ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 460 ข้อพิพาทระหว่างองค์กร

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยอดนักรบจอมราชัน ตอนที่ 460 ข้อพิพาทระหว่างองค์กร อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 460 ข้อพิพาทระหว่างองค์กร

เมื่อเย่เชียนเดินไปเปิดประตูเขาก็เห็นชายชาวรัสเซียร่างสูงของสองคนยืนอยู่ด้านนอกประตู หนึ่งในนั้นเหลือบมองไปที่เย่เชียนและหลังจากนั้นเขาก็ถึงกับตกตะลึงแล้วรีบพูดว่า “มิสเตอร์เย่เชียน! ..มิสเตอร์พุชกินส่งพวกเรามารับคุณ” การพูดนั่นไม่ค่อยเชี่ยวชาญภาษาจีนแต่ก็ยังพอเข้าใจได้

เย่เชียนก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าเซอร์เก้วิชพุชกินจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตนอย่างแน่นอนและเซอร์เก้วิชพุชกินก็จะมารับเขาเป็นการส่วนตัวเช่นนั้นแต่ทว่าตอนนี้เขากลับส่งลูกน้องมารับตนเช่นนี้จึงทำให้เย่เชียนรู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะโทรหาเซอร์เก้วิชพุชกินเพื่อยืนยันว่าสิ่งนี้นั้นเป็นคำสั่งของเขาและถามว่ามีอะไรผิดปกติกับการส่งคนมารับเขาหรือเปล่า

อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเห็นความสับสนของเย่เชียนดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “โอ้..มิสเตอร์พุชกินติดประชุมด่วนแต่เช้า..เขาจึงไม่สามารถมาด้วยตัวเองได้..ดังนั้นพวกเราจึงมารับคุณก่อนแล้วหลังจากที่เขาประชุมเสร็จเขาจะตามมาทีหลัง”

เย่เชียนก็พยักหน้าให้หลินเฟิงและทั้งสองก็เดินตามชายชาวรัสเซียไปที่ชั้นล่าง ซึ่งขณะที่อยู่ในลิฟต์เย่เชียนและหลินเฟิงต่างก็ขยิบตาให้กันและพวกเขาก็เห็นได้ชัดว่าชายชาวรัสเซียทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสอดมือเข้าไปในชุดสูทซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังถืออะไรบางอย่างกันอยู่

คนหนึ่งเป็นถึงราชาแห่งโลกทหารรับจ้างและอีกคนคือสุดยอดนักฆ่าในตำนาน ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนและหลินเฟิงไม่รู้ตัวหรือไม่ระมัดระวังถึงขนาดนี้พวกเขาก็คงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้เป็นแน่ หลังจากที่ทั้งสองสบตากันแล้วร่างของพวกเขาก็ขยับอย่างกะทันหันและชายชาวรัสเซียทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังของพวกเขาก็ล้มลงทันทีโดยมีมีดจ่ออยู่ที่คอของพวกเขา

เย่เชียนและหลินเฟิงก็ค้นตัวทั้งสองคนจากนั้นก็เอื้อมมือไปดึงปืนของพวกเขาออกมา ซึ่งเย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและรีบกดลิฟต์และหลังจากถึงชั้นถัดไปเขาก็รีบกดลิฟต์ไปที่ชั้นถัดไปทันที

เรื่องนี้ทำให้เย่เชียนงงงวยเพราะนอกจากพี่น้องเขี้ยวหมาป่าและหลินเฟิงกับองค์กรเซเว่นคิลแล้วก็มีเพียงเซอร์เก้วิชพุชกินเท่านั้นที่รู้ข่าวการมาเยือนประเทศรัสเซียของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าหลินเฟิงนั้นจะไม่มีวันทรยศอย่างแน่นอน ซึ่งความเป็นไปได้เดียวก็คือเซอร์เก้วิชพุชกินแต่ทว่าเย่เชียนก็คิดไม่ออกว่าทำไมเซอร์เก้วิชพุชกินต้องทรยศด้วย?

หลังจากที่หยุดคิดไปชั่วขณะเย่เชียนก็กำมีดในมือของเขาแน่นที่คอของอีกฝ่ายซึ่งชาวรัสเซียก็สั่นเทาไปทั้งตัว “บอกมาว่าแกเป็นใคร…แกรู้จักฉันได้ยังไง” เย่เชียนถามอย่างเย็นชา

“ผม..ผมไม่เข้าใจว่ามิสเตอร์เย่หมายถึงอะไร..พวกเราถูกส่งมาโดยมิสเตอร์พุชกิน!” ชายชาวรัสเซียคนหนึ่งพูดอย่างตะกุกตะกัก

“แล้วเซอร์เก้วิชพุชกินไม่บอกพวกแกหรือไงว่าฉันเป็นใคร..ตอนนี้พวกแกมีเจตนาฆ่าที่ชัดเจนมาก..พวกแกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ..บอกฉันมาตรงๆ ไม่งั้นก็อย่ามาโทษที่ฉันโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!” เย่เชียนพูด

“น้องเย่..ถามคนแบบนี้ไปมันก็มีแต่จะไร้ประโยชน์..ฆ่าพวกมันทิ้งซะเถอะ” เมื่อเสียงของหลินเฟิงจบลงแล้วมีดในมือของเขาก็ปาดเชือดคอชายชาวรัสเซียในทันทีและเลือดก็พุ่งออกมาและร่างของชายชาวรัสเซียก็ค่อยๆล้มลง

การฆ่าโดยไม่มีความลังเลใดๆ นั้นเป็นรูปแบบการฆ่าของหลินเฟิงที่คู่ควรอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นชายชาวรัสเซียคนที่ถูกเย่เชียนล็อคเอาไว้นั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและกระวนกระวายอย่างยิ่งจนมีเหงื่อหยดลงบนหน้าผากของเขา “จะไม่บอกฉันเหรอ?” เย่เชียนถามอย่างเย็นชา

“โถ่น้องเย่..ถ้านายไม่อยากทำก็ปล่อยมันมาให้ฉันจัดการเถอะ..พวกนี้มันคุยไม่รู้เรื่องหรอก” หลินฟิงพูด

“ดีเลย..ฝากพี่จัดการด้วย” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็ผลักชายชาวรัสเซียอีกคนไปหาหลินเฟิง

“ก็ได้! ..ผมจะพูด! ..ผมจะพูดทุกอย่าง!” ชายชาวรัสเซียพูดอย่างรีบร้อน

“พวกแกนี่มันโง่จริงๆ ..ถ้าพวกแกพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกมันก็จบ..ทำไมต้องยืดเยื้อด้วย” เย่เชียนจ้องเขม็งเขาและพูดต่อ “ไหนบอกมาซิว่าใครส่งพวกแกมาที่นี่? ..แล้วจุดประสงค์คืออะไร?”

“พวกเรา..พวกเป็นคนของมิสโปดันโนว่า..เธอบอกแค่ว่าให้พวกเราพามิสเตอร์เย่ไปหาเธอ..เราไม่รู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่..พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” ชายชาวรัสเซียพูด

“โปดันโนว่าเป็นใคร?” เย่เชียนถามชายคนนั้นอย่างว่างเปล่า

“เธอก็เหมือนเซอร์เก้วิชพุชกิน..เพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟ!” หลินเฟิงพูด เพราะท้ายที่สุดแล้วฐานทัพขององค์กรเซเว่นคิลก็ตั้งอยู่ที่ชายแดนระหว่างประเทศจีนและประเทศรัสเซียดังนั้นหลินเฟิงจึงคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ และข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศรัสเซียเป็นอย่างดี

“ใช่ๆ ..เป็นอย่างที่สุภาพบุรุษคนนี้พูดเลย” ชายชาวรัสเซียพูดอย่างร้อนรน

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะดูเหมือนว่าคนที่อยู่ภายใต้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะไม่ค่อยปรองดองกันเลยแม้แต่น้อยเพราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะต่อสู้และแข่งขันกันเอง ซึ่งเย่เชียนคิดว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ภายใต้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟกำลังแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอยู่และเขาก็สันนิษฐานว่าโปดันโนว่าและเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นอยู่คนละฝ่ายกันและทั้งคู่ก็ต้องการฆ่ากันเอง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่โปดันโนว่าจะรู้ว่าเขามาเยือนที่ประเทศรัสเซียและพักที่โรงแรมนี้

หลังจากที่หยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถามว่า “มีพวกแกอยู่ที่นี่กี่คน? ”

“แค่พวกเราสองคน” ชายชาวรัสเซียพูด

“แล้วคนของเซอร์เก้วิชพุชกินล่ะ? ” เย่เชียนยังคงถามต่อ

“ในขณะที่เราอยู่ที่นี่ก็มีคนอื่นที่คอยขัดขวางพวกเขาอยู่” ชาวร่างใหญ่ชาวรัสเซียตอบอย่างตรงไปตรงมา

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และมองไปที่หลินเฟิงซึ่งเขาก็ยักไหล่เบาๆ เพราะความหมายนั้นชัดเจนอย่างมาก จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองชายชาวรัสเซียแล้วพูดว่า “จำเอาไว้ให้ดีล่ะว่าไม่ว่าพวกแกต้องการจะทำอะไรบางอย่างในชาติหน้านั้น..อย่างแรกพวกแกต้องหารายละเอียดของอีกฝ่ายให้ดีก่อน..เพราะถ้าพวกแกไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครมันก็จะเป็นพวกแกเองที่เป็นฝ่ายเสียใจ..พวกแกกล้าหาญมากที่กล้ามาท้าทายฉัน!” เมื่อเสียงของเย่เชียนจบลงแล้วมีดคลื่นโลหิตหมาป่าในมือของเย่เชียนก็แทงทะลุหัวใจของชายร่างใหญ่ชาวรัสเซียในทันที

โรงแรมแห่งนี้มีการตรวจตราอยู่สม่ำเสมอดังนั้นเย่เชียนก็คิดว่าตอนนี้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรมอาจจะทราบอย่างชัดเจนแล้วดังนั้นเย่เชียนและหลินเฟิงจึงไม่รีรอและรีบออกจากโรงแรมอย่างเร่งรีบ เพราะถ้าหากถูกตำรวจของประเทศรัสเซียไล่ล่าล่ะก็มันจะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคดีเพราะสัญชาตญาณของเย่เชียนและหลินเฟิงนั้นจึงทำให้กล้องวงจรปิดของโรงแรมไม่นั้นไม่สามารถระบุภาพและรูปลักษณ์ของพวกเขาได้เลย

เย่เชียนก็ไม่รู้สึกโกรธใดๆ กับเหตุการณ์นี้แต่กลับรู้สึกยินดีเลยด้วยซ้ำเพราะสำหรับเย่เชียนแล้วมันเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเมื่อมีกลุ่มต่างๆ ภายใต้อำนาจของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟ เนื่องจากเป็นองค์กรเดียวแต่กลับมีกลุ่มที่ไม่มั่นคงภายในหลายกลุ่มมันจึงสามารถทำลายจากภายในได้ง่ายที่สุดเพราะไม่ว่าอาณาจักรอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตามแต่เขาก็ต้องพึ่งพาลูกน้องและผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีกลุ่มที่แตกต่างกันและขัดแย้งกันระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นจึงต้องมีการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์มากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และโดยพื้นฐานแล้วอาณาจักรและธุรกิจดังกล่าวนั้นก็มีอันตรายซ่อนอยู่มากมายอยู่แล้ว

แน่นอนว่าไม่มีองค์กรหรือกลุ่มใดสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งดังกล่าวได้ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะทรงพลังพอๆ กับเขี้ยวหมาป่าก็ตามถึงยังไงก็ต้องมีการแบ่งแยกกันข้างในอย่างแน่นอน แต่สำหรับบางองค์กรก็จะไม่มีการแข่งขันกันเช่นนี้เช่นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่มีเพียงซ่งหลันเท่านั้นที่คอยควบคุมสิ่งต่างๆ ส่วนบุคลาครคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าที่จะโจ่งแจ้งและทำอะไรเกินหน้าที่มากเกินไปเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริงนี่ก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับเย่เชียนมาโดยตลอดเพราะยิ่งเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมีขนาดและโครงสร้างขององค์กรใหญ่เท่าไหร่มันก็ยิ่งมีโอกาสเกิดความขัดแย้งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งยิ่งมีความแตกต่างทางเชื้อชาติความเกลียดชังในชาติและความแตกต่างในขนบธรรมเนียมมากเท่านั้นไหร่มันก็ยิ่งทำให้กลุ่มและองค์กรต่างๆ เริ่มมีการแบ่งแยกก่อตัวขึ้นเช่นกัน ซึ่งหากเราต้องการจัดการสิ่งต่างๆ ดังกล่าวมันก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในวันหรือสองวันเลย

หลังจากออกจากโรงแรมแล้วหลินเฟิงก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “น้องเย่..นายไม่ได้จะทำอย่างที่ฉันคิดใช่ไหม” เขาเห็นการแสดงออกของเย่เชียนและเขาก็รู้สึกว่าเย่เชียนดูเหมือนจะสนุกไปกับสิ่งต่างๆ ซึ่งหลินเฟิงก็ไม่เข้าใจและไม่สนใจการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเหล่านี้เพราะเหตุผลที่เขาตกลงมากับเย่เชียนในครั้งนี้นั้นไม่ใช่เพราะเงินแต่เป็นเพราะเขาต้องการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขี้ยวหมาป่าและโค่นล้มองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะ ส่วนสำหรับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั้นหลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเว้นแต่จะมีใครขอให้เขาไปลอบสังหารหากเป็นเช่นนั้นหลินเฟิงก็จะพิจารณาอีกครั้ง

“พี่หลินก็รู้หนิ” เย่เชียนหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เรามาประเทศรัสเซียทั้งทีจะไม่ให้สนุกได้ยังไง..ไม่เสียดายกับการร่วมมือของเรางั้นหรอ?”

หลินเฟิงก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ก็ลองดู..ถ้านายต้องการแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็ฉันก็พร้อมที่จะสละชีวิตของฉันเพื่อติดตามบุรุษในตำนานอย่างนาย..อย่างไรก็ตามอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟน่ะไม่ใช่ตัวตนที่เรียบง่ายและยิ่งไปกว่านั้นพวกมาเฟียของรัสเซียน่ะพวกมาเฟียและนักเลงใต้ดินของจีนไม่สามารถเทียบได้เลย..ถ้าพวกเราก้าวเข้าไปล่ะก็มันจะนำไปสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงได้แน่”

“เรามาลุยกันเถอะ..ผมไม่คิดว่าพวกเราจะไม่สามารถมาแทนที่พวกมาเฟียของรัสเซียได้หรอก..ในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่แล้วผมจึงต้องการประกาศให้ประเทศรัสเซียถึงความยิ่งใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าและเซเว่นคิล..อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านั้นก็ยึดมั่นในศักดิ์ศรีขนาดนั้นเพราะงั้นเราก็ต้องปัดเป่าความคิดเช่นนั้นของพวกเขาออกไป”

แม้ว่าจะกล่าวกันว่าเขี้ยวหมาป่าและองค์กรเซเว่นคิลจะมีชื่อเสียงมากในโลกของพวกเขาก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครต้องการจัดการกับพวกเขาเพราะมันเหมือนกับความแตกต่างทั้งแปดถ้าหากเรารู้ว่าเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นดั่งเป็นราชาแห่งโลกของทหารรับจ้างแล้วเราจะไม่สามารถท้าทายหรือโค่นล้มพวกเราได้หรือ? เพราะตราบใดที่ใครสามารถเอาชนะผู้ที่มีอำนาจและแข็งแกร่งมากที่สุดได้คนคนนั้นก็จะสามารถเข้าไปแทนที่ได้และนี่ก็คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดเช่นกัน

เป็นเวลานานมากแล้วที่เขี้ยวหมาป่าไม่ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกของทหารรับจ้างสั่นคลอน ดังนั้นในทุกวันนี้มันจะต้องมีลูกแมวและลูกสุนัขบางกลุ่มที่กล้าที่จะท้าทายศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าเป็นแน่และนี่ก็คือสิ่งที่เย่เชียนไม่สามารถเพิกเฉยได้เลย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด