ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 124: ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ชิงเฉียนก็ร้องไห้อย่างทุกข์ใจในขณะที่นึกภาพความเจ็บปวดและความยากลำบากที่เฉินเฉินต้องเผชิญมาเป็นเวลากว่าสิบปี
‘เขาช่างเป็นคนดีจริงๆ… แต่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะข้า!’
หลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้ ชิงเฉียนก็ปาดน้ำตาและสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“พี่ใหญ่เฉิน ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้าจะส่งท่านไปที่สำนักอู๋ซินให้ได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากพึมพำกับตัวเอง ชิงเฉียนก็แบกเฉินเฉินขึ้นหลังและบินออกไป
หลังจากที่ออกมาพ้นสนามรบอย่างสมบูรณ์และตระหนักได้ว่าคนของสำนักอสูรไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว ชิงเฉียนก็หยิบเหรียญสื่อสารออกมา
“ท่านพ่อ ข้าหนีรอดมาได้ค่ะ!”
เสียงตอบกลับที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อดังมาจากอีกฝั่งนึงของเหรียญสื่อสาร!
“เยี่ยมเลย! นี่เจ้าหนีมาได้จริงๆเหรอ? วิเศษจริงๆ! ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปหาเจ้า…”
ในตอนนี้เอง เขาก็เงียบลง
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บหนักและคนของสำนักอู๋ซินก็คงไม่ยอมปล่อยข้าออกไปแน่ เพราะฉะนั้นให้ข้านำทางเจ้ามาคงจะดีกว่า จำเอาไว้นะ เจ้าต้องเดินทางมาอย่างระมัดระวังล่ะ”
“ค่ะ!”
หลังจากที่ตอบกลับไปเช่นนั้น ชิงเฉียนก็เก็บเหรียญสื่อสาร
…
ซักพักต่อมา ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง
เฉินเฉินที่ถูกแบกเอาไว้บนหลังของชิงเฉียนเริ่มตื่นตระหนก
‘เซียนหญิงคนนี้เป็นคนดีมากจริงๆ ในขณะที่บินอยู่ เธอก็ยังคอยส่งพลังปราณมาให้ข้า’
‘เซียนขั้นสร้างรากฐานนั้นบินช้ามาตั้งแต่แรกแล้วและตอนนี้ เธอก็ช้ายิ่งกว่า’
แถมยังมีหลายครั้งที่พวกเขาเกือบร่วงลงมาเพราะพลังปราณที่ใช้คงสภาพการบินไม่พอด้วย
“พี่ใหญ่เฉิน ไม่ต้องห่วงค่ะ ท่านช่วยชีวิตของข้า เพราะฉะนั้นข้าก็จะไม่ทอดทิ้งท่าน!”
ใบหน้าของชิงเฉียนซีดเผือดและเธอก็หยิบยาออกมาจากแหวนเก็บของและกลืนมันเข้าไป
ในตอนนี้ เธอกำลังดิ้นรนด้วยการแบกผู้ชายคนนึงเอาไว้บนหลังในขณะที่บินผ่านท้องฟ้า นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เธอยังได้รับผลกระทบทางจิตใจในตอนที่อยู่ในสำนักอสูรด้วย ดังนั้น เธอจึงเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ความจริงที่ว่าเธอไม่ได้เป็นลมไปในทันทีก็หมายความว่าเธอแกร่งมากๆแล้ว
หลังจากที่ฟื้นคืนพลังปราณกลับมาได้เล็กน้อย ชิงเฉียนก็บินไปตามทางที่เธอได้รับคำแนะนำมา แต่ว่าเธอก็บินเซไปเซมาด้วยท่าทีที่ไม่มั่นคงและเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังพึ่งพาความมุ่งมั่นของเธอในการฝืนดิ้นรนต่อไป
ในขณะที่มองชิงเฉียนผู้อ่อนหวานแต่ใสซื่อคนนี้ เฉินเฉินก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังเป็นคนดี อย่างน้อยเขาก็คิดอย่างนั้น
“ในตอนที่ความวุ่นวายระหว่างสองประเทศสงบลง ข้าจะเป็นคนดีและจะไม่ทำอันตรายกับสวรรค์และผืนดินอีก!”
เฉินเฉินสาบานในใจอย่างเงียบๆ
…
มันเป็นเวลามืดค่ำแล้ว
ในที่สุดชิงเฉียนก็มาถึงกลางเทือกเขารกร้างแห่งนึง
ไม่มีหญ้าซักต้นอยู่ในเทือกเขา ซึ่งเงียบเป็นป่าช้านี้ ชิงเฉียนหยิบเหรียญสื่อสารออกมาแล้วพูด “ท่านพ่อ ข้ามาอยู่ตามที่ที่บอกแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเฉินเฉินก็เต้นไม่เป็นจังหวะ และเขาก็ทำเป็นไม่รู้สึกตัว
ครู่ต่อมา ออร่าในอากาศก็สั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นประตูแสงก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า และศิษย์คนนึงที่สวมเครื่องแบบของสำนักอู๋ซินก็เดินออกมาจากประตูนั้น
เมื่อเห็นผู้สืบทอดของสำนักชิงหลิงกำลังแบกคนๆนึงเอาไว้บนหลัง ศิษย์สำนักอู๋ซินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเย็นชา “สำนักอู๋ซินไม่ยอมรับคนนอก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิงเฉียนก็รีบพูดขึ้น “เขาเป็นคนจากสำนักอู๋ซินค่ะ โค้ดเนม 9-5-4-7 เขาแฝงตัวเข้าไปในสำนักอู๋ซิน และครั้งนี้เขาก็เป็นคนที่ช่วยพาข้าหนีออกมา”
ศิษย์สำนักอู๋ซินลังเลเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ สำนักอู๋ซินได้ส่งศิษย์คนนึงเข้าไปในสำนักอสูรจริงๆ แต่ข้อมูลของเขาเป็นความลับสุดยอดและแม้กระทั่งผู้อาวุโสบางคนก็ยังไม่รู้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย
“เขามาจากสำนักอู๋ซินจริงๆค่ะ เพื่อที่จะช่วยข้า เขาไม่ได้ลังเลที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาเลย และยังได้รับบาดเจ็บหนักด้วย!” ชิงเฉียนเป็นกังวลมากจนแทบจะร้องไห้ออกมาอีก
‘ถ้าสำนักอู๋ซินไม่อนุญาตให้พี่ใหญ่เฉินเข้าไป เขาจะตายรึเปล่า?’
โดยไร้ซึ่งความลังเล ศิษย์สำนักอู๋ซินก็จับที่ข้อมือของเฉินเฉินและสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไปแล้ว นี่มันทำให้เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ สำนักอู๋ซินไม่ต้องการคนหมดประโยชน์หรอก!”
หัวใจของชิงเฉียนเย็นวาบหลังจากที่เธอได้ยินคำพูดเหล่านี้
ข่าวลือบอกว่าคนของสำนักอู๋ซินส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกเย็นชาและโหดร้าย ในที่สุดตอนนี้เธอก็ได้เจอกับตัวเองแล้ว
พวกเขาไม่ลังเลที่จะทอดทิ้งศิษย์ในตอนที่พวกเขาพิการ ต่อให้พวกเขาจะอยู่ในสำนักมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วก็ตาม!
“ศิษย์พี่ ช่วยยอมให้เขาเข้าไปแล้วให้ท่านพ่อของข้าช่วยเขาด้วยเถอะ ข้าขอร้องล่ะ ถึงยังไงเขาก็เป็นคนช่วยชีวิตข้า!”
ในขณะที่พูด ชิงเฉียนก็หยิบจี้หยกออกมาจากแหวนเก็บของ ซึ่งทำมาจากหินวิญญาณระดับกลางที่มีการสลัดลวดลายอันซับซ้อน ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ดูเหมือนมันจะเป็นของทีมีค่ามากๆ
เมื่อเห็นจี้หยกเส้นนี้ ศิษย์สำนักอู๋ซินก็หัวเราะอย่างอ่อนโยนแล้วพูด “ก็ได้ แต่แค่วันเดียวนะ ถ้าไม่มีผู้อาวุโสมายืนยันตัวศิษย์คนนี้ภายในหนึ่งวัน ข้าจะต้องขับไล่เขาออกไป”
หลังจากที่พูดเช่นนี้ เขาก็รับจี้หยกก่อนที่จะเดินนำหน้าไป
คนๆนึงที่จุดตันเถียนถูกทำลายไปแล้วคงจะก่อความวุ่นวายในสำนักอู๋ซินไม่ได้หรอก
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชิงเฉียนก็รีบพาเฉินเฉินเข้าไปในประตูแสง
จากนั้นประตูแสงก็ค่อยๆหายไป และเทือกเขารกร้างก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
…
“อากาศในสำนักอู๋ซินสดชื่นจริงๆ!”
เฉินเฉินสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดและสีหน้าของเขาก็ค่อยๆชั่วร้ายขึ้น
ภายในสำนักอู๋ซินนั้นเหมือนกับวังที่มีอาคารนับไม่ถ้วน ในแง่ของพื้นที่เพียงอย่างเดียว มันก็อาจจะกว้างกว่าสำนักเทียนหยุนถึงสองเท่า!
และที่สำคัญที่สุด พลังปราณที่นี่ยังหนาแน่นมาก มากกว่าสำนักเทียนหยุนและในรัฐซะอีก
“ระบบ แถวนี้มีของมีค่าอะไรบ้าง?”
“สามเมตรทางซ้ายของท่านมีอิฐหินวิญญาณค่ะ!”
“ระบบ…”
…
ในขณะที่เฉินเฉินเดินอยู่ เขาก็ถามคำถามกับระบบและตระหนักได้ว่ามีสมบัติอยู่ทุกที่ในสำนักอู๋ซิน ซึ่งทำให้เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เขาปล่อยให้อาจารย์ของเขาเซี่ยวอู่โยวไปช่วยสำนักพยัคฆ์ขาวและสำนักอื่นๆ และแนะนำให้กองทัพของสำนักอสูรขึ้นเหนือเพื่อกดดันสำนักดาบศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ สำนักอู๋ซินมียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณอยู่ในสนามรบถึงเก้าคน!
ก่อนหน้านี้ สำนักอู๋ซินมียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณอยู่ทั้งหมดแปดคนเท่าที่ผู้คนรู้กัน
นี่ก็หมายความว่ามันไม่น่าจะมีคนที่อยู่ระดับก่อกำเนิดวิญญาณอยู่ในสำนักอีก
ค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งของสำนักทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากพอที่จะส่งเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณออกไปจนหมด!
ถ้าเฉินเฉินคิดไม่ผิด ค่ายกลป้องกันของสำนักอู๋ซินนั้นแข็งแกร่งกว่าสำนักชิงหลิงอย่างน้อยห้าหรือหกเท่า ซึ่งแม้กระทั่งยอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณก็ไม่สามารถทำลายได้!
นอกจากนี้ ยังมีค่ายกลซ่อนเร้นอยู่ข้างนอกอีก ซึ่งซ่อนสำนักอู๋ซินเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“สำนักอู๋ซินไปเอาหินวิญญาณจำนวนมากมายถึงขนาดที่รักษาค่ายกลพวกนี้ได้ตลอดทั้งปีจากที่ไหนกันนะ?
เฉินเฉินรู้สึกทึ่งในใจ และสิ่งต่อมาที่เขารู้ก็คือชิงเฉียนได้พาเขามาถึงลานกว้างแล้ว
ทางเข้าของลานกว้างแห่งนี้มียอดฝีมือระดับแก่นทองคำที่ทำให้เฉินเฉินกังวลค่อยคุ้มกันอยู่
“ลูกรัก!”
ในทันทีที่พวกเขามาถึงตัวอาคาร ชิงเฮงก็ออกมาพร้อมน้ำตาในตอนที่เขาเห็นว่าชิงเฉียนปลอดภัยดี คงมีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขารู้สึกสะเทือนใจขนาดไหนในตอนที่เขาได้ยินคำขู่จากสำนักอสูร
ถ้าไม่ใช่เพราะระดับการฝึกตนที่สูงของเขา เขาอาจจะถูกความทุกข์เข้าครอบงำในทันที
“ท่านพ่อ….พี่ใหญ่คนนี้ช่วยข้าเอาไว้ค่ะ ท่านพอหาวิธีช่วยเหลือเขาได้ไหมคะ?” ชิงเฉียนถามอย่างอ้อนวอนในขณะที่ชี้ไปทางเฉินเฉิน
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของชิงเฮงก็ดูขมขื่นและเขาก็มองไปทางเซียนแก่นทองคำของสำนักอู๋ซินที่ยืนอยู่ตรงประตู เขาพูดอย่างนุ่มนวล “ข้าได้รับบาดเจ็บหนัก ตอนนี้ข้าไม่สามารถรวบรวมพลังปราณในร่างกายของข้าได้!”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” ชิงเฉียนอุทานด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตาม ชิงเฮงหยุดพูดแล้วลากเธอเข้าไปในบ้านแทน เขาพึมพำออกมา “สำนักอู๋ซินปิดผนึกระดับพลังของข้าไปครึ่งนึง พวกนั้นอยากให้ข้าส่งมอบวิชาชำระวิญญาณให้ภายในหนึ่งวัน…”
“อะไรนะคะ!?!” ชิงเฉียนตกตะลึง ‘นี่ก็แสดงว่าท่านพ่อถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่น่ะสิ!?’
เฉินเฉินที่แกล้งหมดสติไปเองก็พูดไม่ออก ‘เขาถูกกักบริเวณแต่ก็ยังขอให้ลูกสาวของเขามาที่นี่เหรอ พ่อผู้ซื่อสัตย์คนนี้ไม่ฉลาดเลยจริงๆ’
“สำนักชิงหลิงถูกยึดครองและสูญเสียคุณค่าไปแล้ว สำนักอู๋ซินอยากจะชิงสุดยอดวิชาของเราและจากนั้นก็ทำการฝึกฝนเซียนที่เชี่ยวชาญด้านการล้างพิษ นี่เป็นเรื่องปกติ ถึงยังไง สำนักอู๋ซินก็มักจะเสมอภาคและไร้ความปราณีอยู่แล้ว”
ชิงเฮงถอนหายใจและดูสิ้นหวังเล็กน้อย
ในโลกที่วุ่นวายนี้ สำนักอย่างชิงหลิงสามารถอยู่รอดได้ด้วยการเกาะติดสำนักที่แข็งแกร่งเท่านั้น และการที่มาเกาะติดสำนักอู๋ซินเองก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ออกมาจากความหมดหนทาง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะถูกเขี่ยทิ้งหลังจากที่ถูกใช้ประโยชน์แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปซักพักหนึ่ง เขาก็โล่งอกอีกครั้ง
“ลูกรักของข้า เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้ากำลังคิดที่จะเอาวิชาชำระวิญญาณลงหลุมไปกับข้าอยู่พอดีแต่ในเมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ มันก็ไม่จำเป็น อย่างมากที่สุด พวกเราจะส่งมันให้กับพวกเขาและออกจากที่แห่งนี้ไปในอนาคตเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่ไหนซักแห่งเพื่อช่วยเหลือโลกและผู้คน”
“ข้าจะทำตามคำแนะนำของท่านค่ะ ท่านพ่อ โปรดช่วยดูพี่ใหญ่เฉินด้วย!”
แม้ว่าสำนักอู๋ซินจะต่ำช้า แต่ชิงเฉียนก็แยกเฉินเฉินที่ช่วยเหลือเธอออกจากสำนักอู๋ซินโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ชิงเฮงก็เริ่มดูอาการของเฉินเฉินและไม่นานนัก เขาก็ตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ
“เขาไม่ได้บาดเจ็บหนักหรอก แต่จุดตันเถียนของเขาได้ถูกทำลายไปแล้ว และมันก็อาจจะส่งผลกระทบกับอวัยวะภายในของเขา ข้ามียาฟื้นฟูอยู่สองเม็ด เอาไปสิแล้วก็พักผ่อนซะ เขาไม่เป็นอะไรหรอก!”
ในขณะที่พูด ชิงเฮงก็หยิบยาออกมาสองเม็ดจากขวดยาที่เขาพกติดตัวแล้วป้อนพวกมันให้เฉินเฉิน
เมื่อเห็นใบหน้าของเฉินเฉินค่อยๆมีสีเลือดฝาด ชิงเฉียนก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
‘คนของสำนักอู๋ซินนั้นไร้หัวใจ ข้าสงสัยว่าพี่ใหญ่จะได้รับการยอมรับจากอาจารย์ของเขารึเปล่าหลังจากที่ได้พบกับเขา’
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็อดรู้สึกใจเสียไม่ได้
…
ช่วงกลางดึก
หลังจากที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ชิงเฉียนก็หลับสนิทไปแล้ว ก่อนหน้านี้ ชิงเฮงเป็นห่วงเธอและตอนนี้พอเขารู้สึกโล่งอก เขาเองก็หลับลึกไปเหมือนกัน
ในตอนนี้เอง เฉินเฉินก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันหลังจากที่แกล้งเป็นคนป่วยหนักมาพักใหญ่ๆ!
สายตาของเขาจริงจังอย่างมากในขณะที่เขามองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าตรงจุดหนึ่ง
“ฉิงเทียน เลิกซ่อนตัวได้แล้ว มันถึงเวลาทำงานแล้ว และครั้งนี้จะไม่มีการลักพาตัวใครทั้งนั้น!”
คอมเม้นต์