แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 26 แต่งงานกับคุณหนูตระกูลเซี่ยจริง ๆ หรือ?
“นายหญิงน้อย คุณพอทนไหวไหม ตอนนี้เสื้อผ้าของคุณติดกับบาดแผล ฉันจะเอากรรไกรตัดเสื้อผ้าออก คุณอาจจะเจ็บมากตอนที่มันรั้งแผล”
“คุณจะตัดเสื้อของฉันหรือ ? ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกให้ตานั่นออกไปก่อนสิ”
เซี่ยฉิงกงชี้ไปที่มู่เฉินฮ่าวด้วยแขนอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ใบหน้าของเซี่ยฉิงกงแสดงออกถึงความรังเกียจ และนั่นทำให้ซูเฟยตกตะลึง เห็นดังนั้นซูเฟยจึงต้องพูดว่า
“นายน้อย คุณก็เปื้อนเลือดไปทั้งตัวแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าค่ะ !”
มู่เฉินฮ่าวกัดฟันด้วยความโกรธ
“คุณนี่เนรคุณจริง ๆ ถ้าผมรู้แบบนี้ ผมจะไม่ไปช่วยคุณ ปล่อยให้คุณตายอยู่ในโกดังใต้ดินนั่นแหละ”
หลังจากพูดจบ มู่เฉินฮ่าวก็ถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีคราบเลือดของเซี่ยฉิงกงติดอยู่โยนลงกับพื้น จากนั้นก็หันหลังผลักประตูก้าวจากไป
“เอะอะก็อารมณ์เสีย โวยวาย บ้าอำนาจ..เชอะ !”
เซี่ยฉิงกงพึมพำด่าเบา ๆ ก็หมอต้องการตัดเสื้อของเธอ เธอจะให้มู่เฉินฮ่าวมานั่งดูอยู่ได้ไง ?
ซูเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เธอก้มศีรษะลง จากนั้นก็หยิบกรรไกรแพทย์ขึ้นมาด้วยท่าทางจริงจัง เธอเริ่มช่วยเซี่ยฉิงกงทำแผล พร้อมกันนั้นก็กล่าวว่า
“นายหญิงน้อย อย่าโกรธเลย ฉันรู้สึกว่านายน้อยปฏิบัติต่อคุณอย่างดีมากเลยนะ ฉันไม่เคยเห็นเขาอุ้มผู้หญิงคนอื่นแบบนี้มาก่อนเลย”
“จะเป็นไปได้ไง ? คุณไม่เห็นเหมือนที่ฉันเห็นนี่ เมื่อวันก่อนฉันยังเห็นเขานอนกลิ้งอยู่บนเตียงกับผู้หญิงในผับอยู่เลย !”
ซูเฟยส่ายหน้า นัยน์ตาที่ฉลาดเฉลียวคู่นั้นปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย
“เป็นไปไม่ได้หรอกนายหญิงน้อย นายน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น จะต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่”
“ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจเขาหรอก แล้วอย่าเรียกฉันว่านายหญิงน้อยเลย ฉันไม่ชิน เรียกฉันว่าฉิงกงดีกว่า”
แม้ว่าเซี่ยฉิงกงจะไม่เชื่อคำพูดของซูเฟยนัก หากแต่เธอก็ยังประทับใจในตัวหมอซูที่อยู่ตรงหน้าเธอมาก
ซูเฟยไม่ใช่คนเสแสร้ง เธอจึงยิ้มและพูดว่า
“อืม ได้สิ ฉิงกง”
เซี่ยฉิงกงเองก็เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี และทั้งสองต่างก็มีอายุใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุนี้เพียงไม่นานพวกเธอก็คุยกันอย่างสนิทสนม
ในอีกประการหนึ่ง การได้พูดคุยกับซูเฟยก็ทำให้เซี่ยฉิงกงลืมความเจ็บปวดจากบาดแผลลงได้บ้าง
ณ สนามบินนานาชาติหงเฉียว
ซิงเหวินจิ้ง..แม่ของมู่เฉินฮ่าวเพิ่งเดินทางกลับจากลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอไปที่นั่น เพื่อช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม เธอช็อปมาก กระทั่งผู้ที่ติดตามเธอต้องถือกระเป๋าทั้งใบใหญ่ใบเล็กมากกว่าสิบใบ
ใบหน้าของเธอไม่ปรากฏริ้วรอยใด ๆ ทั้งที่เธอมีอายุ 40 กว่าแล้ว เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ใบหน้าของเธอขาวกระจ่างใส จนดูเหมือนเธอมีวัยเพียง 30 ต้น ๆ เท่านั้น
ตอนที่ซิงเหวินจิ้งไปซื้อของที่อเมริกา เธอบังเอิญเห็นสูทและเน็คไท หรูหราซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 20 ชิ้นทั่วโลก เธอจึงอยากซื้อมามอบให้ลูกชายสุดที่รักของเธอ !
เมื่อนึกถึงภาพเน็คไทเส้นนี้สวมใส่บนร่างของลูกชายที่หล่อเหลา และมากด้วยความสามารถของเธอ ซิงเหวินจิ้งก็อดยิ้มไม่ได้
คนขับรถรออยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินแล้ว ทันทีที่เห็นเธอเดินตรงมา เขาก็รีบเปิดประตูให้เธอด้วยความเคารพ
“คุณผู้หญิง เชิญครับ”
หลังจากที่ซิงเหวินจิ้งก้าวขึ้นรถแล้ว รถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกช้า ๆ
“นายน้อยอยู่ไหน !?” ซิงเหวินจิ้งถาม
“เรียนคุณผู้หญิง วันนี้นายน้อยไปรับนายหญิงน้อยจากตระกูลเซี่ยครับ” คนขับรถตอบอย่างเคารพ
“คุณหนูตระกูลเซี่ยงั้นหรือ ? มู่จื่อหมิงคงไม่ได้คิดจะทำตามสัญญาการแต่งงานนั่นจริง ๆ หรอกนะ ? นี่เขาให้ลูกชายเราแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยจริง ๆ งั้นหรือ ? ไหนว่าผู้หญิงคนนั้นหายตัวไปตั้งแต่เด็กแล้วไง ? นี่เธอกลับมาแล้วหรือ ?”
ซิงเหวินจิ้งโกรธมาก ในครั้งนั้น เธอไม่เห็นด้วยกับสัญญาการแต่งงานนี้ ทว่าในเมื่อมู่จื่อหมิงยืนกรานหนักแน่น ซิงเหวินจิ้งก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเงียบและไม่พูดอะไรอีก
***จบตอน แต่งงานกับคุณหนูตระกูลเซี่ยจริง ๆ หรือ ?***
คอมเม้นต์