Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก – 114 – ทนายความ
114 – ทนายความ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ร้านก๋วยเตี๋ยวของซูชิงหลางและร้านหนังสือของโจวเจ๋อจะย้ายออกในวันพรุ่งนี้ แต่ซูชิงหลางเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวในคืนนี้โดยบอกว่าเขาวางแผนที่จะทำธุรกิจที่นี่ในวันสุดท้าย
บ้านเกิดยากที่จะจากลา ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้เป็นที่ดำเนินชีวิตของซูชิงหลางมาเป็นเวลานาน และแม้แต่เป็นที่ดำเนินชีวิตของพ่อแม่เขาด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหญิงตัวน้อยบางทีตอนนี้ซูชิงหลางยังสามารถทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเขาทุกคืนและเพลิดเพลินกับความอบอุ่นของครอบครัวด้วยกัน
ร้านหนังสือของโจวเจ๋อปิดทำการมา 2-3 วันแล้ว และหนังสือทั้งหมดในร้านหนังสือถูกบรรจุในกล่อง รอให้รถบรรทุกมาในวันพรุ่งนี้
ด้วยกำลังแรงงานอันทรงพลังของไป๋อิ่งและถังซือในฐานะ “ผู้ควบคุมวัสดุ” ประสิทธิภาพของการบรรจุสิ่งของจึงรวดเร็วมาก
เจ้าของร้านอย่างโจวเจ๋อจึงมีเวลาว่างมากมายและตอนนี้เขานั่งอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว
นักพรตชรากับลิงเล่นกันในห้างที่ไม่มีใครอยู่ด้านหลัง ลิงกับนักพรตชราสนิทกันอย่างรวดเร็วมาก หนึ่งคนและหนึ่งลิงกลมกลืนราวกับพี่น้อง
แม้ว่าที่นี่จะไม่มีป่า แต่ศูนย์กลางธุรกิจที่ว่างเปล่าข้างหลังนั้นก็เพียงพอสำหรับลิงที่จะวิ่งเล่นได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
โจวเจ๋อดื่มชาและดูพระอาทิตย์ตกดิน ซูชิงหลางนั่งอยู่ที่นั่นและมองดูโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไม่เห็นความโศกเศร้าหรือความสุขมากนัก
โชคดีที่ตอนนี้ลูกค้าบางคนก็มาในที่สุด นี่คือลูกค้าคนแรกของวันนี้ หากไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นบางทีนี่ก็น่าจะเป็นลูกค้าคนสุดท้ายของวันด้วย
ครั้งสุดท้ายที่โจวเจ๋อนั่งแท็กซี่และขอให้คนขับหาที่ที่เงียบสงบที่สุดของเมืองให้เขา หลังจากนั้นคนขับก็พาเขามาที่นี่ นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความนิยมของพื้นที่เขตนี้ดี
คนที่จะผ่านมาที่นี่เพื่อไปทำงานหรือหลังเลิกงานในเวลานี้ทุกคนแทบจะใช้ทางอ้อมกันหมดแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่โจวเจ๋อตัดสินใจย้าย
ลูกค้าคนนั้นสวมสูทแต่ผมของเขายุ่งเหยิงและชุดของเขาสกปรกเล็กน้อย เขาไม่เหมือนคนงาน แต่เหมือนคนจรจัดที่ไม่มีงานทำ
แต่ดูจากลักษณะเนื้อผ้าของชุดสูทที่เขาสวมใส่ก็เห็นได้ว่ามีราคาค่อนข้างจะแพง
“กินอะไร?”ซูชิงหลางลุกขึ้นและถาม
“ผัดอาหารจานพิเศษ แล้วก็เบียร์วุ้นสักขวด”
“ตกลง”
ซูชิงหลางหยิบเบียร์ออกมาให้ลูกค้าก่อนแล้วไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหาร
ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงข้ามโจวเจ๋อ เขามองไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วพูดว่า
“คุณกำลังจะย้าย”
” ใช่ ” โจวเจ๋อรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยไม่คิดว่าลูกค้าคนนั้นจะพูดกับเขา
ชายคนนั้นหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ จากนั้นเขาก็สะบัดขี้เถ้าออกจากโต๊ะ
ซูชิงหลางมากับอาหารจานแรก อีกฝ่ายมองจานแล้วสั่นหัวของเขาก่อนจะพูดว่า
“เถ้าแก่อาหารของคุณไม่ได้เรื่องเลย”
“พอใจก็ทานไม่พอใจก็ไสหัวไป” ซูชิงหลางตอบโต้โดยไม่ลังเล
ชายคนนั้นหยิบตะเกียบออกมาคีบอาหารเข้าปากแล้ววิจารณ์ว่า “จานนี้ไม่ได้ทำอย่างระมัดระวัง ส่วนผสมก็มีแต่ของปลอมทั้งนั้น”
ซูชิงหลางกลับไปที่ห้องครัวเพื่อทอดจานต่อไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินคำพูดของชายคนนี้
“ผมว่าอาหารของเขาไม่เลวนะ” โจวเจ๋อกล่าว
“ไม่เลว?” ชายคนนั้นเอื้อมมือไปตบโต๊ะเบาๆ “คุณเรียกอาหารพวกนี้ว่าไม่เลวอย่างนั้นเหรอ”
พูดจบชายคนนั้นก็ใช้ฟันของเขาเปิดฝาเบียร์และกระดกเบียร์เข้าเต็มปาก
“มองดูก็รู้ว่าเถ้าแก่คนนี้ทำทุกอย่างเพื่อเงินเขาไม่ได้ใส่ความจริงใจลงไปตอนที่ทำอาหาร”
“มันยากสำหรับคุณที่จะหาร้านอาหารที่มีความจริงใจ”
“แล้วคุณสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ผมแค่บอกว่าอาหารของเขาไม่อร่อยแล้วทำไมคุณต้องแก้ตัวแทนเขา”
ชายคนนั้นชี้ไปที่โจวเจ๋อและห้องครัวก่อนจะมีรอยยิ้มแปลกๆขึ้นบนใบหน้าของครับ
โจวเจ๋อไม่สนใจฝ่ายตรงข้าม เหตุผลที่เขาคุยกันก่อนหน้านี้คือผู้ชายคนนี้คุ้นเคยกันราวกับเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
แน่นอนว่ามันควรจะเป็นชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
“น่ารังเกียจ คุณคิดว่าผมน่ารังเกียจไหม คนที่น่ารังเกียจมักจะมีชีวิตที่สะดวกสบาย ผมไม่คิดว่าชีวิตของคุณจะสะดวกสบายนัก การนั่งจิบชาดูเป็นการฝึกฝนตนมากกว่าผ่อนคลาย ผู้คนตราบใดที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองพวกเขาจะไม่สบายเท่าไหร่”
ชายคนนั้นจิบเบียร์อีกจิบแล้วยิ้มให้โจวเจ๋อ
“อีกอย่าง ร้านหนังสือข้างๆน่าจะเป็นของคุณ มันจะปิดด้วยเหรอ?” ชายคนนั้นชี้ไปที่ประตูถัดไป “ดูเหมือนว่าพวกคุณที่อยู่ในร้านจะเก็บของกันหมดแล้ว”
“ใช่”
“ได้ฟ้องไหม” ชายคนนั้นถามด้วยแววตาเปล่งประกาย
“ฟ้องอะไร?”
“ผู้บริหารที่นี่ ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีอุบัติเหตุมากมาย เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของฝ่ายบริหาร ไฟไหม้โรงหนัง อีกคนหนึ่งกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นั่นเป็นสาเหตุที่ธุรกิจของคุณไม่สามารถทำต่อไปได้ ไปเถอะ ฟ้องก็ให้พวกเขาชดใช้ค่าเสียหายให้คุณ “
“ถ้าจะฟ้อง ธุรกิจจะไม่รอดก่อน”
“แปดสิบหยวน ในเมื่อคุณถามคำถามผมแล้วคุณต้องจ่าย นี่มันค่อนข้างคุ้มค่าผมจะแนะนำวิธีให้คุณฟ้องเพื่อชนะ”
“มันเป็นการลอบวางเพลิง คนที่ลงมือวางเพลิงก็เป็นคนจนเช่นกันเขาไม่มีปัญญาจ่ายได้ ” ซูชิงหลางโต้กลับ
“แล้วเขารับผิดชอบไฟในโรงหนังไหม ผู้บริหารรับผิดชอบไหม และสองคนที่กระโดดลงจากตึก ผมได้ยินมาว่าพวกเขาดูเหมือนจะมีเงินเยอะที่บ้าน พวกเขามากระโดดตึกที่นี่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจปกติของคุณ ให้พวกเขาชดเชยความสูญเสีย!”
“ทฤษฎีของคุณค่อนข้างแปลกใหม่” โจวเจ๋อไม่สนใจ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาและซูชิงหลางไม่มีเจตนาที่จะขอเงินชดเชยอยู่แล้วเนื่องจากสถานะพิเศษของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนธรรมดา แต่เรื่องการจะขอค่าชดเชยแบบนี้ก็คงเป็นไปได้ยาก
“ คนจีนก็ไม่ชอบต่อสู้คดีความ แต่ผมบอกคุณว่า คดีนี้สู้ได้และได้ค่าชดเชยมหาศาลอย่างแน่นอน
ผมช่วยคุณต่อสู้คดีนี้ได้ ผมขาดเงิน ผมไม่ต้องการค่าทนายของคุณ เราจะแบ่งเงินชดเชยกันคนละครึ่งรับรองต้องชนะแน่นอนถ้าไม่ชนะผมไม่เอาแม้แต่แดงเดียว”
“ผมไม่มีเวลามาเสียกับเรื่องไร้สาระหรอกนะ นอกจากนี้เมื่อครอบครัวของใครบางคนสูญเสียผมคงไม่ด้านไปขอค่าชดเชยกับพวกเขาหรอก?”
ซูชิงหลางรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับผู้ชายคนนี้
“ในเมื่อพวกคุณไม่คิดจะสู้คดีอย่างนั้นผมก็ขอค่าคำปรึกษาจากพวกคุณด้วย ดูเหมือนว่าพวกคุณกำลังจะย้ายบ้านก็น่าจะมีเงินอยู่ไม่น้อย”
ชายคนนั้นจิบเบียร์อีกคำ
“คุณแซ่ตู้หรือเปล่า?” โจวเจ๋อถามขึ้นทันที
ชายคนนั้นตกตะลึง จากนั้นมองไปที่โจวเจ๋อ “โย่ คุณยังจำผมได้”
“เหล่าโจว คุณรู้จักเขา?” ซูชิงหลางถามโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพยักหน้า “ทนายความ.”
“อย่างเขาเนี่ยนะทนาย?” ซูชิงหลางหัวเราะอย่างหนักจนน้ำตาไหล
“เป็นทนายจริงๆ” โจวเจ๋อพูดซ้ำ
โจวเจ๋อจำได้ว่าเขาเคยประสบอุบัติเหตุทางการแพทย์สองครั้งซึ่งเกิดจากยาชนิดใหม่ที่โรงพยาบาลสั่งซื้อและผู้ป่วยก็ฟ้องศาล ในที่สุด รพ.ก็เชิญทนายตู้มาช่วยเขาชนะคดีอย่างสมบูรณ์
เขามาจากตงเฉิง แต่ก่อนหน้านั้นเขามีสำนักงานกฎหมายของตัวเองในเซี่ยงไฮ้ เขาเป็นทนายความมืออาชีพที่มีชื่อเสียงมากเพราะเขามีฝีมือสามารถว่าความชนะบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตามในตอนแรกค่าตัวของเขาก็มีราคาแพงมากเช่นกัน นอกจากบริษัทที่ร่ำรวยแล้วคนธรรมดาไม่สามารถจ่ายค่าทนายของเขาได้เลย
“ในเมื่อคุณรู้จักผมคุณก็น่าจะรู้ว่าผมมีความเก่งกาจมากแค่ไหน มาเถอะ ให้ให้ผมช่วยพวกคุณสู้คดีนี้พวกคุณจะได้มีเงินทำร้านส่วนผมก็มีเงินต่อชีวิตตัวเอง”
ทนายตู้มองที่โจวเจ๋อด้วยสีหน้าอ้อนวอนอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษ เราไม่สนใจ” โจวเจ๋อปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ทนายความตู้แสยะยิ้มแล้วลุกขึ้น จากนั้นเขาเอื้อมมือออกไปและชี้ไปที่โจวเจ๋อกับซูชิงหลาง
“พวกแกจะไม่มีวันรวยได้แน่นอน เจ้าพวกโง่”
หลังจากนั้นเขาล้วงกระเป๋า หยิบเงิน 100 หยวนออกมาวางบนโต๊ะ
“พวกโง่ ถ้าพวกแกประสบปัญหาอย่ามาตามหาฉันก็แล้วกัน”
พูดจบเขาก็เอาเบียร์อีกครึ่งขวดที่เหลือเดินโซเซออกจากร้าน
“ประสาท”
ซูชิงหลางพูดขณะทำความสะอาดโต๊ะ
“เขามีสภาพอย่างนี้ได้ยังไง” โจวเจ๋อกล่าว
“คุณชื่นชมเขามากเหรอ”
“สำหรับคนที่สามารถพัฒนาตัวเองมาจนถึงระดับเขาได้ก็ควรค่าให้คนอื่นเคารพจริงๆ คุณรู้หรือปล่าวว่าคดีที่โด่งดังที่สุดของเขาคืออะไร “
“มันคืออะไร”
“เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องจำเลยอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น เพราะครอบครัวผู้ต้องหายอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเชิญเขามาเป็นทนายจำเลย ในที่สุดเขาก็ชนะคดีและผู้ต้องหาจริงๆก็พ้นผิด”
“เด็กคนนั้นได้ฆ่าใครอีกหรือเปล่า” ซูชิงหลางถาม
โจวเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ใช่”
“คนชั่วแบบเขายังสามารถมีชื่อเสียงในวงการทนายได้ ฉันไม่เข้าใจโลกนี้จริงๆ”
“บางทีเขาอาจจะไม่สำคัญกับคนแบบเรา แต่บริษัทใหญ่ๆมากมายล้วนต้องการคนแบบนี้เพื่อมาปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง”
“ฉันเข้าใจแล้ว”
โจวเจ๋อจิบชาแล้วพูดช้าๆว่า
“เด็กคนนั้นหลังจากที่เขาพ้นผิดเขาก็ออกไปก่อคดีอีกครั้ง คราวนี้เหยื่อก็คือลูกสาวและภรรยาของทนายตู้ “
**ดึกๆจะลงอีกตอนนะครับ
คอมเม้นต์