Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก – 54 – อุบัติเหตุ
โจวเจ๋อเม้มปากไว้ และหมอหลินก็ก้มหน้าลงแสดงออกถึงความโล่งใจเล็กน้อยเช่นกัน
เธอไม่ซื่อสัตย์ทางใจ
แต่เขาไม่ซื่อสัตย์ทางกาย
ความผิดพลาดของบุคคลคือความผิด
พลาดของคนสองคนคือความเท่าเทียมทางเพศ
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็หัวเราะขึ้นมา เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากที่เขาเสียชีวิต คนที่ซื้อบ้านของเขาคือ “ภรรยา” ของเขาเอง
หมอหลินมีเงิน การที่เธอจะซื้อบ้านมือสองกับเจ้าของที่เสียชีวิตในตงเฉิงนั้นง่ายมาก ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าจะมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถทำความสะอาดที่นี่ และรักษารูปแบบที่นี่ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
โจวเจ๋อคือโจวเจ๋อแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในร่างของซูเล่อ แต่มุมมองของเขาก็ยังเป็นแบบของโจวเจ๋อ
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ภรรยาของเขานอกใจในเรื่องนี้
“หาเสื้อผ้าในตู้แล้วก็เปลี่ยนซะ” โจวเจ๋อชี้ไปที่ไป๋อิ่ง
ไป๋อิ่งพยักหน้า “อ๋อ” แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วเธอไม่กล้าสนุกกับการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ เธอเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วค้นหาเสื้อผ้าออกมาใส่
หมอหลินยังคงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดูเหมือนเธอจะโล่งใจบ้าง อย่างไรก็ตามโจวเจ๋อไม่ปล่อยให้ให้เธอคิดฟุ้งซ่านต่อไป เขาเดินไปข้างหน้าและจับมือเธอพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า
“ผมมีเรื่องจะบอกคุณช่วยตามมาหน่อย”
โจวเจ๋อจับมือของหมอหลินด้วยควาดุดันเล็กน้อยเขาพาเธอเดินเข้าไปในลิฟท์ ไป๋อิ่งก็รีบเดินตามมาเช่นกัน เธอไม่ได้พูดอะไรเพราะเธอรู้ว่ายิ่งพูดมากยิ่งผิดมาก
หลังจากมาที่ลานจอดรถเขาก็ยื่นมือออกไปขอกุญแจรถจากหมอหลิน
โจวเจ๋อตัดสินใจบอกตัวตนของเขากับเธอ ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วเธอจะยอมรับได้หรือไม่แต่เขาก็ต้องบอก
โจวเจ๋อต้องการบอกความจริงกับเธอ เขาไม่ต้องการที่จะปกปิดกับเธออีกต่อไปแล้ว แม้ว่าจะบอกกับเธอเพียงคนเดียวก็ตาม
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียใจ
“คุณไม่มีใบขับขี่” หมอหลินเตือน
“เอากุญแจมา” โจวเจ๋อพูดอย่างหนักแน่นไม่มีโอกาสให้ปฏิเสธ
เขาจะพาเธอไปโรงพยาบาล ไปที่ห้องผ่าตัดที่คุ้นเคยและบอกตัวตนที่แท้จริงของเขากับเธอด้วยการปฏิบัติจริง
มิฉะนั้นเขากังวลว่าเธออาจรู้สึกว่าเขาพยายาม “สวมรอยเป็นคนรักของเธอ” ดังนั้นเรื่องนี้อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้
หมอหลินมอบกุญแจรถให้โจวเจ๋อ จากนั้นทั้งสามก็ขึ้นรถ
โจวเจ๋ออยู่ในตำแหน่งขับ หมอหลินนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับและ ไป๋อิ่งอยู่ด้านหลัง
เมื่อสตาร์ทรถเขาก็ถอยหลังออกจากซองจอดรถด้วยความชำนาญ แม้ว่าจะไม่มีใบขับขี่แต่การขับรถของเขาก็เชี่ยวชาญเหมือนมือเก่า
“เอี๊ยด…”
มีเสียงเสียดสีดังลั่นแล้วรถก็สั่น
โจวเจ๋อเงียบและผู้หญิงอีกสองคนในรถก็เงียบเช่นกัน
รถของหมอหลินเบียดกับเสาไฟฟ้าเป็นการประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย
ความอับอายปรากฏอยู่ที่ใบหน้าของโจวเจ๋ออีกครั้ง
โจวเจ๋อปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วพูดว่า
“เปลี่ยนให้คุณมาขับ”
“ไปโรงพยาบาลประชาชน?”
หมอหลินถามหลังจากเปลี่ยนตำแหน่ง
“ใช่ โรงพยาบาลประชาชน” โจวเจ๋อนั่งข้างคนขับและใช้มือตบหน้าผากตัวเอง
ไม่ได้ขับนานแถมเปลี่ยนร่างใหม่ฝีมือจึงขึ้นสนิมเล็กน้อย
หมอหลินไม่พูดแม้จะไม่รู้ว่าทำไมโจวเจ๋อถึงไปโรงพยาบาล แต่เธอไม่ถาม
ความสัมพันธ์ปัจจุบันระหว่างชายสองคนกับภรรยาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
ไป๋อิ่งนั่งอยู่เบาะหลังและมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอไม่เคยออกไปไหนเลย แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะคุยกับเธออยู่เป็นประจำเกือบ 200 ปีที่ผ่านมา แต่ทั้งสองก็ไม่เคยออกไปไหนดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะดูแปลกตาสำหรับเธอ
จู่ๆโจวเจ๋อก็นั่งตัวตรงและพูดว่า “คนขับรถคันนั้นเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไปจอดรถอยู่ตรงนั้น?”
อีกด้านหนึ่งของกำแพงปูนต่ำเป็นถนนทางกลับรถยกระดับมีรถสีขาวคันนึงจอดอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้นมีรถโดยสารคันนึงวิ่งสวนมาและกระแทกเข้ากับรถสีขาวคันนั้น
โจวเจ๋อหลับตาลงโดยไม่รู้ตัวและเอามือปิดตาไว้ รถบัสอยู่ในเลนถัดไปและไม่สามารถชนเขาได้ แต่ฉากนี้เกือบจะเป็นฉากที่น่ากลัวที่สุดในใจของเขา
ในตอนนั้นเขาถูกรถบรรทุกคันใหญ่ชนระหว่างทางไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ปลุกเร้าฉากที่น่ากลัวและไม่เต็มใจที่สุดในใจเขา
“ปัง!”
ในเลนถัดไปรถบัสชนกับรถสีขาวจนกระเด็นกับหลัง รถถูกผลักออกไปแล้วหัวรถบัสก็ชนเข้ากับราวคอนกรีตอย่างแรง ตัวรถเสียรูปอย่างสมบูรณ์
หลังจากกระพริบตาสองครั้งหมอหลินก็รีบออกจากรถและมองดูสามีของเธอซึ่งขดตัวอยู่ที่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าด้วยความกลัวดวงตาของเธอดูผิดหวังเล็กน้อย
แต่เธอก็เปิดฝากระโปรงหลังรถออกทันที หยิบป้ายเตือนออกมาแล้ววางไว้ที่ท้ายรถ จากนั้นเธอก็พลิกตัวข้ามราวกั้นคอนกรีตไปฝั่งตรงข้าม
เธอเป็นหมอเธอต้องทำหน้าที่ของเธอ เมื่อเกิดอุบัติเหตุหากมีหน่วยกู้ภัยมืออาชีพอยู่รอบๆชีวิตของเหยื่ออาจจะสามารถช่วยไว้ได้
“เจ้านาย?” ไป๋อิ่งนั่งร้องไห้อยู่ด้านหลัง
โจวเจ๋อเปิดมือและมองไปรอบๆด้วยความงุนงง เขาเห็นที่เกิดเหตุในเลนถัดไปและภรรยาของเขาก็วิ่งไปแล้ว
“ลงไปกับฉัน ไปช่วยชีวิตคน”
โจวเจ๋อลงจากรถและขาของเขาอ่อนแรงเล็กน้อย
นี่คือจิตสำนึกในการป้องกันตนเองของมนุษย์ เมื่อเกิดความบอบช้ำทางจิตใจมักนำไปสู่ปฏิกิริยาการป้องกันร่างกายที่อ่อนแอ
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกระโดดข้ามคอนกรีตก่อนจะรีบไปที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ไป๋อิ่งก็ตามมาเช่นกัน
คนขับรถบัสก็มีเลือดท่วมใบหน้า เขาเอาหัวไปชนกับพวงมาลัย อีกสามคนยืนอยู่นอกรถบัส พวกเขาควรจะเป็นผู้โดยสาร โชคดีที่ไม่มีผู้โดยสารอื่นอีกอยู่ในรถ
“ผมเจ็บ ไอ้บ้านั่นมันจอดรถอยู่ตรงนั้นมันอยากตายหรือยังไง!” คนขับรถบัสเอามือข้างหนึ่งปิดแผลที่หน้าผาก
เมื่อเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้เขาจึงรู้สึกโกรธเคืองเป็นธรรมดา
“หยุดร้องแล้วมาช่วยหน่อย!” หมอหลินตะโกนใส่คนขับรถบัส
เรื่องความรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุค่อยพูดกันภายหลังก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องช่วยเหลือคนให้รอดชีวิตมากที่สุด
“เฮ้ คุณมีสติหรือเปล่า ช่วยตอบฉันหน่อยม” หมอหลินตะโกนใส่คนในรถสีขาวที่ถูกบดขยี้จนบู้บี้ไปหมดแล้ว
แต่ไม่มีการตอบกลับ
คนขับรถบัสยังสบถออกมาไม่หยุดแต่มือของเขาก็ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ มีผู้คนมากมายที่หยุดรถดูเหตุการณ์ทำให้การจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้น
“เปิดประตู!” โจวเจ๋อแนะนำ
“ไม่มีอุปกรณ์ จะดึงยังไง” หมอหลินรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามีของเธอไม่รู้วิธีปฏิบัติอย่างเหมาะสมยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
ในรถมีคนสองคนผู้หญิงกับเด็ก ตอนนี้สถานการณ์แย่มากทั้งคู่เต็มไปด้วยเลือด และไม่มีการตอบสนองภายใต้การตะโกนของผู้คนที่อยู่ด้านนอก
ประตูถูกกระแทกและบิดเข้าด้านใน เกือบติดอยู่ตรงนั้น มันต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีอุปกรณ์พิเศษในการตัดประตูรถออก
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปข้างหน้าและคว้าประตู ไป๋อิ่งก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เธอเป็นซอมบี้แน่นอนว่าเธอมีพละกำลังมหาศาล เธอทำงานร่วมกับโจวเจ๋อ
ได้ยินเพียงเสียงคลิก
ประตูถูกถอดออกโดยตรงและเบาะหลังของรถก็ถูกกดลงโดยฝีมือของไป๋อิ่ง
หมอหลินตกตะลึงเช่นเดียวกับเจ้าของรถบัสและผู้โดยสารหลายคน
โจวเจ๋อก้มตัวลง มือข้างหนึ่งปกป้องคอของอีกฝ่าย และมือข้างหนึ่งจับขาของอีกคนหนึ่ง เขาลากผู้หญิงคนนั้นออกมาด้วยความระมัดระวังก่อน จากนั้นเขาก็ลากร่างของเด็กชายออกมา
หมอลินตรวจร่างกายของผู้หญิงคนนั้นก่อนหลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือไปจับชีพจรที่แขนของเด็กชายพร้อมกับมีใบหน้ามืดมน
พวกเขาตายแล้ว
“ตาย?” เจ้าของรถบัสถามด้วยความสงสัย ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดมาก
“ฉันไม่ได้ทำอะไร พวกมันจอดรถอยู่ตรงนั้นเอง!”
“โทรแจ้งตำรวจให้หน่อย” โทรศัพท์มือถือของหมอหลินอยู่ในรถเธอจึงตะโกนบอกเจ้าของรถบัส
แม้ว่าเจ้าของรถบัสจะโกรธ แต่เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออก โจวเจ๋อพลิกร่างของทั้งผู้หญิงและเด็กชาย เมื่อหมอหลินเห็นการเคลื่อนไหวของโจวเจ๋อ เธอก็งงเล็กน้อย
“ตอนที่ผมดึงพวกเขาออกมาผมได้ตรวจสอบแล้วว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการถูกรถชน อย่างไรก็ตามพวกเขากะโหลกศีรษะยุบลงไปในบริเวณเดียวกัน นี่น่าจะเป็นการจัดฉากพวกเขาควรถูกตีด้วยค้อนเหล็กที่หุ้มผ้าไว้”
“หมายความว่ายังไง”
หมอหลินตรวจสอบรอยแผลตรงตำแหน่งนั้นและเข้าใจทันทีจึงหันกลับมาพูดกับโจวเจ๋อ
“พวกเขาเสียชีวิตก่อนเกิดอุบัติเหตุ!”
ใช่ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสในตำแหน่งเดียวกัน มันบังเอิญเกินไป แทบเป็นไปไม่ได้เลย
“จัดฉากคนตายให้นอนอยู่ในรถก่อนจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ” โจวเจ๋อมองที่หมอหลิน ยิ้มแล้วพูดว่า
“เป็นอุบัติเหตุที่แนบเนียนมาก”
จากนั้นโจวเจ๋อก็หันหน้าไปมองเจ้าของรถบัสที่เรียกตำรวจที่อยู่ข้างหลังเขา
เจ้าของรถบัสก็มองไปที่โจวเจ๋อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความหมายและพูดกับปลายอีกด้านของโทรศัพท์มือถือว่า
“เจ้านาย ผมจัดการเรียบร้อยดูเหมือนจะมีคนโชคร้าย 2-3 คนอยู่ที่นี่ด้วย.”
คอมเม้นต์