รันนิ่งแมนกับระบบครองโลก – ตอนที่ 7 ครั้งแรก
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีการร้องเพลงก็หยุดลง ลู่เฟยมองไปทาง จางเสี่ยวอิง และ หัวเฉ่า เขาพบว่าทั้ง จางเสี่ยวอิง และ หัวเฉ่า มีน้ำตาร้อนในดวงตาของพวกเขา ดูเหมือนว่าน้ำตาจะไหลออกมากได้ทุกเมื่อ
“ผู้กำกับจางเสี่ยวอิงและคุณหัวเฉ่าครับ ผมร้องเพลงเป็นยังไงบ้าง” ลู่เฟยเอ่ยขึ้นมาก่อน
ผู้กำกับจางเสี่ยวอิงและพิธีกรหัวเฉ่าของรายการเดอะวอยซ์เพิ่งตอบสนองกลับสู่โลกแห่งความจริง
“ยอดเยี่ยมจริงๆ มันช่างเหลือเชื่อ นี่ฉันกำหลั่งน้ำตาหรือนี่ พี่ใหญ่ลู่เฟย คุณสามารถเป็นลูกระเบิดได้แน่ๆ คุณต้องเป็นที่นิยมในรายการเราได้อย่างแน่นอนครับ ผู้กำกับจางครับ คุณน่าจะรีบพาพี่ชายลู่เฟยไปลงทะเบียนเป็นผู้แข่งขันเลยสิครับ” หัวเฉ่าไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นภายในใจของเขาได้อีกต่อไป น้ำตาในดวงตาเขาไหลอาบขณะที่เขากำลังพูดอยู่…
“ใช่เลย นี่เป็นเสียงที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมาเลย เนื้อเพลงก็สุดยอด เพลงนี้น่าทึ่งมาก ผู้ที่มีความสามารถด้านดนตรีเท่านั้นที่สามารถสร้างเพลงที่ดีเช่นนี้ได้ คุณลู่คะ เราจะลงทะเบียนกันตอนนี้เลย จันทร์หน้า ก็แค่จัดคุณให้เข้าร่วมรายการก่อนเลย” จางเสี่ยวอิงยังพูดคุยอย่างตื่นเต้น ความตกตะลึงในใจของเธอยังไม่อาจระงับได้ จนถึงตอนนี้หัวใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมหาศาล นี่คือผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่เธอเชื่อมั่นว่า The Voice of China ในปีนี้จะต้องได้รับการตอบที่ดี ดึงเรตติ้งให้พุ่งกระฉูดแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเพลงของเขาได้รับการตอบรับที่ดี หัวใจของลู่เฟยก็เต็มไปด้วยความสุข แต่กระนั้นใบหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นออกมามากเกินไป ตอนนี้มีคนนอกเป็นคุณก็คงไม่ยอมเสียหน้าหรอก…
“ได้ครับ ผมจะลงทะเบียนเดี๋ยวนี้แหละครับ”
ลู่เฟยก็ลงทะเบียนและกรอกข้อมูลของเขา ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการลงทะเบียน ลู่เฟยได้ยินเสียงจากระบบหลังจากลงทะเบียนเสร็จสิ้น
“ภารกิจย่อยการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันขนาดใหญ่เสร็จสิ้น ทำการให้รางวัลแก่โฮสต์ 50 คะแนน”
หลังจากได้ยินเสียงระบบลู่เฟยก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เขาได้รับคะแนนสะสมด้วย?
“คุณระบบ ขอบใจนะ ฉันยังไม่ได้คิดว่าจะแลกกับอะไรดี ฉันจะบอกนายถ้าคิดออก”
“อืม โอเค โฮสต์กำลังยุ่ง ระบบจะพักผ่อน” เสียงเย็นชาของระบบตอบกลับลู่เฟย
“แจ่ม”
ลู่เฟยมองไปที่จากเสี่ยวอิง “ผู้กำกับจางครับ ผมกลับเลยได้ไหม?”
“ยังไม่ได้ค่ะ คุณต้องบันทึก VCR ตอนนี้ได้บันทึก VCR ของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นไปครบทุกคนแล้ว ถ้าคุณบันทึกสักหน่อยก็เสร็จเร็ว แต่ VCR ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากขนาดนั้น คุณสามารถฆ่าผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นให้ตายเรียบด้วยรูปลักษณ์ของคุณได้อย่างแน่นอน” จางเสี่ยวอิงพูดด้วยยิ้มตอนนี้ในใจเธอก็คิดแบบนี้
“ได้ครับ ไปอัดกันเลยเถอะ” ลู่เฟยเห็นด้วย
“เดี๋ยวก่อนนะลู่เฟย ฉันมีอีกสองสามคำจะบอกกับคุณ บอกตามตรงนะว่าไม่ได้มีเพียง The Voice of China เท่านั้นที่จะเพิ่มเรตติ้งให้กับสถานีโทรทัศน์ เรายังคัดเลือกเลือดใหม่เข้าร่วมบริษัท Huayi Brothers เพื่อเพิ่งความสุดใหม่ด้วย อย่างที่ทราบกันดีค่ะว่าสถานีโทรทัศน์เจอเจียงได้บรรลุความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Huayi Brothers สถานีโทรทัศน์ของเรากับ Huayi Brothers พูดได้ว่าเป็นเหมือนพี่น้อง หากคุณยินดีที่จะเข้าร่วม Huayi Brothers หลังจบรายการ ฉันสัญญากับคุณได้เลยว่า ต้องเป็นแชมป์รายการ The Voice of China ในปีนี้แน่” จางเสี่ยวอิงเริ่มแสดงข้อเสนอของเธอ
ลู่เฟยไม่ได้คาดหวังว่าผู้กำกับคนนี้จะไร้ยางอายขนาดนี้ เขาไม่อยากมีข้อผูกมัดกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม ลู่เฟยได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม Huayi Brothers ถือเป็นหนึ่งในบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน การเข้าร่วมกับ Huayi Brothers ก็ไม่เลว ตราบใดที่ความนิยมของเขาในอนาคตดีพอ เขาก็พอจะเจรจาสัญญากับ Huayi Brothers ได้ตลอดเวลา
“อืมม.. ผู้กำกับจางครับ ผมสัญญาว่าจะเข้าร่วมบริษัท Huayi Brothers ถ้าผมได้เป็นแชมป์” ลู่เฟยสัญญา
“อืม ค่ะ หัวเฉ่า พาลู่เฟยไปอัด VCR ได้เลย”
“ครับ ไปกันเถอะพี่ลู่เฟย” ในตอนนี้น้ำเสียงของหัวเฉ่าที่ใช้กับลู่เฟยดีขึ้นมาก ใบหน้าของเขาแฝงความชื่นชมอยู่ภายใน
“ครับหัวเฉ่า”
ลู่เฟยติดตามหัวเฉ่าไป แล้วก็เริ่มบันทึก VCR วีดีโอของลู่เฟยนั้นเรียบง่ายมาก มันป็นการแนะนำตัวเองง่ายๆ หลังจากบันทึกเสร็จแล้ว หัวเฉ่าก็อธิบายบางอย่างกับลู่เฟย และในที่สุดลู่เฟยก็ออกจากสถานนีโทรทัศน์
เขาไปร้านอาหารนอกสถานีทีวีสั่งอะไรมากินสองสามจาน ก่อนจะกิน ลู่เฟยก็ได้สายจากเบบี้หยางอิ่งที่โทรมาจากปักกิ่ง
“ฮัลโหล เบบี้” ลู่เฟยรับสายหยางอิ่งพูดขึ้น
“อื้ม เป็นไงบ้าง? ลงทะเบียนได้ไหม?” หยางอิ่งถามอย่างห่วงใยมาทางโทรศัพท์
“เรียบร้อย ลงทะเบียนไปแล้วล่ะ การแข่งขันจะเริ่มคืนวันจันทร์หน้า” ลู่เฟยยิ้มตอบรับเสียงของเบบี้
“ฮิฮิ ดีเลย แล้วเมื่อไรคุณจะกลับล่ะ? กลับมาก่อนนะ ฉันจะชวนคุณไปดินเนอร์คืนนี้ ฉันจะพาเพื่อนทีสนิทที่สุดของฉันมาเจอกัน” หยางอิ่งยิ้มหวานให้กับลู่เฟยขณะที่กำลังพูดอยู่
“โอ้ เพื่อนทีสนิทที่สุดของคุณคือ หนีหนี่ หรือเปล่า?” ลู่เฟยถามด้วยรอยยิ้ม เขาได้ดูข่าวบันเทิงพวกนี้มาก่อนที่จะข้ามโลกมา แน่นอนเขารู้ว่า หยางอิง และ หนีหนี่ เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด ความนิยมของหนีหนี่ต่ำกว่าของเบบี้เล็กน้อยเท่านั้น หยางอิ่ง หนีหนี่ หลิวซือซือ และ หยางมี่ ได้รับการขนานนามว่า 4 ดรุณีบุปผางามประจำปี 2013 ผู้หญิงทั้งสี่คนนี้กล่าวได้ว่าได้รับความนิยมที่สุดในประเทศจีน
“ใช่แล้ว หนีหนี่ เธอมาปักกิ่งเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ แล้วจะอยู่ปักกิ่งอีก 2-3 เดือน ฉันไม่ปล่อยให้เธอพักอยู่โรงแรมอยู่แล้ว เธอจะอยู่บ้านฉัน ฉันจะพาเธอไปกินลมชมวิวแล้วจะพอคุณไปด้วย” หยางอิ่งตอบกลับคำพูดของลู่เฟย เสียงของเธอทางโทรศัพท์ฟังดูช่างไพเราะ ฟังแค่เสียงก็รู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนสวย (ผู้แปล: เอ็งนี่ก็เพ้อบ่อยเกิ๊น)
“นั่นก็ฟังดูดีนะ ได้ เบบี้ ผมจะรีบกลับให้เร็วทีสุดนะ ผมกำลังจะไปสนามเร็วๆ นี้แหละ” ลู่เฟยเห็นด้วย ตอนนี้เขาก็อดหัวเสียไม่ได้ บ้าเอ๊ยทำไมฉันไม่ไปให้เร็วกว่านี้ฟร่ะเนี่ย ทำไมเขาไม่ขอเบอร์หยางอิ่งมากก่อนนะ? ถ้าเขาได้คุยกับเธอก่อนหน้านี้ละก็ เขาไม่ต้องมานั่งกินข้าวเย็นที่นี่ให้เสียตังค์ตั้งแต่ยังไม่มีงานหรอก
“อื้อ ถ้าอย่างนั้นคุณรีบกลับมาเร็วๆ นะ ไม่ต้องพูดไรแล้ว”
“ได้เล้ย”
หลังจากคุยกับหยางอิ่งเสร็จ ลู่เฟยก็รู้ตัวว่าตอนนี้มันยังไม่เช้าเลย แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะกินต่อแล้ว เขารีบจ่ายเงินแล้วเรียกแท็กซี่ไปสนามบินทันที ไม่นานเครื่องบินที่จะบินไปปักกิ่งก็เคลื่อนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ลู่เฟยกลับถึงปักกิ่งประมาณ 6 โมงเย็น จากนั้นเขาก็ตรงไปที่ๆ เข้าอาศัยอยู่ทันที ลู่เฟยกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาใกล้จะทุ่มแล้ว พอถึงบ้านเขาก็รีบแต่งตัวและมาโผล่ที่ประตูหน้าบ้านของเบบี้น้อย ลู่เฟยเอื้อมมือขึ้นมากดกริ่งประตู
ประตูเปิดอย่างรวดเร็ว… ไม่ใช่หยางอิ่ง แต่เป็น หนีหนี่
ครั้งแรกที่เขาเห็นหนีหนี่ เพื่อนที่ดีที่สุดของหยางอิ่ง ลู่เฟยก็ตกใจทันที่ หนีหนี่ ผู้ที่ได้รับความนิยมหนังเรื่อง ‘The Flowers of War สงครามนานกิง สิ้นแผ่นดินไม่สิ้นเธอ’ สวยเหมือนในหนังเลย
ส่วนสูงของหนีหนี่ อยู่ที่ 170 cm และหนักไม่ถึง 90 ปอนด์ หุ่นของเธอเป็นนางแบบได้อย่างแน่นอนแล้วหุ่นของเธอก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหยางอิ่ง
“คุณคือลู่เฟยที่เบบี้พูดถึงหรือเปล่า? เข้ามาเร็ว เบบี้กำลังแต่งหน้าอยู่บนชั้นสอง”
“โอเคครับคุณดาราใหญ่หนีหนี่ ผมดีใจที่เจอคุณนะครับ” ลู่เฟยยิ้มและเข้าไปในห้อง เขาไม่ปล่อยให้สายตาของเขาซอกแซกแน่ เพื่อไม่ให้อิทธิพลที่ไม่ดีออกมา ยังไงนี่ก็เพื่อนที่ดีที่สุดของเบบี้
หลังจากเข้าบ้านแล้วหนีหนี่ก็ปิดประตู ลู่เฟยก็เห็นหยางอิ่งอยู่บนชั้นสองแล้ว หยางอิ่งกำลังแต่งหน้าอยู่ (ผู้แปล: อันนี้ผมก็งงๆ อยู่เห็นไง เอ็งอยู๋ชั้นล่างนะ)
“ลู่เฟย หนีหนี่ รอฉ้นแปบนะ ขอกรีดอายไลเนอร์เส้นนี้ให้ได้” หยางอิ่งส่งเสียงบอกกับลู่เฟยกับหนีหนี่อย่างดัง
“ไม่มีปัญหาเบบี้ เราไม่รีบ คุณค่อยๆ แต่งตัวไปเถอะ” ลู่เฟยตอบหยางอิ่ง แน่ล่ะเขาเข้าใจหยางอิ่งดี ใครมันจะเร่งสาวน้อยที่กำลังแต่งหน้าอยู่ล่ะ? ในเมื่อเมคอัพคือมารยาทและสิ่งจำเป็นของชีวิต
=====================
คอมเม้นต์