Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก – 58 – อภิปรายเชิงปรัชญา

อ่านนิยายจีนเรื่อง Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก ตอนที่ 58 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

58 – อภิปรายเชิงปรัชญา

พระอาทิตย์ยามพลบค่ำงดงามเหมือนแอปเปิ้ลแดง

โจวเจ๋อนั่งอยู่ในร้านหนังสือ กำลังจัดเรียงบิลชุดล่าสุด การดำเนินงานของร้านหนังสือนั้นย่ำแย่จริงๆ ปัญหาสำคัญคือเขาได้รับมรดกน้อยเกินไปจากซูเล่อ

ถ้าไม่ใช่ตอนนั้นที่โจวเจ๋อถอนหุ้นคืนจากร้านหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นไปได้ว่าจะไม่สามารถเปิดร้านนี้อีก

เมื่อกลับมาในคืนนั้นโจวเจ๋อก็เผากระดาษเงินที่เหลือทั้งหมด โจวเจ๋อนั่งยองๆที่ประตูและสูบบุหรี่หมดไปครั้งเดียวถึงครึ่งซอง ในครั้งนี้เขาไม่ได้รับเงินมาแม้แต่หยวนเดียว แต่ไป๋อิ่งบอกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้คือการใช้พลังหยินเพื่อป้องกันสิ่งร้ายๆ

เงินผีเทียบเท่าพลังหยิน เมื่อคุณต้องการเงินก็จะสามารถได้เงินเมื่อต้องการแก้ปัญหาเดือดร้อนหรือต้องการให้ตัวเองโชคดีก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

ข่าวภาคค่ำในวันนั้นพูดถึงเรื่องที่เศรษฐีจ้างวานฆ่าภรรยาและลูกของตัวเอง ว่ากันว่านักฆ่าพวกนั้นถูกจัดการโดยนักเรียนหญิงมัธยมคนหนึ่ง ทำให้ผู้คนทั้งเมืองต่างต้องการค้นหานักเรียนหญิงคนนี้

ซูชิงหลางเดินเข้ามาในร้านหนังสือเขาถือชาสองถ้วยอยู่ในมือ วิถีชีวิตของเขาดูเฉื่อยชามากขึ้นเรื่อยๆ

ครั้งหนึ่งเคยเป็นชายหนุ่มที่ขยันขันแข็งและมีอนาคตที่สดใส

หลังจากมีคอนโดมากกว่า 20 ห้อง ในที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มเพลิดเพลินกับชีวิตที่ไม่ต้องทำงานและมุ่งมั่นกับการเล่นการพนันแทน

พวกเขานั่งดื่มชาที่เคาน์เตอร์

“เกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของพี่” ซูชิงหลาง

“เธอบอกว่าเธอขออยู่คนเดียวสักพักเพื่อคิดอะไรบางอย่าง” โจวเจ๋อตอบกลับ

กระบวนการสารภาพนั้นราบรื่นบางทีมันอาจจะราบรื่นเกินไปด้วยซ้ำ

ความรักของหมอหลินที่มีต่อตัวเขาดูเหมือนจะ “ผิดปกติ” แต่โชคดีที่เธอยังคงเป็นคนมีเหตุผล

ซูเล่อตายแล้วโจวเจ๋อตายแล้ว มีเรื่องเหลือเชื่อมากมายเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ มันเป็นเรื่องยากที่เธอจะสามารถยอมรับได้ในครั้งเดียวและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับ “คนรักในฝัน” ซึ่งกลายมาเป็น “สามีคนปัจจุบัน”

“ไม่เลว เธอแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิด” ซูชิงหลางยิ้มและพูดว่า “คนธรรมดาน่าจะเป็นบ้าไปแล้ว”

“ว่าแต่ ขอถามอะไรหน่อย” โจวเจ๋อถามอย่างจริงจัง “เมื่อซูเล่อเปิดร้านหนังสือคุณคิดว่าเขาโง่ไหม?”

“ไม่ ฉันคิดว่าเขาค่อนข้างฉลาดมากด้วยซ้ำ แต่พวกเราไม่ได้ติดต่อกันมากนักก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาเป็นคนที่น่าเบื่อมาก น่าเบื่อแบบที่คุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ

แต่ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมพี่ถึงไม่มีเงิน ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่รวยมากแม้กระทั่งตอนที่ญาติของเขามาหา เขาก็ยังได้มอบเงินให้คนละหลายพันหยวนในแต่ละครั้ง “

หลังจากซูชิงหลางพูดจบ เขาเหลือบมองที่โจวเจ๋ออีกครั้งพร้อมกับใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก

“พี่ว่าเขาน่าจะซ่อนเงินไว้ไหม”

ชั่วขณะหนึ่งร่างกายของเขาสั่นสะท้านแม้แต่ดวงตาก็แวววาวเป็นประกายเหมือนแมว

หลังจากนั้นซูชิงหลางก็ชี้มาที่โจวเจ๋อแล้วพูดว่า

“แต่ตอนนี้พี่ควรกังวลกับเรื่องอื่นมากกว่า.”

“เรื่องอะไร” โจวเจ๋อล้วงบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกมวน

“ความสัมพันธ์ของพี่กับภรรยาคนสวย ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ต้องทำใจได้ บวกกับการกดดันจากครอบครัวยังไงเธอก็ต้องกลับมาที่นี่ ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นคนรวยด้วยพวกเขาคงไม่มีทางให้พวกพี่อย่ากัน”

“ก็นะ” โจวเจ๋อพยักหน้า พ่อตาและแม่ยายของเขาช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

พ่อตาของโจวเจ๋อเป็นประธานของโรงพยาบาลและบริหารบริษัทโรงพยาบาลของตัวเอง เขาควรจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ในบางแง่เขาก็ดูเจ้ายศเจ้าอย่างและดื้อรั้นมากเกินไป

“ผู้หญิงแบบนี้ ตราบใดที่พี่ทำให้เธอเชื่องได้สุดท้ายไม่ว่าพี่จะสั่งให้ไปซ้ายหรือขวาเธอก็จะทำตาม” ซูชิงหลางแสดงสีที่โหยหา “ฉันก็อยากได้ผู้หญิงแบบนี้เหมือนกัน”

“แต่คุณเป็นตุ๊ด” โจวเจ๋อสวนกลับอย่างเจ็บแสบ

“เลิกพูดปัญหาของฉันสักทีมาพูดปัญหาของคุณดีกว่า พวกคุณจะกลับมาอยู่ด้วยกันใช่ไหม”

“คิดอย่างนั้น” โจวเจ๋อกล่าว

“แน่ใจนะว่าจะนอนด้วยกัน” ซูชิงหลางยื่นมือของเขาออกมา ตัวสั่นและพูดต่อ

“ฉันบอกว่านอนซึ่งเป็นคำกริยาที่มีการกระทำที่ซับซ้อนและตำแหน่งพิเศษมากมาย คุณเข้าใจไหม”

โจวเจ๋อพยักหน้า เขายังไม่รู้ว่าซูชิงหลางหมายถึงอะไร

“เอาล่ะ คำถามของคุณกำลังจะมา คุณกำลังใช้ร่างกายของซูเล่ออยู่ หากคุณหลับนอนกับเธอจริงๆหมายความว่าซูเล่อสวมหมวกเขียวให้กับคุณหรือเปล่า” ซูชิงหลางหรี่ตาลง ในเวลานี้รอยยิ้มของเขาเจ้าเล่ห์มาก

จากนั้นโจวเจ๋อก็ตกอยู่ในห้วงความคิดลึกล้ำ

“แม้แต่ DNA ของคุณไม่ใช่ DNA ดั้งเดิมแต่เป็นของซูเล่อ นั่นคือลูกของคุณที่เกิดหลังจากกระบวนการที่ซับซ้อน อันที่จริงเขาจะไม่ใช่ลูกของคุณ แต่เป็นลูกของซูเล่อและหลินหวั่นชิวใช่ไหม “

โจวเจ๋อก็ตกอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง เขาจิบน้ำแล้วเงียบ

“คุณรู้สึกกังวลและสับสนหรือไม่” ซูชิงหลางถาม

“ผมก็คือผม” โจวเจ๋อตอบกลับ

ซูชิงหลางขมวดคิ้วและพูดต่อ: “แต่ร่างกายนี้เป็นของซูเล่อเมื่อคุณนอนกับเธอมันเป็นร่างกายของซูเล่อ”

“แล้วยังไง”

“แต่ DNA…”

“แล้วยังไง”

ซูชิงหลางปรบมือทั้งสองข้างและตะโกน

“ถามจริง!”

“นี่มันเป็นเรื่องความสุขของผม ซูเล่อตกนรกไปเป็นเวลานานแล้ว และผมไม่รู้ว่ามันหายไปไหน บางทีมันอาจจะไปเกิดใหม่แล้วก็ได้ทำไมผมต้องสนใจเรื่องนี้?”

ซูชิงหลางหอบหายใจด้วยความโกรธ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาโกรธทำไม!

“ถ้าขืนเรายังพูดเรื่องนี้ต่อมันจะกลายเป็นเรื่องของการอภิปรายในจิตวิญญาณและร่างกาย ซึ่งเกือบจะอยู่ที่จุดสูงสุดของปรัชญา” โจวเจ๋อส่งสัญญาณให้ยุติการสนทนาที่ค่อนข้างน่าเบื่อนี้

“คุณสนใจเฉพาะเรื่องความสุขเท่านั้นเหรอ.” ซูชิงหลางไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้

“ช่างมันเถอะเรื่องนั้นแต่ขอถามอะไรหน่อย” โจวเจ๋อคิดถึงสิ่งอื่น

“อะไรเหรอ.”

“คุณรู้จักผีไหม” โจวเจ๋อถาม

“ฉันเคยอยู่กับวิญญาณของพ่อแม่ กล้าดียังไงคุณคิดว่าฉันไม่รู้จักผี” ซูชิงหลางถาม

“อืม ก็จริงของคุณ”

“อยากถามอะไรล่ะ” ซูชิงหลางถาม

“ตำแหน่งของผมนี้พวกเขามีการรายงานผลปฏิบัติงานรวมถึงเลื่อนตำแหน่งและเรื่องเงินเดือนให้หรือเปล่า?”

“น่าจะมี” ซูชิงหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ยัยเด็กนั่นไม่ได้บอกคุณหรือ?”

โจวเจ๋อส่ายหัว

“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเธอไม่ได้คิดจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับพี่จริงๆ เพียงแต่ว่าเธอมีบางอย่างต้องทำสุดท้ายเธอก็จะกลับมาจัดการพี่แน่ๆ”

“หมายความว่าเธอหลอกใช้ผมชั่วคราวเท่านั้น?”

“ฮ่าฮ่า เมื่อธุระของเธอเสร็จเธอคงต้องกลับมาจับคุณอย่างแน่นอนฮ่าๆๆ”

แม้ว่าซูชิงหลางเพียงแค่เล่นมุขตลกเท่านั้นแต่สำหรับโจวเจ๋อกลับคิดจริงจังไปถึงชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังดื่มโจ๊กอยู่ในเฉิงตู

เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาที่แปลกประหลาดของเด็กหญิงตัวน้อยเมื่อพูดถึงเฉิงตู โจวเจ๋อคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรโจวเจ๋อก็ไม่คิดจะคืนตำแหน่งนี้กลับไปแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะกลับไปเป็นฐานะผีเร่ร่อนอีกครั้ง

*ผมไม่ได้ตั้งใจแปลให้งงนะครับมันมาตามต้นฉบับ บางครั้งซูชิงหลางอารมณ์ดีก็จะเรียกโจวเจ๋อว่าพี่ ตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดีก็จะเรียกว่าคุณ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด