ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 338 วางแผนและลงมือทำ
ตอนที่ 338 วางแผนและลงมือทำ
เป็นสิ่งที่แปลกอย่างมากในเมืองไทเปเพราะโรงแรมที่นี่นั้นไม่เหมือนกับโรงแรมในจีนแผ่นดินใหญ่เลยแม้แต่น้อย เพราะโรงแรมที่เมืองไทเปแห่งนี้มีทั้งที่พักและสถานบันเทิงครบวงจรให้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเราอยากจะกินอยากจะดื่มเราก็สามารถไปได้เพราะภัตตาคารและคาสิโนก็อยู่ภายในโรงแรมอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นโรงแรมเหล่านี้จึงหรูหราอย่างและถึงแม้ว่ามันจะไม่หรูหราเท่าโรงแรมในลาสเวกัสของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็หรูหราอย่างมากเลยทีเดียว
เย่เชียนเองก็สนใจในธุรกิจแบบนี้มาโดยตลอดซึ่งในประเทศฝรั่งเศสนั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเองก็มีธุรกิจการโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Fallen Paradise เป็นโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณไม่สามารถจินตนาการถึงได้และไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้ในโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งถ้าหากว่าใครต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่เยี่ยงจักรพรรดิแล้วล่ะก็ตราบใดที่คนคนนั้นมีเงินทางโรงแรมก็จะจัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณและทำให้คุณมีชีวิตเยี่ยงจักรพรรดิในโรงแรมสุดหรูแห่งนี้ ซึ่งเย่เชียนเองก็เคยคิดที่จะนำโรงแรม Fallen Paradise มาเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศจีนอยู่เช่นกัน แต่ทว่าเนื่องจากสิ่งต่างๆ ที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับทางการของประเทศจีนนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำ
กฎหมายของเขตการปกครองพิเศษไต้หวันนั้นค่อนข้างแตกต่างไปจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ตามในความคิดของเย่เชียนในตอนนี้นั้นเขาก็คิดเพียงแค่เรื่องของสโมสรโรงยิมศิลปะการต่อสู้และเรื่องอื่นๆ ที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จเพียงเท่านั้น ซึ่งบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารต่างๆ ก็ถูกส่งตรงมาช่วยงานโดยซ่งหลันเอง นั่นก็เพราะว่าเย่เชียนไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับซ่งหลันและบอกเธอเกี่ยวกับภารกิจนี้ด้วย ซึ่งซ่งหลันเองก็รับรู้ได้ถึงความร้ายแรงและความยากลำบากของเรื่องนี้ดังนั้นเธอจึงส่งหญิงสาวเหลียงหยานเลขาและผู้ช่วยผู้บริหารที่มีความสามารถมากที่สุดของเธอมาช่วยดูแลสิ่งต่างๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในเขตการปกครองพิเศษไต้หวันแห่งนี้
ที่พักของโรงแรมแห่งนี้นั้นถูกจัดแจงโดยเฉินโม่สมาชิกเขี้ยวหมาป่าที่เล้งยี่ส่งมาเพื่อคอยช่วยเหลือเย่เชียนโดยการจองห้องพัก VIP สุดหรู แต่ทว่าเย่เชียนนั้นก็ไม่รู้ว่าเฉินโม่นั้นไม่รู้จริงๆ หรือว่าจงใจทำเช่นนี้เพราะถึงแม้ว่าห้อง VIP จะใหญ่มากพอสำหรับหลายคนก็นตามแต่ถึงยังไงหูวเค่อก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นการที่ผู้ชายและผู้หญิงมาเปิดห้องในโรงแรมด้วยกันสองต่อสองเช่นนี้มันก็ดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่
หลังจากที่มาถึงด้านหน้าของโรงแรมหูวเค่อก็เงยหน้ามองขึ้นไปและเห็นสัญลักษณ์ดอกพลัม 5 ดอกขนาดใหญ่ที่พิมพ์อยู่บนป้ายของโรงแรมซึ่งเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจว่า “สัญลักษณ์นั่นหมายความว่าอะไรหรอคะ..ทำไมพวกเขาถึงใส่สัญลักษณ์ดอกพลัมเอาไว้บนนั้นล่ะ”
เย่เชียนก็เงยหน้าขึ้นไปมองและก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณยังไม่เคยมาที่ไต้หวันเลยใช่มั้ยเนี่ย..ก็โรงแรมในไต้หวันน่ะล้วนเป็นตัวแทนของดอกพลัมซึ่งดอกพลัมทั้ง 5 ดอกนั้นก็หมายถึงโรงแรมระดับ 5 ดาวยังไงล่ะ..และดอกพลัมน่ะก็เป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน..ซึ่งพวกเขาน่ะชอบดอกพลัมมากเป็นพิเศษเลย..เพราะแม้แต่เพลงประจำชาติของพวกเขาก็ยังเกี่ยวกับดอกพลัมด้วย!”
หูวเค่อเพียงยิ้มกลับอย่างสบายใจเฉิบและเดินเข้าไปข้างในโรงแรมและหลังจากสอบถามเกี่ยวกับห้องพักจากล็อบบี้ของโรงแรมแล้วทั้งสองก็เดินขึ้นไป ขณะที่อยู่ในลิฟต์นั้นเย่เชียนก็ยิ้มอ่อนๆ และเข้าไปกอดหูวเค่อพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคิดว่าพวกเราสองคนเหมือนคู่รักกันมั้ย?”
หูวเค่อก็ชำเลืองมองเย่เชียนและพูดว่า “ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกค่ะ..ฉันคิดว่าคุณน่ะเป็นพวกผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาส..คุณบังคับให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องนอนในห้องเดียวกับคุณโดยทางอ้อม..เพราะงั้นฉันก็ขอเตือนคุณเอาไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าคุณกล้าแตะต้องฉันหรือแอบทำอะไรฉันตอนกลางคืนล่ะก็..ฉันจะตัดน้องชายของคุณทิ้งซะ!”
“คุณพูดอะไรของคุณกันเนี่ย..คุณเห็นว่าผมเป็นคนแบบนั้นหรอ” เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “แต่ผมละเมอบ่อยมากเลยนะ..ถ้าผมนอนทีไรผมก็จะละเมอทุกที..ก็ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตอนกลางคืนก็อย่าแปลกใจไปล่ะ..เพราะผมไม่รู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ”
“ถ้างั้นฉันก็จะทำให้คุณไม่นอนละเมอเอง” หูวเค่อพูด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคำพูดนั้นเต็มไปด้วยการข่มขู่และตักเตือนอย่างมากแต่ทว่าคนอย่างเย่เชียนจะกลัวการข่มขู่และตักเตือนของผู้หญิงเช่นนี้เหรอ? และนอกจากนี้เย่เชียนเองก็ไม่เชื่อว่าหูวเค่อจะกล้าที่จะตัดอวัยะเพศของเขานอกเสียจากเธอต้องการที่จะเป็นโสดไปตลอดชีวิต
ห้องพัก VIP มีลักษณะแตกต่างกันไปตามธรรมชาติโดยคุณสามารถยืนอยู่ริมหน้าต่างและมองออกไปเพื่อชมทะเลได้จากระยะไกลทุกเมื่อ ซึ่งการตกแต่งภายในนั้นก็ดูหรูหรามากเช่นกัน หลังจากเข้าไปในห้องแล้วเย่เชียนก็โทรไปหาเฉินโม่ในทันทีและขอให้เขามาหาตนภายในห้านาทีแต่ทว่าจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูและเย่เชียนก็เดินไปเปิดประตูออกและปรากฏว่าเป็นเฉินโม่เองซึ่งเขาทำให้เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“ไอ้บ้าหนิ! ..นายทำอะไรอยู่เนี่ย..ทำไมถึงได้มาเร็วนักล่ะ?” เย่เชียนพูดขณะที่เดินกลับเข้าไปในห้อง
เฉินโม่ก็เดินตามเข้ามาและเมื่อเขาเห็นหูวเค่อเขาก็ยิ้มและพยักหน้าหลังจากนั้นก็ทักทายว่า “สวัสดีครับพี่สะใภ้!” ซึ่งหูวเค่อก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะเพราะเมื่อถูกเรียกด้วยชื่อนี้แล้วก็ทำให้เธอตกใจอย่างมากและเห็นได้ชัดเลยว่าเธอนั้นไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับใดๆ เธอเพียงยิ้มเบาๆ และหลังจากนั้นเธอก็หันไปมองเย่เชียนอย่างคลุมเครือ เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็รีบหันหน้าไปมองโม่หลงและบอกให้เขานั่งลง
เรื่องแบบนี้นั้นถ้ายิ่งอธิบายมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งอธิบายให้เข้าใจยากมากเท่านั้นและมันก็คงจะดีกว่าถ้าปล่อยมันไปตามโชคชะตา ซึ่งเรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไรที่เสียหายอยู่แล้วและนอกจากนี้สำหรับหูวเค่อแล้วคำว่า ‘พี่สะใภ้’ นั้นก็ฟังดูสบายหูอย่างมาก
“ผมก็พักอยู่ในโรงแรมนี้เหมือนกันครับบอส” เฉินโม่หันไปหาเย่เชียนและพูดว่า “บอสครับ..ผมได้ตรวจสอบห้องนี้เรียบร้อยแล้ว..มันไม่มีโดรนหรือกล้องเลยครับ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและถามว่า “แล้วคนอื่นๆ ล่ะอยู่ไหนกัน”
“พวกเขาก็กระจัดกระจายไปตามโรงแรมนี้แหละครับ..และก็การตกแต่งสโมสรศิลปะการต่อสู้ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว..บอสสามารถสั่งเปิดอย่างเป็นทางการได้เลยครับ” เฉินโม่พูด
เย่เชียนก็หันหน้าไปมองหูวเค่อแล้วก็พูดว่า “นี่..คุณมัวนั่งทำอะไรอยู่ล่ะ..ไปชงชามาเร็วๆ สิ..เป็นพี่สะใภ้แท้ๆ แต่กลับไม่ต้อนรับน้องเลย”
หูวเค่อก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างมากเพราะผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสและกลั่นแกล้งเธอเมื่อมีโอกาสอยู่เสมอ เมื่อเห็นเช่นนั้นหูวเค่อก็ชำเลืองมองเย่เชียนและหลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและยอมไปชงชาเพื่อให้เย่เชียนภูมิใจในสิ่งที่เขากลั่นแกล้งเธอ
เฉินโม่ก็ยกนิ้วชมเชยให้เย่เฉียนและพูดว่า “โหบอส! ..บอสเนี่ยยอดเยี่ยมไปเลยเนอะ!”
“ถ้าฉันใจดีกับเธอล่ะก็..เธอก็คงจะข่มเหงฉันและกลั่นแกล้งฉันน่ะสิ..เพราะงั้นผู้ชายอย่างเราๆ ต้องแสดงความเป็นชายของเราเสมอ..เพื่อที่พวกเธอจะได้ยอมสยบต่อเรา! ..เธอจะได้ไม่มาชี้นิ้วสั่งเราและให้เราเป็นทาสของพวกเธอ!” เย่เชียนจงใจพูดอย่างเสียงดังเพื่อให้หูวเค่อได้ยินอย่างชัดเจน ซึ่งหูวเค่อเองก็ประหลาดใจอย่างมากเพราะท้ายที่สุดแล้วนิสัยและอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ก็ไร้ยางอายและง่ายๆ สบายๆ เหมือนเมื่อก่อนและไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสำหรับเธอ
“แล้วที่สำนักงานใหญ่ล่ะ..ไม่มีอะไรผิดปกติใช่มั้ย?” เย่เชียนถาม
“ทุกอย่างเป็นปกติครับ..ตอนนี้ผมดูแลรับผิดชอบเหล่าสมาชิกหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตอยู่และคนที่มาไต้หวันครั้งนี้ก็เป็นคนของหมาป่าเพชฌฆาตน่ะครับเพราะองค์กร CIA ของสหรัฐอเมริกาไม่มีไฟล์ประวัติของพวกเขาเลย..เพราะงั้นพวกเขาจึงเหมาะสมที่สุดในปฏิบัติการนี้” เฉินโม่ถามต่อ “บอสครับ..แผนต่อไปคืออะไร?”
“ฉันยังไม่ได้คิดเลย..เพราะฉันก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องของพวกองค์กรใต้ดินของไต้หวันสักเท่าไหร่เลย” เย่เชียนพูด
“นี่ชาค่ะ!” หูวเค่อเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยชาสองถ้วยซึ่งใบหนึ่งถูกส่งให้เฉินโม่ส่วนอีกหนึ่งถ้วยก็สำหรับตัวเธอเอง
“ขอบคุณครับพี่สะใภ้” เฉินโม่พูด
เย่เชียนก็ประหลาดใจเล็กน้อยและมองไปที่ถ้วยชาในมือของเฉินโม่และจากนั้นก็มองไปที่ถ้วยชาในมือของหูวเค่อและเย่เชียนก็ยื่นมือออกไปอย่างว่างเปล่าและพูดว่า “ที่รัก! ..ไหนชาของผมล่ะ?”
“การดื่มชามากเกินไปมันจะส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ..เพราะงั้นคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดื่ม” หูวเค่อพูด
“โถ่ที่รัก..คุณกลัวว่าผมจะทำให้คุณไม่พอใจหรอ” เย่เชียนยิ้มและยื่นมือออกไปจับคางของหูวเค่อและพูดอย่างหยอกล้อ
เฉินโม่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็รีบหันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย “ใช่..คืนนี้คุณจะทำไม่ได้ถ้าคุณดื่มมัน..เพราะงั้นอย่าดื่มมันเลย..แล้วคืนนี้คุณจะมีความสุข” หูวเค่อยิ้มและยักคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่สายตาที่เยาะเย้ยของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยแต่เธอกลับส่งสายตาอันเร่าร้อนของเธอตอบโต้เย่เชียนไป
ถึงแม้ว่าเธอจะพบกับเย่เชียนได้ไม่นานแต่หูวเค่อก็ยังคงประทับใจในตัวของเย่เชียนอย่างมากและเธอก็คอยสั่งเกตเขาอย่างละเอียดและเธอก็รู้ดีว่าเขานั้นมักจะใช้ประโยชน์จากปากหวานๆ ของเขา และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พบหน้าเขาบ่อยนักก็ตามแต่ถึงยังไงเธอก็ชอบเขามากแต่เธอก็ต้องรักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้เสมอ
เย่เชียนตกตะลึงไปกับคำพูดของหูวเค่ออย่างมากและเขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่น่ารักอย่างนี้และเธอก็กลายเป็นนางฟ้าเหมือนซ่งหลันไปแล้ว “เดี๋ยวคืนนี้คุณก็จะรู้เอง..และถ้าผมทำให้คุณครางออกมาเป็นจังหวะเพลงไม่ได้ล่ะก็ผมจะเลิกใช้แซ่สกุลนี้เลย!” เย่เชียนจ้องมองไปที่หูวเค่ออย่างประชดประชัน
หลังจากนั้นเย่เชียนก็หันหน้าหนีไปและไม่อยากต่อร้องต่อเถียงกับหูวเค่ออีกต่อไปและเขาก็พูดว่า “เฉินโม่! ..รายงานสิ่งที่นายได้มาซิ!”
เฉินโม่วางถ้วยน้ำชาของเขาลงและพูดว่า “มีองค์กรที่ทรงอิทธิพลของไต้หวันอยู่สามฝ่ายด้วยกัน..หนึ่งคือองค์กรสามมุมเมืองแห่งไต้หวัน..สองคือองค์กรซูเหลียนแห่งไถหนานและองค์กรเทียนเต๋าในเมืองไทเปแห่งนี้..องค์กรทั้งสามนี้ได้ผูกขาดเกือบ 80% ของโลกธุรกิจใต้ดินของไต้หวัน..ส่วนอีก 20% ที่เหลือนั้นถูกควบคุมโดยแก๊งมาเฟียเล็กๆ และองค์กรต่างชาติ..และเนื่องจากผู้นำหลายคนของทั้งสามฝ่ายนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโดยมีสถานะเป็นสมาชิกรัฐสภาและที่ปรึกษาทางการเมืองรวมไปถึงตำแหน่งราชการต่างๆ อีกมากมาย..ผมได้เตรียมข้อมูลแบบเจาะจงเฉพาะทั้งหมดเกี่ยวกับผู้นำและผู้อาวุโสของทั้งสามฝ่ายให้บอสไปก่อนหน้านี้แล้ว..ถ้างั้นเราก็ไปฆ่าพวกเขาเลยมั้ยล่ะ?”
“ผัวะ!” เย่เชียนหยิบซองเอกสารฝาดใส่เฉินโม่และจ้องเขม็งเขาและพูดว่า “เอ็งนี่มันโง่จริงๆ! ..เราจะไปฆ่าพวกนั้นทันทีที่เรามาเยือนรึไง..นั่นไม่ใช่ว่าเรากำลังมองหาความตายเหรอ? ..เราต้องผูกสัมพันธไมตรีกับพวกเขาก่อนสิ..และเราก็ค่อยๆ เข้าไปแฝงตัวอยู่ในองค์กรใต้ดินของพวกมันและในรัฐสภาด้วยและจากนั้นก็ค่อยๆ กลืนกินอำนาจของพวกมันไปทีละนิดๆ แบบนั้นดีกว่า..เอาล่ะช่วยติดต่อผู้นำของทั้งสามฝ่ายให้หน่อย..ฉันจะไปพบพวกเขาเป็นการส่วนตัวเอง”
“โถ่บอส! ..ไม่ต้องกังวลไปหรอก..เราก็แค่ต้องทำงานให้เสร็จๆ ..แค่ฆ่าๆ ไปก็จบแล้วหนิ” เฉินโม่พูดอย่างกระตือรือร้น
“ผัวะ!” เย่เชียนเอาซองเอกสารฟาดไปที่เฉินโม่อีกครั้งแล้วพูดว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย! ..นายคิดว่านี่คือตะวันออกกลางรึไง..แถวนี้มันถิ่นพวกเขาและพวกเขาก็มีหูมีตาไปทั่วทุกพื้นที่และตอนนี้เราเองก็ยังไม่เปิดเผยตัวตนใดๆ ..ลืมมันไปซะ..แค่ไปติดต่อพวกเขาแล้วบอกแค่ว่าฉันอยากไปเยี่ยมพวกเขา..ฉันเชื่อเลยว่าพวกเขาจะไม่ปฏิเสธเพราะด้วยฐานะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั่นแหละ”
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่ดูซุกซนเหมือนเด็กแล้วหูวเค่อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ซึ่งตอนนี้เธอก็ค้นพบแล้วว่าจริงๆ แล้วเหล่าสมาชิกทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นก็ค่อนข้างน่ารักและพวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับข่าวลือจากโลกภายนอกเลย เพราะพวกเขานั้นดูเหมือนภูตตัวน้อยจากนรกเสียมากกว่า
“นายไปเตรียมตัวที่สโมสรโรงยิมก่อนเถอะ..แล้วก็ส่งพี่น้องสองคนไปคอยปกป้องเหลียงหยานด้วยล่ะ..และบอกพวกเขาด้วยว่าไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามถึงยังไงความปลอดภัยของเหลียงหยานต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก..และต่อให้ต้องใช้ร่างกายของพวกนายเพื่อเข้าไปรับลูกกระสุนก็ตาม..อย่าให้เธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายเล็บเข้าใจมั้ย?” เย่เชียนพูดอย่างจริงจังและเคร่งขรึมอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าเหลียงหยานนั้นไม่เหมือนกับซ่งหลันที่เกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่าซึ่งเหลียงหยานนั้นเธอเป็นเพียงผู้บริหารระดับสูงที่จบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในประเทศสหรัฐอเมริกาและเธอก็เป็นเหมือนน้องสาวของเย่เชียนกับซ่งหลันเลยด้วยซ้ำ
“เรื่องนั้นผมได้จัดแจงเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ..ตั้งแต่ที่คุณเหลียงมาที่ไต้หวันผมก็ได้ส่งพี่ๆ สองคนไปคุ้มกันเธอแล้ว” เฉินโม่พูด
เย่เชียนก็พยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “นายโทรไปหาชิงเฟิงหน่อยซิ..เพราะตอนนี้เรื่องต่างๆ ที่ญี่ปุ่นก็จัดการกันเรียบร้อยหมดแล้ว..และบอกให้เขาพานากาจิมะชินนะและคนของเธอมาสแตนด์บายเอาไว้ด้วย..เพราะพวกเราอาจจะต้องเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อ!”
“ครับบอส!” เฉินโม่ตอบอย่างจริงจัง
.
.
.
.
.
.
.
คอมเม้นต์