ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 403 สาวน้อยผู้เอาแต่ใจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยอดนักรบจอมราชัน ตอนที่ 403 สาวน้อยผู้เอาแต่ใจ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 403 สาวน้อยผู้เอาแต่ใจ

เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยิ้มอย่างซุกซนและพูดว่า “มันไม่ใช่ค่าคุ้มครองหรอก..เพราะพรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของครูของหนู..เพราะงั้นหนูก็เลยบอกให้พวกเขาเตรียมของขวัญมาให้หน่อยแล้วฉันจะมอบให้คุณครู”

เย่เชียนก็ถึงกับผงะและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ห๊ะ..ครูของหนูชื่ออะไร..พ่อจะไปฟ้องเขาทันทีและให้ไล่เขาออก!”

“ทำไมพ่อใจร้ายจัง..การให้ของขวัญมันก็เป็นเรื่องปกตินี่หน่า” เย่เชียนพูดต่อ “เพราะเงินนั้นก็เป็นของเด็กๆ เอง..และการทำดีกับครูเอาไว้น่ะจะเป็นผลดีต่ออนาคตและเวลาทำสิ่งต่างๆ ในโรงเรียนน่ะมันก็ง่ายขึ้น”

เย่เชียนก็แทบกระอักเลือกตายพลางคิดว่านี่เธอยังเป็นเด็กอนุบาลอยู่หรือเปล่า? ทำไมเธอถึงเข้าใจเรื่องแบบนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยและเธอยังสามารถคิดได้อย่างเฉียบขาดแล้วเมื่อเธอโตขึ้นมาเธอจะเป็นอย่างไร? เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “หลินหลิน..หนูยังเป็นเด็ก..หนูควรจะตั้งใจอ่านหนังสือแทนที่จะใช้วิธีการแบบนี้สิ”

เย่หลินก็กะพริบตาของเธอและมองไปที่เย่เชียนและถามว่า “แล้วพ่อเรียนจบอะไรมาคะ?”

“เอ่อ…คือ…พ่อได้เรียนแค่โรงเรียนมัธยมต้นน่ะ..แล้วก็เรียนไม่จบด้วย” เย่เชียนพูดอย่างเขินอาย

“เห็นไหมล่ะ..ขนาดคุณพ่อยังเรียนไม่จบมัธยมต้นเลย..และไม่ต้องพูดถึงปริญญาเอกและปริญญาโทเลย..แต่พ่อก็ยังสามารถมีทุกวันนี้ได้..นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการอ่านหนังสือไม่ใช่ทางออกเดียวสักหน่อย” เย่หลินพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ถึงแม้ว่าจะมีคำพูดเอาไว้ว่าถ้าเราไม่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมในตอนนี้เราก็ยังต้องเรียนรู้ในภายหลังเช่นเดียวกับพ่อ..ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้นก็ตามแต่ถึงยังไงพ่อก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษ..ภาษาญี่ปุ่นและภาษาฝรั่งเศสทีหลังด้วย..แต่ตอนนี้หนูยังเด็กถ้าหนูไม่คว้าโอกาสเอาไว้มันก็ยากที่จะเรียนรู้เพราะมันจะยากกว่านี้เยอะถ้าหนูเริ่มเรียนรู้ตอนที่หนูโตขึ้นมาแล้ว” เย่เชียนพูดอย่างขมขื่นเพราะการเป็นพ่อคนนั้นมันยากเสียยิ่งกว่าอะไร

“หนูก็เข้าใจเรื่องนี้..เพราะการเรียนของหนูก็เป็นที่หนึ่งของโรงเรียนด้วยแหละ” เย่หลินพูด “หนูไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนารอบด้านหรอ..เพราะหนูกำลังพัฒนารอบด้านและไม่ใช่แค่การเรียนรู้และการอ่านเท่านั้น..เพราะมันต้องนำไปใช้ได้ด้วย”

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายของเขาลงคอไป ซึ่งเย่เชียนก็ต้องยอมรับเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากแต่พูดตามตรงว่าเย่เชียนไม่เกลียดที่เย่หลินมีความเจ้าเล่ห์บางอย่างเพราะถ้าหากเป็นเพียงคนประเภทที่หมกมุ่นอยู่กับการเรียนพวกเขาก็อาจจะเข้ากับสังคมและใช้ชีวิตไม่เป็นเลย เพราะการที่เย่หลินทำเช่นนี้เธอก็จะรู้วิธีใช้ชีวิตและรู้วิธีควบคุมผู้คนจำนวนมากได้และเธอก็จะเป็นผู้นำที่ดีได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรปรากฏอยู่ในเด็กน้อยคนนี้เลยเพราะอย่างน้อยๆ ก็ควรจะมีหลังจากที่เธอเติบโตขึ้นมาแล้ว เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า “หนูไม่กลัวโดนครูดุครูว่าหรอ?”

เย่หลินก็ยิ้มอย่างมีชัยและพูดว่า “พ่อไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ..หนูรู้ว่าหนูต้องทำอะไร..นอกจากนี้ถึงแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหนูก็ตามแต่หนูก็ยังมีพ่อที่คอยให้กำลังใจหนูอยู่หนิ”

เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอ..ได้ๆ ..ถ้าหนูมีปัญหาอะไรหนูก็จัดการด้วยตัวเองนะ..พ่อจะไม่รับผิดชอบจะไม่คอยตามเช็ดก้นในสิ่งที่หนูทำหรอกนะ”

“นี่! ..พ่อพูดคำหยาบคายได้ยังไง..หนูเป็นเด็กผู้หญิงนะ..ทำไมต้องพูดเรื่องก้นต่อหน้าหนูด้วยล่ะ” เย่หลินทำหน้ามุ่ยและพูด

เย่เชียนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งและส่ายหัวแล้วพูดว่า “ขอโทษทีพ่อลืม..ป่ะ..เราไปซื้อเค้กกันก่อนดีกว่า”

เมื่อมองไปที่รูปร่างหน้าตาของเย่หลินแล้วเย่เชียนก็ยังคงกังวลเล็กน้อยและกลัวว่าการที่เธอโตก่อนวัยอันควรจะทำให้เธอไม่สนุกกับความสนุกสนานในวัยเยาว์ของเด็กทั่วๆ ไป เพราะท้ายที่สุดแล้วคนเรามีเพียงชีวิตเดียวและมีวัยเด็กเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเข้าใจความซับซ้อนของสังคมเร็วเกินไป ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกว่าถ้าเขาเผื่อเวลาไว้กับเย่หลินมากกว่านี้บ้างเธอก็คงจะมีระเบียบวินัยมากและเป็นเด็กมากขึ้น

วินัยวินัยหนึ่งคือการจัดการและอีกอย่างหนึ่งคือการสอน เพราะด้วยอารมณ์และนิสัยของชายชรานั้นเขาทั้งใจดีและไม่เคยดุไม่เคยว่าเย่หลินเลย และไม่ต้องพูดถึงเย่เชียนเลยเพราะเขาก็ไม่กล้าที่จะทุบตีและดุด่าเลยเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และฉลาดมีเหตุผลและน่ารักอย่างมากด้วย

เย่เชียนนั้นได้โทรมาสั่งเค้กก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ช่วงเช้าและเย่เชียนก็คิดว่าตอนนี้เค้กที่สั่งไปพร้อมแล้ว ซึ่งเมื่อมาถึงร้านเย่เชียนก็จูงมือเด็กหญิงตัวเล็กๆ แล้วเดินเข้าไปในร้านเค้กและยิ้มให้กับพนักงานที่เคาน์เตอร์แล้วพูดว่า “สวัสดี..พอดีผมสั่งเค้กเอาไว้เมื่อเช้านี้..ไม่ทราบว่ามันเรียบร้อยแล้วหรือยังครับ?”

“คุณชื่ออะไรคะ?” พนักงานถามด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ

“เอ่อ..เค้กที่มีรูปหมาป่าอยู่บนเค้กน่ะครับ” เย่เชียนพูด ซึ่งนี่คือสิ่งที่เขาจงใจสั่งให้ร้านเค้กออกมา เพราะถือได้ว่าเป็นการระลึกถึงการที่เขาได้รู้จักซ่งหลันครั้งแรกนั่นก็เพราะเขี้ยวหมาป่านั่นเอง

“กรุณารอสักครู่ค่ะ!” พนักงานพูดและก้มลงไปหยิบเค้ก

“พ่อดูเหมือนว่าพ่อจะชอบหมาป่ามากเลยนะ..ครั้งล่าสุดหนูก็เห็นรอยสักหัวหมาป่าเปื้อนเลือดที่หน้าอกของพ่อ..และคราวนี้ก็มีรูปหมาป่าอยู่บนเค้กด้วย..ทำไมหรอ?” เย่หลินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“หมาป่าน่ะท่องโลกเพื่อกินเนื้อ..แต่สุนัขน่ะท่องโลกเพื่อกินขี้!” เย่เชียนพูดโดยไม่คิดอะไรใดๆ เลย

“หมาป่าท่องโลกเพื่อกินเนื้อ..สุนัขท่องโลกเพื่อกินขี้!” เย่หลินพึมพำและเอียงศีรษะไปมาราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เย่เชียนก็เหลือบมองเธอและเขาก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมากเพราะเขานั้นปล่อยความคิดแบบนี้ออกไปได้อย่างไร? เย่เชียนก็รีบลูบหัวของเย่หลินอย่างเร่งรีบและขัดจังหวะความคิดของเธอและพูดว่า “หนูอยากกินอย่างอื่นอีกมั้ย?”

“ไม่ค่ะ!” เย่หลินส่ายหัวและพูด เมื่อเห็นเช่นนั้นดูเหมือนว่าเธอยังคงคิดถึงคำพูดของเย่เชียนอยู่ในตอนนี้

ตอนนี้พนักงานก็ยืนขึ้นพร้อมกับเค้กที่ห่อเอาไว้แล้วและนำมาวางเอาไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า “นี่ค่ะ..เค้กที่คุณสั่งเอาไว้..กรุณาตรวจสอบด้วยค่ะ”

“ครับผม!” เย่เชียนก็พยักหน้าและเปิดกล่องและดูมันจากนั้นเขาก็พูดว่า “ยอดเยี่ยม..ราคาเท่าไหร่ครับ?”

พนักงานก็พูดว่า “ทั้งหมด 388 หยวนค่ะ”

“นี่ครับ!” เย่เชียนหยิบเงิน100หยวนออกมาสี่ใบและส่งมอบให้พนักงานและเขาก็ทอนเงินมาให้เย่เชียน12หยวน ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเย่หลินมาด้วยล่ะก็เย่เชียนก็คงจะไม่ขอรับเงินทอนสิบสองหยวน แต่เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเย่หลินแล้วเย่เชียนก็ต้องยอมทำ

“ไปกันเถอะ!” เย่เชียนหยิบเค้กขึ้นมาแล้วสกิดเย่หลินที่ยังคงคิดเรื่องนั้นอยู่แล้วพูดกับเธอ

“พี่สาวคะ..หนูสามารถแลกเหรียญสิบเหรียญได้ไหมคะ..หนูมีเหรียญอยู่เยอะแยะเลยหนูสามารถแลกเป็นเหรียญสิบจำนวนสิบเหรียญได้ไหมคะ?” เย่หลินพูดขณะที่เธอแตะไปที่กระเป๋าของเธอ

“ได้จะ!” พนักงานหยิบเหรียญสิบเหรียญออกมาจากเค้าท์เตอร์และยื่นให้เย่หลิน

หลังจากรับเหรียญด้วยมือของเธอแล้วเย่หลินก็หยิบเหรียญจำนวนมากออกมาจากกระเป๋าของเธอและยื่นให้พนักงานพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณค่ะพี่สาว!” เย่เชียนก็มองไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเพราะจากสัญชาตญาณของเย่เชียนเขาก็รู้สึกได้ว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งและนั่นก็เป็นความคิดที่ไม่ดีเพราะถ้าหากเธอสามารถซ่อนมันจากคนอื่นได้เธอก็จะซ่อนมันจากสายตาของเย่เชียนได้เช่นกัน

“หนูน้อยจ๊ะ..มันยังขาดอยู่อีก11หยวนนะจ๊ะ!” พนักงานพูด

“อ๋อ..หนูขอโทษ..หนูขอโทษค่ะ..หนูลืมไปค่ะ” เย่หลินพูดขณะที่เธอหยิบเงินสิบเอ็ดหยวนออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้พนักงานแล้วพูดว่า “ถ้างั้นหนูขอเปลี่ยนธนบัตรได้ไหมคะ?”

“ได้สิ!” พนักงานหยิบเงินของเย่หลินแล้วหยิบเงินหยวน20ใบออกมาจากลิ้นชักเค้าท์เตอร์และยื่นให้พร้อมกับพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “หนูน้อยต้องเก็บเงินเอาไว้ให้ดีนะ..อย่าทำหล่นล่ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่สาว!” เย่หลินยิ้มอย่างมีความสุขและจับมือของเย่เชียนแล้ววิ่งออกไป

หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้และถามว่า “นี่หนูกำลังคิดจะทำอะไรเนี่ย?”

เย่หลินก็ยิ้มอย่างมีความสุขและหยิบเงินสามสิบหยวนออกมาจากกระเป๋าของเธอและเขย่ามันและพูดว่า “ดูสิ..พี่สาวคนนั้นให้หนูเพิ่มอีกตั้งสิบหยวน”

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อครู่นี้และเขาถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะจริงๆ เพราะปรากฏว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้โกงเงินสิบหยวน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็เงยหน้าขึ้นและดุว่า “หนูจะโกงตั้งแต่เด็กได้ยังไง?”

เด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็เบะปากและพูดว่า “แล้วใครให้พี่สาวคนนั้นโกหกหนูล่ะ..เพราะครั้งล่าสุดที่หนูซื้อเค้กกลับไปที่บ้านน่ะเค้กของเธอนั้นรสชาติแย่มาก..เพราะงั้นหนูก็ไม่ยอมรับหรอก..หนูก็เลยให้เธอชดใช้น่ะ”

“ถึงยังไงเด็กๆ ก็ไม่ควรโกหกคนอื่นสิ..ไปคืนเงินเธอเดี๋ยวนี้เลย” เย่เชียนดุ

“ให้หนูเอาเงินไปให้ขอทานข้างถนนยังดีกว่าจะเอาไปคืนให้เธออีก!” เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดอย่างดื้อดึง “ในเมื่อเธอผิดหนูก็จะสั่งสอนเธอเอง”

เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้รู้อะไรมากมายและเธอไปจำคำเหล่านี้มาจากที่ไหน ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนี้เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและเย่เชียนก็รู้สึกว่าถ้าเด็กผู้หญิงคนนี้มีระเบียบวินัยและนิสัยที่ไม่ดีมันก็คงจะยากที่จะบอกได้ว่าในอนาคตนั้นเธอจะดีหรือไม่ดีกันแน่ ซึ่งถ้าเธอเกิดในสมัยโบราณล่ะก็เย่เชียนก็จะไม่สงสัยเลยว่าเธอจะเป็นอู๋เจ๋อเทียนคนที่สองเป็นแน่ “ความอดทนเป็นสิ่งที่ดี..เพราะฉะนั้นหนูก็ควรเรียนรู้ที่จะอดทน” เย่เชียนพูด

“หยินบอกให้หนูแบกโลก..หยางบอกให้โลกแบกหนู” เย่หลินพูด

“แล้วหนูจะทำแบบนี้กับพ่อในอนาคตมั้ย?” เย่เชียนตะโกน

“หึ..พ่อเป็นคนไม่มีเหตุผล!” เย่หลินพูดเสียงแข็ง “ใครๆ ก็ควรชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำสิใช่ไหมคะ..เนื่องจากพี่สาวคนนั้นโกหกหนู..ถ้าวันหนึ่งคุณพ่อถูกคนอื่นหลอกลวงหนูก็จะไม่สนใจพ่อ”

หลังจากพูดจบสาวน้อยก็เปิดประตูรถอย่างดื้อรั้นแล้วเดินออกไปและเธอก็ดูโกรธมากแต่เธอก็แอบมองเย่เชียนเป็นระยะๆ จนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพราะอันที่จริงแล้วถ้าเขาถูกคนอื่นๆ โกงเขาก็มีความคิดเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เช่นกันและการแก้แค้นของเขาก็รุนแรงกว่าเธอหลายเท่าด้วยซ้ำ แต่เย่เชียนก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไร้เดียงสาอย่างเธอเลย

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและเปิดประตูรถและวิ่งตามเธอไป ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่เคยเป็นพ่อและเขาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไรเพราะถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะกลายเป็นคนไม่ดีก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบที่เขาไม่สามารถรั้งเธอเอาไว้ได้และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้กำลังทำในวันนี้นั้นก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอผิด

.

.

.

.

.

.

.

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด