เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ – บทที่ 216 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพ่อหนิง
เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าเด็กปลอดภัยดี เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเดินเข้าไปเพื่อกอดเด็กคนนั้น
อีกฝ่ายมองหน้าเล่อจยาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ” คุณผู้หญิงท่านนี้คะ รบกวนคุณดูแลคุณแม่ของคุณดีดีหน่อยนะคะ ถ้าครั้งหน้ายังกล้ามายุ่งวุ่นวายกับลูกชายฉันอีก ฉันจะทำให้เธอออกจากคุกไม่ได้ตลอดไป ”
เมื่อพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็เตรียมจะอุ้มเสี่ยวเจ๋อออกไป เล่อจยารีบยื่นมือออกไปขวางไว้ ” เธอเป็นใครกันแน่ เด็กคนนี้เป็นหลานชายของฉัน พวกคุณห้ามอุ้มเขาไปเด็ดขาด ”
ชายคนนั้นเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปหานายตำรวจสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับขยิบตาให้เขา
” คุณเล่อครับ คุณแม่ของคุณวิ่งหนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชแล้วบอกว่าตัวเองมาสมัครเป็นแม่บ้าน เธอเข้าไปในบ้านของคุณผู้ชายท่านนี้แล้วอุ้มลูกของพวกเขาออกมาจากบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของคุณมีปัญหาทางสุขภาพจิต การกระทำแบบนี้ของเขาถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายนะครับ ”
เล่อจยาสูดหายใจเข้า เธอเอามือเกาหัวพร้อมกับเม้มปาก ” พวกคุณพูดเรื่องอะไรกัน ทำไมฉันถึงฟังไม่รู้เรื่องเลย? เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของน้องชายฉันงั้นหรอ? ”
เธอหันหลังเพื่อเตรียมจะกลับไปหยิบเอกสารนั่นที่ห้อง แต่ทันทีที่หันไปก็เห็นพ่อเล่อทำหน้าเคร่งขรึมและยื่นเอกสารนั่นที่เขาถือไว้ในมือให้เธอ
” คุณดูสิ นี่เป็นเอกสารรับรองการตรวจ DNA ที่แม่ฉันให้มาเมื่อวานนี้ อีกทั้งยังมีใบสูจิบัตรอีกด้วย ”
ตำรวจรับเอกสารมาและทำการตรวจดู จากนั้นก็ยื่นให้ชายคนนั้นที่ทำหน้าตาเย็นชา
หลังจากที่ชายคนนั้นดูเสร็จ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ” นี่แม่ของคุณบ้าจริงหรือแกล้งบ้ากันแน่? แม้กระทั่งความคิดพวกนี้ก็คิดออกมาได้! ”
พอพูดจบ เขาก็พูดกับผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” เธอยังยืนนิ่งอยู่ทำไมอีก? ยังไม่ไปอีก? ”
เล่อจยาเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นมือของเด็กคนนั้นกอดคอผู้หญิงคนนั้นไว้และหัวเราะอย่างสนุกสนาน
เธอก็กลืนคำพูดที่ต้องการจะพูดลงไป
” แม่ของคุณ มีปัญหาด้านสุขภาพจิต เธอมักจะตกอยู่ในโลกจินตนาการของตัวเองอยู่ตลอดเวลา พวกคุณเป็นคนในครอบครัวควรจะดูแลเอาใจใส่เขามากๆ ”
พอพูดจบ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
เล่อจยายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพักกว่าเขาจะดึงสติกลับมาได้
ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นบ้า ก็เลยไปขโมยลูกของคนอื่นมาที่บ้านของพวกเธอ
แต่ว่าถึงเขาจะบ้าก็ยังจำตำแหน่งที่ตั้งของบ้านตัวเองได้ ช่างเป็นเรื่องยากสำหรับเธอจริงๆ
เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็รีบตามไป
เธอดึงคุณตำรวจไว้ ” สวัสดีสหาย ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ ตอนนี้แม่ของฉันอยู่ที่ไหน? ”
ตำรวจพูดว่า ” เหมือนว่าเธอจะมีลูกชายอีกคนสินะ? ที่ชื่อเล่ออะไรสักอย่าง……เขาไปรับตัวเธอออกจากสถานีตำรวจไปแล้ว ”
เล่อจยาเม้มปากและหลับตา จากนั้นเธอก็หันไปหาผู้เป็นพ่อ ” พ่อคะ ได้ยินไหมคะว่าเสี่ยวเล่อยังไม่ตาย ”
พ่อเล่อพยักหน้า
อีกด้านหนึ่งเย่หลินร้องไห้อย่างข่มขื่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อมองดูรถเด็กเล่นที่อยู่ภายในบ้านและสิ่งของเครื่องใช้ของเด็กที่เก็บไว้ในกระเป๋า
ซูหย่ากอดปลอบเธออย่างอ่อนโยน ” เล่อจยา เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เธอกลับไปทำงานที่เกากรุ๊ปได้อีกครั้งแล้ว ”
เล่อจยาสะอึกสะอื้น เธออดไม่ได้ที่จะหันหลังไปมองผู้เป็นพ่อ สีหน้าของเขายิ้มแย้ม แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
พอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เธอก็คลายกอดซูหย่าและเดินเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อไว้พร้อมกับพูดว่า ” พ่อคะ อย่าผิดหวังไปเลยค่ะ หนูจะพยายามและทำให้พ่อได้อุ้มหลายชายให้เร็วที่สุด ”
พ่อเล่อลูบหลังเธอเบาๆ ” ได้ พ่อจะรอนะ ”
เล่อจยารู้สึกว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้มันเหมือนกับทำให้เธอได้เกิดใหม่อีกครั้ง เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็หันไปมองรถเด็กเล่น และผ้าอ้อมที่ยังเปียกชื้นที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะ เธอถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา
ซูหย่าแย่งผ้าอ้อมจากมือเธอไปทิ้ง ” จยาจยา เธออย่ามัวยืนนิ่งอยู่เลย เธอรีบโทรหาเกากรุ๊ปและบอกไปว่าช่วงเช้าเธอมีธุระ ตอนนี้จะรีบไปทำงานเดี๋ยวนี้ รีบเร็ว”
เล่อจยาชะงักอยู่ชั่วครู่ ” แบบนี้ก็ได้เหรอ? ”
” เธอลองโทรดูสิ ”
ทันทีที่เย่หลินมาถึงสนามบิน ก็เห็นหนิงเชี่ยนที่ยืนรออยู่ที่ไกลๆ
” พี่สะใภ้ เสี่ยวซี เสี่ยวโม่ ยินดีต้อนรับนะ ”
” เสี่ยวเชี่ยน รอกวนด้วยนะ ” หลังจากเรื่องครั้งที่แล้ว ความสัมพันธ์ของเย่หลินและหนิงเชี่ยนก็ดีขึ้นมาก
” พี่สะใภ้พูดอะไรแบบนั้นคะ ไปกันเถอะ ที่บ้านทำอาหารอร่อยๆเตรียมไว้เยอะแยะแล้ว แม่รู้ว่าพี่ชอบกินอาหารทะเล ครั้งนี้แม่ยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้คนเอามาส่งที่บ้านไม่น้อยเลยทีเดียวนะ ” หนิงเชี่ยนพูดพร้อมกับรับกระเป๋าเดินทางในมือเธอมาด้วย
ก่อนหน้านี้ที่คุณแม่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เย่หลินได้ยินเตียงข้างๆพูดกันว่าปัญหาแม่สามีและน้องสามีนั้นเป็นปัญหาของความสัมพันธ์ที่จัดการได้ยากที่สุดในชีวิต
แต่ว่า วินาทีนี้ เย่หลินรู้สึกว่าเธอมีความสุขมากๆ เธอไม่เคยกังวลกับเรื่องนี้เลย
” เออ…..พ่อกับแม่ สุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหม? ” เมื่อนึกถึงครั้งที่แล้วในวีดีโอคอลที่เธอเรียกพ่อหนิงและแม่หนิงว่าคุณลุงคุณป้า สีหน้าของหนิงเส่าเฉินนั้นดูอารมณ์เสียมาก เธอเลยรีบเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกทันที
แววตาของหนิงเชี่ยนเศร้าหมองทันที ” แม่สุขภาพแข็งแรงดี แต่พ่อ……”
” คุณพ่อเป็นอะไร? ”
หนิงเชี่ยนส่ายหน้า ” ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ ก็แค่ตอนนี้เหมือนท่านเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ตอนนี้นิสัยของท่านหัวรุนแรงมาก และยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่พูดไม่จากับใครเลย ”
เย่หลินขมวดคิ้ว ” ทำไมไม่เคยได้ยินคุณแม่พูดขึ้นเลยล่ะ? เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
หนิงเชี่ยนอุ้มเย่เสี่ยวโม่ขึ้นรถ ” อือ เหมือนว่าจะเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้วว แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนมาก ทุกคนก็ไม่ค่อยได้สนใจ แต่ช่วงนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ”
แว่นกันแดดในมือเย่หลินตกลงพื้น จู่ๆเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงเรื่องครั้งที่แล้วที่เธอไปพบกับมหาเศรษฐีเกา คำพูดพวกนั้นของเขาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นก็เป็นตอนที่เขาไปบ้านตระกูลหนิงพอดีไม่ใช่หรอ?
หรือว่าพ่อหนิงไปรู้เรื่องที่ไม่สามารถบอกกับใครได้?
เมื่อถึงคฤหาสน์ตระกูลหนิง ก็เห็นแม่หนิงยืนต้อนรับพวกเขาจากที่ไกลๆ
เย่หลินรอให้เด็กน้อยทั้งสองลงจากรถ จากนั้นก็จูงมือเด็กน้อยคนละข้างพร้อมกับเดินเข้าไปหาแม่หนิง ” แม่คะ รบกวนด้วยนะคะ ”
แม่หนิงชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นก็ยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน ” ลูกคนนี้นี่ คนบ้านเดียวกัน รบกงรบกวนอะไรกัน ”
แม่หนิงยังดูสาวและสวย แต่ว่าเย่หลินกลับรู้สึกว่าแววตาคู่นั้นของเขาไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้แววตาของเธอแฝงไปด้วยความวิตกกังวล
เมื่อนึกถึงเรื่องที่หนิงเชี่ยนพูดเมื่อสักครู่ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
ในขณะที่เดินเข้าบ้านก็ไม่เห็นพ่อหนิงเลย
จนกระทั่งตอนถึงเวลากินข้าว เย่หลินก็ไม่เห็นเขาเดินออกมา เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ถามขึ้นว่า ” แม่คะ พ่อล่ะคะ? ”
แววตาของแม่หนิงเศร้าหมองขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ” เขา อีกสักพักเขาค่อยกิน พวกเรากินกันก่อนเลย ไม่ต้องรอ ”
เย่หลินและหนิงเชี่ยนต่างก็มองหน้ากัน
หนิงเชี่ยนพยักหน้า ” แม่คะ เดี๋ยวหนูไปตามพ่อมากินข้าวด้วยกัน ” เธอพูดพร้อมกับวิ่งตรงไปที่ห้องหนังสือ
เธอเคาะประตูอยู่สักพัก แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ในตอนที่หนิงเชี่ยนเตรียมจะเคาะประตูอีกครั้ง จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน
” พ่อคะ กินข้าวค่ะ ”
พ่อหนิงมองเธอด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ” ได้ เดี๋ยวอีกสักพักพ่อค่อยกิน ”
” พ่อคะ ลงมากินพร้อมกับเถอะค่ะ วันนี้พี่สะใภ้พาเสี่ยวซีและเสี่ยวโม่มาที่บ้านด้วย พ่อรีบ……”
” ปั๊ง ” หนิงเชี่ยนยังไม่ทันพูดจบ ประตูก็ถูกปิดลงอย่างแรง
หนิงเชี่ยนลำบากใจมาก ” แม่คะ พ่อเป็นอะไรไปกันแน่? ”
แม่หนิงหยิบแพนเค้กเข้าปากอย่างช้าๆ จากนั้นเธอก็ฝืนยิ้ม ” ไม่ต้องสนใจเขา พวกเรากินกันก่อนเถอะ ”
” เพล้ง ” เสียงกระจกแตกดังมาจากห้องหนังสือ เย่หลินสังเกตเห็นสีหน้าของแม่หนิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
คอมเม้นต์