เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ – บทที่ 232 เย่หลินของฉัน
จนกระทั่งทั้งสองหมดแรง จึงปล่อยออกจากกัน
เพียงแต่ตลอดระยะเวลาทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมา
ร้อยพันคำพูด บางทีไม่พูดจะดีกว่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เย่หลินจึงพูดออกมา : “วันนั้น ฉันนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ริมหน้าผา พ่อยืนห่างจากฉันประมาณสองเมตร เขาบอกฉันว่าเขาทุกข์ใจมาก แต่ว่าเขาไม่อยากให้เรื่องของเขา มากระทบอารมณ์ความรู้สึกของเธอ ต่อมา เมื่อฉันยืนขึ้นเท้าก็ลื่น ในทันทีที่กำลังจะตกลงไป พ่อก็ยื่นมือมาดึงฉันไว้ หลังจากนั้น เขาใช้แรงสะบัดฉันขึ้นฝั่ง แล้วตนเองก็ตกลงไป”
หนิงเส่าเฉินจูบที่หน้าผากของเธอ ไม่ได้พูดอะไร
“ช่วงนี้ฉันคิดหนักมาก พ่อช่วยชีวิตฉันจนกลายเป็นอย่างนี้ ฉันกลับหลบหนีไม่เพียงแต่แก้ปัญหาไม่ได้ ยังต้องทำให้คุณลำบากใจ ฉะนั้น เมื่อคิดอยู่นาน ฉันจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้า เส่าเฉิน คุณพาฉันกลับไปเถอะ ไม่ว่าแม่กับเสี่ยวเชี่ยนและครอบครัวของคุณ จะปฏิบัติอย่างไรกับฉัน ฉันก็จะยอมรับทั้งหมด ต่อให้ต้องไปติดคุกจริงๆ ฉันก็ยอม”
หลังจากเย่หลินพูดคำพูดเหล่านี้ ก็มุดเข้าไปในอ้อมกอดหนิงเส่าเฉิน “ความเจ็บปวดเหล่านี้ มันเทียบไม่ได้กับการที่ต้องแยกจากคุณไปเลย”
หนิงเส่าเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงแหบทุ้มก็ดังขึ้นข้างๆหูเย่หลิน : “พี่ชายคุณไม่ได้บอกคุณเหรอ ว่าที่พ่อไม่ได้สติ มันเกิดจากการถูกวางยาพิษ? ”
เย่หลินตัวสั่น เธอลุกขึ้นนั่ง ก้มมองหนิงเส่าเฉิน “คุณว่าอะไรนะ? ถูกพิษเหรอ? ”
หนิงเส่าเฉินพยักหน้า สองสามวันมานี้ผู้เชี่ยวจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลทางด้านนั้น แต่การตรวจสอบทั้งหมดก็ไม่เป็นผล”
พูดจบ หนิงเส่าเฉินก็ลุกขึ้นนั่ง “ดังนั้น คุณอย่าหนักใจเกินไปอีกเลย หมอบอกว่า ถึงแม้จะไม่ตกหน้าผา ถ้าพิษนี้ค่อยซึมเข้าสู่ร่างกาย เขาก็ต้องหมดสติไปอยู่ดี”
เย่หลินตกใจมาก สมัยนี้การถูกวางยาพิษ ฟังดูแล้วก็น่าเหลือเชื่อ “เช่นนั้น……มีการตรวจสอบออกมาไหม ว่าใครที่วางยาพิษพ่อ? ”
หนิงเส่าเฉินที่ลูบมือเย่หลินอยู่ก็หยุดชะงัก แล้วค่อยๆ พูดว่า : “ไม่ใช่ใคร เป็นตัวเขาเอง”
“เขา……เอง? ” เย่หลินขมวดคิ้ว สองมือกำผ้าห่มแน่น เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ว่า เหตุผลเดียวที่พ่อหนิงทำอย่างนี้ก็เพื่อตนเอง เพื่อเรื่องราวในตอนนั้น แน่นอนว่าเขาคิดจะใช้วิธีนี้ลงโทษตัวเอง
นึกถึงตรงนี้ เธอรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย “อันที่จริง เขาไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย จริงแล้ว……ฉัน……เมื่อเทียบกับความรักของคุณ บุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้มีค่าอะไร อีกทั้งเราก็มีเสี่ยวซีกับเสี่ยวโม่แล้ว”
หนิงเส่าเฉินขมวดคิ้ว ดีใจเล็กน้อย จับมือของเย่หลิน “คุณ……คุณคิดแบบนี้จริงๆ เหรอ? ”
เย่หลินดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกของตนเอง แล้วจึงพูดว่า : “ตอนที่รู้ครั้งแรก บอกตามตรงว่าในใจฉันรับไม่ได้ แต่เดือนนี้ ฉันคิดให้มากขึ้น ไม่ว่าพ่อแม่ฉันจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว อีกทั้งฉันเชื่อคำพูดของพ่อ ฉันเชื่อเขา ว่าเขาไม่ได้ฆ่าพ่อของฉัน เพราะว่า คุณยังจำได้ไหม? รูปแม่ฉันกับพ่อฉันใบนั้น ตอนที่ถ่าย ฉันเกิดมาได้ปีกว่าๆ ฉันรู้สึกมาตลอดว่าพ่อถูกคนใส่ร้าย ผู้ชายคนนั้น ฉันกำลังคิดว่าเป็นพ่อเกาหรือเปล่า แล้วคุณอาคนนั้นในรูปมาจากไหน? ”
หนิงเส่าเฉินโล่งอก เขาโอบเย่หลินมาไว้ในอ้อมกอด โอบกอดกันแน่น “คุณรู้ไหม? ฉันคิดว่า…..คุณจะจากฉันไปด้วยเหตุผลนี้ซะแล้ว เย่หลิน ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจคุณดีพอ คาดไม่ถึงว่าเย่หลินของฉันจะเป็นคนใจกว้างเช่นนี้”
เย่หลินของฉัน…..
เย่หลินกระซิบที่ข้างหูของหนิงเส่าเฉิน “เส่าเฉิน พรุ่งนี้คุณพาฉันไปเยี่ยมพ่อหน่อย โอเคไหม? ”
หนิงเส่าเฉินปล่อยเธอ จ้องมองเธอ แล้วขมวดคิ้ว “ฉันเกรงว่า……”
“พาฉันไปเถอะ พ่อช่วยชีวิตฉันจนตกลงไป ด้วยเหตุผลแล้ว ฉันควรที่จะไปเยี่ยมเขา….”
เมืองC ภายในประเทศ
เล่อจยานั่งอยู่ที่ชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า มองคนเดินไปเดินมา แต่เธอตกใจจนดึงสติกลับมาไม่ได้ เธอความจำเสื่อมเหรอ? ความทรงจำหายไป7ปี เรื่องราวที่เกินกว่าจะยอมรับได้แบบนี้คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นกับเธอ
“คุณบอกว่า พวกเราคือพี่น้องที่ดีที่สุดอย่างนั้นเหรอ? ” เล่อจยาพิจารณาซูหย่าอย่างละเอียด แล้วส่ายหน้า เธอจะกลายเป็นพี่น้องที่ดีกับซูหย่าได้อย่างไร เธอไม่เข้าใจตนเองเลย
ซูหย่ามองเล่อจยาด้วยท่าทีที่ร้องไห้ไม่ออก “ปีนั้น คุณก็ปฏิบัติต่อฉันแบบนี้แหละ เล่อจยา คุณรู้ไหม? ว่าฉันใช้เวลาเป็นปี คุณถึงจะยอมคุยกับฉัน ยากกว่าที่จะได้ใจของคุณ คุณกลับมาตอนนี้อีกครั้ง คุณยังให้คนมีชีวิตต่อไปได้ไหม? ” ซูหย่าพูดจบ ก็คิดๆ แล้วโน้มตัวเข้าใกล้ กระซิบข้างหูเล่อจยาว่า: “คุณน่ะ ก่อนนอนจะต้องเข้าห้องน้ำ หลังจากตื่นนอนสิ่งแรกที่ทำคือ มองหน้าต่าง แล้วก็ยืดเอวบิดขี้เกียจ เวลาคุณใส่รองเท้าแตะ มักชอบใส่กลับข้าง คุณนอนตอนกลางคืน ไม่ชอบใส่เสื้อผ้า สัดส่วนของคุณคือ……”
เล่อจยาปิดปากซูหย่า ขมวดคิ้วจนเป็นรอยย่น มองซูหย่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ สามารถรู้กิจวัตรประจำวันของเธอมากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน อื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูด ใส่รองเท้าแตะมักชอบใส่สลับข้าง จุดนี้ ถ้าไม่ใช่มิตรภาพที่ลึกซึ้ง ก็คงไม่สามารถที่จะรู้ได้โดยเด็ดขาด
ถึงแม้ภายในใจจะยังไม่แน่ใจ เห็นได้ชัดว่าไม่กีดกันแบบนั้นอีก เธอมองไปยังซูหย่าแล้วยิ้มๆ “อย่างนั้นก็…..โอเค ฉันเชื่อคุณ อย่างนั้นคุณบอกฉันได้ไหม ว่าระหว่างฉันและเกาไห่ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันถึงหมดสติอยู่ในบ้านของเขา? ”
ซูหย่าคิดๆ แล้วจึงเอ่ยปาก “เรื่องนี้ ฉันไม่ใช่ว่าไม่รู้ เพียงแต่ ตอนนี้คุณทำงานอยู่ที่บริษัทของเกาไห่ ก่อนที่จะหมดสติไป ฉันได้ยินคุณบอกว่า จะไปเมืองWด้วยกันกับเขา คล้ายกับมีภาพการออกแบบชุมชนหนึ่ง ฉันคาดว่า คุณน่าจะหมดสติไปขณะทำงาน เขาจึงพาคุณกลับมา! ” ซูหย่าพูดพลาง จิบเครื่องดื่ม ปิดบังความหดหู่ภายในใจ
ที่แท้ เธอก็ไปทำงานที่บริษัทเกาไห่แล้วเหรอ? ดูท่า เจ็ดปีที่ผ่านมา เธอก็ยังคงรักเกาไห่เหมือนเดิม จุดนี้เธอพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“คุณบอกว่าพ่อแม่ของฉันหย่ากัน แล้วพ่อของฉันหายสาบสูญไป อย่างนั้นฉันไม่ตามหาพ่อของฉันเหรอ? ”
ซูหย่าส่ายหน้า “แน่นอนว่าหาแล้ว แต่ว่า หาได้ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ ประเทศกว้างใหญ่ขนาดนี้”
สุดท้ายซูหย่าก็ไม่ได้พูดตามที่เกาไห่ให้พูด ที่ให้บอกว่าเล่อจยาว่า พ่อเล่อไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะถึงอย่างไรไปเที่ยวก็ยังต้องกลับมา
“เอาล่ะ อย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ” เล่อจยาพูดพลางลุกขึ้นยืน ท่าทางซึมๆ เล็กน้อย เพียงแต่เดินไปสองก้าว เธอก็หันหน้ากลับมามองซูหย่า กล่าวถามอย่างเก้อเขินเล็กน้อย: “เออใช่ คุณรู้ไหมว่า ฉันพักอยู่ที่ไหน? ”
ซูหย่ากุมหน้าผาก มองเล่อจยา ไม่พูดจา เรื่องนี้ เธอนึกไม่ออกเลยจริงๆ ถ้าพาเธอกลับไปในบ้านหลังนั้น เธอก็จะต้องสงสัย อีกอย่าง คาดว่าช่วงนี้บ้านหลังนั้นก็จะต้องรื้อถอนอยู่แน่ๆ อย่างนั้น……ทำอย่างไรดีล่ะ?
เวลานี้ ข้อความก็ดังขึ้น เธอหยิบออกมา มองไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากด้วยความประหลาดใจ
คอมเม้นต์