานว่าจะทำลายสำนักอู๋ซินภายในสิบปี

 

‘นั่นมันก็แค่การหาเรื่องตายเท่านั้น’

 

เฉินเฉินมีสีหน้าบูดบึ้ง ‘คำสาบานมีผลจริงๆเหรอ? มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเรื่องแบบนี้’

 

เขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ

 

“ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้ากล้าสาบานถึงขนาดนั้น อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่าเจ้าเกลียดสำนักอู๋ซิน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว นับจากนี้ไป เจ้าจะเป็นศิษย์อนาคตไกลของสายขัดเกลาร่างกายแห่งสำนักอสูร”

 

“สำนักอสูรนั้นแตกต่างจากรัฐจิน ไม่ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เจ้าก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติที่พิเศษกว่าคนอื่น เจ้าจะต้องสรรหาทุกอย่างด้วยตัวเอง”

 

“แม้กระทั่งเรื่องตำแหน่งเจ้าสำนักอสูร ข้าเองก็จะต้องยอมสละมันถ้ามีคนจากสาขาอื่นที่แข็งแกร่งกว่าข้า”

 

คำพูดของโจวเหรินหลงทำให้เฉินเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

 

เขาคิดว่าเขาจะได้รับยศผู้สืบทอดเจ้าสำนักหรืออะไรประมาณนั้นแต่ดูเหมือนว่าเขาจะเพ้อฝันมากเกินไปเพราะสถานที่โกโรโกโสแบบนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับอัจฉริยะอย่างเขาจริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โจวเหรินหลงพูดถัดจากนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้เขา!

 

“สามสาขาแรกของสำนักอสูรล้วนมีดินแดนลับของตัวเอง ซึ่งเก็บมรดกต่างๆเอาไว้ มรดกพวกนี้ต้องการการทดสอบที่แตกต่างกัน และศิษย์เริ่มต้นทุกคนจะได้เข้าไปในสถานที่นั้นเป็นเวลาสิบวันเพื่อหาวิชาที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด”

 

“ตอนนั้น หยวนฉิงเทียนได้ผ่านการทดสอบต่างๆและได้พบวิชาซ่อนเร้นศักดิ์สิทธิ์จนสร้างความตกใจให้กับทั้งสาขาที่ 2 และในทำนองเดียวกัน เจ้าเองก็ต้องหาวิชาของตัวเอง”

 

“แต่ว่า ข้าคงต้องขอเตือนเจ้าหน่อยว่าพื้นที่ลับของสาขาขัดเกลาร่างกายนั้นยับยั้งพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมด ใครก็ตามที่เข้าไปจะกลายเป็นมนุษย์เพื่อที่จะตามหาวิธีฝึกตนที่เหมาะสมที่สุด ปัจจัยทางกายภาพเป็นแค่เรื่องรอง สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเจตจำนงค์ที่ไม่ย่อท้อของเจ้า! ในระหว่างการฝึกตน พลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้ว่าเจ้าจะมีร่างกายมนุษย์ แต่เจ้าจะสามารถสังหารยอดฝีมือได้ตราบใดที่จิตใจของเจ้าแน่วแน่!”

 

“อะไรนะครับ? มีสถานที่แบบนั้นด้วยเหรอครับ?”

 

เฉินเฉินยิ่งกว่าตกตะลึง มรดกทุกรูปแบบอยู่ในดินแดนลับ มีสถานที่แบบนั้นด้วย!

 

‘หรือว่านี่คือสถานที่ที่ข้า…ใฝ่ฝันเอาไว้?’

 

“แน่นอนว่ามีสิ ถ้าเจ้าไม่ได้มรดกอะไรกลับมาเลย มันก็หมายความได้แค่ว่าเจ้าไม่ได้มีจิตใจที่แข็งแกร่ง และถ้าเจ้าไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง เจ้าก็จะเป็นแค่ก้อนหินให้คนอื่นเหยียบเพื่อกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในอนาคต แม้ว่าเจ้าจะมีร่างกายไร้เทียมทานก็ตาม! และถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็หมายความว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นศิษย์สาขาขัดเกลาร่างกายของสำนักอสูร”

 

น้ำเสียงของโจวเหรินหลงฟังดูเข้มงวด และในท้ายที่สุด มันก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

หลังจากที่เขาพูดจบ รูปปั้นเทพอสูรก็ขยับไปทางขวาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นประตูบานนึง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด